ตอนที่ 562 ท้องจริง ๆ
ตอนที่ 562 ท้องจริง ๆ
ผู้เฒ่าเซี่ยมีสีหน้าไม่สู้ดี ไม่อยากพูดอะไรอีก ส่วนทุกคนก็ฉลาดเกินกว่าจะต่อความยาวสาวความยืดในหัวข้อนี้
“คุณตา หมอเย่ เอ้อร์เลิ่ง พวกเราไปก่อนนะคะ อย่าลืมว่าพวกคุณต้องมาร่วมงานแต่งของเราด้วย”
“ได้ พวกเราจะไปแน่นอน”
ก่อนที่เฉินเจียเหอจะแต่งงาน เขาได้กำหนดวันจัดพิธีขึ้นบ้านใหม่ โดยไปที่บ้านหลังใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมเสียก่อน แขวนรูปแต่งงานไว้ในห้อง จัดบ้านให้เรียบร้อย
แต่เขาบอกกับทุกคนล่วงหน้าว่าเขาจะไม่ขอรับของขวัญหรือเงินใด ๆ ขอจัดพิธีเพื่อความสนุกสนานภายในครอบครัวเท่านั้น
พวกผู้ใหญ่บอกว่าการขึ้นบ้านใหม่เป็นธรรมเนียมที่คนเราให้ความสำคัญมาช้านาน ประการแรก การย้ายบ้านใหม่หมายถึงการทำอาหารในบ้านหลังใหม่ กราบไหว้เทพเจ้าเตาไฟ เพื่อให้เจ้าของบ้านมีความสงบสุขร่มเย็น และมีแต่ความสุขตลอดไป
คนเฒ่าคนแก่แต่ละคนหยิบวัตถุดิบที่มีความหมายเป็นสิริมงคลเข้าบ้านใหม่กันด้วยความยินดี
นี่คือบ้านใหม่ที่ได้รับการจัดสรรจากหน่วยงาน ทุกคนจึงมีความสุขกันทั่วหน้า
พร้อมกันนั้นก็ภาคภูมิใจมากเช่นกัน เนื่องจากผู้ที่ได้รับการจัดสรรบ้านหลังใหม่จากหน่วยงานได้ต้องนับว่าเป็นกระดูกสันหลังของหน่วยงาน คนส่วนใหญ่รอคิวมานานหลายปีจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้คิว
นี่ยังแสดงให้เห็นว่าเฉินเจียเหอทุ่มเทให้กับงานดีแค่ไหน
สำหรับมื้อแรกในบ้านหลังใหม่ เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงรับหน้าที่ปรุงและทอดทุกอย่างในครัว
ไม่ต้องลำบากคนอื่นเข้าไปช่วยเป็นลูกมือเลย
แม้ว่าคุณแม่เซี่ยจะมีความสุขที่เห็นว่าหลานสาวได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ แต่นางก็ยังรู้สึกเศร้าโศกอยู่บ้างเล็กน้อย “เซี่ยเซี่ยยิ่งอยู่ห่างไกลจากพวกเราเข้าไปอีกเมื่อมาอาศัยอยู่ที่นี่”
หลินเซี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณย่า ไม่ได้ไกลมากหรอกค่ะ ฉันมีมอเตอร์ไซค์ ไปมาหาสู่บ้านของคุณได้ตลอดเวลา”
ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ข้างนอก หลิวกุ้ยอิงตุ๋นเนื้ออยู่ในครัว กลิ่นของน้ำซุปโชยออกมาจนทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากลิ่นช่างหอมหวนชวนยั่วน้ำลาย แต่หลินเซี่ยกลับไม่คิดแบบเดียวกันนั้น เธอพยายามอดทนกลั้นหายใจอยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ปิดปาก แล้ววิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ
ปรากฏว่าแม้แต่อาเจียนก็ไม่หลุดออกมา เป็นแค่อาการคลื่นไส้เท่านั้น
เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ ทุกคนต่างก็จับจ้องมาที่เธอ
หลินเซี่ยยิ้มอย่างเชื่องช้า พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด “ฉันสบายดีค่ะ แค่รู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย”
แน่นอนว่าเหตุผลนี้ไม่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคนอีกต่อไป
ในฐานะย่าแท้ ๆ ของเธอเอง คุณแม่เซี่ยตัดสินใจพูดอย่างตรงไปตรงมา และให้คำแนะนำโดยตรง
“เซี่ยเซี่ย ย่าคิดว่าหลานน่าจะกำลังตั้งท้อง ทำไมไม่แวะไปโรงพยาบาลแล้วตรวจสุขภาพดูสักหน่อยล่ะ จะได้รู้ว่าตัวเองท้องจริงไหม จะปกปิดอาการแพ้ท้องว่าเป็นแค่อาการท้องเสียไปตลอดไม่ได้หรอกนะ ถ้ากินยาผิดประเภทแล้วจะยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายซะเปล่า”
เมื่อคุณแม่เซี่ยพูดถึงเรื่องนี้ คนอื่น ๆ ก็มองอย่างคาดหวังและพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลหน่อยเถอะ พวกเธอแต่งงานกันมาสักพักแล้ว จะท้องก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
ความจริงแล้วคำแนะนำทั้งหมดต่างก็เป็นแนวความคิดที่ดี อย่างน้อยพวกเขาก็เคยผ่านประการณ์ทำนองนี้มาก่อน เพียงแต่ไม่อยากกดดัน ตั้งใจจะรอให้หลินเซี่ยประกาศเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
หลินเซี่ยไม่คิดว่าย่าของเธอจะพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ เธอพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “คุณย่า มองออกด้วยเหรอคะ?”
คุณแม่เซี่ย คุณย่าเฉิน และยายของเฉินเจียเหอหันมองหน้ากันทันที รับรู้ว่าสิ่งที่พวกนางคาดเดานั้นถูกเผง
นางมองดูหลานสาวด้วยความรักและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กโง่เอ๋ย พวกเราต่างก็เคยท้องมาก่อน ไม่ว่าผู้หญิงจะตั้งท้องหรือไม่ก็ตาม สังเกตจากรูปร่างและลักษณะอาการภายนอกก็รู้แล้ว อีกอย่างเธอมีอาการแบบนี้มาตั้งกี่วัน ได้กลิ่นเนื้อแล้วพะอืดพะอมจนทนไม่ไหว… ถ้าไม่ใช่แพ้ท้องแล้วจะเป็นอะไรไปได้?”
หลินเซี่ยคิดว่าเธอตัวเองฉลาดมาก ต้องการซ่อนมันไว้ไม่ให้ทุกคนรับรู้ และกะจะรอจนถึงสามเดือนก่อนแล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ ไม่คาดคิดว่าผู้ใหญ่ทุกคนจะมีสายตาเฉียบคม สังเกตเห็นเข้าเสียแล้ว
ถึงแม้โจวลี่หรงจะไม่พูดอะไร แต่หล่อนก็มีความสุขมากกว่าใคร ๆ ที่กำลังจะได้เป็นคุณย่า บอกกับเฉินเจียเหอว่า
“เจียเหอ พาเซี่ยเซี่ยไปตรวจอีกครั้งเถอะ”
เฉินเจียเหอมองหลินเซี่ยด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก พูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หรือว่าเราจะประกาศกับพวกเขาตรงนี้เลยดี?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนไม่อยากอดทนเก็บมันไว้
หลินเซี่ยนับนิ้ว พบว่าอายุครรภ์ยังน้อยกว่าสามเดือน
ประกาศตอนนี้เลยดีไหม?
ชาติที่แล้วเธอไม่เคยมีลูกเป็นของตัวเอง ดังนั้นตอนนี้เธอจึงพยายามซ่อนชีวิตเล็ก ๆ ในท้องไว้อย่างระมัดระวัง ไม่กล้าเปิดเผยต่อสาธารณะหรือกระโตกกระตากกับมันจนเกินไป เพราะกลัวว่าโชคดีของตัวเองจะถูกพรากไป กลัวว่าบางสิ่งจะเกิดขึ้นกับลูกของเธอ
โจวลี่หรงมองดูสีหน้าของทั้งคู่ เห็นว่าพวกเขามีลับลมคมในเหมือนกำลังซ่อนบางสิ่งจากทุกคน
เซี่ยเหลยทำกับข้าวต่อไป ส่วนหลิวกุ้ยอิงที่ได้ยินเสียงหัวเราะในห้องนั่งเล่นเดินออกมาดูลาดเลา
เมื่อได้ยินพวกเขาพูดว่าหลินเซี่ยกำลังตั้งท้อง หล่อนก็เช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อน มองหลินเซี่ยด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็มองไปที่สมาชิกครอบครัวทุกคนในห้องที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยอารมณ์สวยงาม รีบขอคำยืนยันอย่างยินดี แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวดูเหมือนจะยังลังเลและเหม่อลอย ก็ถามอย่างสงสัย “เซี่ยเซี่ย จริงหรือเปล่า? แม่กำลังจะเป็นคุณยายใช่ไหม?”
“เกรงว่าอย่างนั้นค่ะ” หลินเซี่ยยิ้มอย่างจริงใจ
“หมายความว่ายังไงเนี่ย? เธอควรประกาศกับพวกเราตั้งนานแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมบอกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้ทุกคนรู้กันนะ? รีบไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลเร็วเข้า อย่าประมาท ถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ จะได้เตรียมตัวให้นมลูก”
โจวลี่หรงถามอย่างสงสัย “พวกเธอสองคนทำตัวลึกลับมาก เจียเหอเพิ่งบอกว่าหรือจะเอาออกมาเลยดี? จะเอาอะไรออกมาเหรอ?”
ทุกคนมองดูพวกเขาอย่างคาดหวัง
หลินเซี่ยยิ้มและพูดกับเฉินเจียเหอ “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้พวกเขาดูเถอะค่ะ”
หลินเซี่ยพูดจบ เฉินเจียเหอก็หยิบแผ่นอัลตราซาวนด์ที่ได้จากโรงพยาบาลออกมาจากกระเป๋าเอกสารของเขา
“เซี่ยเซี่ยท้องจริง ๆ ครับ” เขาแสร้งทำเป็นสงบ แต่มุมปากของเขากลับเผยรอยยิ้มกว้าง
“จริงเหรอ?”
ทันทีที่เฉินเจียเหอพูดแบบนี้ ทุกคนในห้องก็ผุดลุกยืนขึ้นทันที และกรูกันเข้ามาใกล้เพื่อดูแผ่นอัลตราซาวนด์ B ในมือของเฉินเจียเหอ
“นานแค่ไหนแล้ว?” คุณย่าเฉินถาม
“คุณย่า ท้องได้ประมาณสองเดือนกว่าแล้วค่ะ ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะรอให้ครบสามเดือนก่อนแล้วค่อยประกาศ”
พอหลินเซี่ยพูดแบบนี้ ผู้ใหญ่ทุกคนก็พากันหัวเราะ
“เด็กคนนี้รู้ความจริง ๆ รอบคอบมากที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
คุณยายโจวพูดขึ้นมา “บอกให้คนในครอบครัวรู้กันเองก็พอแล้ว พวกเราจะไม่เอาไปพูดกับใครแค่ตราบใดที่ยังไม่ครบสามเดือนดี”
ผู้สูงอายุต่างยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลินเซี่ยมีความเป็นผู้ใหญ่ รู้จักสงวนท่าทีตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมกันนั้นพวกเขาก็รักและพอใจในตัวเธอมากยิ่งขึ้น
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้ตั้งท้องเลยตั้งแต่แรก แต่หล่อนกลับประกาศเสียงดัง ขอให้ทั้งครอบครัวหาเงินมาปรนเปรอหล่อนอย่างสุขสบาย ท้ายที่สุดความจริงก็แดงออกมาว่าหล่อนไม่เคยท้อง พอกลับลำไม่ได้ จึงสร้างปัญหาและสาดน้ำสกปรกใส่หลินเซี่ย
เมื่อหยิบยกมาเปรียบเทียบกันแบบนี้ เรียกได้ว่าหลินเซี่ยนั้นได้โดดเด่นมากกว่าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยหรือความคิดอ่าน
หลานสาวของเขากำลังจะมีลูก นั่นหมายความว่าจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาในครอบครัว เป็นโอกาสอันดีที่สมควรแก่การเฉลิมฉลองจริง ๆ
ในความเป็นจริงแล้ว เซี่ยไห่กำลังจินตนาการว่าเมื่อใดที่เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยมีลูกเป็นของตัวเอง เขาจะขอหู่จือมาเป็นลูกชาย เพราะถ้าเขามีลูก เขาก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานอีก
ถึงเซี่ยไห่มีความคิดเอาตัวรอดแบบนั้น เขาก็ต้องล้มเลิกไปทันทีเพราะปัญหาที่จะตามมาในทางปฏิบัติ
หู่จือยังไม่ทันได้รู้ประสบการณ์ชีวิตที่แท้จริงของตัวเองเลย ถ้าผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเตะส่งเขาไปรอบ ๆ เหมือนลูกบอล เด็กคนนั้นจะไม่ยิ่งสงสัยในภูมิหลังของตัวเองหรอกเหรอ?
นอกจากนี้ เดี๋ยวหู่จือเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าตารอง ถ้าให้เด็กเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าพ่อ นั่นก็เท่ากับหู่จือและเฉินเจียเหอมีศักดิ์เท่าเทียมกันมิใช่รึ?
นี่มันความวุ่นวายแบบไหนกัน?
