ตอนที่ 2926 ฆ่าจนรอบทิศไม่เหลือสักคน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตั้งแต่ก่อนเริ่มต่อสู้ หลินสวินคาดเดาได้ว่าศัตรูมาคราวนี้ต้องพกไพ่ตายมาด้วย

และไพ่ตายนี้ต้องเกี่ยวข้องกับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์แน่นอน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นตอนที่สู้กับพวกหวังเต้าสิงหรือห้ำหั่นกับรูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิง หลินสวินก็รออยู่ตลอด

รอโอกาสที่จะกำจัดไพ่ตายของอีกฝ่ายให้สิ้นซาก!

ดังนั้นเมื่อเหวินจิ่วเกาปรากฏตัว หลินสวินจึงใช้อภินิหารประตูเนรเทศโดยไม่ลังเลสักนิด

นี่เป็นการลงมือโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวดังคาด กลืนกินรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์ทั้งสองคนได้ในคราวเดียว!

ยามประตูเนรเทศปรากฏ เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งสิบคนอย่างพวกหวังเต้าสิงก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

พวกเขาถอยหนีทันที ต้านทานพลังฉุดลากม้วนตลบอันน่ากลัวนั้นเต็มกำลัง

สิ่งที่น่ายินดีก็คือตอนที่หลินสวินกับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สองคนต่อสู้กัน พวกเขาก็หนีไปไกลนานแล้ว ดังนั้นจึงหลบเคราะห์นี้ได้อย่างหวุดหวิด

เพียงแต่เมื่อเห็นรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ของชางเจี้ยนเซิงกับเหวินจิ่วเกา รวมถึงหลินสวินต่างถูกประตูมิติอันน่ากลัวนั้นกลืนกิน พวกหวังเต้าสิงต่างก็เหงื่อกาฬไหลโชก ตกตะลึงหน้าถอดสี

“นี่…”

“ประตูเนรเทศ อภินิหารต้องห้ามหนึ่งของหุบเหวกลืนกิน หลายปีก่อนเจ้าหมอนี่เคยอาศัยอภินิหารนี้ปลิดชีพคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจไปไม่รู้เท่าไร”

“นี่จะไม่ใช่หมายความว่ารูปจำลองเจตจำนงของผู้อาวุโสทั้งสองล้วน…”

แม้พวกหวังเต้าสิงจะพบเจอเรื่องราวมามากมาย แต่ก็ยังตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้จนศีรษะชาหนึบ

น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!

ตอนแรกรูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิงถูกหลินสวินกับร่างแยกของเขาร่วมกันเล่นงาน เดิมทีเรื่องนี้ก็ทำให้ทุกคนยอมรับได้ยาก

และเมื่อรูปจำลองเจตจำนงของเหวินจิ่วเกาปรากฏตัว ยังไม่ทันได้สำแดงอานุภาพแท้จริงก็ถูกโจมตีด้วยประตูอภินิหารต้องห้ามเช่นนี้ เรื่องนี้น่าสะพรึงยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

สวบ!

เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นเงาร่างของหลินสวินก็เคลื่อนออกมาจากในประตูเนรเทศ

แน่นอนว่ามีเพียงเขาคนเดียว

รูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิงกับเหวินจิ่วเกาต่างหายลับไปแล้ว

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ภายหน้าก็ไม่อาจปรากฏตัวได้อีกแล้ว

เมื่อเห็นภาพนี้พวกหวังเต้าสิงที่เดิมจิตใจปั่นป่วนอยู่ต่างก็หนาวสะท้านไปทั้งตัว ตระหนักได้ว่าไม่สู้ดี

“ทุกท่าน ยังมีวิชาอะไรสำแดงออกมาก็พอ”

หลินสวินผมดำปลิวไหว ดวงตาเย็นชาดุจสายฟ้า อานุภาพยิ่งโชติช่วงน่ากลัว ทันทีที่ปรากฏตัวก็ก้าวย่างกลางอากาศ พุ่งไปหาพวกหวังเต้าสิง

“หนี!”

หวังเต้าสิงตัดสินใจหลบหนีทันที

ขนาดรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้ ต่อให้พวกเขาสู้สุดชีวิตก็เกรงว่าจะไม่ต่างอะไรกับเอาไข่ไปกระทบหิน

เมื่อเห็นว่าพวกเขาจะจากไป มุมปากหลินสวินปรากฏแววถากถาง “รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้”

เขาทำมุทราทันใด

ฮูม!

แสงแห่งกาลเวลาเป็นริ้วๆ นับไม่ถ้วนถักทอ กลายเป็นพลังผนึกปกคลุมฟ้าดินเอาไว้ภายใน กักพวกหวังเต้าสิงที่กำลังจะหนีไว้ในนั้น

“ผนึกกาลเวลา!”

พวกหวังเต้าสิงหูตากว้างไกล มองทะลุวิชาของหลินสวินได้ทันที แต่ละคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

ตูม!

พวกเขากระตุ้นสมบัติโจมตีเต็มกำลัง ลองทำลายกระบวนผนึกนี้

แต่ทั้งหมดล้วนเปลืองแรงเปล่า

ด้านหลินสวินพุ่งเข้าไป เปิดฉากสังหารในประทับผนึกเวลา

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพาดขวางกลางอากาศ โจมตีสังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดคนหนึ่ง

“รวม!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้มาจากตระกูลจงหลี ทั้งยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมเด็ดขาดถึงที่สุดคนหนึ่ง บัดนี้ใช้วิชาลับต้องห้าม ทั้งร่างถูกหมอกสีดำปกคลุม ส่วนเบื้องหน้าเขาก็มีโล่แสงสีโลหิตแดงฉานชิ้นหนึ่งปรากฏ

เพียงแต่วิชาลับเช่นนี้ ต่อหน้าเตากระบี่ของหลินสวินก็คล้ายเปลือกไข่อันบอบบาง ถูกตบทลายในครั้งเดียว

ปึง!

โล่แสงสีโลหิตระเบิดกระจุย หมอกสีดำถาโถม

“ไม่…!

ภายในนั้นมีเสียงโหยหวนหนึ่งแว่วมา จากนั้นก็หยุดลงโดยพลัน เมื่อละอองแสงกระจายไป ห้วงอากาศแถบนั้นปั่นป่วน ส่วนเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีผู้นั้นถูกเตากระบี่สังหารทั้งร่างและจิตวิญญาณล้วนแตกซ่าน

ในที่นั้นเงียบสงัด

ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์คนหนึ่งก็ถูกหลินสวินสังหารเช่นนี้!

ไม่มีใครกล้าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ!

หวังเต้าสิงตาแทบหลุดจากเบ้า คำรามลั่น “เร็วเข้า ลงมือจัดการเขาด้วยกัน!”

ตูม!

เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เหลือบุกเข้าใส่หลินสวินอย่างทุ่มสุดตัว

ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยลองแล้ว แค่กำลังของพวกเขาไม่มีทางทำลายผนึกเวลานั้นได้สักนิด ในสถานการณ์เช่นนี้มีแต่สู้สุดตัวกับหลินสวินถึงอาจจะเอาชีวิตรอดได้

“ฆ่า!”

กลิ่นอายหวังเต้าสิงปะทุโหมคลั่ง ไฟโทสะอัดแน่นเต็มอก

เขากัดฟันเข่นเขี้ยว เอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าขอสาบานว่าจะใช้ชีวิตเป็นค่าตอบแทน อัญเชิญการพิพากษ กลบข้อบกพร่อง แลกทัณฑ์แห่งการพิฆาตไพรี!”

ทันทีที่เสียงดังกระจายออกไป

แต่ละคำที่เขาพ่นออกมาถึงกับพวยพุ่งขึ้นฟ้าสูง แปลงเป็นรอยประทับสีโลหิตประทับอยู่บนกระบี่มรรคสีดำหนาหนักที่เขาครอบครองอยู่

ทันใดนั้นกลิ่นอายสังหารอันน่าครั่นคร้ามไร้สิ้นสุดปะทุจากกระบี่มรรคสีดำ ตัวกระบี่ยังเปลี่ยนเป็นสีแดงสดดุจโลหิต

นี่เป็นวิชาลับต้องห้ามวิชาหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ตูม!

หลังจากหวังเต้าสิงพูดจบก็กวาดกระบี่ฟาดฟันทันที

บนกระบี่มรรคสีดำมีแสงสีเลือดไหววาบ อักขระโบราณเป็นสายๆ ปรากฏอยู่บนด้ามและตัวกระบี่ อักขระมีเก้าสาย ประหนึ่งกระบี่ตัดสินคมดาบพิพากษาจากฟ้าเบื้องบน

เปรี๊ยะ!

กลางฟ้าดินคล้ายมีแสงสีเลือดส่องสว่างพาดไปตามเวิ้งฟ้า!

“ตั๊กแตนขวางรถ”

ยามเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ นัยน์ตาหลินสวินไม่สุขไม่ทุกข์ ประหนึ่งหุบเหวลึกหมื่นกาล

เขาชูมือขึ้น ฝ่ามือแวววาวพร่างพราวมีพลังกฎเกณฑ์อมตะอันลึกลับคลุมเครือฉายพริบไหว ฝ่ามือเขากำหมัดแล้วซัดออกไปดังสนั่น

เปรี้ยง!

อานุภาพของหมัดนี้ไม่อาจจินตนาการได้

ทุกคนเพียงรู้สึกว่าฟ้าดินพังถล่ม สุริยันจันทราโรยร่วง ฟ้าดินทั้งแถบเหมือนถูกหมัดนี้ชักนำ พลังอันไพศาลจนน่าเหลือเชื่อมารวมตัวเป็นลำแสงแข็งแกร่งเกินต้านสายหนึ่ง

เปรี๊ยะ!

ทันทีที่ประกายกระบี่สีโลหิตยาวหลายสิบลี้สัมผัสกับหมัดนี้ก็พังทลายในชั่วพริบตา ราวกับกระจกถูกค้อนยักษ์ทุบทำลาย จากนั้นพลังหมัดแกร่งกล้าก็เข้าถล่มกระบี่มรรคสีดำนั้นในชั่วพริบตา

เคร้ง!!

กระบี่มรรคสีดำกระเด็นหลุดจากมือ ถูกกระแทกสั่นระรัวร้องระงมไม่ว่างเว้น

ในที่สุดพลังหมัดที่ไม่อาจต้านทานนั้นก็พุ่งทะลวงทรวงอกของหวังเต้าสิงไปท่ามกลางสายตายากจะเชื่อของเขา

“นะ… นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร”

หวังเต้าสิงยังอยู่ในท่าฟันกระบี่ แต่แววไม่อาจทำใจเชื่อได้แผ่ออกมาจากดวงตาทั้งสอง

หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กับพวกเขาเมื่อครู่ไม่รู้เท่าไร ประหนึ่งสำแดงสุดยอดพลังไร้เทียมทานที่มิอาจมีศัตรูใดขัดขวางได้

เรื่องนี้พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขา ว่าต่อให้เป็นตอนที่ถูกพวกเขาสิบคนล้อมจู่โจมก่อนหน้านี้ หลินสวินก็ยังออมมือ และเป็นตอนนี้เองเขาถึงสำแดงพลังต่อสู้สูดสุดออกมา

ปัง!

ประกายในดวงตาหวังเต้าสิงหมองหม่นลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็คืนสู่การดับสูญ ที่ตามมาติดๆ คือพลังหมัดไพศาลปะทุจากภายในร่างเขา ทำให้กายมรรคของเขาระเบิดออกกลายเป็นฝุ่นควันปลิวว่อนทันที

หมัดเดียว ผู้แข็งแกร่งอย่างหวังเต้าสิงก็ถูกสังหาร!

เป็นอย่างที่หวังเต้าสิงคาดเดาไว้ก่อนตาย หลินสวินเพิ่งสำแดงมรรควิถีทั้งหมดออกมาในตอนนี้ เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาเก็บแห ไม่ต้องออมมืออีกแล้ว

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนอื่นหนาวสะท้านในใจเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีตายแล้ว หวังเต้าสิงก็ตายแล้ว แต่ละภาพนี้ทำให้พวกเขารู้สึกสยดสยองโดยสมบูรณ์

หลินสวินตรงหน้าประหนึ่งจอมราชัน ทุกหมัดทุกก้าวต่างมีอานุภาพไร้ศัตรูเทียบเทียม

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

พวกเขาเลือดขึ้นตาคล้ายคลุ้มคลั่งโดยสิ้นเชิง อานุภาพโจมตียิ่งน่ากลัว ท่าทางไม่คิดชีวิตโดยสมบูรณ์

แต่น่าเสียดาย ภายใต้การปกคลุมของประทับผนึกเวลานี้ การโจมตีทั้งหมดของพวกเขาไม่อาจทำให้หลินสวินบาดเจ็บได้สักนิด

ย้อนคิดไปถึงตอนแรก ขนาดรองหัวหน้าหอเจ็ดคนอย่างพวกเสวียนเฟยหลิงร่วมมือกันยังกำราบพลังต่อสู้สูงสุดของหลินสวินไม่ได้ นับประสาอะไรกับเฒ่าดึกดำบรรพ์ในสิบยักษ์ใหญ่อมตะพวกนี้

ควรรู้ว่าถ้าว่ากันด้วยพลังต่อสู้ เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ล้วนด้อยกว่าพวกเสวียนเฟยหลิงอยู่บ้าง

และตอนนี้หลินสวินไม่ได้ออมมือแต่อย่างใด!

เพียงครู่สั้นๆ เท่านั้นก็ปลิดชีพเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างต่อเนื่องได้อีกสามคน คนหนึ่งถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกร่างแหลกกระจุย คนหนึ่งถูกกระบี่มรรคฟันออกเป็นสองท่อน อีกคนถูกหลินสวินสังหารด้วยประทับฝ่ามือ

เรียกได้ว่าพลังแข็งแกร่งเกินต้านทาน!

“ไป!”

ไม่นานนักเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจิงก็ตวัดมีดสั้นสีดำยาวเก้าชุ่นที่แสงเจ็ดสีรัดพัน แทงมายังหลินสวินอย่างรวดเร็ว

การแทงนี้ใช้พลังของเขาทั้งหมดแล้ว ปลายมีดสั้นมีเสียงระเบิดดังมาระลอกหนึ่ง พลังชั่วร้ายดุจคำสาปเป็นชั้นๆ ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำพาเสียงคาถาอันเก่าแก่โบราณมาด้วย

หนามคำสาป!

เป็นพลังระเบียบที่อหังการชั่วร้ายอย่างยิ่งชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งคนใด ทันทีที่ถูกมันแทงจะถูกคำสาปลอบโจมตี จิตวิญญาณผุกร่อน กายสิ้นมรรคสลาย

แต่ภายใต้สายตาสะเทือนไหวของเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจิงผู้นี้

หลินสวินยื่นมือขวาออกมา ถึงกับจับมีดสั้นสีดำที่จ้วงสังหารมานั้นไว้โดยตรง ไม่ว่าพลังคำสาปเป็นชั้นๆ บนนั้นจะปะทุต่อเนื่องอย่างไรกลับทำอะไรหลินสวินไม่ได้สักนิด ราวกับถูกแสงพิสดารเป็นสายๆ โอบล้อม ถึงขนาดที่แม้แต่บนฝ่ามือของหลินสวินยังไม่มีสักแผล

“นัยเร้นลับระเบียบของโลกนี้ ไม่ว่าจะมากพิษสงหรือชั่วร้ายอย่างไรก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

หลินสวินเอ่ยเรียบๆ ประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ออกแรงที่นิ้วมือ กฎเกณฑ์อมตะที่หลอมพลังระเบียบนิพพานมาได้หกส่วนปลดปล่อยออกมาทันที

เกิดเสียงดังปัง มีดสั้นสีดำนี้รวมถึงพลังระเบียบที่แฝงอยู่ถูกฉีกกระชากกระจุยทั้งอย่างนั้น!

และเมื่อมือขวาของหลินสวินกดลงไป เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจิงที่คิดจะหลบหนีกลับพบว่าร่างของตนเหมือนโดนวิชาตรึงร่าง กระดิกยังไม่ได้

ทำได้เพียงมองดูหลินสวินใช้ฝ่ามือประทับบนกลางศีรษะตนตาปริบๆ

พรูด!

ในสายตาคนนอก เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจิงก็เหมือนหุ่นกระบอกไม้ที่ถูกตรึงไว้ตัวหนึ่ง หลังจากถูกหลินสวินตบก็แตกระเบิดจากศีรษะ สุดท้ายตัวเขายังถูกตบออกเป็นเสี่ยงๆ จิตวิญญาณแหลกสลาย

จากนั้นหลินสวินออกโจมตีอีกครั้ง อานุภาพประหนึ่งเคลื่อนกวาด จู่โจมเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เหลืออีกสี่คน

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

น้ำเลือดระอุสาดกระเซ็น

ภายในประทับผนึกเวลา ชือถิงฟางถูกบีบคอขาวกระจ่างจนหัก ร่างอวบอัดทรงเสน่ห์ระเบิดกระจุย มู่ยงถิงถูกฝ่ามือเดียวตบสมองเละ จิตวิญญาณดั้งเดิมแหลกเป็นผุยผง… เฒ่าดึกดำบรรพ์คนแล้วคนเล่าถูกสังหารท่ามกลางความไม่ยินยอม ตื่นตระหนก และเคียดแค้น

ยามพวกเขายังมีชีวิตอยู่เป็นถึงยักษ์ใหญ่ที่สูงส่งดั่งทวยเทพ เป็นยอดบุคคลที่กระทืบเท้าครั้งเดียวล้วนทำให้น่านฟ้าอื่นสั่นไหว แจ้งมรรคถึงตอนนี้มาเนิ่นนานนับปี โอหังเหนือใครในโลกหล้า

สรรพชีวิตมากมายทำได้เพียงสยบอยู่ใต้อานุภาพของพวกเขา

แต่ตอนนี้ล้วนถูกสังหารในประทับผนึกเวลา!

เฒ่าดึกดำบรรพ์จากสิบยักษ์ใหญ่อมตะต่างสิ้นชีพไปยมโลกท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดอบอวล

มีเพียงหลินสวินคนเดียวที่ยืนอยู่ในนั้น

คล้ายโดดเด่นล้ำโลก

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท