ตอนที่ 1482 ตายกันไปข้างหนึ่ง
เมื่อเห็นเหล่าขุนนางยังคงลังเลหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์จึงตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น
“องค์ชายสองก่อกบฏยึดวังหลวง สังหารบิดาและพี่ชายของตัวเองอย่างไร้มนุษยธรรม! คนเช่นนี้ไม่คู่ควรที่จะเป็นจักรพรรดิของแคว้นตงอี๋ ทหาร! จับตัวเขา!”
หัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์กล่าวจบจึงคุ้มกันฮองเฮาถอยหลังหนี เหล่าขุนนางของตงอี๋เห็นทหารรักษาพระองค์ถือโล่และธนูเดินไปด้านหน้าจึงรีบลุกขึ้นจากพื้นทันทีและถอยหนีไปด้านหลังด้วยความหวาดกลัว
จักรพรรดิตงอี๋เบิกตาโพลง เขาเห็นพลทหารโล่กรูกันเข้ามาเรื่อยๆ ทหารใช้โล่บังร่างกายพลางเล็งธนูมาทางจักรพรรดิตงอี๋อย่างเขา!
จักรพรรดิตงอี๋กำหยกจักจั่นในมือแน่น หากเขาไม่สามารถใช้หยกจักจั่นย้อนเวลากลับไปได้ การตาย…ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวสำหรับเขาเท่าใดเหมือนกัน
โลกอีกใบมีนางอยู่ หากเขาหาทางย้อนเวลากลับไปช่วยนางไม่ได้ก็ไปอยู่กับนางที่โลกหน้าแล้วกัน
ฮองเฮายืนอยู่ด้านหลังหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์พลางจ้องไปยังถุงเงินที่เอวขององค์ชายสองนิ่ง นางจำได้ดีว่านั่นคือถุงเงินที่หลานสาวของนางเคยมอบให้กับองค์ชายสอง!
หึ…คนตายไปแล้ว เก็บถุงเงินไว้จะมีประโยชน์อันใดกัน
“ยิง!”
สิ้นเสียงคำสั่งของหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ธนูมากมายพุ่งตรงไปยังร่างของจักรพรรดิตงอี๋
จักรพรรดิตงอี๋นั่งจ้องลูกธนูที่ตรงมาทางเขานิ่งอยู่บนบัลลังก์มังกร องครักษ์ข้างกายของจักรพรรดิตงอี๋อยากใช้ร่างของตัวเองบังลูกธนูให้จักรพรรดิตงอี๋ ทว่า ลูกธนูเล็กมากมายเกินไป!
วินาทีที่ลูกธนูพุ่งตรงไปยังร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เลือดสดหยดลงมากจากบัลลังก์สีทองไหลไปตามบันไดหยกสีขาว
ฮองเฮาหันหน้าไปอีกทางอย่างไม่อยากเห็นภาพนี้
บัลลังก์มังกรแห่งนั้นเต็มไปด้วยเลือดและกระดูกของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน ก่อนหน้านี้ฮองเฮาอาจคิดว่าคำกล่าวนี้เป็นเพียงคำขู่ให้องค์ชายที่อยากได้บัลลังก์หวาดกลัวเท่านั้น ทว่า เมื่อเห็นองค์ชายสองในตอนนี้นางจึงเข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างถ่องแท้
ฮองเฮาหวนนึกถึงองค์ชายสองในตอนที่หลานสาวของนางยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นองค์ชายสองเป็นเพียงองค์ชายที่ไม่ได้รับการโปรดปรานคนหนึ่งเท่านั้น ตอนนั้นคงไม่มีผู้ใดคิดว่าองค์ชายสองจะได้ขึ้นครองบัลลังก์และเสียชีวิตอยู่บนบัลลังก์แห่งนี้
หากหลานสาวของนางไม่ได้เสียชีวิตอย่างน่าอนาถต่อหน้าองค์ชายสองเพราะปกป้องเขา บางทีองค์ชายสองคงไม่เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ เขาคงไม่คิดอยากแย่งชิงอำนาจ ไม่คิดอยากได้บัลลังก์แห่งนี้ เขาคงไม่กลายเป็นคนที่เสียสติอย่างเช่นทุกวันนี้
“ฮองเฮา ตอนนี้กองทัพไป๋ซึ่งนำทัพโดยจักรพรรดินีต้าโจวและกองทัพต้าเยี่ยนซึ่งนำทัพโดยผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนกำลังแยกกันโจมตีประตูเมืองทิศตะวันออกและตะวันตกของพวกเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเราควรทำเช่นไรต่อไปดีพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา”
หัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์กล่าวกับฮองเฮา
ฮองเฮากำหมัดที่วางอยู่แนบลำตัวนิ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่ลังเล
“ต้าโจวจะช่วยสนับสนุนองค์ชายเจ็ดขึ้นครองราชย์ เปิดประตูเมือง ข้าจะออกไปต้อนรับต้าโจวด้วยตัวเอง ทำความสะอาดท้องพระโรงให้เรียบร้อยเพื่อต้อนรับแขกสูงศักดิ์ของพวกเรา!”
เมื่อออกคำสั่งเสร็จฮองเฮาก็เดินจากไปทันทีโดยไม่หันไปมองจักรพรรดิตงอี๋แม้แต่น้อย
เมื่อรู้ว่าผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนนำทัพมายังตงอี๋เหมือนกันฮองเฮาจึงลอบวางแผนใหม่อยู่ในใจ หากต้าโจวกับต้าเยี่ยนปรึกษากันมาก่อนว่าจะช่วยกันโจมตีตงอี๋และสนับสนุนบุตรชายของนางให้ขึ้นครองราชย์ก็แล้วไป ทว่า หากต้าโจวอยากสนับสนุนให้บุตรชายของนางขึ้นครองราชย์ แต่ต้าเยี่ยนอยากมีส่วนร่วมด้วย…
เช่นนั้นนางก็จะถือโอกาสนี้วางแผนหลอกใช้จักรพรรดินีต้าโจวและผู้สำเร็จราชการต้าเยี่ยนตักตวงผลประโยชน์ให้บุตรชายของนางให้ได้มากที่สุด
หากต้าโจวอยากสนับสนุนบุตรชายนางให้ขึ้นครองราชย์แต่เพียงแคว้นเดียว บุตรชายของนางต้องกลายเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดของต้าโจวแน่นอน ทว่า ตอนนี้ผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนเดินทางมายังตงอี๋เช่นกันดังนั้นสถานการณ์จึงเปลี่ยนไปแล้ว
เปลี่ยนแปลงก็ดีเหมือนกัน เมื่อเปลี่ยนแปลงนางจะได้วางแผนใหม่ได้ มิเช่นนั้นหากปล่อยให้ต้าโจวได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวนางคงทำได้เพียงทนมองบุตรชายของนางกลายเป็นหุ่นเชิดของต้าโจวแน่นอน
ไป๋ชิงเจวี๋ยพาไป๋จิ่นจื้อไปรวมตัวกับเฉิงหย่วนจื้อ เสิ่นคุนหยางและไป๋ชิงเหยียนแล้ว ตอนนี้กองทัพไป๋ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของตงอี๋ภายใต้การนำทัพของไป๋ชิงเหยียนอย่างเอิกเกริก
เมื่อชาวบ้านตงอี๋ได้ยินว่ากองทัพไป๋ของต้าโจวบุกมาแล้วจึงพากันปิดประตูจวนและซ่อนตัวอยู่แต่ในจวนของตัวเองด้วยความหวาดกลัว
กองทัพใหญ่เดินทางใกล้ถึงเมืองหลวงของตงอี๋แล้ว เมื่อเฉิงหย่วนจื้อที่เตรียมตัวมารบเป็นอย่างดีแต่ไม่ได้ทำสงครามอย่างเต็มที่เห็นฮองเฮาส่งมาเร็วมาบอกพวกเขาว่านางจะเปิดประตูเมืองและพาเหล่าขุนนางของตงอี๋ออกมาต้อนรับต้าโจวด้วยตัวเองจึงตั้งสติขึ้นมาอีกครั้ง เขาขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเจวี๋ย
“คุณชายเจ็ด นี่จะเป็นแผนการของฮองเฮาที่ล่อให้พวกเราไปติดกับหรือไม่ขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินคำนี้จึงเหลือบมองเฉิงหย่วนจื้อแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมายิ้มๆ อย่างคุมไม่อยู่
“แม่ทัพเฉิงยังทำสงครามได้ไม่เต็มที่จึงอยากให้ทหารตงอี๋ดักซุ่มโจมตีพวกเราใช่หรือไม่!”
เฉิงหย่วนจื้อใช้นิ้วมือเขี่ยจมูกของตัวเองพลางบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์
“ทหารตงอี๋ไร้น้ำยาจริงๆ ขอรับ! พวกเขาขี้เกียจเรียนหนังสือยิ่งกว่าข้ากระมังถึงได้ไม่รู้จักใช้ตำราพิชัยสงครามสักนิด!”
“แม่ทัพเฉิงอย่าบ่นไปหน่อยเลย กองทัพไป๋รบชนะง่ายดายเพียงนี้ทำให้พวกเราสูญเสียสหายในกองทัพน้อยลงไม่รู้ตั้งกี่เท่า…”
ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวเบาๆ
“ถือเป็นเรื่องดีแล้ว!”
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวเช่นนี้เฉิงหย่วนจื้อจึงหุบรอยยิ้มลง เขาเห็นด้วยกับคำกล่าวของไป๋ชิงเจวี๋ย
ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวจบก็เห็นคนขี่ม้าเร็วตรงเข้ามา เมื่อเข้ามาใกล้ขบวนจึงพบว่าคือเสิ่นชิงจู๋ในชุดนอกเครื่องแบบ
ไป๋จิ่นจื้อเบิกดวงตากลมโตของตัวเองกว้าง
“พี่ชิงจู๋อยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวชีกับลุงผิงไม่ใช่หรือ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลง จากนั้นยกมือส่งสัญญาณให้กองทัพหยุดนิ่ง
ไป๋ชิงเหยียนควบม้าเข้าไปใกล้เสิ่นชิงจู๋ด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูใหญ่!”
เสิ่นชิงจู๋ลงจากหลังม้า จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเพื่อทำความเคารพหญิงสาว
“พาคนมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเจ็ดขอตามมาด้วย เสิ่นชิงจู๋ไร้ความสามารถ ถูกคุณหนูเจ็ดจับได้ตอนพาคนมาเจ้าค่ะ สุดท้ายข้ากับลุงผิงจึงทำได้เพียงพาคุณหนูเจ็ดมากับไป๋อวี๋เซิงด้วยเจ้าค่ะ!”
เสิ่นชิงจู๋จึงคุกเข่าลงบนพื้นสองข้างพลางก้มศีรษะขอขมาไป๋ชิงเหยียน
“เสี่ยวชีตามมาด้วยอย่างนั้นหรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น เมื่อคิดดูอีกทีก็คิดได้ว่าเสี่ยวชีคงไม่วางใจไป๋อวี๋เซิงที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับนางมาก่อน อีกเหตุผลน่าจะเป็นเพราะเสี่ยวชีกลัวว่าไป๋อวี๋เซิงจะทำแผนการของพี่หญิงใหญ่อย่างนางพังจึงตามมาด้วยเช่นนี้
“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางร่างของเสิ่นชิงจู๋
“กล่าวสิ่งที่ต้องกล่าวกับไป๋อวี๋เซิงไปหมดแล้วหรือไม่”
เสิ่นชิงจู๋ได้ยินจึงหยัดกายขึ้น
“กล่าวหมดแล้วเจ้าค่ะ ไป๋อวี๋เซิงเต็มใจมากเจ้าค่ะ เขาโกรธแค้นต้าเยี่ยนมาก เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อทำลายต้าเยี่ยนให้ตายกันไปข้างหนึ่งเจ้าค่ะ”
“พี่หญิงใหญ่กล่าวความนัยอันใดกับพี่ชิงจู๋อยู่เจ้าคะ”
สมองของไป๋จิ่นจื้อเต็มไปด้วยคำถาม นางควบม้าเข้าไปถามพี่ชายของตัวเอง
“พี่ชายเจ็ดฟังเข้าใจหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋อวี๋เซิง…คือจักรพรรดิองค์น้อยของแคว้นเว่ยที่หนีรอดออกมาจากกลุ่มชาวบ้านเร่ร่อนพร้อมกับเสี่ยวชีตอนอยู่ที่เมืองอวิ๋นจิงของซีเหลียง