เซี่ยไห่ส่ายหัว พร้อมกับฝันสลาย
เฉินเจียซิ่งบอกว่าในเมื่อพี่สะใภ้ของเขาตั้งท้อง งั้นก็ต้องมีงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง
เฉินเจียเหอเห็นด้วยเป็นธรรมดา แต่หลินเซี่ยส่ายหน้าทันที
“ช่างเถอะ ทำตัวเงียบ ๆ เข้าไว้ดีกว่า เรากำลังจะจัดงานแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้อยู่แล้ว ค่อยไปฉลองพร้อมกันรวดเดียวก็ยังไม่สาย”
เธอไม่กล้าเปิดเผยให้คนอื่นรู้มากเกินไป
คุณแม่เซี่ยจำได้ว่าช่วงนี้หลินเซี่ยมีงานยุ่งล้นมือ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจเปิดร้าน หรือรับงานแต่งหน้าทำผมให้หยางหงเสีย โดยพื้นฐานแล้วเธอไม่เคยได้หยุดพักผ่อนดี ๆ เลย นางจึงพร่ำบ่นว่า “เซี่ยเซี่ย เธอเป็นเด็กมีเหตุผลจริงที่ไม่บอกพวกเราให้รู้ว่าท้อง แต่เธองานยุ่งตลอดทั้งวัน ช่วงระยะสามเดือนแรกเธอควรพักผ่อนให้มากหน่อย อย่าเพิ่งออกไปทำงานที่ร้านตัดผมเลย อีกร้านก็มีเสี่ยวเยี่ยนอยู่ทั้งคน ให้เสี่ยวเยี่ยนทำงานคนเดียวและรับสมัครเด็กฝึกงานมาเป็นผู้ช่วยดีกว่า ตอนนี้เธอควรเน้นความสำคัญไปที่การเตรียมคลอดนะ”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “คุณย่า ฉันทนอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ปกติแล้วงานที่ฉันทำก็ไม่ได้นักหนาอะไร เหนื่อยแล้วนั่งพักเป็นระยะยังได้”
คุณย่าเฉินยังพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถึงอยู่เฉยไม่เป็นก็ควรพักผ่อนเยอะ ๆ”
หลินเซี่ยเริ่มเป็นทุกข์ “เท่าที่ดูยังไม่มีเด็กฝึกงานคนไหนที่เหมาะสมจะเป็นผู้ช่วยเสี่ยวเยี่ยนเลยสักคน ถ้าเสี่ยวเยี่ยนต้องรับผิดชอบร้านคนเดียวและสอนเด็กฝึกงานไปด้วย ไม่รู้ว่าหล่อนจะไหวแค่ไหน แต่ถ้าหาเด็กฝึกงานที่มีคุณสมบัติและไม่ทำให้หล่อนเหนื่อยเกินไป ฉันอาจจะลองพิจารณาอีกที”
เฉินเจียซิ่งนั่งอยู่ข้างหยางหงเสีย กำลังซ่อมทีวีและเชื่อมต่อมันเข้ากับเครื่องเล่นวีซีดีตัวใหม่ในบ้านพี่ชายคนโต เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ดวงตาของเขาก็สดใสขึ้น หยุดสิ่งที่ทำอยู่ทันที จากนั้นมองที่หลินเซี่ยและพูดอย่างระมัดระวัง “พี่สะใภ้ ถ้าคุณไม่ติดขัดอะไร งั้นก็ให้หงเสียย้ายไปฝึกงานที่ร้านเจ้าสาวแสนสวยของคุณสิ”
“อะไรนะ?” หลินเซี่ยมองเฉินเจียซิ่งด้วยความประหลาดใจ “งานของหงเสียดูมั่นคงมากอยู่แล้ว รายรับแต่ละเดือนพอ ๆ กับพวกเราเลยนะ นายล้อเล่นหรือเปล่า?”
“พี่สะใภ้คงไม่รู้ เงินเดือนที่พนักงานในหน่วยงานของเราได้รับน้อยจนแทบจะอดตาย แถมช่วงนี้งานของพนักงานก็มาถึงจุดอิ่มตัว พวกเขาสนับสนุนให้พนักงานลาหยุดได้โดยไม่จ่ายเงินด้วยซ้ำไป เพราะแบบนั้นผมถึงอยากให้หงเสียลาหยุดงานชั่วคราวแบบไม่รับค่าจ้าง แล้วมาฝึกเรียนรู้งานกับคุณและหลินเยี่ยน หล่อนชอบเรียนแต่งหน้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร นับตั้งแต่ได้เจอคุณ หล่อนก็เอาแต่ชื่นชมความสามารถของคุณทุกวัน”
หลินเซี่ยหันไปถามหยางหงเสีย “หงเสีย นี่เป็นความคิดของเจียซิ่งแค่คนเดียว หรือของเธอด้วย?”
หยางหงเสียรีบพูดว่า “ฉันอยากเรียนรู้งานจริง ๆ ค่ะ อยากเปลี่ยนไปทำธุรกิจด้วย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนแก่อาบน้ำร้อนมาก่อน จะปิดบังอะไรก็ปิดไม่ได้หรอก
เรียกว่ากำลังจะนอนก็มีคนส่งหมอนให้หนุนได้ไหมนะ
ไหหม่า(海馬)