ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 231 นางมีไหวพริบขนาดนั้นเชียวหรือ?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 231 นางมีไหวพริบขนาดนั้นเชียวหรือ?

บทที่ 231 นางมีไหวพริบขนาดนั้นเชียวหรือ?

หลิงเยว่ที่เก็บตัวปลูกสมุนไพรวิญญาณนานถึงหนึ่งเดือน บัดนี้ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นด้วยความอ่อนแรง ปราณถูกบีบจนแห้งครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็ถูกเติมเต็มอีกครั้งวนไปเรื่อย ๆ ทำให้ระดับการบำเพ็ญของนางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างน่ายินดี

สมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์หนึ่งในสามส่วนเริ่มเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว

แน่นอนว่าหากปราศจากมิติของหัวหน้าตะขาบมรกต ความก้าวหน้าในการเพาะปลูกคงไม่รวดเร็วเช่นนี้

[สิ่งนี้มันเรื่องเล็กน้อย หากเจ้าซื้อการบำเพ็ญขอบเขตจินตาน การเร่งให้สมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์หลายสิบแปลงนี้ให้เจริญเติบโตเต็มที่ จะใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น!]

ระบบขายของได้ปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหลิงเยว่ได้ยินมันพูดทุกวัน หัวใจของนางหวั่นไหวทุกครั้ง แต่สุดท้ายนางก็อดทนเอาไว้!

ระบบคงจะทนไม่ได้ที่เห็นนางมีหินวิญญาณมากมาย จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะสูบเอาไปให้หมด นางจะไม่ยอมเด็ดขาดเลย… แต่เอาเถิด นางจะลองไตร่ตรองดูอีกครั้งแล้วกัน ขอไปดูลูกศิษย์ก่อนว่าพวกเขาหมักสุราปราบมารชุดที่สองสำเร็จแล้วหรือยัง?

“นี่! พวกเจ้าได้ยินข่าวหรือไม่ ตอนนี้หอจี้ซื่อกำลังคลั่ง พวกเขากว้านซื้อสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำสิ่งใด หรือว่าคิดจะเอาไปทำอาหารวิญญาณพิเศษ?”

“ไม่น่าจะใช่ นอกจากสมุนไพรวิญญาณแล้ว ตำราโอสถสร้างรากฐานทั้งยี่สิบสี่ชนิดก็ถูกกว้านซื้อไปจนหมดเช่นกัน!”

“ข้าเดาว่าคงเกี่ยวข้องกับสุราปราบมารเป็นแน่! หอจี้ซื่อคงทนไม่ได้ที่อาจารย์หลิงผูกขาดสุราปราบมารอยู่ฝ่ายเดียว จึงกำลังคิดค้นอย่างหนัก หวังจะเลียนแบบสุราปราบมารให้ได้!”

หลิงเยว่ที่เดินผ่านมา แสร้งทำทีว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อฟังจนจบก็อดกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ได้

พวกเขาคงไม่ได้ใช้สมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นมาหมักสุรากระมัง?

ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ถึงพวกเขาคิดค้นจนสมองแทบระเบิด ก็ไม่มีทางใช้สมุนไพรวิญญาณธรรมดามาเลียนแบบสุราปราบมารได้ อาจจะทำสุราสมุนไพรวิญญาณหรือผักดองเท่านั้น แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นสุราปราบมารได้

หลิงเยว่ที่หัวเราะมาตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงชั้นเรียนพิเศษ

ในขณะนั้น เหล่าศิษย์ในชั้นเรียนพิเศษกำลังพูดคุยกันถึงการกระทำแปลกประหลาดของหอจี้ซื่อ

“ท่านอาจารย์หลิง นักกลั่นโอสถจากหอจี้ซื่อกำลังนำสมุนไพรมาหมักเป็นสุราปราบมารขอรับ”

ซีหลินเล่าไปหัวเราะไป เหล่านักกลั่นโอสถขั้นสูงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเคารพนับถือ ไม่คิดว่าจะมีวันที่โง่เขลาเช่นนี้

ท่านอาจารย์ใหญ่หัวเราะจนหน้าสั่น ทั้งนี้เพราะว่าหอจี้ซื่อเป็นรังใหญ่ของเขา หากไม่หัวเราะเยาะ แล้วเขาจะไปหัวเราะเยาะผู้ใดได้เล่า?

นักกลั่นโอสถอาวุโสเคร่งขรึม หากว่าไม่ใช่ด้วยการที่เขาได้ขายของที่ตนเองสร้างขึ้นมาด้วยเวลาหลายร้อยปีเพื่อแลกมาซึ่งตำราลับนี้ เขาคงได้ทำเรื่องโง่เขลาเช่นเดียวกันกับพวกคนเหล่านั้น เหตุใดหลิงเยว่จึงได้เป็นนักกลั่นโอสถที่พิเศษถึงเพียงนี้กัน?

ตั้งแต่ที่นางปรากฏตัวที่เมืองฝู่ซาง นางก็มีแต่เรื่องราวเกี่ยวกับสมุนไพร วิญญาณและสัตว์อสูร ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมของสุราปราบมารนั้นช่างพิเศษยิ่งนัก แต่กลิ่นหอมของสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ในสุรานั้นยิ่งพิเศษกว่า ทำให้ผู้คนไม่อาจละทิ้งกลิ่นของมันไปได้

“หากไม่ใช่เพราะหลิงเยว่ ด้วยสติปัญญาอันโง่เขลาอย่างเจ้า คงจะต้องก้าวเข้าสู่เส้นทางเช่นเดียวกับนักกลั่นโอสถที่กำลังถูกเยาะเย้ยอยู่เหล่านั้นแล้ว” นักกลั่นโอสถอาวุโสกล่าวอย่างไม่พอใจออกมา จากนั้นได้รีบตรวจสอบสุราปราบมารไหแรกที่เขาได้ทำด้วยตัวเอง

น่าแปลกนัก

เหตุใดรสชาติจึงไม่เหมือนสุราปราบมารเล่า!

เขาเหลือบมองหลิงเยว่โดยไม่รู้ตัว หญิงสาวรับรู้และเข้าใจในทันที หลิงเยว่ยื่นมือออกไปแตะที่ไหสุรา จากนั้นสุราในไหนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป

หัวหน้าตะขาบมรกตและนักกลั่นโอสถอาวุโสที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน ต่างหันไปมองหลิงเยว่ทันที

อาจารย์ใหญ่เคยเห็นหลิงเยว่ปลดการพรางตัวของสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ แต่เหตุที่เขาเฝ้าพิจารณาอยู่ทุกวัน เพราะหลิงเยว่เพียงแตะไหสุราเท่านั้น นางไม่ได้ร่ายคาถาใดเลย ทั้งที่ตอนนั้นในห้องกลั่นโอสถของเขา นางร่ายคาถาอย่างเห็นได้ชัด!

“หรือว่าเมื่อหมักเสร็จสิ้นแล้ว ยังต้องสรรเสริญสุราอีก พวกมันถึงจะยอมกลายเป็นสุราปราบมาร”

ท่านอาจารย์ใหญ่ชักสับสน แต่รู้สึกว่าไม่ใช่ เนื่องจากไหสุราอื่น ๆ หลิงเยว่นั้นไม่ได้แตะแต่อย่างใด แต่พวกมันก็ได้… แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน

จะต้องมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ แต่นักกลั่นโอสถอาวุโสผู้นี้น่าจะรู้!

เมื่อถูกท่านอาจารย์ใหญ่จ้องมองอย่างน่าขนลุก หลิงเยว่จึงเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ว่านางไม่อาจปิดบังได้แล้ว จึงพาผู้คนเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

ความคิดของอาจารย์ใหญ่เปลี่ยนไปแล้ว!

เขาเป็นถึงผู้บำเพ็ญขอบเขตแสวงหา กลับถูกสมุนไพรวิญญาณขั้นต่ำที่พรางตัวหลอกเอาได้ ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!

และยังถูกหลอกมาหลายครั้งอีกด้วย !

ก่อนหน้านี้เขายังโง่เขลาถึงขนาดใช้สมุนไพรธรรมดาสำหรับตำราโอสถสร้างรากฐานมาหมักสุราเป็นร้อยครั้ง จนกระทั่งล้มเหลวทั้งหมด จึงจำต้องออกมาขอความช่วยเหลือจากหลิงเยว่ ถ้าหากไม่รู้จักเคล็ดลับ บางทีเขาอาจจะไปหาสมุนไพรวิญญาณมาต้มสุราอีกก็ได้

แต่เรื่องแบบนี้ เขาไม่มีทางบอกผู้ใดได้

แค่นึกถึงพวกโง่เขลาที่กำลังงมเข็มในมหาสมุทรที่ใช้สมุนไพรวิญญาณธรรมดามาหมักสุราปราบมาร พวกนั้นคงไม่สามารถเลียนแบบสำเร็จได้ชั่วชีวิตนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจและยังหัวเราะด้วยความสะใจอีกต่างหาก

หลิงเยว่คิดว่าท่านอาจารย์ใหญ่คงสติแตกไปแล้ว จึงถอยหลังด้วยความกลัว “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหลอกท่านเลย เพียงแต่ตอนแรกข้ายังไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ส่วนเรื่องที่ข้าบอกกับนักกลั่นโอสถอาวุโสผู้นั้น เป็นเพราะถูกเขาข่มขู่ ข้าจึงจำเป็นต้อง…”

“มีความระแวงต่อคนอื่นบ้างจึงจะเป็นเรื่องปกติ” ท่านอาจารย์ใหญ่พูดราวกับไม่ใส่ใจ แล้วถามขึ้นอีกครั้ง “หรือว่าการเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์มีเพียงเบญจธาตุเท่านั้นที่จะสามารถเร่งให้มันเจริญเติบโตขึ้นได้”

ไม่ใช่เช่นนั้น ต้องใช้ตำราหมื่นชีวางอกเงยร่วมกับวิชาเร่งการเจริญเติบโตถึงจะปลูกสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ได้ และแน่นอนว่าการใช้วิชาเร่งการเจริญเติบโตธรรมดาก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“หมายความว่าถึงแม้จะมีลูกศิษย์ที่โลภมากแอบไปแลกเปลี่ยนกับหอจี้ซื่อและเปิดเผยตำราลับ พวกเขาก็ยังไม่สามารถเลียนแบบสุราปราบมารได้อยู่ดีใช่หรือไม่?”

หลิงเยว่พยักหน้า

ท่านอาจารย์ใหญ่ยิ่งมองหลิงเยว่ยิ่งรู้สึกถูกใจ จึงเอื้อมมือไปตบไหล่ของนางพร้อมกับรอยยิ้ม “เจ้าทำได้ดีมาก นึกไม่ถึงว่าเจ้าอายุยังน้อย แต่กลับมีไหวพริบถึงเพียงนี้ ข้าชื่นชอบยิ่งนัก!”

นางมีไหวพริบตรงไหนกัน?

ผู้ใดจะรู้ว่านักกลั่นโอสถจะมีความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วย เขาคิดถึงเรื่องสมุนไพรวิญญาณแบบนี้ได้อย่างไร?

ท่านอาจารย์ใหญ่เก็บสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ที่ปลดคาถาพรางตัวแล้วใส่ลงในแหวนเก็บของของเขา จากนั้นจึงหันกลับมาชูนิ้วให้หลิงเยว่ก่อนจะเดินจากไป

หลิงเยว่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างไร้อารมณ์ อย่าคิดว่าแค่ชมแล้วนางจะลืมสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ที่ถูกเอาไป

สุราปราบมารชุดแรกมีเพียงแปดสิบไห ทว่าชุดที่สองกลับมีมากถึงหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดไห!

ลูกศิษย์ทุกคนทำสำเร็จแล้ว!

ด้วยความคืบหน้าเช่นนี้ อีกหนึ่งปีข้างหน้าสุราอีกหนึ่งแสนสองหมื่นจอกคงทำเสร็จอย่างรวดเร็ว

เสร็จสิ้นก่อนหมดเวลาทำภารกิจแน่นอน!

“อาจารย์หลิง ร้านค้าที่เราซื้อบนถนนชิงเฟิงได้รับการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดแล้ว และเจ้าของร้านที่ได้ยินข่าวลือนี้กำลังรอให้ท่านนำสุราปราบมารมาแลกกับโฉนดที่ดินของพวกเขา”

หลิงเยว่เกือบลืมไปแล้วว่านางยังมีเรื่องถนนอาหารวิญญาณพิเศษ ประจวบเหมาะที่ตอนนี้มีสุราปราบมารอยู่ในมือ นางจึงต้องรีบซื้อร้านค้าทั้งหมดที่สามารถซื้อได้แบบเงียบ ๆ ถ้าเจ้าเมืองฝู่ซางได้ยินข่าวลือนี้และออกมาขัดขวางแผนการอันยิ่งใหญ่ของนางจะทำอย่างไร!

พวกเขาซื้อขายกันเงียบ ๆ ก็จริง แต่ในฐานะเจ้าเมือง เขาจะไม่รู้เรื่องราวในเมืองของตนเองได้อย่างไร?

หลิงเยว่เพิ่งมาถึงถนนชิงเฟิงก็เห็นเจ้าเมืองฝู่ซางยืนยิ้มรอต้อนรับนางอยู่ก่อนแล้ว

“ท่านเจ้าเมือง ท่านใช้หินวิญญาณหมดเร็วเช่นนี้เลยหรือ?”

รอยยิ้มของเจ้าเมืองฝู่ซางแข็งค้างไปทันที หญิงสาวผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? นางกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่อย่างนั้นหรือ?

หึ!

“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ว่าเมืองฝู่ซางมีกฎใหม่ ข้าเพียงต้องการมาแจ้งให้เจ้าทราบเท่านั้น”

“โอ้! เป็นกฎใดกันถึงต้องให้ท่านเจ้าเมืองมาบอกกล่าวด้วยตนเองเช่นนี้ หลิงเยว่ช่างโชคดีนัก แต่ว่าค่าเหนื่อยคราวนี้เกรงว่าจะไม่มีแล้ว เพราะข้าก็ยากจนแล้วเช่นกัน…”

หลิงเยว่ยิ้มอย่างรู้ทัน นางไม่ได้โง่เขลา เมื่อเห็นท่านเจ้าเมืองโผล่มาโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วเอ่ยวาจาเช่นนี้ กฎใหม่ต้องมุ่งเป้ามาที่นางและถนนอาหารวิญญาณพิเศษของนางเป็นแน่!

เจ้าเมืองเมืองฝู่ซางกำมือที่ซ่อนในแขนเสื้อแน่นแล้วคลายออก รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงสดใสดังเดิม “กฎเมืองระบุว่า ไม่ให้ซื้อขายโฉนดที่ดินใด ๆ ภายในเมือง ที่ดินที่ขายออกไปก็ต้องนำกลับคืนเช่นกัน”

“ว่าอย่างไรนะ? เจ้าบ้านั่นพูดอีกครั้งสิ!”

หลิงเยว่ยังไม่ทันโมโห เหล่าเจ้าของร้านในถนนชิงเฟิงรวมไปถึงผู้บำเพ็ญที่มามุงดูและสนใจจะแลกสุราปราบมารด้วยโฉนดที่ดินกับหลิงเยว่ ต่างโกรธเกรี้ยวกันยกใหญ่!

ที่ดินเป็นของพวกเขา เจ้านั่นมีสิทธิ์มาตัดสินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท