บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1355 ผลวิญญาณเต๋า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1355 ผลวิญญาณเต๋า

บทที่ 1355 ผลวิญญาณเต๋า

พวกเขาทั้งหมดเงียบลงทันทีที่เซียงหลิวหลีพูดจบ

อันที่จริง ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน นิกายอำนาจเทวะได้ทำสงครามกับนิกายนับไม่ถ้วนมาโดยตลอด และถือได้ว่าเป็นศัตรูร่วมกันของทั้งสามภพอย่างแน่นอน

ทว่านิกายอำนาจเทวะกลับสามารถยืนหยัดอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นหนึ่งในสามนิกายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามภพ ก็สมควรแล้วที่มันจะมีชื่อเสียง

การกระทำของซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียว หลังจากที่พวกเขาเข้าสู่ภูมิภาคบรรลุเทพแสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน

ประการแรก พวกเขาได้เกณฑ์ราชาเซียนของนิกายยุคแรกกำเนิดมา เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง จากนั้นก็จัดตั้งค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ เพื่อทำลายนิกายต่าง ๆ และตั้งใจที่จะสังหารกลุ่มของสืออวี๋ทั้งหมดในคราวเดียว

หลังจากล้มเหลว พวกเขาก็เปิดใช้งานข้อจำกัดของทวยเทพทั้งสามสิบหกขั้นของตำหนักบรรลุเทพในทันที เพื่อขังราชาเซียนทั้งหมดไม่ให้เข้าสู่เทวาคารบรรลุเทพ

น่าเสียดายที่มันยังคงจบลงด้วยความล้มเหลว

จนถึงตอนนี้ ซุ่ยเหรินถิงได้อาศัยพลังของเนตรทัณฑ์สวรรค์ เพื่อทำลายล้างราชาเซียนคนอื่น ๆ ทั้งหมด แต่ประวัติศาสตร์ก็ยังคงซ้ำรอยและล้มเหลวอีกครั้ง

ทว่าในระหว่างการลงมือทั้งหมดนี้ ซุ่ยเหรินถิงได้ใช้ทั้งเจดีย์วิถีพญาปราชญ์ กระจกปฐพีไร้ขอบเขต ธงวิญญาณราชาศักดิ์สิทธิ์ แล้วยังได้สังเวยเล่อเชียนโฉว เป่ยห่าวหลิง อู๋เซียงจื่อ อี้หรานเฟิง และราชาเซียนไปอีกมากมาย

แม้แต่ฉยงเย่าจือและลู่เซียวหานที่จบชีวิตลง ณ ข้อจำกัดขั้นแรกของตำหนักบรรลุเทพ ก็ตายเพราะพวกเขาไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมนิกายอำนาจเทวะ

อาจกล่าวได้ว่า ถึงซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวจะมีกันเพียงคนสองคน แต่การเดินทางในภูมิภาคบรรลุเทพล้วนเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาใช้แผนการและกลยุทธ์ทุกประเภท ทำให้ยิ่งดูโหดร้ายและเลือดเย็นอย่างยิ่ง

แต่เมื่อจนมุม พวกเขาก็เคลื่อนย้ายออกไปโดยป้ายหยกอำนาจเทวะและหนีรอดไปได้

การกระทำทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านิกายอำนาจเทวะนั้นไร้ความปรานี โหดร้ายและเลือดเย็นเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าการที่จะสังหารสมาชิกของนิกายอำนาจเทวะ ก็นับเป็นเรื่องยากยิ่ง

เมื่อใคร่ครวญอย่างรอบคอบ หัวใจของสืออวี๋ เซียงหลิวหลี และมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ก็เย็นเฉียบ พวกเขารู้ดีว่า ในครั้งนี้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเฉินซี พวกเขาก็คงถูกนิกายอำนาจเทวะสังหารไปแล้ว

อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีเฉินซี พวกเขาคงไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้เลย!

นั่นเป็นเพราะเมื่อพวกเขาติดอยู่ในค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ เป็นเฉินซีที่ใช้กระบี่เต๋าวิบัติช่วยเหลือพวกเขาออกมา

ตอนที่ข้อจำกัดของทวยเทพทั้งสามสิบหกขั้นของตำหนักบรรลุเทพถูกเปิด ก็เป็นเฉินซีที่นำพวกเขาฝ่าอุปสรรคมาถึงเทวาคารบรรลุเทพได้สำเร็จ

ก่อนหน้านี้ เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงจากเนตรทัณฑ์สวรรค์ เฉินซีก็เป็นผู้ที่ต่อสู้กับมันโดยตรง และช่วยชีวิตของราชาเซียนทั้งหมดเอาไว้อีกครั้ง

ถ้าครั้งแรกเป็นความบังเอิญ แล้วครั้งที่สองและสามล่ะ?

