หัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ดูแลเรื่องของการคัดเลือกแต่งตั้งในสำนัก
ในหอแรกพิสุทธิ์ รองหัวหน้าหอสามคนอย่างฟางเต้าผิง อวี๋สิ่ง จางเชียนซี รวมถึงพวกผู้อาวุโส ผู้ดูแล รองผู้ดูแลล้วนฟังคำสั่งหัวหน้าหอ
และฐานะหัวหน้าหอ ก็เท่ากับเป็นรองเพียงเจ้าสำนักลัทธิแรกกำเนิด ความสูงส่งของตำแหน่ง ความยิ่งใหญ่ของอำนาจ รวมถึงทรัพยากรฝึกปราณที่ใช้สอยได้ทั้งหมดใช่ว่าผู้อื่นจะเทียบได้
แต่เช่นเดียวกัน ยิ่งอำนาจที่มียิ่งใหญ่เท่าไร ก็ต้องแบกรับหน้าที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ลัทธิแรกกำเนิดในยามนี้ไม่มีระดับนิรันดร์บัญชาการแล้ว และในขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ พลังต่อสู้ของหลินสวินแข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
ถึงขั้นที่ในบางแง่ นับจากวันนี้ไปหลินสวินก็เป็นหัวหน้าหอที่อายุน้อยที่สุดและอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในลัทธิแรกกำเนิด
วันนั้นงานเลี้ยงจัดขึ้นทั่วลัทธิแรกกำเนิด เพื่อฉลองให้สามหัวหน้าหอคนใหม่ หลินสวิน เสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง
…
กลางดึก
หลินสวินที่กลับมาถ้ำสถิตจากในงานเลี้ยงก็นั่งคุยยาวกับจ้งชิวพักหนึ่ง
“ตอนนี้ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานเสียหายหนัก เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าไม่อาจแทรกแซงเรื่องของน่านฟ้าอื่นในเวลาสั้นๆ อีก ข้าได้แจ้งข่าวให้พวกศิษย์น้องรั่วซู่ในลัทธิวิญญาณรู้แล้ว สามวันให้หลังก็จะออกเดินทางไปแดนยอดจักรวาลเพื่อไปช่วยพวกศิษย์พี่ใหญ่ด้วยกัน”
จ้งชิวบอกการตัดสินใจของตัวเองกับหลินสวิน
ในใจหลินสวินพลันสะท้าน กล่าวโดยไม่หยุดคิด “ข้าจะไปกับพวกท่านด้วย”
จ้งชิวยิ้มส่ายหน้า “ถ้าเจ้าไปมีแต่จะเกิดตัวแปรขึ้นไม่น้อย ถ้าถูกศัตรูพวกนั้นเพ่งเล็งอีกคงไม่ดี”
หลินสวินขมวดคิ้วกล่าว “ด้วยพลังต่อสู้ของข้าในตอนนี้ นอกจากฝีมือร่างต้นระดับนิรันดร์ นอกนั้นเกรงว่าใครก็ทำอะไรข้าไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งไม่ต้องหวาดกลัวอะไร”
จ้งชิวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ศิษย์น้อง ข้าจะไม่ใช่จะกล่อมให้เจ้าอยู่ลัทธิแรกกำเนิด หากแต่มีแผนอื่นให้เจ้า”
หลินสวินถอนหายใจกล่าวว่า “ศิษย์พี่โปรดชี้แนะ ตราบใดที่ช่วยได้ ไม่ว่าให้ข้าไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
จ้งชิวกล่าวเสียงขรึม “ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว กำลังพลของลัทธิฌาณรวมตัวกับผู้แข็งแกร่งสิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปด เฝ้าอยู่ด้านนอกแดนยอดจักรวาล ถึงขั้นที่ในหลายปีนี้พวกศิษย์พี่ใหญ่ติดอยู่ในนั้นตลอด ไม่อาจหลบหนีได้”
“แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่กี่วันก่อนยามบุกลัทธิแรกกำเนิด กำลังพลที่ลัทธิฌานส่งมาทั้งหมดถูกกวาดเรียบไม่เหลือ ลัทธิฌานในยามนี้เสียหายรุนแรง รากฐานของพวกเขาเปลี่ยนเป็นไม่มั่นคง”
ฟังถึงตรงนี้หลินสวินก็พยักหน้าเงียบๆ
ในศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นบนทะเลหมื่นดารานั้น ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ยี่สิบสี่คน ผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นขั้นปลายสามสิบหกคนของลัทธิฌานที่นำโดยจี้คง รวมถึงรูปจำลองเจตจำนงอีกสิบกว่าคนย่อยยับไปทั้งหมด!
นอกจากนี้รูปจำลองเจตจำนงของบรรพจารย์ลัทธิฌาน รวมถึงพุทธอดีตเจียซิว พุทธอนาคตเจียจิ้ง ก็ถูกจักจั่นทองบังคับพาไปแหล่งสถานคุนหลุน
พูดได้ว่าหลังผ่านศึกนี้ พวกคนใหญ่คนโตระดับสูงของลัทธิฌานแทบจะบาดเจ็บล้มตายสิ้น!
ควรรู้ว่าคนที่มีปราณระดับขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ ทั้งลัทธิฌานมีเพียงสามสิบสองคน ไม่ทันไรก็ร่วงหล่นไปยี่สิบสี่คนแล้ว การโจมตีระดับนี้แค่คิดก็รู้ว่ารุนแรงปานใด
และตัวตนระดับนิรันดร์ ทั้งลัทธิฌานก็มีเพียงสามคน แบ่งเป็นพุทธอดีต พุทธปัจจุบัน พุทธอนาคต
ทั้งพุทธอดีตกับพุทธอนาคตก็ถูกพาไปแหล่งสถานคุณหลุนหมดแล้ว เหลือแค่พุทธปัจจุบันควบคุมดูแลอย่างยากลำบากอยู่คนเดียว
ถึงขั้นว่ารากฐานของลัทธิฌานได้รับแรงโจมตีสาหัส!
ลัทธิพ่อมดก็เป็นเช่นเดียวกัน
“รากฐานลัทธิฌานสั่นคลอน ยากปกป้องตัวอง กำลังพลชั้นยอดที่สุดของสิบยักษ์ใหญ่อมตะก็ถูกเจ้าศิษย์น้องตีแตกพ่าย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ศัตรูที่เฝ้าอยู่นอกแดนยอดจักรวาลจะยังมีภัยคุกคามอะไรให้พูดถึง”
จ้งชิวกล่าว “ถึงขั้นที่พวกเราไม่ต้องลงมือสักนิด อาศัยแค่ฝีมือของพวกศิษย์พี่ใหญ่ก็สามารถกวาดล้างพวกเขาได้ทั้งหมด แน่นอนว่าบางทีพวกศิษย์พี่ใหญ่อาจไม่รู้ว่าโลกภายนอกเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดินนานแล้ว”
หลินสวินอดพยักหน้าไม่ได้ เป็นเช่นนี้จริงๆ
จ้งชิวยิ้มกล่าว” ดังนั้นการไปแดนยอดจักรวาลครั้งนี้ ให้ข้ากับพวกศิษย์พี่สามของเจ้าเคลื่อนไหวด้วยกันก็พอ ส่วนศิษย์น้องเช่นเจ้าก็ลองไปเดินเล่นน่านฟ้าที่แปดสักครั้ง”
“น่านฟ้าที่แปดหรือ”
หลินสวินเลิกคิ้ว
“ไม่ผิด เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นสนใจแค่ปกป้องตัวเอง มีหรือจะใส่ใจความเป็นตายของหมาเฝ้าประตูเหล่านั้น ตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะที่สุดในการซ้ำเติมพอดี”
จ้งชิวกล่าวคล้ายขบคิด “เพียงแต่การไปครั้งนี้ของเจ้าให้เน้นที่การหยั่งเชิงเป็นหลัก ดูว่าภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ หากพวกสิบยักษ์ใหญ่อมตะนั่นพบเจอปัญหา เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นจะสอดมือเข้ามาหรือไม่”
หลินสวินตอบรับอย่างรวดเร็ว
สำหรับเขาในตอนนี้ การบุกไปน่านฟ้าที่แปดไม่จำเป็นต้องพะวงมากเกินไปอีกแล้ว!
“ต้องระวังให้มากๆ ถ้าเจ้าเฒ่าเผ่าเทพนิรันดร์คนไหนเกิดสมองมีปัญหาขึ้นมาแล้วลงมือกะทะหัน เจ้าต้องถอยหนีทันที และออกจากน่านฟ้าที่แปดโดยด่วน”
จ้งชิวเอ่ยกำชับ เขากังวลว่าเพื่อล้างแค้น หลินสวินจะก่อเรื่องในน่านฟ้าที่แปดมากเกินไป ถึงขั้นถูกเผ่าเทพนิรันดร์เพ่งเล็งอีก
“ศิษย์พี่วางใจ การรับมือพวกสิบยักษ์ใหญ่อมตะนั่น ข้าแค่เคลื่อนไหวร่างแยกทั้งห้าก็ได้แล้ว”
พูดถึงตรงนี้หลินสวินก็อดพูดอีกครั้งไม่ได้ “ศิษย์พี่ ไม่สู้ให้ร่างต้นของข้าไปแดนยอดจักรวาลกับพวกท่านเล่า ข้าไม่ได้เจอพวกศิษย์พี่ใหญ่นานแล้ว ในใจคิดถึงมากจริงๆ”
แววตาจ้งชิวซับซ้อน “ถ้าศิษย์น้องเก้ายังมีชีวิตอยู่ แล้วเห็นว่า ‘คัมภีร์มหามรรคหวงถิง’ ที่เขาสร้างขึ้นมาถูกเจ้าทำให้สมบูรณ์แบบถึงขั้นนี้ต้องปลื้มใจไม่หยุดเป็นแน่
หลินสวินนึกถึงเก่ออวี้ผูขึ้นมา ในใจก็สลดอย่างเลี่ยงไม่ได้
คัมภีร์มหามรรคหวงถิงเป็นวิชาที่เก่ออวี้ผูถ่ายทอดให้ ในนั้นครอบคลุมการฝึกปราณที่มุ่งเน้นไปที่กายมรรคทั้งห้า เพียงแต่ถึงแค่ระดับจักรพรรดิเท่านั้น
กล่าวได้ว่าคัมภีร์มรรคเล่มนี้มีเก่ออวี้ผูสร้างรากฐานขึ้นมา ส่วนสิ่งที่หลินสวินทำในหลายปีนี้ก็คือนำรากฐานนี้มาพัฒนาคัมภีร์มรรคให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผสานเข้าไปในวิชามรรคของตน
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูเขา… ร่วงหล่นจริงๆ ไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือจริงหรือ”
หลินสวินอดถามไม่ได้
จ้งชิวอึ้งไป กล่าวอย่างครุ่นคิด “นี่ใช่ว่าจะไม่มี ในมืออาจารย์อาจยังมีของบางอย่างที่ศิษย์น้องเก้าเหลือไว้ ”
หลินสวินกล่าว “ไม่ใช่ ข้าหมายถึงร่องรอยที่เกี่ยวกับตัวศิษย์พี่เก่ออวี้ผูเอง อย่างเช่นกายเนื้อของเขา สารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ หรือแม้แต่เส้นผมก็ได้”
จ้งชิวกล่าวอย่างสงสัย “เจ้าจะถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง และเล่าเรื่องที่ตนช่วยศิษย์ถังเจียงได้อย่างไร “ถ้าศิษย์พี่เก้าทิ้งยังเหลือพลังชีวิตไว้สักเสี้ยวหนึ่งเช่นกัน ข้าอาจจะมีวิธีคืนชีพศิษย์พี่เก้าขึ้นมาได้”
จ้งชิวอึ้งไปทันใด คลื่นคลั่งซัดโหมขึ้นในใจ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่านัยเร้นลับแกนหลักของระเบียบนิพพานถึงกับเย้ยฟ้าเช่นนี้ คืนชีพจากความตาย พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา นี่ไม่ต่างอะไรไปจากวิชาต้องห้ามเลยทีเดียว!
พลันนั้นจ้งชิวก็เกิดความหวังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กล่าวว่า “ศิษย์น้อง เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าถามได้ นอกจากศิษย์น้องเก้าแล้ว พวกศิษย์น้องคนอื่นๆ ที่ประสบเคราะห์ในทางเดินโบราณฟ้าดาราน่าจะมีของดูต่างหน้าไว้ทั้งหมด บางทีในของพวกนั้นอาจจะหาสิ่งที่เจ้าต้องการเจอได้”
หลินสวินเอ่ย “ดียิ่ง เรื่องนี้ก็รบกวนศิษย์พี่แล้ว”
“เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ไปพูดกับใครอื่นอีก”
จ้งชิวสีหน้าเคร่งขรึม
พลังนิพพานเกิดใหม่เช่นนี้น่าอัศจรรย์เกินไป ถ้าแพร่งพรายออกไป สำหรับหลินสวินย่อมเป็นเรื่องร้ายมากกว่าดี
คิดดูคร่าวๆ ในบรรดาเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้น ผ่านกาลเวลาเนิ่นนานมาถึงตอนนี้ บรรพบุรุษของพวกเขาย่อมมีคนน่าสะพรึงร่วงหล่นไปไม่น้อย
ถ้าถูกพวกเขารู้ว่าพลังนิพพานของหลินสวินสามารถทำให้พวกน่าสะพรึงที่เคยร่วงหล่นในสายน้ำแห่งกาลเวลาเหล่านั้นฟื้นคืนชีพได้ เกรงว่าจะต้องแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสิ่งใด
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ พลันเอ่ยอย่างจนใจ “ศิษย์พี่ ข้ากำลังถามท่านว่ายอมให้ข้าร่วมเดินทางไปด้วยหรือไม่ ทำไมท่านถึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกแล้วเล่า”
จ้งชิวหัวเราะชอบใจ ตบไหล่หลินสวินเบาๆ กล่าวว่า “ลัทธิแรกกำเนิดในยามนี้ไม่มีระดับนิรันดร์ดูแลอีกแล้ว ส่วนเจ้าก็เพิ่งเป็นหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ เวลาเช่นนี้ต้องให้เจ้าคอยดูแล จะออกไปโดยพลการด้วยเรื่องของพวกเราคีรีดวงกมลได้อย่างไร”
เขาเว้นช่วงไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ร้อยปีนี้ลัทธิแรกกำเนิดให้การคุ้มครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เจ้า ถึงทำให้เจ้ามีโอกาสทะลวงปราณและแปรสภาพไม่หยุด ทำให้เจ้ามีความสำเร็จในวันนี้ พวกเราคีรีดวงกมลติดหนี้น้ำใจลัทธิแรกกำเนิดเป็นอย่างมาก ไม่อาจไม่ตอบแทน”
“ตอนนี้เป็นช่วงเวลายากลำบาก ใครก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจากนี้ไปลัทธิแรกกำเนิดจะสงบสุขไร้คลื่นลมจริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร ตราบใดที่เจ้าคอยดูแลอยู่ที่นี่ ต่อให้เจอเรื่องกะทันหันก็สามารถแก้ปัญหาได้ทันที”
ฟังจบหลินสวินก็เงียบงันไปพักหนึ่ง
คิดๆ ดูแล้วในหลายปีนี้ลัทธิแรกกำเนิดเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า บังลมกันฝนให้เขาเสมอมา เขาถึงได้หลบหลีกภัยคุกคามและการโจมตีที่มาจากศัตรูได้
ถึงขั้นว่าเพราะการคงอยู่ของเขา ยังทำให้ลัทธิแรกกำเนิดพลอยประสบเคราะห์มากมาย
ยามนี้ลัทธิแรกกำเนิดเพิ่งจะรอดจากภัยพิบัติครั้งใหญ่มาได้ สถานการณ์ดูเหมือนจะมั่นคงแล้ว แต่ใครจะกล้ารับรองว่าต่อไปจะไม่มีหายนะเกิดขึ้นอีก
เป็นอย่างที่จ้งชิวพูด ลัทธิแรกกำเนิดในตอนนี้ไม่มีระดับนิรันดร์แล้ว ดังนั้นจึงต้องมีคนมาดูแลแทน!
และมองดูลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่าง มีเพียงเขาหลินสวินที่พลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งเขาเป็นหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์แล้ว ก็ต้องแบกรับหน้าที่สำคัญเช่นนี้ด้วย!
“ได้ ข้าเชื่อฟังศิษย์พี่”
หลินสวินตัดสินใจแล้ว
จ้งชิวกล่าว “ศิษย์น้องวางใจเป็นการ การไปแดนยอดจักรวาลครั้งนี้จะไม่เกิดอุปสรรคอะไรแน่ ถ้าไม่ผิดคาด ไม่นานพวกเราก็จะกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องก็จะได้รวมตัวกันอีกครั้ง”
หลินสวินหยิบยันต์หยกซึ่งประทับรูปจำลองเจตจำนงที่คงเจวี๋ยทิ้งไว้ให้ออกมาส่งให้จ้งชิว “ศิษย์พี่ ของสิ่งนี้ท่านเอาไปด้วย”
จ้งชิวอึ้งไป สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้
เขาดูออกว่าถ้าตนไม่รับมา เกรงว่าหลินสวินคงไม่อาจวางใจการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของพวกเขาได้สักนิด
สามวันให้หลัง
จ้งชิวบอกลา ไปจากลัทธิแรกกำเนิด
วันนั้นเขาไปรวมตัวกับพวกรั่วซู่ที่ออกจากลัทธิวิญญาณเช่นกัน และมุ่งหน้าไปแดนยอดจักรวาล
…
และในวันที่สองที่จ้งชิวจากไป หลินสวินก็ไปหาสองหัวหน้าหออย่างเสวียนเฟยหลิงกับตู๋กูยง และเอ่ยเรื่องที่ตนคิดจะส่งร่างแยกมหามรรคไปน่านฟ้าที่แปด
เมื่อรู้ว่าร่างต้นของหลินสวินจะอยู่ที่ลัทธิแรกกำเนิด พวกเสวียนเฟยหลิงถึงได้วางใจตอบตกลง
ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่มีทางยอมให้หลินสวินไปเสี่ยงภัยในน่านฟ้าที่แปดคนเดียวเด็ดขาด ถึงอย่างไรที่นั่นก็มีเส้นทางที่เชื่อมสู่น่านฟ้าที่เก้า และแม้สิบยักษ์ใหญ่อมตะจะไม่เป็นภัยคุกคามอีก แต่เบื้องหลังพวกเขายังมีเผ่าเทพนิรันดร์ ทำให้ถูกจับจ้องจากเผ่าเทพนิรันดร์ได้ง่ายที่สุด
แต่ถ้าใช้ร่างแยกมหามรรค เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว