รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 970 ใจเย็น พวกเราก็มีรกรากเดียวกัน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 970 ใจเย็น พวกเราก็มีรกรากเดียวกัน!

บทที่ 970 ใจเย็น พวกเราก็มีรกรากเดียวกัน!

พยัคฆ์ขาวนั้นไม่ได้อ่อนพลัง มันไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งจากลั่วสุ่ย เข้าไปเจรจากับอสูรเผ่าต่าง ๆ ทำให้ไม่มีอสูรตนใดกล้าโผล่หัวมาขวางทางพวกหลี่จิ่วเต้า

พวกเขามุ่งหน้าต่อไป ไม่นานนักก็มาถึงส่วนลึก และเข้าใกล้ของวิเศษชิ้นนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

ของวิเศษเริ่มปรากฏสู่สายตาพวกเขา

มันคือหินผลึกก้อนมโหฬาร เผยภาพนิมิตออกมามากมาย ทั้งยังมีไอหมอกสีขาวจาง ๆ ห้อมล้อม ดูวิเศษวิโสอย่างยิ่งยวด

ใกล้ ๆ หินผลึกมีอสูรกลุ่มหนึ่งฝึกฝนกันอยู่

รวมถึงพืชพันธุ์จำนวนหนึ่งที่ฝึกฝนอยู่เช่นกัน

พวกมันล้วนไม่ธรรมดา ทรงพลังกว่าพืชพันธุ์และอสูรข้างนอกนั่นหลายขุม ยามฝึกฝนจะมีพลังปราณน่าครั่นคร้ามแผ่ซ่านออกมา

“เก่งกาจจริง ๆ!”

นัยน์ตาต้นหลิวทอประกายผิดแผกไป

พฤกษาและอสูรเหล่านี้อย่างต่ำที่สุดก็อยู่ที่ขอบเขตอิสระขั้นเก้า ซ้ำยังมีกำลังรบเหนือระดับอิสระอยู่สองตน

ตนหนึ่งคือวานรดำ อีกตนคือบงกชขาว

นี่เป็นของวิเศษเช่นไรกันแน่ ถึงได้กล้าแกร่งปานนี้ สามารถช่วยให้พฤกษาอสูรนับคณาวิวัฒนาและยกระดับจนสูงส่งเพียงนี้!

สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านั้นคิดจะแย่งชิงของวิเศษระดับนี้รึ เป็นไปได้อย่างไร เหล่าพฤกษาและอสูรที่ห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ ของวิเศษสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านั้นได้ทุกตน

“พวกเขาไปถึงของวิเศษอย่างอยู่รอดปลอดภัยหรือ!”

“หยุดหยั่งเชิงได้แล้ว พวกเราต้องออกโรงด้วยตนเอง!”

ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นร้อนรนขึ้นมาแล้วอย่างแท้จริง

พวกเขามองเห็นความแข็งแกร่งน่าสะพรึงของเหล่าพฤกษาและอสูรที่ห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ ของวิเศษ ทว่าฝีมือเจรจาที่ลั่วสุ่ยและต้นหลิวแสดงให้เห็นเมื่อก่อนหน้าผิดธรรมชาติถึงเพียงนั้น พวกเขาก็ไม่อาจมั่นใจได้อีก

ตู้ม!

อนิจจา พลังที่ปกคลุมเทือกเขาสยดสยองเกินไป เกินกว่าที่พวกเขาจะต้านไหว

เส้นทางที่พวกเขาตามหาจนเจอถือเป็นเส้นทางที่อ่อนพลังที่สุด เข้าง่ายที่สุดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ไหว ทันทีที่บุกเข้าไปก็ถูกบีบให้ต้องถอยกลับมา

น่ากลัวเหลือเกิน ยอดฝีมือตนหนึ่งเรียกโล่วิเศษชิ้นหนึ่งออกมา ก่อนจะถูกถล่มจนแหลกลาญในพริบตา

หากมิใช่พวกเขาถอนกำลังได้ทันท่วงที คงต้องตายอยู่ที่นั่นแล้ว

“ช่วยไม่ได้ ได้แต่รอพวกเขาออกมาอยู่ที่นี่!”

“ขอให้พวกเขาไม่ได้ของวิเศษไป!”

เหล่ายอดฝีมือเอ่ยด้วยความจนใจ

โฮกกก!

เวลานั้นเอง บรรดาพฤกษาอสูรที่ห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ ของวิเศษหันมาเห็นพวกหลี่จิ่วเต้า

พวกมันบุกเข้ามาในพริบตา ไม่ยอมให้พวกหลี่จิ่วเต้าเข้าใกล้หินผลึกอันเป็นของวิเศษ

ลั่วสุ่ยและต้นหลิวพากันก้าวออกไป เปิดฉากสนทนาอย่าง ‘เป็นมิตร’

“การฝึกฝนเคี่ยวกรำที่จิตใจ ไยทุกท่านต้องอาฆาตรุนแรงเช่นนี้ด้วย เช่นนี้คงไม่ดีเท่าไหร่!”

“ใช่แล้ว ทุกท่านสงบใจลงหน่อยจะดีกว่า”

ลั่วสุ่ยและต้นหลิวปริปาก กล่อมให้มวลพฤกษาและอสูรหยุดการกระทำ

พฤกษาและอสูรจำนวนหนึ่งยอมหยุด เพราะรับรู้ถึงความน่าสะพรึงของลั่วสุ่ยและต้นหลิว จนมิกล้าลงมือ

แม้แต่วานรดำและบงกชขาวผู้เหนือขอบเขตอิสระไปแล้วก็หยุดยั้งเช่นกัน ทว่ามิได้มีความคิดรามือ เพราะจิตสังหารบนตัวยังไม่ลดละ

หลี่จิ่วเต้ามองออกว่าวานรดำและบงกชขาวยังคิดลงมืออยู่

เขานำลูกประคำเส้นหนึ่งออกมาด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เอาแต่รบราฆ่าฟันกันนับว่าไม่ดีเท่าใด ไว้หน้าข้าสักครา ยอมถอยไปเสียเถิด”

ลูกประคำเส้นนี้ไม่ธรรมดา เขาแลกมาจากบรรพจารย์ฝู

หลี่จิ่วเต้าจงใจนำลูกประคำเส้นนี้ออกมาเพื่อข่มขวัญวานรดำและบงกชขาว ให้วานรดำและบงกชขาวยอมละทิ้งความคิดที่จะลงมือต่อ

ไว้หน้าเจ้า?

เจ้าเป็นใครกัน

พวกเรารู้จักเจ้ารึ

วานรดำและบงกชขาวดูแคลนหลี่จิ่วเต้าเหลือแสน ย่อมไม่คิดรามือ

ทว่ายามพวกมันจะลงมือก็สังเกตเห็นลูกประคำบนมือหลี่จิ่วเต้า

เพียงแวบเดียวเท่านั้น พวกมันก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ วิญญาณอยากหนีออกจากร่างจนแทบห้ามไม่อยู่

เป็นไปได้อย่างไรกัน?!

พวกมันตกตะลึง สำแดงพลังทั้งหมดเพื่อควบคุมวิญญาณที่คิดหนีออกจากร่าง

ทว่าพวกมันทำมิได้

ลมหายใจต่อมา พวกมันรู้สึกว่าวิญญาณของพวกมันเข้าไปในมิติพิเศษแห่งหนึ่ง ลูกประคำเส้นนั้นลอยอยู่เหนือหัวพวกมัน

หากพลังนี้สาดกระทบลงมาถูกตัวพวกมัน พวกมันไม่นึกสงสัยเลยว่าจะถูกปลิดชีพในพริบตา ไม่มีทางรอดได้อีก!

‘คนผู้นี้เป็นใครกันแน่’

‘น่ากลัวเกินไปแล้ว!’

พวกมันผวาในใจ พวกมันแทบสิ้นหวังกับความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้า มองไม่เห็นโอกาสต่อกรได้เลย!

“แน่นอนว่าต้องไว้หน้า!”

“พวกท่านเชิญตามสบาย!”

พวกมันรีบบอก ไฉนเลยจะกล้าลงมืออีก

ไม่มีผู้ใดอยากตาย พวกมันย่อมเป็นเช่นนั้นด้วย

ขืนลงมือ จุดจบของพวกมันมีเพียงการตายเท่านัน

“ขอบคุณ”

ชายหนุ่มยิ้มเบาบาง เก็บลูกประคำกลับไป

วานรดำและบงกชขาวนำทัพเหล่าพฤกษาอสูรไปจากที่นี่ทันที ไม่กล้าอยู่รอแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ

“คงมิใช่กระมัง!”

“ข้าสงสัยเหลือเกินว่ากำลังฝันอยู่!”

ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี

เดิมพวกมันยังหวังให้วานรดำและบงกชขาวรวมทั้งมวลพฤกษาอสูรหยุดยั้งพวกหลี่จิ่วเต้า ประวิงเวลาให้พวกเขาต่อไปอีกหน่อย

ใครเล่าจะคิด วานรดำ บงกชขาว และมวลพฤกษาอสูรก็ถูกกล่อมให้ยอมถอยไปด้วย!

อีกด้านพวกหลี่จิ่วเต้าก้าวไปถึงด้านหินผลึกอันเป็นของวิเศษ

หินผลึกมีท่าทีต่อต้านเล็กน้อย เปล่งคลื่นพลังพิเศษบางอย่างยับยั้งมิให้พวกหลี่จิ่วเต้าเข้าใกล้

ต้นหลิวอึ้งนิดหน่อย

หินผลึกก้อนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ มันยังไม่อาจเข้าใกล้ง่าย ๆ จำต้องทุ่มด้วยพลังทั้งหมดที่มี

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของชิ้นนี้เป็นศาสตราทรงพลัง กล้าแกร่งกว่ายอดศาสตราทั้งเก้าที่ถูกทิ้งไว้ให้นักพรตอู๋เหลียง ไม่อยู่ในระดับเดียวกันเลย

พลังจากตรงนั้นซัดสาดรุนแรง พลังที่เคยปกคลุมทั้งเทือกเขาหายไป หินผลึกป้องกันด้วยกำลังทั้งหมด ไม่ต้องการให้พวกหลี่จิ่วเต้าเข้าใกล้

“หายไปแล้ว?”

“ลุยเลย!”

ข้างนอกนั่นเดือดดาล ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นพากันบุกเข้าไปในเทือกเขา

ซ่า!

ต้นก่วมโบกโบย พายุปรากฏ ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมืตนอื่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันใด

พวกเขามิกล้าฝ่าเข้าไป ขืนฝืนบุกเข้าไปมีโอกาสถูกพายุฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่

“มนุษย์ต้นไม้ เจ้าออกโรงไปเจรจากับมันดู พวกเจ้ามีรกรากเดียวกัน”

พวกเขาส่งยอดฝีมือชั้นสูงตนหนึ่งออกไปสนทนา

ก่อนหน้านี้พวกหลี่จิ่วเต้าเจรจาได้สำเร็จ พวกเขาคิดเลียนแบบให้ต้นก่วมยอมปล่อยให้พวกเขาผ่าน

ยอดฝีมือชั้นสูงผู้ถูกเรียกว่ามนุษย์ต้นไม้เดิมเป็นต้นพิเศษ ทรงพลังกล้าแกร่ง

“ไม่มีปัญหา! พวกเขาเจรจาสำเร็จ ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะไม่สำเร็จ!”

มนุษย์ต้นไม้มีความมั่นใจและความไม่ยอมแพ้

จากนั้น มันก้าวออกไปพลางปริปาก “ทุกท่านโปรดใจเย็น ฟังข้าสักประโยค ข้าเองเหมือนกับทุกท่าน มาจากรกรากเดียวกัน ทุกท่านถือว่าไว้หน้าข้าสักคราได้หรือไม่”

มันทวนซ้ำวาจาที่ต้นหลิวกล่าวกับต้นก่วม

ในความคิดของมัน ต้นก่วมปล่อยต้นหลิวไปเพราะมีรกรากเดียวกัน

บัดนี้มันแสดงตนว่ามีรกรากเดียวกันอย่างต้นหลิว ต้นก่วมคงไม่ทำให้พวกเขาต้องลำบากกระมัง

มันรู้สึกว่าน่าจะผ่านไปได้

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท