คำพูดของจ้งชิวทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองดีใจเร็วไปหน่อยแล้ว
ต่อให้ในหลายปีต่อจากนี้ การปรากฏของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพจะคุกคามไปถึงระดับนิรันดร์ทุกคนในใต้หล้า
แต่ถ้าคิดจะฉวยโอกาสนี้ไปจัดการขุมอำนาจอย่างพวกเผ่าเทพนิรันดร์ก็ต้องเผชิญกับอันตรายยิ่งใหญ่อยู่ดี!
เพราะก่อนที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน เผ่าเทพนิรันดร์คงจะเลือกระดับนิรันดร์บางส่วนไว้ ให้รับหน้าที่เป็นหน่วยกล้าตายคอยปกป้องตระกูล!
“ข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อน”
หลินสวินกล่าวอย่างใคร่ครวญ “ก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาถึงยังอีกราวพันปี และด้วยการจากไปของระดับนิรันดร์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน หรือในเผ่าเทพนิรันดร์ของน่านฟ้าที่เก้า ต่อให้ยังมีระดับนิรันดร์ดูแลอยู่แต่จำนวนก็จำกัดเต็มที”
ครู่หนึ่งเขาเอ่ยพูดต่อ “ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ข้าเป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์แล้ว ก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาถึงต้องใช้พลังโจมตีระดับนิรันดร์ให้ได้! ถึงตอนนั้น…”
ส่วนลึกนัยน์ตาเขาฉายแววเยียบเย็น
พูดไม่ทันจบจ้งชิวก็เข้าใจเจตนาของหลินสวินแล้ว พยักหน้ากล่าว “ไม่เลว อันที่จริงในหลายปีต่อจากนี้เป็นโอกาสดีที่สุดในการแก้แค้น ทว่ากลับไม่อาจรีบร้อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ วางแผน”
เวลานี้เองแหวกอากาศระลอกหนึ่งก็ดังมาจากไกลๆ
ก็เห็นพวกรองหอหน้าหอเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงเคลื่อนย้ายเข้ามา
เห็นชัดว่าพวกตู๋กูยงรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหนือทะเลหมื่นดาราจากปากเสวียนเฟยหลิงแล้ว ใบหน้าล้วนฉายแววดีใจและตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
ตอนที่ได้เห็นจ้งชิว ต่างก็คารวะทยอยกล่าวขอบคุณ
พวกเขาล้วนรู้ดีว่าการมาถึงของจิ้งชิวและจักจั่นทองช่วยสลายและบดขยี้เคราะห์สังหารจากศัตรู ในใจจึงซาบซึ้งไม่หยุด
จ้งชิวพยักหน้ายิ้มน้อยๆ คารวะทุกคน
“ครั้งนี้ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานเจ็บหนัก ไม่มีทางมาโจมตีในเวลาอันสั้นอีกแน่ ส่วนพวกเผ่าเทพนิรันดร์ในน่านฟ้าที่เก้า สูญเสียไปมากเช่นนี้ในใจอาจไม่ยินยอมมาก แต่ขอเพียงหลังจากหัวหน้าหอโหยวเป่ยไห่ข้ามด่านเคราะห์ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสบุกเข้ามาในสำนักพวกเราอีกต่อไป!”
ฟางเต้าผิงกล่าวอย่างฮึกเหิม
หลังจากโหยวเป่ยไห่ข้ามด่านเคราะห์ ระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมรอบลัทธิแรกกำเนิดก็จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ร่างต้นของระดับนิรันดร์มา รากฐานของลัทธิแรกกำเนิดก็ยากจะสั่นคลอน!
ตู๋กูยงกล่าวอย่างกระเหี้ยนกระหือ “เรื่องในวันนี้ปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด รอสถานการณ์สงบก็เป็นเวลาชำระแค้นแล้ว!”