หรือจะกล่าวได้ว่า เป็นเพราะเฉินซีพวกเขาถึงสามารถเอาชนะซุ่ยเหรินถิงกับเจี้ยงหลิงเซียว จนบีบให้นิกายอำนาจเทวะต้องกลับไปมือเปล่า!

ครืน!

ขณะที่พวกเขาตกกออยู่ในภวังค์ เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น ทำให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์

เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าเฉินซีร่วงลงมาจากกลางอากาศและกองอยู่บนพื้น

“เฉินซี!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

สืออวี๋ เซียงหลิวหลี และมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์รีบเข้าไปดู และก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าเฉินซีเพียงเหนื่อยล้าไม่ได้มีอันตรายต่อชีวิต

“ข้าสบายดี”

เวลานี้ เฉินซีเองก็ฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว ทว่าสีหน้ากลับซีดอย่างน่ากลัว กลิ่นอายทั้งหมดบางเบา ราวกับความแข็งแกร่งทางกายถูกดูดออกไปจนสิ้น ดูอ่อนแอลงอย่างมาก

ตอนนี้ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกลียวคลื่นผันผวนที่แปลกประหลาดและคลุมเครือ แต่เห็นได้ชัดว่ามันอ่อนแอกว่า เมื่อเทียบกับตอนต่อสู้กับเนตรทัณฑ์สวรรค์

ทว่าถึงอย่างนั้น มันก็ยังปกป้องเขาจากการถูกโจมตีโดยเทวาคารบรรลุเทพ

“มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเอง” สืออวี๋ไม่ลังเลที่จะแบกเฉินซีไว้บนหลัง “พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของเราเอง”

หลังจากประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ มากมาย ราชาเซียนเหล่านี้ก็ได้ถือว่า เฉินซีเป็นผู้กอบกู้โดยสมบูรณ์ ในยามนี้ ไม่ต้องพูดถึงการแบกคนไว้บนหลัง แม้ว่าอีกฝ่ายร้องขอสิ่งใด พวกเขาก็คงจะตกลงไปทันทีโดยไม่ลังเล

เมื่อเห็นเช่นนั้น เฉินซีก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ชายหยุ่มยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะหายใจเข้าลึก และเริ่มปรับลมหายใจเงียบ ๆ เริ่มดูดซับปราณเซียนที่ต้นอ่อนเงาทมิฬมอบให้อย่างต่อเนื่อง

“ขอบคุณสหายเต๋า”

“ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า เกรงว่าเราคงได้เผชิญกับโชคร้ายไปนานแล้ว”

“ขอบคุณ”

ในขณะเดียวกัน ซุนอู๋เหิ่น ต้าวเหยาและผางตู่ก็เข้ามาป้องมือและกล่าวขอบคุณ

พวกเขาตระหนักดีว่า หากไม่ได้กลุ่มของสืออวี๋ พวกเขาก็คงถูกซุ่ยเหรินถิงหลอกสังหารไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกขอบคุณสืออวี๋และคนอื่น ๆ จากใจจริง

“อย่าได้ใส่ใจเลย” เซียงหลิวหลียิ้ม แต่นางก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำขอบคุณของพวกเขานัก แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะร่วมมือจัดการซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวด้วยกันก็ตาม

ทว่าสถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขากำลังจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของเทวาคารบรรลุเทพ เพื่อค้นหาวิธีที่จะกลายเป็นเทพ ดังนั้นความสัมพันธ์พันธมิตร ย่อมเปลี่ยนเป็นคู่แข่ง

และการแข่งขันก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการต่อสู้

สิ่งสำคัญที่สุดคือ คือนางจำได้อย่างชัดเจนว่า ต้าวเหยากับผางตู่เคยได้แปรพักตร์ไปหานิกายอำนาจเทวะมาก่อน และถ้าไม่ใช่เพราะการตายของอี้หรานเฟิง พวกเขาก็คงจะยังช่วยเหลือซุ่ยเหรินถิงจนถึงตอนนี้!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เซียงหลิวหลีจะตอบรับความขอบคุณได้อย่างไร? แค่นางไม่คิดบัญชีพวกเขา มันก็เป็นความเมตตามากพอแล้ว

“ข้า… ต้องการค้นหาวิธีการเป็นเทพร่วมไปกับสหายเต๋า ข้าสามารถเข้าร่วมกลุ่มของเจ้าได้หรือไม่? ไม่ต้องกังวล ข้ารับประกันว่าจะไม่เข้าไปขวางทางของพวกเจ้าแน่นอน”

ซุนอู๋เหิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงเบา ตนมีความแค้นต่อต้าวเหยาและผางตู่อยู่เต็มท้อง ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้เคียงข้างกันเมื่อครู่ แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่ข้องเกี่ยวกันอีกต่อไป

ดังนั้นเพื่อให้ได้วิธีบรลุเต๋าและกลายเป็นเทพ เขาจึงทำได้เพียงพยายามเข้าร่วมกลุ่มของสืออวี๋เท่านั้น เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้าและแข่งขันในอนาคต

“เราให้เขาเข้าร่วมกับเราได้หรือไม่? ข้าพอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลิงเฒ่าตัวนี้ หากเขากล้ามาขวางทาง ข้าจะเป็นคนฆ่าเขาเอง” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์สนับสนุนซุนอู๋เหิ่นอีกแรง

สืออวี๋กับเซียงหลิวหลีมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะตราบใดที่ซุนอู๋เหิ่นไม่ต่อสู้หรือแข่งขันกับพวกตน ทุกอย่างก็นับว่าดี

ต้าวเหยาและผางตู่อดไม่ได้ที่จะเขินอาย พวกเขารู้ดีว่าการแปรพักตร์ของพวกตนก่อนหน้านี้ย่อมกระตุ้นความเกลียดชังจากสืออวี๋และคนอื่น ๆ ไปแล้ว

หากเป็นเวลาอื่น พวกเขาคงไม่คิดใส่ใจ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว วิธีการกลายเป็นเทพที่อยู่ด้านบนสุดของเทวาคารบรรลุเทพนั้น ไม่เคยจางหายไปจากความคิดของพวกเขา และหากพวกเขาต้องการบรรลุเป้าหมายนี้ ก็ทำได้เพียงร้องขอการอภัยจากสืออวี๋และคนอื่น ๆ

“ย่อมได้ แต่มีเงื่อนไข หากเจ้าได้รับผลวิญญาณเต๋า เจ้าต้องส่งมอบมันให้กับเราก่อน แล้วเจ้าทั้งคู่จะได้รับการแจกจ่ายเป็นลำดับสุดท้าย ตกลงหรือไม่?”

สืออวี๋ถาม เขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขับไล่ ต้าวเหยาและผางตู่ไปในตอนนี้ และหากต้องแข่งขันกับทั้งสองคน การต่อสู้ก็คงจะเกิดอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ข้อเสนอนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“แน่นอน แน่นอน! นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!” ต้าวเหยาและผางตู่พยักหน้าซ้ำ ๆ

พวกเขาทั้งคู่เองก็กังวลเหมือนกันว่า สืออวี๋และคนอื่น ๆ จะทำร้ายพวกตน ดังนั้นพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ได้อย่างไร

เมื่อทุกคนมีความคิดเห็นตรงกันแล้ว บรรยากาศก็ผ่อนคลายลงอย่างมากในทันที

พวกเขาทั้งหมดมาเพื่อหนทางสู่การเป็นเทพ ย่อมไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กันเอง

หลังจากการต่อสู้ที่น่าตกใจ ข้อจำกัดอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดบนเส้นทางยาวพันลี้ ที่นำไปถึงจุดสูงสุดของเทวาคารบรรลุเทพก็ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

แทบจะทันใดนั้น สืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็มาถึงจุดสูงสุดของเทวาคารแล้ว

มันเป็นลานขนาดใหญ่ที่ปูด้วยอิฐโบราณ เมื่อมองขึ้นไปก็จะเห็นท้องฟ้าอันวุ่นวายที่ถูกรายล้อมไปด้วยหมอกหนาทึบ

“ตามตำนาน ผลวิญญาณเต๋าถูกซ่อนอยู่ในความสับสนวุ่นวายนี้ หากเราคว้ามันมาได้ แผ่นจารึกเทพก็จะปรากฏหรือเทียบเท่ากับการได้รับวิธีการบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพเจ้า ในไม่ช้า เราก็จะได้บรรลุกลายเป็นเทพ!” เซียงหลิวหลีกวาดสายตาไปรอบ ๆ และพูดช้า ๆ

ผลวิญญาณเต๋าเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งที่เกิดในดินแดนเทพนอกสามภพ มันเป็นอะไรบางอย่างที่เหมือนกับยาสร้างรากฐาน และตราบใดที่กลืนและดูดซับมันไป ก็จะสามารถสร้างรากฐานของตัวเองใหม่และกลายเป็นเทพได้!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิธีการลับในการกลายเป็นเทพนั้น ซ่อนอยู่ในผลวิญญาณเต๋า!

“ทุกคนระวังตัวด้วย หมอกโกลาหลรอบ ๆ เทวาคารนี้เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้ขอบเขต การค้นหาและชิงผลวิญญาณเต๋านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย” สืออวี๋เตือน

แม้ว่าในสายตาของราชาเซียน จุดสูงสุดของเทวาคารบรรลุเทพจะดูไม่ใหญ่โตนัก แต่ทุก ๆ พื้นที่ของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกโกลาหล และเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่การรับรู้ของราชาเซียนก็ไม่สามารถค้นหาผ่านได้ ดังนั้นการค้นหาและชิงผลวิญญาณเต๋ามา จึงขึ้นอยู่กับโชคของพวกเขาเอง

ตามตำนาน ราชาเซียนในอดีตสามารถสัมผัสและค้นพบผลวิญญาณเต๋า ที่สอดคล้องกับมหาเต๋าที่ตนครอบครองได้ทันทีที่มาถึง ในขณะที่บางคนไม่สามารถหาแม้แต่ผลเดียวไม่ว่าจะค้นหากี่ครั้งก็ตาม

ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับโชคลาภของตัวเอง

มันไม่ต่างอะไรกับการค้นหาปลาในโคลน ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยโชคของแต่ละคน

สิ่งสำคัญที่สุดคือ บางครั้งผลวิญญาณเต๋าที่บางคนพบ อาจไม่อดคล้องกับมหาเต๋าของพวกเขา และเหตุผลคือผลวิญญาณเต๋าเอง ก็ถูกแบ่งไปตามคุณลักษณะต่าง ๆ

อาทิเช่น ในบรรดาองค์ประกอบทั้งห้านั้น ราชาเซียนบางคนอาจเชี่ยวชาญมหาเต๋าแห่งทอง แต่ผลวิญญาณเต๋าที่เขาได้รับนั้นเป็นธาตุไฟและบรรจุกฎเทพอัคคีไว้ องค์ประกอบเหล่านี้ขัดแย้งกัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มันเพื่อบรรลุเป็นเทพ

ทุกคนรู้เรื่องนี้ และหลังจากที่สืออวี๋อธิบายเสร็จ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังหมอกโกลาหลที่อยู่รอบ ๆ ก่อนที่ร่างจะหายไปอย่างรวดเร็ว

สืออวี๋ยืนเฝ้าเฉินซีอยู่ข้าง ๆ และไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เขากังวลว่า ซุ่ยเหรินถิงจะย้อนกลับมาและเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเฉินซี

ชายหนุ่มไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เขาจึงสอบถามอย่างไม่จริงจัง “พี่สืออวี๋ ผลวิญญาณเต๋าบนเทวาคารบรรลุเทพ มีอยู่ทั้งหมดกี่ผลกัน?”

“ไม่มีใครยืนยันได้” สืออวี๋ ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ข้าได้ยินจากผู้อาวุโสของนิกายว่าสมบัติชนิดนี้มีสติปัญญาเป็นของตัวเอง ในสายตาของบางคน ทุกหนทุกแห่งในหมอกที่วุ่นวายนั้น เต็มไปด้วยผลวิญญาณเต๋า แต่ในสายตาของบางคน พวกเขากลับไม่พบสักอันเดียว ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดด้วยชะตาและโชคลาภ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง และถอนหายใจออกมา “นี่คือเส้นทางสู่การเป็นเทพ โชคลาภเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินทุกสิ่ง และไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติที่จะออกจากสามภพและบรรลุเป็นเทพได้”

“โอ้?” เฉินซีตกตะลึง ชายหนุ่มปรับลมหายใจของตน พลางกวาดตามองหมอกโกลาหลโดยรอบ ทันใดนั้นเขาก็พบแสงแปลก ๆ แวบผ่านตา “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอถามพี่สืออวี๋หน่อยว่า ผลวิญญาณเต๋าเหล่านี้มีหน้าตาเป็นเช่นไร?”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท