ตอนที่ 216 สงบสันติ
ซินโย่วกุมมือสาวน้อยไว้แน่น สีหน้าเผยรอยยิ้มกระตือรือร้นดังเช่นพ่อค้ากับลูกค้า “เมื่อวานคุณหนูทำถุงเงินตกในร้านหนังสือ พวกเรารอคุณหนูกลับมารับอยู่…”
สาวน้อยชักมือออก แต่กลับถูกกุมไว้แน่นยิ่งขึ้น
“เข้าไปคุยกันในร้านหนังสือเถอะ” ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “ข้ายังกังวลว่าคุณหนูไม่รู้ตกอยู่ที่นี่ จะไม่กลับมาอีก ได้เห็นคุณหนูก็วางใจแล้ว…”
ชิ่งอ๋องเหลือบมองอย่างไม่สนใจทีหนึ่งก่อนจะเดินนำบ่าวไปยังรถม้าที่จอดอยู่ริมทาง
ไม่นานรถม้าก็เคลื่อนไป องครักษ์ลับที่กระจายรอบสี่ทิศก็ตามไปด้วย
แม้ว่าองครักษ์ลับเหล่านี้แต่งกายปกติ และสงบเสงี่ยมท่าทีอย่างมาก แต่ได้เห็นพวกเขาไล่ตามรถม้าชิ่งอ๋องไปก็ไม่ยากคาดเดา
สาวน้อยเห็นดังนี้ สีหน้าก็พลันซีดขาว รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้ลงมือก่อนหน้านี้
“คุณหนูตามข้ามา” เห็นพวกชิ่งอ๋องจากไปไกลแล้ว ซินโย่วก็หุบยิ้ม กลับคืนสู่สภาพสงบนิ่งดังเดิม
สาวน้อยมองซินโย่วอย่างลังเล แต่เพราะแรงมือของอีกฝ่ายที่เห็นชัดว่าสลัดไม่หลุด ตัวแข็งทื่อครู่หนึ่งก็พยักหน้าเล็กน้อย
ซินโย่วพาสาวน้อยเดินเข้าไปในร้านหนังสือ ไม่ได้เข้าไปในห้องรับรอง แต่เดินตรงไปเรือนตะวันออก
ในเรือนตะวันออกต้นไม้ปกคลุมให้ร่มเงา ดอกไม้บานสะพรั่ง นกน้อยบินไปมาจากกิ่งก้านหนึ่งไปสู่อีกกิ่งก้านหนึ่ง สาวน้อยใบหน้างามดุจภาพวสันต์มองไปรอบๆ ก่อนจะลงนั่งด้วยอาการตัวเกร็ง
“ข้าคือเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง โค่วชิงชิง นี่คือที่พักของข้า” ซินโย่วเผยสถานะตนเองก่อน “คุณหนูชื่อเสียงเรียงนามอันใด”
สาวน้อยเม้มปากลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าแซ่จู”
“คุณหนูจู” ซินโย่วเอ่ยเรียก เห็นชัดว่าน้ำเสียงนิ่งสงบดังสายน้ำ แต่คำพูดกลับราวอสุนีบาต “เหตุใดเจ้าต้องการลอบสังหารชิ่งอ๋อง”
เมื่อครู่นี้ตอนนางได้เห็นคุณหนูจูครั้งแรก ก็เห็นภาพอีกฝ่ายลอบสังหารชิ่งอ๋อง
ภาพนองไปด้วยโลหิต แต่คนเกิดเรื่องมิใช่ชิ่งอ๋อง
คุณหนูจูผู้นี้แอบซ่อนมีดสั้นไว้ในแขนเสื้อ และยังไม่ทันได้ชักออกมาก็ถูกองครักษ์ลับยิงหน้าไม้สังหารแล้ว จากนั้นก็ตายด้วยคมดาบชุลมุนของบ่าวประจำตัวชิ่งอ๋อง
ตั๊กแตนขวางรถ ไข่กระทบหิน ก็คงเป็นเช่นนี้
นี่คือสาเหตุที่นางพุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ศัตรูของศัตรูหรือว่าไม่อาจเป็นสหาย และยังอาจเป็นผู้ร่วมงานกันได้อีกด้วย นับประสาอันใดกับตายไปเช่นนี้ช่างไร้ค่ายิ่ง
สาวน้อยตกใจดังวิหคน้อยแตกตื่นธนู คิดจะวิ่งออกไป ก็มีเสียงดังขึ้นด้านหลังทำให้นางพลันชะงักงัน
“หากข้าประสงค์ร้ายต่อคุณหนูจูก็คงไม่ช่วยไว้แล้ว”
คุณหนูจูค่อยๆ หันกลับมา สีหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“คุณหนูจูนั่งก่อน” ซินโย่วผลักน้ำชาไปตรงหน้านาง
คุณหนูจูค่อยๆ ลงนั่ง
“คุณหนูจูเป็นคนนอกพื้นที่กระมัง”
คุณหนูจูแววตาหดเกร็ง “เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงได้รู้มากมายเช่นนี้”
ซินโย่วกระดกมุมปาก “คุณหนูจูอย่าได้เคร่งเครียดไป ข้าเดาว่าเจ้าเป็นคนนอกพื้นที่ก็เพราะสำเนียงของเจ้าไม่เหมือนกับคนท้องถิ่นเรา”
“เจ้าว่าข้าลอบสังหารชิ่งอ๋อง…”
“ข้ามองจากสีหน้าคุณหนูจู” ซินโย่วใช้อุบายการเป็นนักพยากรณ์ “ข้าพอมีวิชาดูนรลักษณ์อยู่บ้าง เห็นคุณหนูจูหน้าผากดำคล้ำ ก็คือเค้าลางแห่งการสิ้นลม และเจ้าก็มุ่งมองไปที่ชิ่งอ๋อง ดังนั้นจึงได้คาดเดาเช่นนี้”
คุณหนูจูกัดริมฝีปากเป็นนานก่อนจะถามขึ้นว่า “ชัดเจนมากหรือ”
นางคิดว่ากลบเกลื่อนได้ดีมากแล้ว ไม่กล้ามองชิ่งอ๋องตรงๆ แม้แต่น้อย เพียงแค่เหลือบตามองหาโอกาสเหมาะ คิดไม่ถึงยังคงเผยช่องโหว่ต่อหน้าผู้อื่น
ความจริงซินโย่วหลอกอีกฝ่ายเท่านั้น ตอนนั้นภาพตรงหน้านางเป็นภาพที่เกิดกะทันหัน ไหนเลยจะมีเวลาไปสังเกตมากมายเช่นนี้
“ระหว่างคุณหนูจูกับชิ่งอ๋อง มีความแค้นอันใด”
บางทีเพราะน้ำเสียงซินโย่วสงบนิ่ง คล้ายว่าการลอบสังหารองค์ชายไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด คุณหนูจูจึงสงบใจลงได้อย่างไม่รู้ตัว ถามกลับว่า “ในเมื่อคุณหนูโค่วเดาออกว่าข้าประสงค์ร้ายต่อชิ่งอ๋อง เหตุใดจึงช่วยข้า”
หากกล่าวว่าตอนแรกนางยังรู้สึกโมโหที่สาวน้อยออกมาขัดขวางนาง แต่พอได้เห็นบ่าวรับใช้ประจำตัวชิ่งอ๋องและองครักษ์ในที่ลับเหล่านั้นแล้ว นางจะโง่เขลาเพียงใดก็ย่อมรู้ว่าการลอบสังหารนี้ไม่อาจแตะต้องชิ่งอ๋องได้แม้ปลายเล็บ และนางก็คงมีจุดจบสิ้นใจข้างถนนเป็นแน่
คิดถึงผลเช่นนี้ คุณหนูจูก็กัดริมฝีปากแน่น
นางไม่อาจตายไปเช่นนี้!
แต่นางไม่เข้าใจคุณหนูโค่วท่านนี้จริงๆ
ชิ่งอ๋องมาร้านหนังสือชิงซงหลายครั้ง ความสัมพันธ์กับคุณหนูท่านนี้โค่วน่าจะพอใช้ อย่างน้อยก็คงมากกว่านางที่เป็นเพียงคนแปลกหน้า นับประสาอันใดกับเรื่องที่นางต้องการทำก็มีโทษประหารล้างตระกูล
เหตุใดคุณหนูโค่วช่วยนาง
“น่าจะเพราะ…” ซินโย่วคิดถึงภาพน่าอนาถนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ตัดสินใจเอ่ยออกไปตรงๆ “ข้าเองก็ไม่อยากให้ชิ่งอ๋องมีชีวิตที่ดี”
คุณหนูจูตัวคนเดียวต่างอันใดกับนาง นางรู้สึกได้ถึงความแค้นของคุณหนูจูที่มีต่อชิ่งอ๋องว่าไม่ใช่เรื่องลวง
คำพูดซินโย่วทำให้คุณหนูจูคาดไม่ถึงอย่างมาก
“เจ้าเองก็มีปัญหากับชิ่งอ๋องหรือ”
ซินโย่วพยักหน้า “ใช่ มีความแค้น”
มีความแค้น ย่อมฟังดูแล้วรุนแรงกว่าปัญหามาก
คุณหนูจูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่มองไปทางซินโย่วก็มิได้ระแวงดังก่อนหน้านี้
นางเดินทางมาเมืองหลวง ไม่เชื่อผู้ใดอยู่แล้ว แต่คนที่กล้าบอกว่าตนเองมีความแค้นกับองค์ชาย น่าจะเชื่อได้กระมัง
ที่สำคัญก็คือ นางได้เห็นกำลังการอารักขาชิ่งอ๋องด้วยตนเอง ทำให้นางรับรู้อย่างสิ้นหวังว่าอาศัยแรงกำลังตนเองแก้แค้นนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
หากเชื่อคนผิด ก็คงยิ่งย่ำแย่ บางที…คุณหนูโค่วท่านนี้จะช่วยนางได้จริง
เผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง ยากจะเกิดความรู้สึกถึงความหวังอันเลื่อนลอย
มองอาการหวั่นไหวของคุณหนูจูออกแล้ว ซินโย่วก็เอ่ยว่า “ข้ามักไปเป็นแขกที่จวนองค์หญิงใหญ่ พอคุ้นเคยกับเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน บางทีอาจช่วยได้”
คำพูดนี้หากเป็นสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงได้ยิน ก็คงได้แต่น่าขัน แต่คุณหนูจูกลับหวั่นไหวคล้อยตามแล้ว
“ข้ามาจากติ้งเป่ย ตำบลไท่ผิง…”
คุณหนูจูเริ่มเล่า ในใจซินโย่วก็มั่นใจ
ลอบสังหารชิ่งอ๋อง คนนอกพื้นที่ กอปรกับเรื่องที่ใต้เท้าเฮ่อเล่าให้นางฟัง ทำให้นางอดคิดไปถึงเขตภัยพิบัติติ้งเป่ยไม่ได้
“ชาวอำเภอทั้งหมดแทบจะแซ่จู บิดาข้าเป็นเซียงเซิน[1]ตำบลไท่ผิง ดูแลเรื่องใหญ่น้อยในตำบล…พอเกิดแผ่นดินไหว บ้านเรือนพังถล่มไม่น้อย แต่ความช่วยเหลือไม่มาเสียที บิดาข้าไปแจ้งทางอำเภอ กลับพบว่าใต้เท้าที่ไปขอความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติถูกสังหาร บิดาข้าหนีออกมาขวางรถพระที่นั่งชิ่งอ๋องกลางถนน ชิ่งอ๋องรับปากต่อหน้าสาธารณชนว่าจะสืบให้กระจ่าง แต่ทว่า…”
คุณหนูจูกำมือแน่น น้ำตากลบความแค้นฝังลึกในแววตา “ตำบลเรารอจนได้มา แต่ไม่ใช่ความช่วยเหลือ หากเป็นดาบของเจ้าหน้าที่ทางการ…ตายแล้ว พวกเขาล้วนตายหมดแล้ว…”
สาวน้อยร่ำไห้จมดิ่งลงสู่ภาพนรกนั้นอีกครั้ง นั่นคือฝันร้ายที่นางไม่มีวันสลัดออกจากความทรงจำได้
นางเข้าเมืองหลวงมาตัวคนเดียวด้วยเป้าหมายเดียว ก็คือสังหารเจ้าองค์ชายสุนัขนั่น!
“หลังเข้าเมืองหลวงมา ข้ามองชิ่งอ๋องอยู่ไกลๆ พบว่าชิ่งอ๋องมักมาร้านหนังสือชิงซง ข้าคิดจะปลอมตัวเป็นคนมาซื้อหนังสือ ตอนชิ่งอ๋องมาร้านหนังสือก็คือโอกาสที่ดีที่สุด…” คุณหนูจูยิ้มเฝื่อน “ข้าโง่มาก ข้า ข้าทำอันใดไม่ได้สักอย่าง…”
นางยกสองมือปิดใบหน้าน้ำตาไหลทะลักหลั่งริน
ซินโย่วนิ่งเงียบรอให้นางร้องไห้จนพอใจ ก็ค่อยยกมือตบไหล่นางเบาๆ
[1] ผู้มีความรู้ ผู้มีคุณธรรมหรือผู้ที่เคยเป็นขุนนางเป็นที่ยกย่องของคนในหมู่บ้านนั้นๆ