วันมหามงคลแต่กลับมีเรื่องร้ายมาเช่นนี้ ทำให้คนใหญ่คนโตพวกนี้ของตระกูลไท่เฮ่าล้วนราวกับถูกคนเอาไม้ฟาด โกรธจัดเป็นอย่างยิ่ง
ยามนี้ในเขาเทพนภาลัยยังครึกครื้นเช่นเดิม ทุกที่เต็มไปด้วยความรื่นเริง
เพียงแต่ในโถงใหญ่ของตระกูลกลับอึมครึมกดดันจนทำให้คนใกล้หายใจไม่ออก
“เรื่องนี้ตระกูลจี้ต้องมีคำอธิบายให้พวกเรา!”
ผู้นำตระกูลไท่เฮ่าทงสีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว
เดิมทีการแต่งงานของสองตระกูลเป็นเรื่องดีงามเรื่องหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจทั่วโลก แต่ตอนนี้ด้วยการตายของไท่เฮ่าอู่ จะยังพูดถึงการแต่งงานอะไรกันอีก
“อธิบายหรือ พวกเจ้าตระกูลไท่เฮ่าต้องการคำอธิบายอะไร”
จู่ๆ เสียงเรียบเฉยสายหนึ่งดังขึ้นนอกโถง
“ใคร!”
นัยน์ตาคนใหญ่คนโตอย่างพวกไท่เฮ่าทง ไท่เฮ่าเจิน ไท่เฮ่าสยงล้วนมองไปนอกโถงใหญ่ทันที
แม้แต่แขกในโถงทั้งหมดก็ยังแปลกใจ ใครกันที่อาจหาญกล้าพูดไร้สาระในยามนี้
ไม่กลัวตายหรือ
ก็เห็นเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งก้าวเข้ามาในโถง ชุดสีขาวพระจันทร์ทั้งร่าง รูปลักษณ์หล่อเหลา เป็นหลินสวินนั่นเอง
เขากวาดสายตามองทุกคนในโถงปราดหนึ่งแล้วอดยิ้มกล่าวไม่ได้ “ยังดีที่ไม่นับว่ามาสายเกินไป”
ไม่สายไปจริงๆ เพราะตระกูลไท่เฮ่ายังไม่ทันตั้งตัว ไร้การป้องกันและเฝ้าระวังใดๆ
“หลินสวิน! เป็นเจ้าได้อย่างไร…”
ไท่เฮ่าทงตะลึงงัน นัยน์ตาเบิกกว้างราวกับเห็นคนที่ไม่ควรจะโผล่มาเด็ดขาดปรากฏตัว
“อะไรนะ เขาก็คือหลินสวินหรือ”
พวกแขกที่นั่งอยู่ต่างฮือฮา ตื่นตระหนกไม่หยุด แทบไม่กล้าเชื่อด้วยตาตัวเอง
ที่นี่คือที่ไหน
เขาเทพนภาลัย!
สถานที่สำคัญแกนหลักของตระกูลไท่เฮ่า!
แต่หัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดอย่างหลินสวินกลับถึงขั้นปรากฏตัวในโถงใหญ่ของตระกูลไท่เฮ่าตอนนี้ นี่จะไม่ให้คนตกใจได้อย่างไร
ภาพเช่นนี้เมื่อวานหลินสวินก็เคยเจอมาในตระกูลจี้ เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของทุกคนที่นั่งอยู่จึงไม่แปลกใจเช่นกัน
นี่ก็เรียกว่าเหนือความคาดหมาย
หากให้ฝ่ายตรงข้ามรู้แต่เนิ่นๆ เกรงว่าวันนี้ตนคงไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้อย่างราบรื่นเช่นนี้เป็นอันขาด
“การประสบเคราะห์ของขบวนรับเจ้าสาวตระกูลข้าเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”
สีหน้าไท่เฮ่าเจินเย็นเยียบ นัยน์ตาราวกับน้ำวนทำให้คนใจสั่น
หลินสวินพยักหน้า “ไม่ผิด”
“ไท่เฮ่าอู่ของตระกูลข้าก็ถูกเจ้าฆ่าด้วยหรือ”
ไท่เฮ่าเจินถามอีกครั้ง
หลินสวินพยักหน้าอีกครั้ง “ไม่ผิด”
ถึงตรงนี้ผู้คนในโถงใหญ่ต่างเผยสีหน้าแตกต่างกัน
สีหน้าไท่เฮ่าทงและพวกคนใหญ่คนโตตระกูลไท่เฮ่าไม่น่าดู ตะลึงระคนเดือดดาล
ส่วนแขกสูงศักดิ์ที่มาแสดงความยินดีเหล่านั้นต่างก็สูดหายใจสะท้านยากจะเชื่อ
“พูดเช่นนี้ เจ้าคงจะเหยียบย่างมรรคานิรันดร์แล้วกระมัง”
ไท่เฮ่าเจินถามอีกครั้ง
คำที่เขาใช้คือ ‘คงจะ’ สองคำนี้ เห็นชัดว่าคาดการณ์ไว้ว่าหลินสวินแจ้งมรรคนิรันดร์แล้ว
ดังคาด หลินสวินพยักหน้าอีกครั้ง “ไม่ผิด”
สามข้อล้วนไม่ผิด สองข้อแรกเป็นการยอมรับว่าไท่เฮ่าอู่กับขบวนรับเจ้าสาวทั้งหมดถูกเขาสังหาร อีกข้อเป็นการยอมรับว่าเหยียบบนมรรคานิรันดร์แล้ว สงบนิ่งมากอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าในสายตาผู้คน ท่าทีเช่นนี้ของหลินสวินทำให้ผู้อื่นรู้สึกใจสั่นเช่นกัน
สังหารไท่เฮ่าอู่แล้วยังกล้ามาปรากฏตัวที่อาณาเขตตระกูลไท่เฮ่าในเวลานี้ ยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่ม ไม่บ้าก็ต้องมีที่พึ่งแล้ว!
หลินสวินเป็นพวกหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้ามาที่นี่คงไม่ใช่คิดว่าอาศัยพลังของเจ้าคนเดียวก็สามารถทำลายตระกูลไท่เฮ่าของข้าได้กระมัง” ไท่เฮ่าเจินถามอีกครั้ง น้ำเสียงเจือแววเย็นเยียบ
คำถามนี้ทำให้ผู้อื่นรู้สึกน่าขันสิ้นดี ใครจะคิดว่าหลินสวินคนเดียวจะทำลายตระกูลไท่เฮ่าได้
เกรงว่าสรรพชีวิตทั่วน่านฟ้าที่เก้าก็เชื่อไม่ลง!
แน่นอนว่าคนในโถงนี้ก็ไม่เชื่อเช่นกัน ไท่เฮ่าเจินถามเช่นนี้เพราะอยากรู้ว่าหลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าปรากฏตัวในตระกูลไท่เฮ่าของเขาเช่นนี้ก็เท่านั้น
แต่ใครจะคิดว่ากับคำถามนี้หลินสวินก็ยังพยักหน้า “ไม่ผิด”
นี่คือคำว่า ‘ไม่ผิด’ ครั้งที่สี่
แต่คำสองคำนี้กลับทำให้คนทั้งหมดรู้สึกขำขัน เจ้าหมอนี่… ถึงกับคิดจะทำลายตระกูลไท่เฮ่าด้วยตัวคนเดียวจริงๆ!?
ไท่เฮ่าทงหัวเราะด้วยความโกรธสุดขีด “เดรัจฉานที่อวดดีโง่เขลาคนหนึ่ง ข้าอยากดูนักว่าเจ้ามีฝีมือขนาดไหนถึงกล้าพูดเช่นนี้”
หลินสวินกล่าวเรียบเรื่อย “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้าพูด แต่เป็นเรื่องที่พวกเจ้าถาม ข้าก็แค่ตอบตามจริงเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร รอผ่านวันนี้ไปผู้คนททั่วหล้าย่อมต้องเชื่อ”
“เช่นนั้นหรือ ข้าอยากเปิดหูเปิดตาเสียจริง”
ไท่เฮ่าเจินก้าวออกมา แสงมรรคนิรันดร์แผ่ออกทั่วร่าง อานุภาพทั้งร่างยามนี้แผ่ขยายถึงขีดสุด “ผู้นำตระกูล พวกเจ้าถอยไปก่อน เดรัจฉานนี่มอบให้ข้า…”
ไม่รอพูดจบ เงาร่างหลินสวินก็หายไปจากตำแหน่งเดิมทันที
พริบตาเขาก็มาอยู่เบื้องหน้าไท่เฮ่าเจินแล้ว ตวัดมือตบลงไปอย่างง่ายดาย
“รนหาที่ตาย!
ไท่เฮ่าเจินตอบสนองรวดเร็วยิ่ง ใช้อานุภาพทั้งหมดทันที
ตูม!
มือทั้งคู่ของเขาควบรวมประทับเทพลึกลับสายหนึ่งกลางอากาศ เปล่งแสงเจิดจ้าสะท้อนปรากฏการณ์น่าสะพรึงแห่งการหลอมวัฏจักรออกมาอย่างรวดเร็ว
ประทับแท้หลอมสวรรค์!
ยอดอภินิหารที่ผสานทุกกฎเกณฑ์นิรันดร์ทั้งร่างไท่เฮ่าเจิน เมื่อโจมตีออกไปสามารถทำให้โลกใหญ่ใบหนึ่งกลายเป็นเถ้าถ่านได้ทั้งอย่างนั้น น่าสะพรึงยิ่งอย่างแท้จริง
ทว่า…
ก็ได้ยินเสียงระเบิดหนักทึบดังขึ้นคราหนึ่ง ประทับแท้หลอมสวรรค์ที่ถูกมองเป็นวิชาทั้งชีวิตของไท่เฮ่าเจินก็ถูกทำลายลง ง่ายดายเหมือนตบฟองสบู่
ทว่าอานุภาพพลังฝ่ามือของสวินยังคงไม่ลดละ ทะยานพุ่งต่อไป
อันตรายถึงชีวิตอันรุนแรงนี้ทำเอาไท่เฮ่าเจินขนลุกชันไปทั้งตัว และทำให้ศักยภาพแฝงทั้งร่างเขาถูกกระตุ้นเต็มที่เช่นกัน
“เปิด!” ยามสุ่มเสี่ยงนี้แขนทั้งคู่ของเขาตัดไขว้ตรงหน้า พลังทั่วร่างคล้ายภูเขาไฟเดือดพล่านที่ปะทุขึ้นถึงขีดสุด
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รู้ชัดว่ามรรควิถีของหลินสวินในยามนี้น่ากลัวปานใด
นี่ดูคล้ายตบออกมาส่งๆ แต่ความจริงแฝงไอสังหารไร้สิ้นสุด
ยามตบลงมา…
เปรี๊ยะ!
แขนทั้งสองของไท่เฮ่าเจินก็โดนซัดแหลก จากนั้นพลังป้องกันมหามรรคทั่วร่างเขาก็ถูกทำลายย่อยยับเหมือนกระดาษเปื่อยเช่นกัน
และหลังจากนั้น ภายใต้สายตาหวาดกลัวของผู้คน ไท่เฮ่าเจินก็ถูกฝ่ามือนี้ฟาดตายทั้งเป็น ร่างและพลังจิตแตกสลายไปพร้อมกัน
ฝ่ามือเดียวสังหารระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎสัมบูรณ์คนหนึ่ง!
ตูม โครม!
แต่ไม่รอให้ทุกตอบสนอง พลังที่ปล่อยจากฝ่ามือนี่ก็แผ่ออกประหนึ่งพายุคลั่ง โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องเรือนมากมายในโถงกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา เสาหินและผนังที่ค้ำยันโถงก็ถูกโจมตีรุนแรง ส่งเสียงกึกก้องเป็นระลอกเหมือนจะถล่ม
และคนที่ประสบเคราะห์ก่อนก็คือเหล่าคนใหญ่คนโตกับแขกที่มาอวยพรในโถงใหญ่ ทั้งหมดยังไม่ทันหนี ร่างก็ถูกกลบอยู่ภายในกระแสพลังทำลายล้างอันแรงกล้า แต่ละคนจิตสิ้นวิญญาณสลายภายใต้เสียงร้องแหลมหวาดหวั่นไร้ทางช่วย
แค่คิดก็รู้ว่าอานุภาพที่แม้แต่ระดับนิรันดร์อย่างไท่เฮ่าเจินยังต้านไม่อยู่นี้ คนอื่นๆ ในที่นั้นซึ่งยังไม่ก้าวสู่ระดับนิรันดร์จะรอดชีวิตไปได้อย่างไร
ต่อให้โดนเพียงระลอกคลื่น ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานหรือทนรับได้!
พริบตาเดียวโถงใหญ่ของตระกูลไท่เฮ่าที่ตั้งตระหง่านมาหมื่นกาลนี้ก็พังถล่มครั่นครืน มีเพียงไท่เฮ่าสยงที่พาผู้นำตระกูลไท่เฮ่าทงหลบหนีมาได้ในทัน
แต่ก็เพียงแค่นี้เท่านั้น
ชั่วพริบตาที่โถงใหญ่พังทลายลง หลินสวินก็เปิดฉากไล่ล่าโจมตีไปแล้ว เงาร่างพริบไหวพุ่งเข้าใส่ไท่เฮ่าสยง
ตูม!
ฟ้าดินปั่นป่วน อานุภาพระดับนิรันดร์อันน่ากลัวหอบม้วนออกมา และแผ่ขยายไปทั่วเขาเทพนภาลัยทันที
บรรยากาศรื่นเริงคึกคักพลันซัดทำลาย แขกมากกว่าหมื่นคนที่มาร่วมอวยพรต่างร้องระงมวิ่งวุ่นอลหม่าน
คนตระกูลไท่เฮ่าเองก็ตกใจในสถานการณ์โกลาหลนี้เช่นกัน ต่างอึ้งงันและทำอะไรไม่ถูก
วันนี้เป็นวันมงคลของพวกเขาตระกูลไท่เฮ่า แต่ตอนนี้… กลับเกิดเภทภัยน่ากลัวงเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร
จากนั้นผู้คนก็เห็นโถงใหญ่แห่งนั้นพังครืนดังสนั่น เห็นเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินสาดประกายจ้า รวมถึงไท่เฮ่าสยงกับไท่เฮ่าทงที่กำลังถูกเขาไล่ฆ่า!
ภาพเช่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนพังทลาย
นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน
ในฐานะเผ่าเทพนิรันดร์หนึ่งในสิบสองตระกูล หากพูดกันอานุภาพ ตระกูลไท่เฮ่ายังแข็งแกร่งกว่าตระกูลจี้อยู่บ้าง คงอยู่บนเขาเทพนภาลัยมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ความน่ากลัวของรากฐานพลังที่ครอบครองสามารถทำให้ทั่วหล้าทั้งบนล่างใจสะท้านและหวาดกลัว
แต่ตอนนี้ในอาณาเขตของตระกูลตน กลับมีเคราะห์สังหารครั้งใหญ่อุบัติขึ้น แม้แต่ระดับนิรันดร์กับผู้นำตระกูลก็กำลังถูกคนไล่ฆ่า!
นี่ทำลายความเข้าใจของผู้คนไปโดยสิ้นเชิง ต่างขวัญเสียไปหมดแล้ว
ตูม โครม!
การต่อสู้ปะทุขึ้น หลินสวินสู้กับไท่เฮ่าสยงอย่างดุเดือดโดยไม่ได้ยั้งมือใดๆ
ขณะเดียวกันในฐานะผู้นำตระกูล ไท่เฮ่าทงก็ใช้พลังระเบียบระดับเทพอย่างไม่ลังเล ทว่าล้วนเปลืองแรงเปล่า ไม่อาจขวางอานุภาพของหลินสวินได้เช่นเดิม
กลับเป็นว่าภายใต้การโจมนี้ ทำให้ไท่เฮ่าสยงได้รับบาดเจ็บสาหัสในชั่วพริบตา
ไท่เฮ่าสยงที่เข้าตาจนสำแดงไพ่ตายออกมาอย่างไม่ลังเล…
รูปจำลองเจตจำนงขั้นไร้ขอบเขตสายหนึ่ง กับรูปจำลองเจตจำนงขั้นสรรสร้างสองสาย!
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาแทบพังทลายก็คือ รูปจำลองเจตจำนงขั้นสรรสร้างสองคนนั้นเพิ่งออกมาไม่นานก็ถูกหลินสวินทำลายสิ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างหนึ่งถูกปราณกระบี่ไพศาลดั่งมหาสมุทรทำลาย อีกร่างถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวินบดขยี้
ที่ตามมาติดๆ คือกายมรรคทั้งสี่ของหลินสวินลงมือพร้อมกัน รูปจำลองเจตจำนงขั้นไร้ขอบเขตคนนั้นก็ถูกระเบิดในพริบตาเช่นกัน!
ภาพนี้ทำเอาไท่เฮ่าสยงตาเบิกโพลง แทบคลุ้มคลั่งแล้ว
ก่อนหน้านี้เขารู้แค่ว่าหลินสวินแจ้งมรรคนิรันดร์เมื่อครึ่งปีก่อน แต่กลับไม่รู้ว่าหลินสวินในตอนนี้มีปราณขั้นล่วงกฎขั้นปลายแล้ว
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้หลินสวินอาศัยพลังของตนทำลายเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางไปแล้ว
ไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้ถูกหลินสวินชำระล้างไปแล้ว
ยิ่งไม่รู้ว่าต่อให้เป็นรูปจำลองเจตจำนงขั้นไร้ขอบเขต สำหรับหลินสวินก็ไม่มีภัยคุกคามให้กล่าวถึง
นี่เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน!
และทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ย่อมทำลายความเข้าใจของเขาไป ทำให้เขาไม่อาจจินตนาการ ไม่อาจยอมรับได้
จนกระทั่งพริบตาที่ถูกหลินสวินโจมตี ไท่เฮ่าสยงรู้สึกไม่สมจริงอย่างหนึ่ง ใบหน้าฉายความหวาดกลัวและสิ้นหวัง
“อ๊าก...!”
และตอนนี้เองผู้นำตระกูลไท่เฮ่าทงก็คล้ายพังทลายและบ้าคลั่งไปโดยสิ้นเชิง ส่งเสียงตะโกนลั่นฟ้า เสียงนั้นเจือแววหวาดกลัว เศร้าโศก รันทด ขวัญผวาและเกรี้ยวโกรธไม่มีที่สิ้นสุด
หลินสวินมองปราดเดียวก็ดูออกว่าภายใต้แรงโจมตีสาหัสเช่นนี้ สภาวะจิตของเจ้าเฒ่านี่พังทลายแล้ว…