ครั้งนี้ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และพวกเผ่าเทพนิรันดร์ในน่านฟ้าที่เก้าที่ร่วมมือกัน แทบจะทำให้ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเขาย่อยยับ ความแค้นลึกล้ำใหญ่ยิ่งเช่นนี้จะไม่แก้แค้นได้อย่างไร
“ยังมีสิบยักษ์ใหญ่อมตะในน่านฟ้าที่แปดด้วย ก็ถึงเวลาไปคิดบัญชีพวกเขาให้เหี้ยนสักครั้งแล้ว”
นัยน์ตาหยวนอู่เทียนวาบประกายเย็นเยียบ
เสวียนเฟยหลิงกล่าว “บัญชีพวกนี้ย่อมต้องชำระทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือต้องทำให้สถานการณ์มั่นคงก่อน อีกทั้งเพื่อช่วยสำนักครั้งนี้ หอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณก็จ่ายค่าตอบแทนไปมหาศาล บุญคุณใหญ่เช่นนี้พวกเราไม่อาจลืม”
ทุกคนล้วนพยักหน้า
ครั้งนี้ลัทธิวิญญาณส่งรูปจำลองเจตจำนงของบรรพจารย์ซวีอิ่นผู้ก่อตั้งของพวกเขามา และส่งระดับนิรันดร์สองคนอย่างต้งลี่และจื่อเจิ้งมาเสริมทัพซ้ำ
บุญคุณนี้ต้องตอบแทน
“มีบางอย่างผิดปกติ”
จู่ๆ จ้งชิวที่เฝ้ามองโหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคมาตลอดก็เอ่ยปาก หัวคิ้วขมวดย่น
แทบจะในขณะที่เสียงของเขาดังขึ้น เสียงดังลั่นสะท้านฟ้าสายหนึ่งก็ดังก้องขึ้นมา
ก็เห็นว่าใต้ฟ้าเงาร่างโหยวเป่ยไห่สลายไปเงียบๆ แม้แต่พลังจิตก็เผชิญความเสียหายอย่างหนัก
“นี่…”
“หรือว่าจะข้ามด่านเคราะห์ล้มเหลว”
“สมควรตาย เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เหล่าโหยวเตรียมตัวเพื่อการณ์นี้มาไม่รู้กี่ปีนะ!!”
ในใจทุกคนแขวนเติ่งขึ้นมา สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป
ทันทีที่เห็นพลังจิตของโหยวเป่ยไห่โดนระเบิดกระจุย จู่ๆ แสงเคราะห์ในส่วนลึกของฟ้านั่นก็พลันจางลงไปด้วย จากนั้นเริ่มสลายตัวราวกับกระแสน้ำ
ไม่กี่พริบตาเท่านั้น อสนีเคราะห์นิรันดร์เต็มฟ้านั่นก็หายไปจนหมด ไม่เห็นร่องรอยใดๆ อีก
มีเพียงพลังจิตที่เสียหายของโหยวเป่ยไห่เท่านั้นลอยล่องอยู่…
ภาพที่แปลกประหลาดนี้ทำเอาทุกคนมองหน้ากันไปมา นี่ข้ามด่านเคราะห์สำเร็จหรือไม่สำเร็จกันแน่
บรรยากาศเงียบสงัด
ใต้ผืนฟ้า พลังจิตของโหยวเป่ยไห่ที่บาดเจ็บสาหัสคล้ายลำบากยิ่งยวด จ้องลึกเข้าไปในผืนฟ้าอย่างอึ้งงัน
เนิ่นนานเขาจึงพ่นลมหายใจยาวอย่างขมขื่น “เหลือพลังจิตสายหนึ่งของข้ารอดอยู่บนโลก แต่เหตุใดกลับ… ไม่ให้ข้าสลายเป็นเถ้าถ่านในมหาเคราะห์”
ประโยคเดียวเผยความเศร้าและผิดหวังไร้สิ้นสุด
ใจของพวกเสวียนเฟยหลิงล้วนจมดิ่ง กล้ามั่นใจในที่สุดว่าการแจ้งมรรคนิรันดร์ของโหยวเป่ยไห่ล้มเหลวแล้ว ทว่ากลับไม่ได้ดับสิ้นในมหาเคราะห์ พลังจิตที่เสียหายของเขายังรอดมาได้
“น่าเสียดาย…”
จ้งชิวทอดถอนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
การแจ้งมรรคนิรันดร์ล้มเหลว ต่อให้รอดชีวิต แต่คิดจะรอจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคครั้งถัดไปก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไร
อีกทั้งการโจมตีนี้รุนแรงเหลือขนาด เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะทำให้บุคคลแห่งยุคคนหนึ่งหมดอาลัยตายอยาก!
หลินสวินก็อึ้งไปเช่นกัน
ตั้งแต่ก่อนเขาเข้าลัทธิแรกกำเนิด ก็ได้ยินว่าหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์โหยวเป่ยไห่ปิดด่านเพื่อเตรียมตัวแจ้งมรรคนิรันดร์
ทว่าเขากลับไม่เคยคิดสักนิดว่าภายใต้สถานการณ์ที่เตรียมตัวมาอย่างดีเช่นนี้ โหยวเป่ยไห่กลับข้ามมหาเคราะห์นิรันดร์ล้มเหลว…
“เหล่าโหยว มหามรรคล้วนยากเย็น ล้มเหลวชั่วขณะแล้วอย่างไร อย่าได้หมดอาลัยตายอยากเช่นนี้เป็นอันขาด!”
เสวียนเฟยหลิงทะยานขึ้นไปบนอากาศ เอ่ยปากปลอบโยน
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เหลือก็ขึ้นไปรายล้อมเช่นกัน ต่างเข้าไปเอ่ยปลอบโหยวเป่ยไห่
โหยวเป่ยไห่นิ่งเงียบ สีหน้าสับเปลี่ยนไปมา
เนิ่นนานเขาถึงฝืนคลี่ยิ้มออกมา กล่าวว่า “ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าเพียงแต่เจอการโจมตีเช่นนี้แล้วยากจะรับได้ในเวลาสั้นๆ ก็เท่านั้น”
“รีบกลืนลูกกลอนโอสถพวกนี้”
พวกเสวียนเฟยหลิงหยิบสมบัติชั้นเลิศบางส่วนออกมา ล้วนเป็นยอดสมบัติเยียวยาที่เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร
ทว่าโหยวเป่ยไห่ส่ายหน้าปฏิเสธ “สิ่งที่ข้าขาดไม่ใช่ของพวกนี้ การข้ามด่านเคราะห์ล้มเหลวครั้งนี้ สำหรับข้าแล้วเป็นบทเรียนที่ยากจะลืมชั่วชีวิต ข้าขาดคุณสมบัติ และเข้าใจความหมายของมันดี”
“พูดได้ดี”
จ้งชิวเดินเข้ามา “การเสาะแสวงมหามรรค เดิมทีต้องมีความกล้าหาญและจิตใจเช่นนี้ มีเพียงสิ่งนี้จึงจะก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นยามแจ้งมรรคครั้งหน้า”
ตอนนี้เองหลินสวินก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขารีบหยิบขวดหยกที่จักจั่นทองมอบให้ส่งให้โหยวเป่ยไห่ “นี่เป็นของที่ผู้อาวุโสจักจั่นทองทิ้งไว้ให้ ทั้งกำชับเป็นพิเศษว่าต้องมอบให้ผู้อาวุโส”
โหยวเป่ยไห่อึ้งไป “จักจั่นทองหรือ”
เสวียนเฟยหลิงรีบสื่อจิตอธิบายโดยพลัน โหยวเป่ยไห่ถึงได้เข้าใจ
เขาหยิบขวดหยกขึ้นแล้วแทรกจิตรับรู้เข้าไปสำรวจภายใน
เพียงไม่นานเขาก็สั่นไปทั้งร่าง สีหน้าเดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวห่อเหี่ยว เดี๋ยวตะลึง เดี๋ยวไม่อยากเชื่อสลับไปมา
นี่ทำเอาพวกเสวียนหลิงเฟยมองหน้ากันไปมา
“ในขวดหยกนั้นคือสิ่งใดหรือ” เสวียนเฟยหลิงส่งเสียงถามหลินสวิน
หลินสวินส่ายศีรษะ เขาเองก็ไม่รู้ชัด
เนิ่นนานโหยวเป่ยไห่ก็พลันประสานมือไปทางหลินสวิน กล่าวว่า “สหายน้อย ขอบคุณมาก!”
สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง คล้ายว่าเงามืดในใจถูกกวาดไปจนหมด เผยให้เห็นความผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลินสวินรีบกล่าว “ผู้อาวุโสไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นของที่ผู้อาวุโสจักจั่นทองมอบให้ ผู้น้อยไม่กล้ารับความดีความชอบ”
เสวียนเฟยหลิงอดถามไม่ได้ “เหล่าโหยว ในขวดหยกนี่ใส่ของประหลาดอะไรไว้กันแน่”
โหยวเป่ยไห่ยิ้มกล่าว “สำหรับข้าแล้วไม่ต่างไปจากบุญคุณช่วยชีวิตครั้งใหญ่ ไม่แน่อาจจะอาศัยสิ่งที่อยู่ในขวดนี้ไปถึงมรรคานิรันดร์อีกครั้งได้!”
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนตะลึงจนสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้
นี่ต้องเป็นสมบัติระดับใด ถึงมีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ที่เย้ยฟ้าเช่นนี้
“ผู้อาวุโสจักจั่นทองผู้นั้นบอกว่าไม่อาจแพร่งพรายเรื่องของสิ่งนี้”
โหยวเป่ยไห่กล่าว “ฉะนั้นพวกเจ้าก็ไม่ต้องเดาแล้ว”
ครู่หนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “อีกอย่าง รอฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแล้ว ข้าก็จะออกจากสำนักมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุน”
การตัดสินใจนี้กะทันหันมากอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาทุกคนตั้งตัวไม่ทัน
เสวียนเฟยหลิงใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเหล่าโหยวตัดสินใจออกมาแล้ว ข้าก็จะไม่โน้มน้าวให้มากความอีก”
คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเช่นกัน
“ทุกท่าน ขอบคุณมาก”
โหยวเป่ยไห่ประสานหมัดคาราวะอย่างจริงจังไปรอบๆ
“ถ้าอยากขอบคุณจริงๆ ก็เอาเหล้าดีที่เจ้าเก็บไว้มาเลี้ยงพวกเรา”
เสวียนหลิงเฟยหัวเราะชอบใจ
“ไยจะไม่ได้”
โหยวเป่ยไห่ก็ยิ้มเช่นกัน
พอเห็นภาพนี้ความรู้สึกในใจหลินสวินก็เบิกบานมาก เขาดูออกว่าขวดหยกที่จักจั่นทองมอบให้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะทำให้โหยวเป่ยไห่เห็นความหวังการแจ้งมรรคใหม่
“ก่อนดื่มเหล้า มีบางเรื่องต้องเตรียมการให้เรียบร้อยก่อน”
เสวียนหลิงเฟยกล่าว
วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน
การแจ้งมรรคนิรันดร์ของโหยวเป่ยไห่ชักนำมหาเคราะห์ชั้นเลิศ ตามด้วยการบุกของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และขุมอำนาจในน่านฟ้าที่เก้าจนปรากฏเคราะห์สังหารน่าตกใจเหนือทะเลหมื่นดารา
จนกระทั่งยามนี้ เรื่องเหล่านี้ถึงปิดฉากลงทั้งหมด
ส่วนพวกไท่เสวียน เหยียนจี้ล้วนจากไปแล้ว มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุณหลุน ในลัทธิแรกกำเนิดจึงมีเรื่องมากมายต้องทำ
และในวันเดียวกัน อานุภาพพลังระเบียบระดับเทพของลัทธิแรกกำเนิดก็ฟื้นกลับมา ปกคลุมฟ้าเหนือทะเลหมื่นดาราและลัทธิแรกกำเนิดใหม่อีกครั้ง
ทุกคนในลัทธิแรกกำเนิดที่ถูกพาไปแดนลับแรกฟ้า ล้วนถูกพวกเสวียนเฟยหลิงพาออกมาและกลับไปสำนักอีกครั้ง
ไม่นานผู้คนทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาและโกลาหลไม่รู้เท่าไรเช่นกัน
สามวันให้หลัง
หน้าเรือนมรรคกลาง ผู้คนทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดต่างถูกเรียกมาชุมนุม
หัวหน้าหอแรกพิสุทธโหยวเป่ยไห่ที่ไม่ได้ปรากฏตัวมานานมากแล้ว ประกาศสละตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ต่อหน้าทุกคน และให้หลินสวินรองหัวหน้าหอแรกนภารับช่วงต่อ
ขณะเดียวกันโหยวเป่ยไห่ก็ประกาศให้เสวียนเฟยหลิงรับตำแหน่งหัวหน้าหอแรกนภา
ให้ตู๋กูยงรับตำแหน่งหัวหน้าหอแรกมายา
ส่วนตำแหน่งรองหัวหน้าหอเดิมของหลินสวิน เสวียนเฟยหลิง และตู๋กูยงที่ว่างลง ก็ให้ผู้อาวุโสที่มีปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สามคนรับช่วงต่อ
สุดท้ายสายตาโหยวเป่ยไห่มองไปทางหลินสวินแล้วยิ้มกล่าวเสียงดัง “หัวหน้าหอหลิน ยินดีด้วย!”
“ยินดีด้วยหัวหน้าหอหลิน!”
“ยินดีด้วยหัวหน้าหอหลิน!”
เสียงแสดงความยินดีดังขึ้น สะเทือนไปทั้งเก้าชั้นฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้ยิ่งใหญ่หรือศิษย์สามหอเก้ายอดเขาในลัทธิแรกกำเนิด ตอนนี้ต่างก็ตื่นเต้นไม่หยุด ในใจเต็มไปด้วยความตกตะลึงและเลื่อมใส
ร้อยปีก่อน หลินสวินเพิ่งจะเข้าลัทธิแรกกำเนิด กลายเป็นผู้สืบทอดเก้ายอดเขา
และวันนี้ในร้อยปีถัดมา เขาก็รับช่วงต่ออำนาจของหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ภายใต้สายตาของผู้คน!
ทั้งหมดนี้เหมือนปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง ทำลายสถิติที่ผ่านมาของลัทธิแรกกำเนิด ไม่ว่าจะในอดีตหรือจากนี้ไป เกรงว่าสถิตินี้คงไม่มีใครเหนือกว่าได้อีกแล้ว
นี่ช่างเป็นตำนานโดยแท้!
อีกทั้งตำนานนี้ยังจะถูกบอกเล่าสืบไปในวันหน้าอย่างแน่นอน!