ตอนที่ 2930 เจวี๋ยซิงไห่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2930 เจวี๋ยซิงไห่

พวกหวังเต้าเฟิงต่างไม่เข้าใจยิ่ง

เหตุใดเจ้าหนุ่มที่ทะลวงจากแดนใหญ่พันศึกมาถึงโลกยอดนิรันดร์ กรำศึกถึงตอนนี้ก็เข่นฆ่าจนมือเปื้อนเลือดไปหมด กลับคิดจะสู้สุดตัวกับพวกเขาอย่างเกรี้ยวกราดเพราะชีวิตที่ตายไปในเมืองหนึ่ง

พวกเขาไม่เข้าใจ

แต่เมื่อเห็นหลินสวินไม่หนีอีก สำหรับพวกเขาแล้วย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี

ตูม!

ไกลออกไป กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก้าวสูงไปในอากาศ ทะยานเข้ามาทางนี้ กระบี่เทพสีเขียวที่แปลงจากพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าหายากส่งเสียงใสกังวาน ฟันลงมาอย่างกราดเกรี้ยว

เจตกระบี่สีเขียวขมุกขมัวดุจเวิ้งฟ้าหมื่นกาลกดข่มเข้ามา

“ลงมือ!”

เมื่อหวังเต้าเฟิงโบกมือ

เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต่างออกโจมตีอย่างแข็งกร้าว แต่ละคนเรียกศาตรามรรคต่างๆ เข้าปิดล้อม

โครม ครืน!

ฟ้าดินปั่นป่วน สุริยันจันทราอับแสง

ศึกใหญ่ปะทุขึ้น ทำให้ภูผาธาราใกล้ๆ ยังกลายเป็นซากในชั่วพริบตา สรรพสิ่งพังพินาศ

เพียงแต่นับตั้งแต่บัดนี้ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินไม่หลบหนีอีกแล้ว ทั้งร่างมีเพลิงเทพสีเขียวพร่างพราวส่องประกายลุกโชนอยู่ ดวงตามีไอสังหารน่าครั่นคร้ามถาโถมไอรีนโนเวล

ชั่วขณะที่โบกกระบี่

เปรี๊ยะ!

ขวานยักษ์ที่มาประจันหน้าถูกฟันออกเป็นสองส่วน ผู้ที่ถือขวานยักษ์เป็นชายวัยกลางที่ดุดันหาใดเทียบคนหนึ่ง กระบี่ที่มาโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ฟันใส่ร่างเขาครึ่งหนึ่ง เลือดสาดกระเซ็นในห้วงอากาศ

ดุดันอหังการเกินไปแล้ว!

นี่ทำให้คนอื่นดวงตานิ่งขึง สัมผัสได้อย่างฉับไวว่ายามนี้พลังต่อสู้ของหลินสวินแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

เขาก่อนหน้านี้คิดแต่จะหนี

เขาในตอนนี้ กลับคิดแต่จะฆ่า!

“ตาย!”

แส้ยาวแดงเพลิงสายหนึ่งหวดเข้ามาเหมือนมังกรชาดผงาดเหนือเก้าชั้นฟ้า ม้วนขดเป็นวงๆ ผนึกห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงไว้มั่น ส่วนเพลิงเทพที่แส้ยาวปลดปล่อยออกมาก็จู่โจมไปที่หลินสวิน

หลินสวินไม่แม้แต่มอง มือซ้ายยื่นออกไปคว้าทันที

ตูม!

เพลิงเทพเต็มฟ้าถูกฉีกแหวก ห้วงอากาศที่ถูกผนึกยังระเบิดกระจุยเหมือนกระจก

หลังจากหลินสวินจับแส้ที่คล้ายมังกรชาดเส้นนั้นไว้ก็ออกแรงฉับพลัน

ปังๆๆ!

แส้ยาวระเบิดแหลกทุกกระเบียด

เงาร่างหญิงชุดดำที่ถือแส้ยาวนี้ซวนเซ ถูกซัดจนกระอักเลือด แววตกตะลึงปรากฏขึ้นในดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่

พลังต่อสู้น่ากลัวนัก!

ก็ในตอนนี้เอง พวกเขาจึงสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินเย้ยฟ้าปานไหน

และในระหว่างการต่อสู้หลังจากนั้น กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินสำแดงฤทธิ์ ต่อให้อยู่ภายใต้การปิดล้อมเป็นชั้นๆ ก็ยังสังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างต่อเนื่องไปสามคน ทำให้บาดเจ็บสาหัสไปสิบกว่าคน

ผลงานการต่อสู้อันนองเลือดนี้กระตุ้นให้พวกหวังเต้าเฟิงยังหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ทั้งตกใจทั้งเดือดดาล

ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สี่สิบคนล้อมโจมตี ยังถูกอีกฝ่ายถือโอกาสฆ่าพวกพ้องไปสามคน ทั้งยังทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกสิบกว่าคน นี่ทำให้พวกเขายอมรับได้ยาก

“ฆ่า!”

