ในวันนั้น กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินเคลื่อนไหว ออกจากแดนแรกเริ่มไปด้วยกัน
ส่วนร่างต้นของเขากลับรั้งอยู่ คอยดูแลลัทธิแรกกำเนิด
อันที่จริงก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ทำนัก ร่างต้นของหลินสวินนอกจากฝึกปราณแล้ว ก็ทำเวลาเร่งหลอมระเบียบนิพพาน
ตอนนี้ระเบียบนิพพานเหลือเพียงสองส่วนที่ยังหลอมไม่ได้
และพลังสองส่วนนี้ก็เป็นจุดสำคัญแกนหลักที่สุดของระเบียบนิพพานพอดี
หลินสวินมีสังหรณ์แรงกล้า ว่ายามตนหลอมระเบียบนิพพานอย่างสมบูรณ์ กฎเกณฑ์อมตะของตนจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่เอี่ยมอย่างแน่นอน!
…
น่านฟ้าที่เจ็ด เขตแดนใจกลาง
เมืองค้ำฟ้า
ในโรงน้ำชาหอสุราทุกตรอกซอกซอย ทุกแห่งหนล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ศึกใหญ่ที่เล่นงานลัทธิแรกกำเนิดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ใครจะกล้าคิด ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน กับเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าล้วนพ่ายแพ้ไม่เป็นกระบวนหน้าลัทธิแรกกำเนิด”
เสียงทอดถอนใจจำพวกนี้ดังขึ้นมากมาย
ตอนนี้ข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับศึกใหญ่ครั้งนั้นล้วนแพร่สะพัดในน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว เรียกเสียงฮือฮาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทั่วหล้าล้วนแตกตื่น
“ว่ากันว่าลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานบาดเจ็บล้มตายมากมาย ลำพังแค่คนใหญ่คนโตขั้นหลุดพ้นที่สูญเสียไปก็จำนวนมากกว่าร้อยแล้ว! อีกทั้งยังถูกรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดหลินสวินฆ่าทั้งนั้น!”
“พลังต่อสู้ของผู้อาวุโสหลินสวินคนนี้จะน่าสะพรึงเกินไปแล้วกระมัง”
“นี่นับเป็นอะไร ตามข่าวลือ แม้แต่ระดับนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าจำนวนหนึ่งยังร่วงหล่นอยู่หน้าประตูภูเขาลัทธิแรกกำเนิดเลย!”
“กล่าวเช่นนี้ ลัทธิแรกกำเนิดกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายอย่างนั้นหรือ”
…ขณะที่กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเดินเข้าเมืองค้ำฟ้าก็ได้เห็นภาพเช่นนี้ ทุกแห่งหนล้วนมีแต่เสียงที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ศึกใหญ่ครั้งนั้น
แน่นอนว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นการคาดคะเน ถึงขั้นใส่สีตีไข่ให้ดูเกินจริง
สำหรับเรื่องนี้กายมรรคไม้เขียวหลินสวินเพียงยิ้มขำขัน คร้านจะสนใจอย่างสิ้นเชิง
เขามาเมืองค้ำฟ้าครั้งนี้เพียงเพราะเรื่องเดียว…
อาศัย ‘ค่ายกลโบราณเขตแดน’ แห่งหนึ่งในเมืองมุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่แปด!
ในน่านฟ้าที่เจ็ดมีค่ายกลโบราณเขตแดนที่เชื่อมสู่น่านฟ้าที่แปดทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดแห่ง ก็เหมือนเส้นทางที่เชื่อมระหว่างน่านฟ้าที่เจ็ดและน่านฟ้าที่แปด ตั้งแต่อดีตสืบมาจนบัดนี้ก็ควบคุมโดยเผ่าจักรพรรดิอมตะใหญ่แต่ละตระกูลมาโดยตลอด
เหมือนอย่างค่ายกลโบราณเขตแดนในเมืองค้ำฟ้าแห่งนี้ ก็ควบคุมโดยเผ่าจักรพรรดิอมตะ ‘ตระกูลถานไถ’
เหตุที่หลินสวินมาที่นี่ก็ไม่ใช่คิดขึ้นได้ปุบปับ
แต่เป็นเพราะยามสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกลโบราณเขตแดน ก็เห็นว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ควบคุมค่ายกลโบราณเขตแดนของเมืองค้ำฟ้าแห่งนี้คือตระกูลถานไถ ถึงได้ตั้งใจมาเป็นการเฉพาะ
เหตุผลง่ายดายยิ่ง
ปีนั้นยามเข้าด่านนภาอมตะแรกของแดนใหญ่พันศึก หลินสวินเคยผูกมิตรกับชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า ‘ถานไถเฟิง’ เคยร่ำสุรากันสนุกสนานคราหนึ่ง ถึงขั้นที่ถานไถเฟิงยังเคยออกหน้าช่วยเขาสลายการโจมตีไล่ล่าจากศัตรูอย่างพวกเหวินเซ่าเหิงอีกด้วย
แม้เขากับถานไถเฟิงจะยังไม่ถึงขั้นเป็นสหายกันอย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็มีวาสนาเคยพบหน้ากันครั้งหนึ่ง
และตอนนี้ในเมื่อตั้งใจจะไปน่านฟ้าที่แปด หลินสวินย่อมอยากออกเดินทางจากค่ายกลโบราณเขตแดนที่ควบคุมโดยตระกูลถานไถแห่งนี้
หากมีวาสนา ไม่แน่ว่าอาจจะได้พบกับถานไถเฟิงอีกครั้ง
หลินสวินจำได้แม่น ตระกูลถานไถที่ตั้งอยู่ในน่านฟ้าที่เจ็ดแห่งนี้ มีถานไถฉางคงปู่ของถานไถเฟิงสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
ถานไถฉางคงมีความอุตสาหะยิ่งยวด ทุ่มเทเวลาหมื่นปีพิชิตพลังระเบียบระดับสวรรค์สายหนึ่ง ถึงขั้นที่ตอนนั้นเพื่อชิงระเบียบระดับสวรรค์นี้ ยังเคยประมือกับระดับอมตะแปดคนด้วย
นับคำนวณเต็มๆ แล้ว ตั้งแต่ตระกูลถานไถปักหลักในน่านฟ้าที่เจ็ดจนบัดนี้ก็เป็นเวลาเพียงสามพันกว่าปี ตอนนี้ถือเป็นขุมอำนาจชั้นหนึ่งของน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าความสามารถของถานไถฉางคงคนนี้น่าทึ่งเพียงใด
สำหรับผู้แข็งแกร่งที่สามารถทะยานข้ามแดนใหญ่พันศึกและปักหลักในโลกยอดนิรันดร์ สร้างเผ่าจักรพรรดิอมตะมาเองกับมือเช่นนี้ หลินสวินไม่อาจไม่เลื่อมใส
หลินสวินในตอนนี้รู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าในฐานะคนนอกคนหนึ่ง การที่สามารถสร้างรากฐานเช่นนี้ในน่านฟ้าที่เจ็ดได้เป็นเรื่องยากเย็นมากเพียงใด
ขณะครุ่นคิดหลินสวินก็มุ่งหน้าไปกลางเมืองด้วย
ค่ายกลโบราณเขตแดนแห่งนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทันทีที่เข้าเมืองก็ถูกจิตรับรู้ของหลินสวินหาพบ
“ตระกูลถานไถเกรงว่าใกล้จบสิ้นแล้วล่ะ…”
ทันใดนั้นจิตรับรู้ของหลินสวินก็จับเสียงสายหนึ่งได้ เสียงนี้มาจากห้องรับรองในหอสุราแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับถนน แม้จะเบาหวิวสุดขีด แต่ด้วยมรรควิถีในปัจจุบันของหลินสวินก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจน
หลินสวินชะงักเท้าทันควัน
ในจิตรับรู้ของเขามองเห็นภายในห้องรับรองนั้นอย่างแจ่มชัด มีผู้ฝึกปราณสองคนนั่งอยู่ กำลังดื่มสุราพูดคุยกัน
ชายชราชุดดำหนึ่งในนั้นกล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียด “จะพูดจาซี้ซั้วไม่ได้ ระวังถูกคนอื่นได้ยินเข้า!”
“วางใจเถอะ ตอนนี้ตระกูลถานไถทั้งบนล่างล้วนตกอยู่ในอันตราย ไหนเลยจะมีแก่ใจมาสนใจพวกเราคุยกัน”
ชายชุดเทาฝั่งตรงข้ามกล่าวยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจ
ชายชราชุดดำสงบสติแล้วถามว่า “พูดเช่นนี้หมายความอย่างไร”
ชายชุดเทากล่าว “หลายปีก่อนพันธมิตรสงครามสิบตระกูลก่อตั้งขึ้น ในน่านฟ้าที่เจ็ดตระกูลถานไถเป็นขุมอำนาจแรกที่เลือกพึ่งพิงใต้อาณัติยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลจู่ หากไม่ใช่เช่นนี้ ลำพังแค่รากฐานพลังของตระกูลถานไถ เป็นไปได้หรือที่จะดูแลค่ายกลโบราณเขตแดนในเมืองได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ ควรรู้ว่าไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามต้องการใช้ค่ายกลโบราณเขตแดนมุ่งหน้าสู่น่านฟ้าที่แปด ล้วนต้องควักเงินจ่ายทรัพย์สินมหาศาลก้อนหนึ่ง! และตั้งแต่ดูแลค่ายกลโบราณเขตแดนแห่งนี้ ทรัพย์สมบัติพวกนี้ล้วนถูกตระกูลถานไถเก็บไว้คนเดียว”
ชายชราชุดดำขมวดคิ้วกล่าว “หรือเพราะเรื่องนี้ทำให้ตระกูลถานไถปลุกความโลภของขุมอำนาจอื่นขึ้นมา จนลงมือกับตระกูลถานไถอย่างนั้นหรือ”
ชายชุดเทาส่ายหน้า “ผิด ยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลจู่คอยหนุนหลัง ใครจะกล้าขัดแข้งขัดขาตระกูลถานไถ”
“เช่นนั้นก่อนหน้านี้เหตุใดเจ้าถึงบอกว่าตระกูลถานไถใกล้จบสิ้นแล้ว”
“เจ้านี่นะ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
ชายชุดเทากล่าวชี้แนะ “หลายปีก่อนกองกำลังของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลถูกรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดหลินสวินฆ่าจนเสียหายล้มตายสาหัส ภายใต้แรงโจมตีระดับนี้ สิบยักษ์ใหญ่อมตะเสียหายหนักมากยิ่ง ตัวเองยังเอาไม่รอด หากเพียงแค่เท่านี้ก็แล้วไปเถอะ แต่ตอนนี้แม้แต่กำลังพลของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน รวมถึงน่านฟ้าที่เก้าล้วนพ่ายแพ้หน้าประตูลัทธิแรกกำเนิด เมื่อเป็นเช่นนี้ตระกูลถานไถจะไม่เป็นอันตรายได้หรือ”
ฟังถึงตรงนี้ชายชราชุดดำคล้ายเข้าใจขึ้นมาในบัดดล กล่าวว่า “เจ้าจะบอกว่าตระกูลถานไถจะถูกชำระบัญชีจากลัทธิแรกกำเนิดหรือ”
ชายชุดเทาพยักหน้า “ไม่เพียงแค่ตระกูลถานไถ ปีนั้นขุมอำนาจที่เลือกอยู่ใต้อาณัติสิบยักษ์ใหญ่อมตะ เกรงว่าล้วนต้องเตรียมตัวถูกลัทธิแรกกำเนิดกวาดล้าง!”
เสียงสูดหายใจสะท้านดังขึ้นจากชายชราชุดดำ “หากเป็นเช่นนี้จริง เผ่าจักรพรรดิอมตะในน่านฟ้าที่เจ็ดแห่งนี้ไม่ใช่จะตกอยู่ในอันตรายทุกตระกูลหรือ”
ชายชุดเทาส่ายหน้าเอ่ย “ไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้ ด้วยรากฐานพลังและอำนาจบารมีของลัทธิแรกกำเนิด มีหรือจะกวาดล้างเผ่าจักรพรรดิอมตะในน่านฟ้าที่เจ็ดพวกนั้นจนหมดเพียงเพราะเหตุผลนี้”
“เท่าที่ข้าดู ขุมอำนาจที่ถูกบีบให้เลือกสยบต่อสิบยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้นน่าจะไม่ใครเป็นเป้าหมายการกวาดล้างของลัทธิแรกกำเนิด กลับเป็นขุมอำนาจที่เลือกอยู่ใต้อาณัติสิบยักษ์ใหญ่อมตะเหมือนอย่างตระกูลถานไถตั้งแต่แรก ที่จะต้องรับการแก้แค้นจากลัทธิแรกกำเนิด!”
กล่าวถึงตรงนี้ชายชุดเทากล่าวสรุป “นี่ก็เรียกว่ายืนผิดฝ่าย รอให้ลัทธิแรกกำเนิดตั้งสติกลับมา จะต้องชักดาบใส่พวกเขาแล้วเชือดไก่ให้ลิงดูแน่ ให้คนทั่วหล้าได้ประจักษ์ว่าอะไรที่เรียกว่าจุดจบของการช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ!”
ชายชราชุดดำอดเผยแววเลื่อมใสออกมาไม่ได้ เอ่ยว่า “สหายยุทธ์ความคิดยาวไกลนัก! ข้าขอคารวะ”
ชายชุดเทากล่าว “น่าเสียดาย เดิมทีข้าเลื่อมใสถานไถฉางคงผู้นำตระกูลถานไถยิ่งยวด คนผู้นี้องอาจเต็มเปี่ยม มากล้นฝีมือ แต่กลับตัดสินใจผิดในปีนั้น หากข้าเดาไม่ผิด เผ่าจักรพรรดิอมตะอื่นๆ เกรงว่าคงมองสถานการณ์คับขันของตระกูลถานไถออกแล้วเช่นกัน ถึงขั้นเป็นไปได้สูงว่าอาจลับมีดรอเชือดแล้วก็ได้ รอหลังจากตระกูลถานไถประสบเคราะห์ ก็ไปแบ่งอาณาเขตและอำนาจที่พวกเขาเหลืออยู่!”
ฟังถึงตรงนี้หลินสวินก็ไม่ได้ฟังต่อไปอีก
เขาเก็บจิตรับรู้มุ่งหน้าต่อไป เพียงแต่หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย
ปีนั้นที่พันธมิตรสงครามสิบตระกูลก่อตั้งขึ้น เคยประกาศต่อทั่วหล้าว่าเป้าหมายก็คือการจัดการเขาหลินสวิน!
ทว่าภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ ตระกูลถานไถยังเลือกอยู่ใต้อาณัติยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลจู่ในทันที นี่ทำให้ในใจหลินสวินค่อนข้างผิดหวัง
เดิมทีเขายังตั้งตาคอยว่าหากมีวาสนายังจะสามารถพบกับถานไถเฟิงอีกครั้ง
ตอนนี้ดูท่ายังไม่เจอกันก่อนจะดีกว่า
หากตระกูลถานไถถูกบีบบังคับให้เลือกยอมสยบ หลินสวินยังเข้าใจได้
ทว่าตระกูลถานไถดันเป็นฝ่ายออกตัวเอง ซ้ำยังเลือกอยู่ข้างตระกูลจู่ทันที นี่ก็ทำให้ในใจหลินสวินไม่ชอบใจอยู่บ้างแล้ว
ไม่นานค่ายกลโบราณเขตแดนใจกลางเมืองก็ปรากฏในสายตาหลินสวิน
เขาส่ายหน้า ไม่คิดมากความอีก
เพียงแต่ยามเขาจะเดินเข้าไปในค่ายกลโบราณเขตแดนแห่งนั้น จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อย
ก็เป็นเวลานี้เอง…
“ตั้งแต่วันนี้ไป เมืองค้ำฟ้าและค่ายกลโบราณเขตแดนแห่งนี้จะมี ‘ตระกูลถง’ ของข้าเป็นผู้ปกครอง!”
เสียงแข็งกร้าวสายหนึ่งดังก้องขึ้นในลาน
จากนั้นตามถนนหนทางแถวนั้นก็มีผู้ฝึกปราณเป็นกลุ่มๆ พุ่งกระโจนออกมา ราวกับกระแสน้ำหลากเข้าโจมตีผู้คุ้มกันที่คอยเฝ้าอยู่บริเวณค่ายกลโบราณเขตแดน
“แย่แล้ว ศัตรูซุ่มโจมตี!”
“รีบขอความช่วยเหลือเร็วเข้า!!”
ผู้คุ้มกันเหล่านั้นตกใจตะโกนลั่น แต่เวลาเพียงอึดใจสั้นๆ เท่านั้นก็ถูกผู้แข็งแกร่งจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลถงสังหารราบคาบ เลือดนองเต็มพื้น
ด้านตระกูลถง ผู้นำเป็นชายชุดเงินอานุภาพกร้าวแกร่ง ผมเคราราวสีหมึก กำลังยืนไพล่หลังกล่าวเสียงขรึม “ผู้ไม่เกี่ยวข้องรีบถอยออกไป!”
เสียงดุจสายฟ้าฟาด
“หนีเร็ว!”
“หนี หนีเร็วเข้า!”
ในถนนละแวกนั้นมีเสียงร้องแตกตื่นดังขึ้น คนมากมายต่างตกใจกลัว หนีเตลิดออกไปไกลๆ ชุลมุนวุ่นวายไปทั้งแถบ
หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น
เขาคิดไม่ถึงว่าตนยังไม่ทันไปคิดบัญชีกับตระกูลถานไถ ตระกูลถานไถกลับเป็นไปได้สูงว่าจะประสบเคราะห์แล้ว
กลางวันแสกๆ แม้แต่ค่ายกลโบราณเขตแดนยังถูกคนปล้นชิงไป แค่คิดก็รู้ว่าสถานการณ์ของตระกูลถานไถในตอนนี้ย่ำแย่แค่ไหน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ตอนยังไม่รู้สิ่งที่ตระกูลถานไถทำลงไปในปีนั้น บางทีหลินสวินอาจจะลงมือช่วยเหลือสักครา แต่ตอนนี้เขาไม่ยินดียื่นมือเข้าแทรกแล้ว
ดีร้ายแอบอิง ทุกอย่างล้วนต้องแบกรับเอง!
พลันนั้นผู้แข็งแกร่งตระกูลถงคนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากไกลๆ ชี้หลินสวินแล้วตวาดเสียงกร้าว “ยังมัวเฉยอยู่ทำไม ไม่ได้ยินคำใต้เท้าของข้าหรือ ไสหัวไปให้ไว!”
หลินสวินทอดสายตามองรอบบริเวณ คราวนี้ถึงพบว่าพื้นที่ละแวกค่ายกลโบราณเขตแดนนี้ นอกจากผู้แข็งแกร่งตระกูลถงมากกว่าร้อยคนนั่นแล้วก็เหลือแค่ตนยืนอยู่คนเดียว
“เจ้าหมอนี่คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ!”
เมื่อเห็นว่าหลินสวินไม่ขยับ ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงนั่นก็สบถด่าประโยคหนึ่งอย่างหมดความอดทน ฝ่ามือคว้าไปทางหลินสวินผ่านอากาศ
ตูม!
พลังฝ่ามือดุเดือดรุนแรง
เพียงแต่ยังไม่ทันเฉียดใกล้หลินสวินก็อันตรธานหายเกลี้ยงอย่างไร้เสียง
ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงคนนี้ผงะไป
เป็นเวลานี้เองที่หลินสวินกล่าวเรียบๆ “ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”
ปึง!
ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงคนนี้ร่างแตกระเบิดตรงๆ เถ้าธุลีลอยคลุ้ง หายลับไปจนไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว เหมือนลบร่องรอยทั้งหมดไปจากโลกชัดๆ!
ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงอย่างพวกชายชุดเงินต่างตกใจ
——