ตอนที่ 561 เสิ่นอวี้อิ๋งกำลังจะคลอด
ตอนที่ 561 เสิ่นอวี้อิ๋งกำลังจะคลอด
หลังกำหนดวันแต่งงานแน่นอนแล้ว เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยก็ช่วยกันปรับแต่งการ์ดเชิญด้วยตัวเอง
พอถึงวันหยุดของเฉินเจียเหอ ทั้งสองคนจึงนำการ์ดเชิญงานแต่งไปส่งที่บ้านตระกูลเซี่ย
ผู้เฒ่าเซี่ยกำลังดูแลเสิ่นอวี้หลงอยู่ที่บ้านของหมอแผนจีนเย่ ที่บ้านจึงมีเพียงอดีตยายอย่างอาจารย์จางและเซี่ยตงเท่านั้น พวกเขามีความสุขมากเมื่อรู้ว่าเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกำลังจะจัดงานแต่งอย่างเป็นทางการ และบอกว่าจะไปร่วมงานอย่างแน่นอน
หลังออกจากบ้านของเซี่ยหลาน ทั้งสองก็ไปที่โรงพยาบาลไห่เฉิง เพื่อส่งการ์ดเชิญให้เซี่ยหลานเป็นการส่วนตัว
เซี่ยหลานมองการ์ดเชิญงานแต่งที่หลินเซี่ยส่งมาให้ รับมันไว้ด้วยสีหน้ามีความสุขมาก
หล่อนมองไปที่หลินเซี่ยและพูดอย่างจริงใจว่า “ดีจริง ๆ ที่รู้ว่าเธอกับเจียเหอกำลังจะจัดงานแต่งกันอีกครั้งอย่างเป็นทางการในไห่เฉิง ฉันรู้สึกยินดีด้วยจริง ๆ ขอให้พวกเธอทั้งคู่โชคดีนะ”
หลินเซี่ยจับมือเซี่ยหลานแล้วพูดว่า “แม่คะ ถึงวันงานแม่ต้องมาให้ได้นะ”
“เซี่ยเซี่ย ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันอาจจะไปร่วมงานแต่งงานของพวกเธอไม่ได้”
เซี่ยหลานพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงรู้สึกผิด
ดวงตาของหลินเซี่ยหรี่ลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ขอลาไม่ได้เลยเหรอคะ?”
เซี่ยหลานเงียบไปสองสามวินาที แล้วพูดอย่างลังเลว่า “คงไม่ได้ ฉันต้องเดินทางไกลในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ อาจกลับมาถึงที่นี่ไม่ทันวันแต่งงานของพวกเธอ”
“เดินทางไกล?” หลินเซี่ยได้ยินสิ่งที่เซี่ยหลานพูดก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก เธอหัวเราะเบา ๆ และแสดงสีหน้าเหมือนเข้าอกเข้าใจ “งั้นฉันจะเก็บลูกอมแต่งงานไว้ให้แม่นะคะ”
เซี่ยหลานหยิบเงินสองร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย รับไว้ นี่เป็นสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ถือเป็นของขวัญให้เธอก็แล้วกัน”
นี่คือเงินเดือนที่หล่อนเพิ่งจะได้รับมาในวันนี้
หลินเซี่ยไม่คิดว่าเซี่ยหลานจะให้เงินเธอมากมายขนาดนี้ จึงรีบปฏิเสธ
“แม่คะ ไม่ต้องจ่ายเงินให้ฉันก็ได้”
“รับไปเถอะ แค่ฉันไปร่วมงานแต่งพวกเธอไม่ได้ ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว” เซี่ยหลานยืนกรานที่จะให้เงินอีกฝ่าย หล่อนเลี้ยงดูหลินเซี่ยมาตั้งแต่เด็ก หลังจากผ่านอะไรร้าย ๆ มามากมาย หญิงสาวก็ยังเต็มใจที่จะเรียกหล่อนว่าแม่ พอถึงวันที่อดีตลูกสาวจะได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ อีกฝ่ายยังอุตส่าห์มาเชิญหล่อนด้วยตัวเอง
ถ้าไม่ติดว่าต้องเดินทางไกลและภาระรัดตัวมาก หล่อนคงได้ไปร่วมงานแต่งงานของพวกเขา ได้เห็นความสุขของอีกฝ่ายกับตาตัวเองไปแล้ว
หลินเซี่ยรู้สึกเปรี้ยวในใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเงินที่เซี่ยหลานยืนกรานที่จะมอบให้
พวกเธอเคยเป็นแม่ลูกกันมาก่อน แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กลับเปลี่ยนไป กลายเป็นเซี่ยหลานต้องไปร่วมงานแต่งของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอรับไว้แค่ส่วนเดียว ส่วนที่เหลือเก็บไว้ให้อวี้หลงแล้วกันนะคะ”
หลินเซี่ยแบ่งธนบัตรมาแค่ห้าสิบหยวนเท่านั้น
เงินที่เหลือวางอยู่บนโต๊ะตามเดิม
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของเซี่ยหลาน เธอรู้สึกหนักหน่วงในใจมาก
หากคาดเดาไม่ผิด เซี่ยหลานน่าจะต้องเดินทางไปอยู่ดูแลเสิ่นอวี้อิ๋ง
เพราะนังเด็กปีศาจในท้องของเสิ่นอวี้อิ๋งกำลังจะลืมตาดูโลกในเดือนนี้
ปีศาจตนนั้นกำลังจะมาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว
คิดพลางสัมผัสท้องของตัวเอง
ชีวิตน้อย ๆ ในท้องของเธอเพิ่งมีอายุได้ประมาณสองเดือนเศษ
เฉินเจียเหอเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดี จึงถามเบา ๆ ว่า “มีอะไรหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา ถามด้วยน้ำเสียงซับซ้อน “คุณรู้ไหมว่าแม่บุญธรรมของฉันกำลังจะไปไหน?”
เฉินเจียเหอไม่รู้ “ไปไหน?”
“เสิ่นอวี้อิ๋งกำลังจะคลอดลูก ท่านเลยต้องไปอยู่ดูแลเสิ่นอวี้อิ๋ง”
เฉินเจียเหอดูตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น “หล่อนยังจะปล่อยให้ลูกไม่มีพ่อคนนั้นเกิดมาอีกเหรอ?”
ถึงคำพูดของเขาจะดูหยาบคายไปหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กที่เสิ่นอวี้อิ๋งอุ้มท้องอยู่เป็นลูกไม่มีพ่อจริง ๆ เพราะยังระบุชัดไม่ได้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก
สมาชิกในตระกูลเสิ่นคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุก อีกคนถูกควบคุมตัวไว้ในสถานกักกัน ชายชราก็มาล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกคน ในขณะที่เสิ่นอวี้อิ๋งกำลังจะคลอดลูกไม่มีพ่อในเมืองอื่น
เสิ่นอวี้หลงก็ยังนอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทราเช่นกัน ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเลย
ตระกูลนี้ถึงกาลล่มสลาย แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปคนละทิศละทาง
เฉินเจียเหอโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วเดินไปข้างหน้า ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ทำไมคุณต้องมาอารมณ์เสียเพราะเรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ? สนใจชีวิตของตัวเราเองเถอะ ผู้หญิงคนนั้นทำตัวเอง ผลที่ตามมาก็สมควรแล้ว”
“นับจากนี้ไปเราสนใจดูแลแค่หมอเซี่ยกับเสิ่นอวี้หลงให้ดีก็พอ คนอื่น ๆ สมควรได้รับการลงโทษ ฉะนั้นอย่ากังวลกับความเป็นไปของพวกเขาเลย”
หลินเซี่ยมองไปหาเขาที่อยู่ด้านข้าง น้ำตาไหลรินออกจากดวงตา เธอพูดว่า
“คุณรู้อะไรไหม? ฉันยังฝันอยู่เลยว่าฉันรับเลี้ยงลูกสาวของเสิ่นอวี้อิ๋ง หลังจากที่เลี้ยงดูหล่อนจนเติบโต หล่อนกับเสิ่นอวี้อิ๋งก็ร่วมมือกันฆ่าฉัน”
แม้ว่าการเกิดใหม่ของเธอจะทำให้โชคชะตาเปลี่ยนแปลงไปก็จริง แต่เธอยังไม่สามารถสลัดทิ้งความทรงจำหรือควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เมื่อได้ยินว่าเด็กปีศาจกำลังจะเกิดมา เธอทั้งเศร้าและเสียใจ
“นั่นเป็นแค่ความฝัน ไม่ใช่ความจริง ลูกของเราอยู่ในท้องคุณอยู่เลย ครอบครัวของเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต เรามีลูกสองคนแล้ว จะเอากำลังจากไหนไปรับลูกของเสิ่นอวี้อิ๋งมาเลี้ยง? อย่าเอาแต่คิดมากเลย จำไว้ว่านั่นเป็นแค่ความฝัน”
หลังจากที่เฉินเจียเหอปลอบใจเธอ หมอกภายในใจหลินเซี่ยก็ค่อย ๆ จางหายไป
ใช่ ลูกแท้ ๆ ของเธออยู่ในท้อง ชาตินี้เธอมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว
“เอาล่ะ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว ไปส่งคำเชิญถึงคุณหมอเย่และคนอื่น ๆ กันเถอะ”
เอ้อร์เลิ่งรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ยินว่าเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง หลังจากที่สภาวะจิตใจของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็ไม่มุ่งความสนใจไปที่การขอขนมกินเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป “ต้าเหอ นายต้องการความช่วยเหลือจากฉันไหม? ฉันไปช่วยงานนายได้นะ”
“ไม่เป็นไร เราไปจัดงานเลี้ยงกันในโรงแรมน่ะ ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเอง”
เอ้อร์เลิ่งดูเหมือนจะเข้าใจ แต่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนว่าการจัดเลี้ยงในโรงแรมเป็นอย่างไร
“ถึงวันงานนายค่อยมากินข้าวกับหมอเย่และคนอื่น ๆ”
เสิ่นอวี้หลงยังคงหลับไหลเช่นเคย ผู้เฒ่าเซี่ยได้เครื่องเล่นเทปมาเครื่องหนึ่ง หลินเซี่ยให้เขาไว้สำหรับเปิดเล่นเพลงเก่า ๆ
หมอเย่บอกว่า เมื่อพิจารณาจากอัตราชีพจรของเขา การทำงานของร่างกายของเสิ่นอวี้หลงมีแนวโน้มดีขึ้น เซลล์สมองกำลังซ่อมแซมตัวเองอย่างช้า ๆ วันหนึ่งเขาต้องตื่นขึ้นมาแน่
ผู้เฒ่าเซี่ยเป็นคนร่าเริงและมองโลกในแง่ดี ทั้งยังสามารถปรับความคิดได้ดีอีกด้วย หมอแผนจีนเย่บอกว่าในระหว่างรักษา สภาพจิตใจของสมาชิกในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สมาชิกในครอบครัวจะต้องเข้มแข็ง ยืนหยัด และ ช่วยให้ผู้ป่วยมีสภาพแวดล้อมในการพักฟื้นที่ดีขึ้น เพื่อให้เขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ
เนื่องจากหมอเย่บอกว่าอาการของเสิ่นอวี้หลงดีขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เฒ่าเซี่ยจึงมองโลกในแง่ดีมากขึ้น เขาเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเสิ่นอวี้หลงจะต้องตื่นขึ้นมาในสักวัน
เขาพูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย หมอเย่ของเธอบอกว่าถ้าอวี้หลงตื่นฟื้นขึ้นมาได้จริง ๆ เราทุกคนต้องมีกำลังใจที่ดี คอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด วันหนึ่งเขาจะได้ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเรารอเขาอยู่”
ในฐานะสมาชิกครอบครัว สิ่งที่พวกเขาทำได้คือสงบสติอารมณ์ ดูแลเขา ทะนุถนอมสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดี นับวันรอให้หลานชายตื่น
หลินเซี่ยรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินข่าวดี เธอพยักหน้ารับอย่างเต็มที่
“ คุณตา ฉันก็เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของหมอเย่เหมือนกันค่ะ เขาต้องหายดีแน่”
ชาติที่แล้วเสิ่นอวี้หลงนอนอยู่บนเตียงมาหลายปี เธอจำได้ว่าหมอก็พูดแบบเดียวกันนี้ โดยบอกว่าอาการของเสิ่นอวี้หลงดีขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลอย่างระมัดระวังของเซี่ยหลาน ในเวลานั้นเซี่ยหลานและเสิ่นเถี่ยจวินรอคอยวันที่ลูกชายของพวกเขาจะตื่นอย่างจดจ่อ
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากข่าวดีออกมา จู่ ๆ เสิ่นอวี้หลงก็มาด่วนจากไป
หลินเซี่ยไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน เมื่อคิดถึงชะตากรรมเดิมของเสิ่นอวี้หลงในชาติก่อน
ถ้าเธอเดาถูก คงมีใครบางคนจัดการตัดโอกาสเขาอย่างโหดร้าย
ผู้หญิงคนนั้นมือเปื้อนเลือดจนเกินจะล้างออก
ทุกสิ่งที่หล่อนได้รับได้มาในเวลานั้น ล้วนได้มาจากการเหยียบย่ำคนอื่นเป็นบันไดขึ้นไป
หลินเซี่ยไปที่ห้องพักฟื้นของเสิ่นอวี้หลง นั่งลงข้างเตียงแล้วพูดกับเขาเบา ๆ
“อวี้หลง ฉันจัดงานแต่งเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะมาแจกลูกอมแต่งงานให้นายนะ”
เด็กหนุ่มบนเตียงหลับตาพริ้ม ยังคงไร้การตอบสนอง
เพียงแต่ผิวของเขาดูมีเลือดฝาดไหลเวียนมากกว่าเก่า
ถือเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวที่ดี
หลังออกมาจากห้องพักฟื้นของเสิ่นอวี้หลง ผู้เฒ่าเซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามหลินเซี่ยว่า “พวกเธอได้ส่งการ์ดเชิญไปให้แม่หรือยัง? หล่อนน่าจะมีความสุขมากถ้าได้ยินว่าพวกเธอสองคนกำลังวางแผนจะจัดงานแต่งงาน”
หลินเซี่ยหลับตาลงและอธิบาย
“แม่บอกว่าท่านติดธุระต้องเดินทางไกลค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ดูเหมือนผู้เฒ่าเซี่ยจะคิดอะไรบางอย่างออก เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “อย่าถือสาหล่อนเลย หล่อนมีความจำเป็นต้องไปจริง ๆ นั่นแหละ”
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าเซี่ยเองก็รู้เรื่องการเดินทางของเซี่ยหลาน รู้ดีกว่าใคร ๆ ด้วยซ้ำว่าหล่อนกำลังจะไปไหน
เขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป แน่นอนว่าไม่สามารถพูดถึงมันต่อหน้าหลินเซี่ยและเฉินเจียเหอได้
นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ตระกูลเสิ่นก็ประสบแต่ความวิบัติโชคร้าย ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเสิ่นเถี่ยจวิน
แต่ตอนนี้เสิ่นเถี่ยจวินรับโทษจองจำอยู่ในคุก เซี่ยหลานต้องแบกรับทุกอย่างไว้มากมาย ลำพังแค่ดูแลลูกชายก็หนักพอแล้ว แถมลูกสาวผู้น่าผิดหวังยังคลอดลูกออกมาให้หล่อนเลี้ยงอีก…
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เซี่ยหลานรับกรรมหนักมากอะ ชักอยากให้มีชีวิตที่เป็นอิสระไม่ต้องไปดูแลใครอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)