“ใช้ไพ่ตาย จะให้เขากำเริบต่อไปไม่ได้แล้ว!”

“ได้!”

ท่ามกลางเสียงตะโกนลั่น มีคนเรียกสมบัติลับที่ลึกลับคลุมเครือออกมา แปลงเป็นพลังผนึกเข้าปกคลุมหลินสวิน

บ้างกระตุ้นสมบัติระเบียบ พลังที่มีอยู่ในนั้นถึงกับเกี่ยวข้องกับระเบียบระดับเทพ

และยังมีเฒ่าดึกดำบรรพ์สี่คนที่มาจากยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลเดียวกันลงมือพร้อมกัน รวมตัวเป็นกระบวนค่ายกลศึกที่เหมือนเป็นร่างเดียวกัน อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาน่าครั่นคร้ามผิดธรรมดา!

โครม! โครม!

ฟ้าดินเหมือนจ่อมจมลงโดยสิ้นเชิง กลายเป็นสภาพปั่นป่วนโกลาหล กระแสพลังโชติช่วงน่าสะพรึงต่างๆ ม้วนตลบอาละวาด ความน่ากลัวของภาพเช่นนั้นพาให้คนสะท้านสะเทือน艾琳小說

ภายใต้การเข่นฆ่าเช่นนี้ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเริ่มได้รับบาดเจ็บไม่หยุด

พลังของไพ่ตายกับไม้เด็ดก้นหีบเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ สร้างแรงคุกคามให้เขาอย่างมาก

แต่ขณะที่ได้รับบาดเจ็บ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก็ยังแข็งแกร่งดังเดิม สังหารไปหนึ่งคน ทำให้ศัตรูหลายคนบาดเจ็บสาหัส แกร่งกล้าเป็นที่สุด

“ฆ่า!”

สีหน้าพวกหวังเต้าเฟิงเขียวคล้ำหาใดเทียบ

เดิมทีพวกเขานึกว่าการจับหลินสวินจะเป็นเรื่องง่ายดาย แต่สู้มาถึงตอนนี้ฝั่งพวกเขาจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยแล้ว นี่ทำให้ในใจพวกเขาแทบหลั่งเลือด

ควรรู้ว่าทุกครั้งที่เสียขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ไป สำหรับขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาแล้วล้วนเป็นการโจมตีไม่น้อย!

การจู่โจมของพวกเขายิ่งดุดันน่ากลัว ปิดล้อมหลินสวินเป็นชั้นๆ วิชาลับและสมบัติต่างๆ ระเบิดดังสนั่นบ้าคลั่งคล้ายไม่เสียดายสิ่งใด

แต่ในสถานการณ์อันตรายหาใดเทียบเช่นนี้ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินกลับยังไม่ถอยร่นเหมือนเคย ยอมสู้จนได้รับบาดเจ็บ ก็ต้องทำให้ศัตรูบาดเจ็บไปด้วย เหมือนเป็นการต่อสู้โดยไม่เสียดายชีวิต

ความจริงหลินสวินก็ไม่ถนอมกายมรรคไม้เขียวอีกแล้วจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเข้าแลก

ไม่นานนักจำนวนศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บยิ่งมากขึ้น

แต่อาการบาดเจ็บของกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก็ยิ่งรุนแรงเช่นกัน

สู้มาถึงตอนนี้ หว่างคิ้วพวกหวังเต้าเฟิงปรากฏคร่ำเคร่งอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งสิบอย่างพวกหวังเต้าสิงถึงสิ้นชีพ

หลินสวินไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอกสักนิด แค่พลังต่อสู้ของเขาคนเดียวยังคุกคามเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกเขาได้อย่างยิ่งยวด!

ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาตระหนักได้ ว่าการสันนิษฐานและคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขาทั้งหมดล้วนผิดมหันต์

กับดักอะไร เหยื่อล่ออะไร แผนการของลัทธิแรกกำเนิดอะไร ทุกอย่างเป็นเรื่องเท็จทั้งนั้น

ตัวหลินสวินคนเดียวต่างหากจึงจะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด!

ในการต่อสู้ หวังเต้าเฟิงแววตาเหี้ยมเกรียม ตวาดเสียงกร้าว “หลินสวิน ไพ่ตายในมือเจ้าล่ะ ถ้ายังไม่สำแดงออกมาเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

หลินสวินในตอนนี้ร่างโชกเลือด บาดแผลนับไม่ถ้วน เหมือนมนุษย์เลือดคนหนึ่ง เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ใครก็มองออกว่ายืนหยัดได้อีกไม่นานนัก

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้พวกหวังเต้าเฟิงระแวดระวัง

เพราะสู้กันถึงตอนนี้ หลินสวินยังไม่ใช้ไพ่ตายอย่างรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์

ควรรู้ว่ารูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สองคนที่พวกหวังเต้าสิงนำมาด้วยคราวก่อน ล้วนดับสิ้นระหว่างที่สู้กับหลินสวิน

นี่จะให้พวกหวังเต้าเฟิงไม่ระแวงได้อย่างไร

แต่กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินกลับไม่ใส่ใจ ยังคงสู้ทั้งที่อาบเลือด ไม่มีเค้าลางว่าจะใช้ไพ่ตายแต่อย่างใด

มิหนำซ้ำต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในการต่อสู้ต่อๆ ก็ยังทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

นี่ทำให้พวกหวังเต้าเฟิงกลั้นความโกรธไว้ไม่อยู่

“ป่านนี้แล้วยังดิ้นรนไม่คิดชีวิตอยู่อีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

ทันใดนั้นเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีคนหนึ่งก็กล่าวเสียงขรึม

ฮูม!

เขาชูมือเรียกคทาหยกสมปรารถนาเล่มหนึ่งออกมา ทันใดนั้นเงาร่างสูงโปร่งที่อบอวลด้วยกลิ่นอายนิรันดร์สายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ สวมชุดแขนกว้างคาดเข็มขัด ท่าทางเย่อหยิ่ง อานุภาพทั้งร่างดุจเขาถล่มสมุทรคำรามแผ่ขยายไปในเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

“ยังขอผู้อาวุโสช่วยเป็นกำลังให้พวกเราด้วย” เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีคารวะเสียงนอบน้อม

เจวี๋ยซิงไห่!

พวกน่ากลัวจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเจวี๋ยแห่งน่านฟ้าที่เก้า

ตระกูลเจวี๋ยคือที่พึ่งพิงเบื้องหลังตระกูลจงหลี

เหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ล้อมโจมตีหลินสวินเห็นดังนี้ต่างพากันถอยหนี แต่ละคนเผยสีหน้าเคารพ

“เจ้าหมอนี่อ่อนกำลังเหมือนธนูแกร่งหมดแรงบินแล้ว ยังต้องให้ข้าลงมือ หรือพวกเจ้ากังวลอะไรอยู่”

เจวี๋ยซิงไห่นิ่วหน้า ในสายตาเขาหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปโชกเลือดทั้งตัว บาดเจ็บสาหัส ไม่มีภัยคุกคามอะไรให้พูดถึงแล้ว

“เรียนผู้อาวุโส เป็นไปได้สูงยิ่งว่าในมือเจ้าหมอนี่จะมีรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ พวกเรากังวลว่าเขาจะโจมตีกลับก่อนตาย ถึงได้เชิญให้ท่านออกมาลงมือก่อน”

เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีรีบร้อนอธิบาย

เจวี๋ยซิงไห่ร้องอ้อคำหนึ่ง เข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว สายตามองดูหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าเชิญคนมาช่วยสักครั้ง”

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย “กับคนอย่างเจ้า ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นข้าคนแซ่หลินก็สังหารได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดาย โอกาสวันนี้ออกจะไม่เหมาะ”

เขาถอนใจเบาๆ

เขาตระหนักได้แล้วว่ากายมรรคไม้เขียวกำลังจะร่วงหล่นที่นี่

“หึ”

เจวี๋ยซิงไห่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

มือใหญ่สีทองปิดฟ้าข้างหนึ่งควบรวมกลางอากาศ กลิ่นอายนิรันดร์ที่บาดตาแน่นขนัดนับไม่ถ้วนโอบล้อมรอบมือใหญ่นั้น เข้าปกคลุมกายมรรคไม้เขียวของหลินสวิน

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินย่อมไม่นั่งนิ่งรอความตาย

แต่ก็ในชั่วพริบตาที่เขาคิดจะลงมือ แววประหลาดพลันปรากฏขึ้นในดวงตา

จากนั้น…

สวบๆๆๆ!

พริบตานี้เงาร่างสี่สายเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมาจากที่ไกลลิบ พุ่งไปทางมือใหญ่สีทองนั่นพร้อมกัน

เป็นสี่กายมรรค เพลิงแดง ทองขาว ดินเหลือง และวารีดำ

ตูม!

ทั้งสี่ประกบโจมตี ถล่มมือใหญ่สีทองนั้นให้แหลกกระจุย กลายเป็นละอองแสงสีทองปลิวว่อนเต็มฟ้าในคราวเดียว

เจวี๋ยซิงไห่ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ “ทำไมถึง…”

พวกหวังเต้าเฟิงที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็อึ้งไปเช่นกัน เหตุใดจู่ๆ ถึงมีหลินสวินมาเพิ่มอีกสี่คน

ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าในข่าวลือหลินสวินมีกายมรรคห้าร่าง กายมรรคแต่ละร่างมีมรรควิถีที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้น!

วิชาลับเช่นนี้เหมือนกับ ‘กายสี่ลักษณ์เก้าวิญญาณ’ มรดกสูงสุดของตระกูลฝูนัก

แต่กายสี่ลักษณ์เก้าวิญญาณของทำได้เพียงควบรวมร่างแยกมหามรรคสี่ร่าง มิหนำซ้ำยังต้องตัดพลังจิตของร่างต้นออกเป็นสี่สายแล้วหลอมเข้าไปในร่างแยกแต่ละร่าง พลังต่อสู้ที่ใช้ก็มาจากมรรควิถีของร่างต้น

“คงไม่ใช่ว่าคนที่พวกเราต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้เป็นร่างแยกหนึ่งของหลินสวินกระมัง”

มีคนเอ่ยออกมาพร้อมสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป

ประโยคเดียวทำให้คนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ในใจปั่นป่วน

“สนใจไปไนว่าเขามีร่างแยกกี่ร่าง กำราบให้หมดเป็นพอ!”

รูปจำลองเจตจำนงเจวี๋ยซิงไห่แค่นเสียงหยัน ก้าวไปเบื้องหน้าโดยพลัน กลิ่นอายระดับนิรันดร์อันน่าสะพรึงแผ่กระจาย ตรึงร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินไว้มั่น

เขาแกว่งหมัดสังหารผ่านอากาศ

ตูม!

พลังหมัดสีทองที่น่ากลัวพุ่งออกมา เผยท่วงทำนองอมตะนิรันดร์ กดข่มห้วงฟ้า ปกคลุมสิบทิศ มอบอานุภาพที่ไม่อาจสั่นคลอนให้กับทุกคน

ห้ากายมรรคของหลินสวินสบตากันปราดหนึ่ง ต่างทะลวงเมฆขึ้นไป ไม่หลบไม่หนี บุกไปหาเจวี๋ยซิงไห่

ทันทีที่เห็นภาพนี้ พวกหวังเต้าเฟิงต่างตาเบิกกว้าง

นั่นเป็นถึงรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ ทำไมหลินสวินถึงกล้าไปประจันหน้า

เปรียบดั่งมดเขย่าต้นไม้ใหญ่ เหมือนเอาไข่ไปทุบหิน น่าขันเป็นที่สุด!

กระนั้นภาพที่ทำให้พวกเขาต่างงุนงงก็ปรากฏขึ้นแล้ว พลังหมัดสีทองของเจวี๋ยซิงไห่ถูกห้ากายมรรคของหลินสวินระเบิดทั้งอย่างนั้น!

นี่ทำให้พวกเขาต่างตกตะลึง

เจวี๋ยซิงไห่ยังเผยสีหน้ายากจะเชื่อออกมา

ก็ในตอนนี้เอง รอยแยกมิติสายที่มหึมาหาใดเทียบสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้าดินแห่งนี้อย่างเงียบงัน ส่วนลึกของรอยแยกมีประตูพันจั้งบานหนึ่งปรากฏ ประหนึ่งประตูสู่นรกเปิดออก หมายจะฉุดลากโลกทั้งใบให้เข้าไปภายใน

ประตูเนรเทศ!

เจวี๋ยซิงไห่เงยหน้าทันที สัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างแรงกล้า เขาหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เคลื่อนตัวหลบหนีอย่างไม่ลังเลสักนิด

ทว่ารอบทิศของเขาห้ากายมรรคล้วนโจมตีเข้ามา ทั้งยังปิดตายทางหนีของเขาโดยสมบูรณ์

“ไสหัวไป!”

เจวี๋ยซิงไห่ตวาดลั่น พลังทั้งร่างปะทุออกถึงขีดสุด ประกายสีทองทั้งตัวพุ่งทะลุเมฆ ตรงดิ่งไปสังหารกายมรรคไม้เขียวที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด

สำหรับเขาแล้ว การป้องกันฝั่งกายมรรคไม้เขียวทำลายง่ายที่สุด!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท