บทที่ 229 ท่านกล่าวสรรเสริญเช่นนี้หรือ?
บทที่ 229 ท่านกล่าวสรรเสริญเช่นนี้หรือ?
สีหน้าของท่านอาจารย์ใหญ่แปรเปลี่ยนยากจะหยั่งถึง และแววตาของนักกลั่นโอสถอาวุโสที่ตามมานั้นก็ดูซับซ้อนยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่ามีถึงแปดสิบคนที่ทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก เมื่อสบตากัน ใบหน้าของทั้งสองพลันปรากฏรอยยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่จริงใช่หรือไม่? นี่พวกท่านทำให้สมุนไพรวิญญาณพิเศษทั้งห้าเสียเปล่าหมดเลยหรือ!” หลิงเยว่ยิ่งกล่าวเสียงดังขึ้น เมื่อกล่าวถึงคำว่าเสียเปล่า ท่านอาจารย์ใหญ่จึงรีบเอื้อมมือปิดปากนางแล้วมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง เกรงว่าศิษย์ที่ผ่านมาจะได้ยินเขา
เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองรู้สึกว่าตนเองเข้าใจสิ่งใดได้ช้าเหลือเกิน ทั้งที่คนหนึ่งเป็นนักกลั่นโอสถที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นปรมาจารย์ ส่วนอีกคนเป็นปรมาจารย์ด้านกลั่นโอสถที่มีประสบการณ์มายาวนานหลายร้อยปีแล้ว
หลิงเยว่สะบัดมือท่านอาจารย์ใหญ่แล้วคายน้ำลายทิ้งด้วยความรังเกียจ โอ้! กลิ่นใดช่างประหลาดเช่นนี้!
“ข้าได้ถ่ายทอดเคล็ดลับให้กับศิษย์แล้ว พวกท่านสามารถไปถามพวกเขาได้” ร่างกายของหลิงเยว่สั่นเทาราวกับใกล้จะล้มลง ใบหน้าพลันซีดเผือด พลางส่งสายตาไปทางหัวหน้าตะขาบมรกต
หัวหน้าตะขาบมรกตเข้าใจความต้องการของนางดี จึงรีบเข้าไปพยุงหลิงเยว่ผู้อ่อนแอแล้วจากไปทันที
“นางบอกทุกสิ่งแล้ว แต่ตาเฒ่าทั้งสองนั้นกลับทำไม่สำเร็จ ช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก!” เสียงลมพัดพาคำเหยียดหยามของหัวหน้าตะขาบมรกตไปถึงหูของทั้งสอง
ท่านอาจารย์ใหญ่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอพร้อมกับลูบผมที่ยุ่งเหยิงของตนเอง จากนั้นก็เชิดหน้าเข้าไปในชั้นเรียนพิเศษ นักกลั่นโอสถอาวุโสจงตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
พวกเขาจะต้องดูให้เห็นว่าเคล็ดลับใดกันที่ยังหลงเหลืออยู่
ครั้นได้ยินว่าต้องใช้ความอ่อนโยน คำพูดสรรเสริญและความรักเพื่อเกลี้ยกล่อมแก่นแท้สมุนไพรวิญญาณ ทั้งสองราวกับถูกฟ้าผ่าจนไหม้เกรียม
“จะสรรเสริญอย่างไรเล่า?” อาจารย์ใหญ่ไม่รู้สึกอับอายที่จะถาม ส่วนนักกลั่นโอสถอาวุโสรอฟังอย่างตั้งใจ
“สรรเสริญว่าพวกมันเป็นสมุนไพรวิญญาณพิเศษที่มีฤทธิ์แรงกล้าที่สุดไร้คู่เปรียบ รูปร่างงดงามที่สุด อุปนิสัยดีที่สุด หรืออะไรก็ได้ขอรับ…” เมื่อถูกถาม ใบหน้าของซีชางเริ่มแดงก่ำขึ้นมา
เขานำคำสรรเสริญที่นึกออกมากล่าวชื่นชมแก่นแท้ของสมุนไพรวิญญาณ ซึ่งวิธีนี้ได้ผลดีนัก หากกลับไปแล้วเขาตั้งใจจะไปที่ร้านขายตำราเพื่อหาหนังสือที่สอนวิธีสรรเสริญผู้คนโดยเฉพาะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้คำเดิมด้วยซ้ำ!
ซีชางพยักหน้าเงียบ ๆ พร้อมกับให้กำลังใจตนเองว่าเขาทำได้!
ซีหลินที่ยืนอยู่ด้านข้างเพิ่งเคยเห็นท่านพี่ของตนมีท่าทีแบบนี้ เพราะปกติแล้วซีชางถนัดในการต่อว่ามากกว่าการกล่าวถ้อยคำอ่อนหวานเหล่านี้ เขาไม่คิดว่าท่านพี่จะพูดออกมาได้!
“มองสิ่งใดกัน? รีบเรียนรู้เสีย แล้วอย่าให้ระเบิดอีก!”
ซีหลินแสดงสีหน้าไม่ชอบใจออกมาทันที
ส่วนพวกที่ล้มเหลวต่างทำท่าทางที่แสดงว่าตนเองได้เรียนรู้แล้ว หนำซ้ำยังมีอาจารย์คนหนึ่งหยิบตำราขึ้นมาเพื่อรวบรวมคำสรรเสริญอีกด้วย
“ท่านกล่าวสรรเสริญเช่นนี้หรือ?”
เถาวั่งผู้ถูกถามหน้าแดงก่ำ ไม่ทันที่จะพูดอะไร เขาก็ถูกนักกลั่นโอสถอาวุโสเบียดเข้ามาเสียก่อน ด้วยต้องการพิสูจน์คำพูดของพวกเขาด้วยตนเอง!
เซี่ยซิ่นรุ่ยถูกเบียดจนโต๊ะเรียนของเขาถูกท่านอาจารย์ใหญ่ยึดไป
ทั้งสองต่างไม่กล้าโต้เถียง ได้แต่ทำหน้าเศร้าหมอง ถอยไปที่ริมกำแพง ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงพักผ่อนที่ดี หลังจากที่ได้ลองทำเป็นเวลาสองเดือนเต็ม สมองของพวกเขาชักจะเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่แล้ว!
หลังจากหลิงเยว่เข้ามาในห้องบำเพ็ญ นางสั่งให้หัวหน้าตะขาบมรกตพาไปยังมิติทันที แปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่เต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ถูกเก็บเกี่ยวไปเกือบหมดแล้ว นางจึงต้องปลูกสมุนไพรต่อไป
หลิงเยว่นอนครุ่นคิดจนเผลอหลับไป
หลังจากตื่นขึ้นมาก็ผ่านไปสามวันแล้ว เวลาของภารกิจผ่านไปจนเหลืออีกปีครึ่ง!
ถึงเวลาที่นางจะต้องนำสุราปราบมารไปมอบให้ผู้บำเพ็ญทั้งหลายแล้ว
ก่อนหน้านี้ หลิงเยว่ได้นำสุราปราบมารแปดสิบไหไป และให้ลูกศิษย์นำไปแจ้งผู้บำเพ็ญเก้าพันคนที่อยู่ในอันดับต้น ๆ
เมื่อนางปรากฏกายขึ้นที่ประตูสำนัก กลับมีผู้คนมารอมากกว่าเก้าพันจนทะลุไปถึงเก้าหมื่นแล้ว!
“!!!”
“ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปแจ้งเงียบ ๆ หรือ?”
หากประกาศอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เผื่อมีคนจากข้างนอกแอบฟังแล้วแย่งชิงไปอีก จะเป็นเรื่องใหญ่ถึงชีวิตได้
หลิงเยว่ขมวดคิ้วแน่น พลันคิดว่าควรจะแจกจ่ายเดี๋ยวนี้ หรือจะรอให้เวลาผ่านไปอีกสักหน่อยแล้วให้คนไปส่งถึงที่ดี?
เถาวั่งรู้สึกเหนื่อยใจยิ่งนัก เขาตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ไม่รู้ว่าผู้ใดเอาไปแพร่งพราย จนคนมารอเยอะแยะเช่นนี้ ตัวเขาก็รู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน
“เอ่อ… ข้าตัดสินใจผิดไป สุราปราบมารยังขาดขั้นตอนสุดท้าย คนเก้าพันคนแรกฝากที่อยู่ไว้ก่อนเถิด เดี๋ยวอีกไม่กี่วันจะแจ้งให้ทราบอีกที” หลิงเยว่ตัดสินใจยังไม่แจกจ่ายสุราออกไปในตอนนี้
“ข้าได้ยินข่าวแล้ว ถึงได้มาเช่นนี้ ยังจะให้รออีกกี่วันเล่า?”
ผู้บำเพ็ญที่ยืนอยู่หน้าสุดแสดงสีหน้าผิดหวัง ก่อนที่นางจะได้สุราปราบมารนั้น นางนับวันรอคอย บางวันไม่กล้าแม้แต่จะบำเพ็ญ โดยเฉพาะการบำเพ็ญในเขตแดนอันตราย เพราะเกรงว่าจะพลาดโอกาสในการมารับสุราปราบมาร
“สามวัน”
มีผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อยที่โกรธเคือง แต่ไม่กล้าแสดงอาการออกมาเพราะยังไม่ได้สุราปราบมาร จึงทำได้เพียงจดที่อยู่แล้วเดินไปยื่นให้หลิงเยว่
“อาจารย์หลิง การสั่งซื้อชุดที่สามจะเริ่มเมื่อไหร่?”
ผู้บำเพ็ญที่ไม่ได้รับสุราปราบมารถามขึ้น
“ลูกศิษย์ของท่านมีมากมาย สุราชุดแรกคงได้รับกันไม่ช้านี้แล้ว โปรดแบ่งปันให้พวกเราด้วยเถิด”
“ถูกต้อง ท่านเห็นแก่พวกเราเถิด ข้าเกือบจะต้องไปขายตัวเพื่อหาพันล้านหินวิญญาณระดับกลางมาให้ครบเชียวนะ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการและน่าเวทนามากมาย หลิงเยว่พลันใจอ่อน นางหันหลังกลับแล้วพูดว่า “ข้าจะไตร่ตรองดู”
นางมิอาจปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์กับสุราปราบมารได้อีกต่อไป ในวันหน้าการขายสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ให้เหล่าศิษย์ก็เพียงพอที่จะได้รับหินวิญญาณมากมายจนไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรแล้ว!
[ระบบนี้มีบริการขายระดับการบำเพ็ญ โดยใช้ค่าพลังวิญญาณดังนี้
ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นกลางสู่ขอบเขตจินตานขั้นต้น : หนึ่งแสนล้านค่าพลังวิญญาณ
ขอบเขตจินตานสู่ขอบเขตปฐมวิญญาณ : หนึ่งล้านล้านค่าพลังวิญญาณ
ขอบเขตทะยานเซียน : หนึ่งร้อยล้านล้านค่าพลังวิญญาณ
ขอบเขตบำเพ็ญเต๋า : พันล้านล้านค่าพลังวิญญาณ
ขอบเขตแสวงหา : เก้าพันเก้าร้อยล้านล้านค่าพลังวิญญาณ
ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ : สองหมื่นเจ็ดพันล้านล้านค่าพลังวิญญาณ พร้อมด้วยเมล็ดพันธุ์จากสวรรค์หนึ่งเมล็ด]
นี่มันสิ่งใดกัน!?
เจ้าระบบ ได้โปรดฟังที่ข้าพูดก่อนเถิด!
หลิงเยว่เบิกตากว้าง นางมิอาจปฏิเสธได้ว่าหัวใจของนางพลันเต้นรัว เพียงได้หินวิญญาณมาก็สามารถนอนเฉย ๆ รอข้ามขอบเขตการบำเพ็ญได้แล้ว หนำซ้ำยังเร็วกว่าการเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณพิเศษและนั่งบำเพ็ญเสียอีก
“ระบบ หากข้าซื้อแล้ว เจ้าจะช่วยให้ข้ายกระดับการบำเพ็ญอย่างไรกันเล่า? เจ้าไม่ได้คิดจะให้ข้ากลืนกินการบำเพ็ญของผู้อื่นใช่หรือไม่?”
หากเป็นเช่นนั้นคงน่ากลัวและชั่วร้ายเกินไป หลิงเยว่ไม่อาจทำได้!
[จะเป็นไปได้อย่างไร? สิ่งของทุกอย่างที่ข้าขาย รวมถึงการบำเพ็ญ ล้วนสามารถต้านทานการทดสอบของสวรรค์ได้ทั้งสิ้น!]
“บอกข้ามาได้หรือไม่ว่าเจ้าใช้วิธีการใด?”
[ข้าบอกไม่ได้ ว่าแต่เจ้าจะซื้อหรือไม่?]
หลิงเยว่รู้สึกลังเล นางมิได้เสียดายค่าพลังวิญญาณ แม้ว่านางจะต้องใช้มากมายเพียงใดเพื่อยกระดับการบำเพ็ญ หากแต่นางรู้สึกว่าไม่อาจวางใจได้
แม้ระบบจะน่าเชื่อถือมาตลอด ยกเว้นแต่ใจดำไปสักหน่อย
“เช่นนั้น หากข้าจะข้ามเข้าสู่ขอบเขตจินตาน การบำเพ็ญของข้าจะไม่ผิดปกติจนเกินไปหรือ?”
[กำไลหยกเร้นกาย คุณสมบัติ : สามารถปกปิดตัวตนจากผู้บำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ได้ ราคา : ห้าหมื่นล้าน]
หลิงเยว่ “…”
นี่เป็นเพียงสิ่งของในขั้นสุดยอดเท่านั้น เทียบเท่าสิ่งของขั้นศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เลย เหตุใดจึงขายแพงเช่นนี้? เจ้าเล่ห์เสียจริง!
ถึงอย่างไร หลิงเยว่ยังกัดฟันซื้อมันในที่สุด!
“ซื้อสิ่งของในการเพิ่มระดับการบำเพ็ญจะไม่มีผลกระทบอะไรกับข้าแน่หรือ?”
[ไม่มี]
แม้ว่าระบบจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลิงเยว่ก็ตัดสินใจที่จะคิดไตร่ตรองอีกครั้ง เพราะตอนนี้นางหลบซ่อนตัวอยู่ในสำนัก และยังมีผู้คุ้มกันมากมาย นางจึงไม่เร่งรีบกับการบำเพ็ญนัก
รอให้นางคิดได้ว่าจะเอาอย่างไรก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทันใดนั้นข้อมือของหลิงเยว่เย็บเฉียบ เมื่อพลิกแขนขึ้นดูก็พบว่ามีกำไลหยกที่ทำจากวัสดุบางอย่าง สวมอยู่ที่ข้อมือของนางแล้ว
กำไลวงนี้บางราวกับเส้นผม แต่ต้องเพ่งมองถึงจะเห็นความสวย แสงสีชมพูอ่อนของมันดูเหมาะสำหรับหญิงสาวยิ่งนัก