ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 234 สังหารพวกมันให้หมด!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 234 สังหารพวกมันให้หมด!

บทที่ 234 สังหารพวกมันให้หมด!

ท่านอาจารย์ใหญ่คิดว่าเปิดม่านป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยดี เขาจึงออกเดินทางอย่างสบายใจ

ไม่มีใครสามารถฝ่าม่านป้องกันนี้ได้ไม่ว่าจะจากด้านนอกหรือด้านใน แม้แต่ชายคนนั้นก็เช่นกัน แน่นอนว่าหากให้เวลาเขาสักหนึ่งหรือสองวัน บางที…

คงไม่กระมัง เขาไม่มีเวลาสำหรับบุกโจมตีสำนักหรอก ตอนนี้เขาน่าจะยุ่งอยู่กับการซักถามตำราสุราปราบมารจากบรรดาลูกศิษย์อยู่

ท่านอาจารย์ใหญ่คาดเดาได้ไม่ผิด ชายคนนั้นกำลังบีบคอเซี่ยซิ่นรุ่ยและจ้องมองเขาอย่างเย็นชา

ใบหน้าและดวงตาของเซี่ยซิ่นรุ่ยแดงก่ำเพราะขาดอากาศหายใจ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทรมานอย่างแสนสาหัส

“ท่านบีบคอเขาอยู่เช่นนั้นแล้วจะให้เขา… พูดอย่างไร?”

หมิงหูที่ถูกโยนลงไปกองกับพื้นกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างสุดความสามารถ แม้กระทั่งพูดยังทำได้ยากลำบาก

นี่คือพลังอันแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์หรือ? เพียงโยนร่างพวกเขาทิ้งด้วยมือเปล่า อวัยวะภายในของเขาราวกับว่าจะเคลื่อนที่ไปคนละทิศคนละทาง รู้สึกเจ็บปวดนัก หนำซ้ำในลำคอยังมีเลือดไหลจนส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง แต่เขายังฝืนกลืนมันลงไปอย่างยากลำบาก

เมื่อเซี่ยซิ่นรุ่ยรู้สึกว่าคอของตนเองใกล้จะหักแล้ว เซี่ยงหยางก็คลายมือออก แล้วจับหมิงหูมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม พลันตบหน้าเขาเบา ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนราวกับกระซิบว่า “เขาพูดไม่ออก เช่นนั้นเจ้าจงมาพูดแทนเสีย”

หมิงหูที่ถูกตบ รู้สึกเจ็บปวดจนกลั้นเลือดไว้ไม่อยู่ เลือดสีสดจากมุมปากของเขาไหลรินลงบนพื้นดินเป็นทีละหยด ราวกับดอกเหมยสีแดงที่บานสะพรั่ง

“ข้าจะพูด” เซี่ยซิ่นรุ่ยกำคอตัวเองแล้วค่อย ๆ บอกตำราของสุราปราบมารทีละคำ ท่านอาจารย์หลิงเคยกล่าวเอาไว้ว่า หากชีวิตต้องเผชิญการถูกคุกคาม และการคุกคามนี้มาจากสุราปราบมาร จงบอกไปเถิด แม้ว่าพวกเขาจะได้ตำราที่ถูกต้องมา แต่พวกเขาย่อมไม่มีทางลอกเลียนแบบได้!

“เขาพูดถูกหรือไม่?”

หมิงหูรีบพยักหน้า หากถูกสัมผัสแบบนั้นอีกสักครั้ง เขาจะต้องสิ้นใจแน่! หมิงหูจึงไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย

ในขณะนั้น ประตูห้องลับที่ปิดสนิทก็เปิดออก

ผู้อาวุโสเซี่ยงหยางไม่ได้หันกลับมา “ซักถามออกมาครบแล้วหรือ?”

“ครบหมดแล้ว”

ผู้บำเพ็ญที่คุกเข่าอยู่ไม่ได้อ้อมค้อม เล่าตำราที่ถามมาจากลูกศิษย์ให้ฟังทั้งหมด

หลังจากนั้นศิษย์คนที่สองก็มารายงานเช่นกัน รวมแล้วกว่ายี่สิบสามคน ตำราที่ได้รับทราบมาล้วนเหมือนกันหมด

หมิงหูกับเซี่ยซิ่นรุ่ยมองหน้ากันอย่างไม่รู้ตัว นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ชายผู้นี้ยังจับเพื่อนร่วมชั้นอีกยี่สิบสามคนของพวกเขามาด้วย!

“ดี! เอาไว้ให้ข้าพิสูจน์ด้วยตนเองก่อน แล้วค่อยคุมขังพวกเขาไว้”

“ท่านผู้อาวุโส…” ผู้บำเพ็ญที่มารายงานคนสุดท้ายนั้นตะโกนเรียกชายที่กำลังจะจากไป “หลังจากที่ข้าซักถามตำรานี้ได้แล้ว ข้าอดตื่นเต้นไม่ได้ จึงพลั้งมือทำให้เขาผู้นั้นตายไปแล้ว!”

“ตายก็ตายไปเถิด” เซี่ยงหยางไม่สนใจ เขาสนใจแต่ตำราสุราปราบมารเท่านั้น ที่แท้เป็นเช่นนี้เองหรือ? นึกไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนั้นจะคิดได้แนบเนียนเพียงนี้ เขาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะสังหารนางแล้ว!

หากนางยินยอมเข้าสู่หอจี้ซื่อ เขาอาจพิจารณาปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ก็ได้

หลังจากที่ได้ตำรามาแล้ว ห้องกลั่นโอสถที่ชั้นบนของหอจี้ซื่อจึงเริ่มคึกคักขึ้นจากการกลั่นสุราปราบมาร

ทว่าเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ห้องกลั่นโอสถของเซี่ยงหยางก็ได้ระเบิด เขาเดินฝ่าซากปรักหักพังออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายร่างไปยังห้องลับแล้วคว้าคอของเซี่ยซิ่นรุ่ยขึ้นมา

“พวกเจ้ากล้าหลอกลวงข้าอย่างนั้นหรือ!”

เซี่ยงหยางโกรธจนแทบคลั่ง สิ่งที่เรียกว่าสุราปราบมารนั้นเป็นเพียงตำราทำสุราสมุนไพรธรรมดาเท่านั้น แสดงว่าคนพวกนั้นไม่อยากมีชีวิตแล้วเช่นนั้นหรือ? ดี! เช่นนั้นเขาจะทำให้สมใจเสีย!

“สังหารลูกศิษย์ที่จับมาให้หมด!” เสียงอันโกรธเกรี้ยวแผดก้องมาจากชั้นบนสุด

ทันทีที่เสียงของเซี่ยงหยางเงียบลง และเตรียมจะบีบคอของคนในมือให้ขาด…

“ผู้อาวุโสเซี่ยงหยาง ท่านได้ตำรามาแล้ว แต่ยังทำสุราปราบมารไม่ได้ใช่หรือไม่?”

หลิงเยว่ปรากฏตัวหน้าประตูหลักของหอจี้ซื่อ พร้อมกับเสียงหัวเราะ “พวกท่านช่างโง่เขลาสิ้นดี! ข้าจะเอาตำราล้ำค่าเช่นนี้ให้กับเหล่าลูกศิษย์ได้อย่างไรกัน? พวกเขารู้เพียงผิวเผินเท่านั้น บัดนี้ข้ามาถึงที่แล้ว พวกท่านยังไม่รีบออกมาต้อนรับอีกหรือ!?”

เหล่าผู้คุ้มกันทั้งห้าที่ซ่อนตัวเตรียมจะพาคนบุกเข้าไปช่วยลูกศิษย์ ต่างหันมามองที่ท่านอาจารย์ใหญ่ทันที

นี่หรือคือผู้ที่ออกปากรับรองว่าหลิงเยว่จะไม่มีทางหนีออกจากสำนักได้อย่างแน่นอน!

แล้วตอนนี้ผู้ใดกันที่ยืนอยู่หน้าประตูหอจี้ซื่อเพื่อยั่วยุเซี่ยงหยางผู้ทรงเกียรติเล่า!?

“ข้าได้ใช้ม่านป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักแล้วนะ…”

ท่านอาจารย์ใหญ่ถึงกับอึ้งไป หลิงเยว่ผู้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานจะออกมาได้อย่างไร!?

ผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานคนหนึ่ง กลับกล้าหาญพอที่จะเยาะเย้ยผู้บำเพ็ญในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลาย นับว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลายิ่งนัก! เหล่าผู้บำเพ็ญที่เดินผ่านไปมายังต้องวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ยามที่ผู้แข็งแกร่งโกรธเกรี้ยว แม้แต่ศพยังลอยหนีไปทั่วทั้งผืนแผ่นดิน!

ในพริบตาเดียว ผู้คนในรัศมีหลายหมื่นลี้รอบตึกจี้ซื่อต่างวิ่งหนีกันไปจนหมดสิ้น แม้แต่เหล่านักกลั่นโอสถในหอจี้ซื่อเองยังต้องรีบหนีกันอย่างอลหม่าน เมื่อท่านอาจารย์ของพวกเขาโกรธขึ้นมาแล้ว เขาจะไม่แบ่งแยกฝ่ายใด ทั้งฝ่ายศัตรูและพวกเดียวกันต่างต้องตายกันถ้วนหน้า!

พวกเจ้าวิ่งกันได้รวดเร็วยิ่งนัก นางช่างโชคดีเสียจริง!

เมื่อไม่เห็นชายคนนั้นออกมาสักที หลิงเยว่จึงสงสัยขึ้นมา หรือว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่?

แต่ยันต์สะกดรอยหลายใบที่นางปล่อยออกไป ล้วนแต่ไปรวมตัวกันที่ชั้นบนสุดของหอจี้ซื่อทั้งสิ้น รวมทั้งหมดยี่สิบห้าแผ่น ตอบสนองตอบกลับยี่สิบสี่แผ่น ส่วนอีกหนึ่งแผ่นนั้น… กลับหาตัวคนไม่พบ!

หากไม่พบคนหมายความว่า… ลูกศิษย์ของนางตายไปแล้วหนึ่งคน!

ตายไปแล้วคนหนึ่ง!

หลิงเยว่กำยันต์ระเบิดที่ซ่อนอยู่ในมือแน่น กลั้นความเจ็บปวดในใจราวกับไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น พลางควบคุมยันต์สะกดรอยพาลูกศิษย์หลบหนี ขอเพียงพวกเขาปลอดภัย เมื่อชายผู้นั้นปรากฏตัว นางจะปายันต์ระเบิดใส่หน้าเขาทันที!

“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ตึกสี่ชั้นกระจอกนัก! เจ้าต้องเดินขึ้นมาอย่างลำบากเช่นนี้หรือ? ไหนจะต้องมา…”

นี่เป็นเสียงในใจของผู้คุ้มกันทั้งห้า ทว่าในยามนี้ เหตุใดเซี่ยงหยางยังไม่ปรากฏตัวออกมาเล่า?

แปลกประหลาดยิ่งนัก!

เซี่ยงหยางรู้สึกประหลาดใจ และยังรู้สึกสนุกไปด้วย เพราะเซี่ยซิ่นรุ่ยที่เขาจับไว้ในมือนั้นกลับหายตัวไป นี่ไม่ต่างอะไรจากการดึงฟันจากปากเสือ

ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก!

“ฮ่า ๆ ท่านอาจารย์หลิง ช่างเป็นกลวิธีที่ดียิ่งนัก!” เซี่ยงหยางปรากฏตัว เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยวจากการกระทำของหลิงเยว่ หากแต่มองสำรวจนางด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

“เจ้าเป็นคนแรกที่ช่วยเหลือผู้คนจากเงื้อมมือของข้าได้ ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”

“แม้ข้าจะเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานระดับกลาง แต่ยังพอจะสังหารเจ้าได้! อยากลองดูหรือไม่เล่า?!” หลิงเยว่รู้สึกกลัวมาก แต่ภายนอกกลับนิ่งเฉยและส่งยิ้มให้อีกฝ่ายราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร

นักกลั่นโอสถอาวุโส ในฐานะผู้คุ้มกันหลักคนแรกของหลิงเยว่ เมื่อรู้ตัวว่าตนเองไม่คู่ควรกับเซี่ยงหยางแล้ว ทว่ายังคงยืนหยัดต่อสู้ หากไม่สู้แล้วจะทำเช่นไร ให้มองดูนางถูกตบจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างนั้นหรือ?

“เช่นนั้นข้าจะขอลองสักครั้ง หากเจ้าไม่สามารถสังหารข้าได้ เจ้าจะต้องพบกับความทรมานที่แสนสาหัส!” การปรากฏตัวของนักกลั่นโอสถอาวุโสไม่ได้ทำให้เซี่ยงหยางรู้สึกหวั่นเกรง แต่กลับมีคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความขี้เล่นเสียอย่างนั้น

ท่านอาจารย์ใหญ่รีบรุดเข้าไปหาหลิงเยว่ จับข้อมือของนาง หวังจะพาออกไป

“ท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านพาคนอื่น ๆ ออกไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุดนะเจ้าคะ” หลิงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ ดวงตาไม่มีแววตื่นตระหนกใด ท่าทางขลาดกลัวอย่างเคยในอดีตนั้นบัดนี้ไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย ราวกับนางได้เตรียมใจสำหรับการตายไปพร้อมกับเซี่ยงหยางแล้ว

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถโน้มน้าวนางได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงหันไปพูดกับชายตรงหน้า

“ให้พวกเขาออกไปจากอาณาเขตด้วยหรือไม่?”

เซี่ยงหยางหัวเราะในลำคอ จากนั้นก็โบกมือเบา ๆ บรรดาผู้ที่มาช่วยเหลือหลิงเยว่พลันกลายร่างเป็นดาวตกจากบนท้องฟ้าไปในทันที ยกเว้นนักกลั่นโอสถอาวุโส

“นี่คือการต่อสู้ระหว่างข้ากับสหายน้อยหลิง ผู้อื่นไม่ควรเข้ามายุ่ง!”

นักกลั่นโอสถอาวุโสซึ่งถอยหลังไปสามก้าวอย่างช่วยไม่ได้เตรียมจะลงมือ แต่ถูกหลิงเยว่คว้าข้อมือเอาไว้ นางส่ายหัวเบา ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำวิงวอน

ในขณะที่นักกลั่นโอสถอาวุโสกำลังตกตะลึง เขาก็ถูกเซี่ยงหยางโยนเข้าไปในห้วงมิติเสียแล้ว…

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท