เขาเทพเก้าวิญญาณ
อาณาเขตของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลชาง
“เมื่อวานเพิ่งมีข่าวมาว่าตระกูลหยางพินาศแล้ว ตอนนี้ก็มีข่าวออกมาอีกว่าตระกูลจี้ก็ถูกหลินสวินกวาดล้างอย่างนั้นหรือ”
พวกคนใหญ่คนโตตระกูลชางรวมตัวกันในหอบรรพชน บรรายากาศกดดัน
“ที่แน่ใจได้ก็คือความพินาศของตระกูลหยางต้องเป็นฝีมือเจ้าหลินสวินนี่เช่นกัน และที่เขาทำได้ถึงขั้นนี้ด้วยพลังของตัวเองคนเดียว ก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียวคือเขามีไพ่ตายที่สามารถสังหารรูปจำลองเจตจำนงขั้นไร้ขอบเขตได้ในมือ!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับนิรันดร์คนหนึ่งเอ่ยเสียงขรึม “อีกทั้งต่อให้มีระเบียบระดับเทพคุ้มครอง ก็ไม่อาจขัดขวางการโจมตีของเจ้าหมอนี่ได้!”
ประโยคเดียวทำเอาจิตใจผู้คนในที่นั้นเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง
พวกเขาตระหนักได้ว่ามรสุมครั้งนี้จะม้วนตลบน่านฟ้าที่เก้า!
และคนที่เรียกพายุครั้งนี้มาก็คือหลินสวิน บุคคลที่ประหนึ่งตำนาน หัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ของลัทธิแรกกำเนิดที่เลื่องชื่อในน่านฟ้าที่เก้าในไม่กี่ปีมานี้
“เช่นนั้น… พวกเราควรทำอย่างไร”
มีคนเอ่ยเสียงต่ำลึก
ใครๆ ล้วนรู้ดีว่าการประสบเคราะห์ของตระกูลหยาง ตระกูลจี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่แน่ว่าหลินสวินอาจเปิดฉากเคลื่อนไหวนานแล้ว กำลังทำการแก้แค้นเผ่าเทพนิรันดร์ที่เหลือ!
“ทำอย่างไร… แต่ก่อนใครจะมองเจ้าตัวจ้อยอย่างหลินสวินอยู่ในสายตากัน ทว่าตอนนี้เขาถึงกับคุกคามความอยู่รอดของเผ่าเทพนิรันดร์ได้ นี่น่าอนาถเพียงไหน!!”
มีคนกล่าวอย่างขุ่นข้อง
ข่าวร้ายที่กระจายออกมาของตระกูลหยางและตระกูลจี้ทำเอาพวกเขาตื่นตกใจ จากความยากจะเชื่อในตอนแรกสุด มาถึงตอนนี้ที่ว้าวุ่นใจ เรียกได้ว่าสภาวะจิตผันผวนอย่างมาก
“นี่ก็เรียกว่า ‘เมื่อโอกาสมาถึงฟ้าดินล้วนร่วมแรง!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งถอนหายใจยาว “หากไม่ใช่เพราะเคราะห์แห่งยุคสมัยทำให้ขั้นสรรสร้างขึ้นไปของพวกเราสิบสองตระกูลเผ่าเทพนิรันดร์ต้องจากไป หลินสวินย่อมไม่มีโอกาสบุกมาน่านฟ้าที่เก้าได้เป็นอันขาด อย่าว่าแต่เขา ต่อให้เป็นเจ้าหอบรรพจารย์ทั้งสี่ก็ไม่มีทางสั่นคลอนพวกเราได้”
ใจของทุกคนพลิกม้วน
เฒ่าดึกดำบรรพ์ผู้นั้นกล่าวต่อ “นอกจากนี้เจ้าหลินสวินนี่ยังกระทำการเย้ยฟ้า ชิงจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคนิรันดร์มาได้ ทำให้ผู้บงการหลังม่าของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นยังรู้สึกถึงภัยคุกคาม แค่คิดก็รู้ว่ามรรคานิรันดร์ของเจ้าหลินสวินนี่ย่อมต่างจากคนทั่วไป และความพินาศของตระกูลหยางกับตระกูลจี้ก็พิสูจน์จุดนี้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย”
สุดท้ายเฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้กล่าวสรุป “ทั้งหมดนี้ล้วนหมายความว่า ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้หลินสวินมีพลังในการทำลายโครงสร้างน่านฟ้าที่เก้าได้แล้ว จะดูเบาไม่ได้เด็กขาด ไม่เช่นนั้นเกรงว่าตระกูลชางของพวกเราก็อาจเจริญรอยตามตระกูลหยางกับตระกูลจี้ได้เช่นกัน”
ในใจทุกคนคร่ำเคร่งนัก สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งยิ่ง
“ผู้อาวุโส เช่นนั้นท่านว่าพวกเราควรทำอย่างไร”
มีคนถาม
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนนั้นยกมือวาดคราหนึ่ง แผนที่ขนาดใหญ่ภาพหนึ่งปรากฏออกมา “พวกเจ้าดู หลังจากเจ้าหลินสวินนี่ทำลายตระกูลหยางก็ตรงไปตระกูลจี้ทันที ถ้าข้าเดาไม่ผิด เป้าหมายต่อไปของเขาเป็นไปได้มากว่าเป็นตระกูลไท่เฮ่าที่อยู่ติดกับตระกูลจี้”
ทุกคนพยักหน้าไม่หยุด
เฒ่าดึกดำบรรพ์นั่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับส่ายศีรษะกล่าว “ไม่ถูก ตอนที่พวกเราได้รับข่าวว่าตระกูลหยางกับตระกูลจี้ประสบเคราะห์ก็ช้าไปเกือบสองวันแล้ว เกรงว่าตอนนี้เจ้าหลินสวินนี่คงทำลายตระกูลไท่เฮ่าไปแล้ว”
“นี่…” สีหน้าทุกคนล้วนเปลี่ยนไปทันที
“การศึกต้องรวดเร็ว เจ้าหลินสวินนี่รู้ดีว่าถ้าข่าวแพร่ออกไป การเคลื่อนไหวของเขาก็จะยิ่งไม่ราบรื่น ดังนั้นเขาจะต้องเร่งทำเวลา”
เฒ่าดำดำบรรพ์นั่นแววตาลุ่มลึก ชี้ไปยังแผนที่ที่ปรากฏบนม่านแสงนั้น “และถ้าข้าเดาไม่ผิด หลังจากทำลายตระกูลไท่เฮ่า เจ้านี่จะต้องไปตระกูลเหวินแน่นอน”
มีคนหน้าเปลี่ยนสีทันที กล่าวว่า “ถ้าตระกูลเหวินพินาศเช่นกัน เจ้านี่ก็แค่ต้องทำลายตระกูลเจวี๋ย และเป้าหมายถัดไปก็จะเป็นตระกูลชางของพวกเรา”
เฒ่าดึกดำบรรพ์นั่นพยักหน้า “ฉะนั้นสถานการณ์ได้กลายเป็นเร่งด่วนที่สุดแล้ว ตอนนี้พวกเราต้องเคลื่อนไหวทันที”
“ผู้อาวุโส การเคลื่อนไหวต่อไปให้ท่านตัดสินใจก็พอ” ทุกคนพากันเอ่ยปาก
เฒ่าดึกดำบรรพ์พยักหน้ากล่าว “ตามความเห็นข้า จากนี้ไปพวกเราจะพาคนในตระกูลทั้งหมดจากไปทันที กลบเลี่ยงคมดาบจึงจะเป็นแผนชั้นยอด ตราบใดที่พวกเรายังมีชีวิตก็จะมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะได้กลับมาอีกครั้งหรือตัดสินใจทำอะไรก็ล้วนอยู่ในจุดที่ไม่เสียเปรียบแล้ว”
“หนีหรือ…” สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นอึมครึมไม่อาจสงบ ในใจต่อต้านไม่หยุด
แค่หลินสวินคนเดียวเท่านั้น เพียงเพราะข่าวลือเดียวกลับทำให้พวกเขาทั้งตระกูลชางต้องหลบหนีโดยไม่ต่อสู้ ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไปชื่อเสียงที่พวกเขาตระกูลชางสั่งสมมาหลายปีต้องแหลกเหลว กลายเป็นที่ขบขันของคนทั่วหล้า!
“ผู้อาวุโส อย่างไรข่าวพวกนี้ก็เป็นข่าวลือ ไม่ว่าใครล้วนไม่รู้ว่าการล่มสลายของตระกูลหยางและตระกูลจี้เป็นฝีมือของหลินสวินคนเดียวหรือมีสาเหตุอื่นกันแน่ พวกเราจากไปเช่นนี้ เห็นชัดว่าออกจะเกินไปหน่อย…”
มีคนอดกล่าวไม่ได้
“ใช่แล้ว”
คนอื่นพากันเอ่ยสมทบ ไม่ยินยอมหนีจากไปเช่นนี้
เฒ่าดึกดำบรรพ์เห็นเช่นนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “มีชีวิตรอดสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด หากตายไปทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว! ยิ่งกว่านั้นข่าวลือพวกนี้อาจจะมีจุดที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมด แต่เรื่องที่ตระกูลหยางและตระกูลจี้ประสบเคราะห์ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไปแล้ว!”
ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็อดมองไปทางผู้นำตระกูลไม่ได้
“ทำตามที่ผู้อาวุโสว่าทั้งหมด!” ผู้นำตระกูลชางนิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วกัดฟันตัดสินใจ
“ดี พวกเราจากไปตอนนี้เลย”
เฒ่าดึกดำบรรพ์ผู้นั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก กล่าวอย่างผ่อนคลาย “การจากไปง่ายดาย ขอเพียงเก็บเขาเทพเก้าวิญญาณกับพลังระเบียบมาก็ได้แล้ว”
เขาพูดพลางหยัดตัวขึ้น แล้วหันไปมองนอกหอบรรพชน “ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวเถิด”
ทุกคนพากันลุกขึ้นเช่นกัน
ทว่าตอนที่เฒ่าดึกดำบรรพ์เพิ่งจะเดินไปถึงประตูใหญ่หอบรรพพชน เสียงเรียบเรื่อยสายหนึ่งก็ดังขึ้น “ทุกท่าน ค่อยมาคิดหนีตอนนี้คงช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว”
ที่ตามมาติดๆ คือเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลชาง สันโดษหนึ่งเดียว ท่าทางผ่อนคลาย
แต่การปรากฏตัวของคนผู้นี้กลับทำให้พวกเขาเหมือนโดนฟ้าผ่า รู้สึกราวกับฟ้าจะถล่ม!
“สุดท้ายก็ช้าไปก้าวหนึ่ง…”
เฒ่าดึกดำบรรพ์นั่นอดส่งเสียงถอนหายใจยาวไม่ได้ เผยแววหดหู่และไม่ยินยอม
คิดจะหลบเลี่ยงคมดาบ แต่คมดาบกลับจ่อมาถึงหน้าประตูแล้ว!
จากนั้นก็ไม่มีเรื่องเกินความคาดหมายใด
หลังจากหลินสวินมาถึงไม่นาน เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลชางก็พินาศ ถูกลบชื่อออกจากโลกนี้ตามไปด้วย
…
ตั้งแต่ออกจากตระกูลจี้จนถึงตอนนี้ หลินสวินทำลายเผ่าเทพนิรันดร์สี่ตระกูลอย่างตระกูลไท่เฮ่า ตระกูลเหวิน ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลชางต่อเนื่อง
แต่เวลากลับเพิ่งผ่านไปสองวัน
ทว่าสิ่งที่เจอในตระกูลชางทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าเมื่อข่าวกระจายออกไป เผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นล้วนตื่นตัวขึ้นมา และอาจถึงขั้นคิดหนีไปเหมือนตระกูลชาง!
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ คิดจะทำลายเผ่าเทพนิรันดร์พวกนี้อีกก็แทบไม่ต่างอะไรจากงมเข็มในมหาสมุทร
ถึงอย่างไรน่านฟ้าที่เก้าก็กว้างใหญ่เกินไป ด้วยศักยภาพของเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้น หากซ่อนตัวขึ้นมา คิดจะลากพวกเขาออกมาย่อมสิ้นเปลืองเวลาและกำลังไม่รู้เท่าไร
แต่หลินสวินไม่มีเวลาให้เสียไปมากขนาดนั้น
ทว่าหลินสวินก็รู้ดีว่าเผ่าเทพนิรันดร์ที่เหลืออาจจะพวกที่คิดคล้ายกับตระกูลชางอยู่บ้าง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกหนีไปทั้งหมดแน่นอน
…
ดังคาด ไม่เกินการคาดเดาของหลินสวิน ตอนที่เขามาถึงเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวนซึ่งเป็นเป้าหมายถัดไป ตระกูลหยวนก็ได้ข่าวมาก่อนแล้วอย่างเห็นได้ชัด
หรือจะพูดว่าตระกูลหยวนเตรียมหลบหนีเมื่อเห็นท่าไม่ดีเรียบร้อยแล้ว
น่าเสียดายที่หลินสวินไม่ให้โอกาสพวกเขาหนีแต่อย่างใด หลังจากเขามาถึงก็แฝงเข้าไปในตระกูลหยวนโดยไม่ทิ้งร่องรอย กระทั่งหลังจากคว้าโอกาสกำราบระดับนิรันดร์ที่ควบคุมพลังระเบียบได้ในคราวเดียว ทางหนีของตระกูลหยวนก็ถูกตัดขาดแล้ว
จากนั้นตระกูลหยวนก็ล่มสลายตามไป
…
หลินสวินรีบไปตระกูลผานอู่โดยไม่รั้งรอ
แต่ครั้งนี้กลับไปเสียเที่ยว ตอนที่เขามาถึงอาณาเขตตระกูลผานอู่ ที่นั่นก็ว่างเปล่านานแล้ว
เรื่องนี้หลินสวินคาดเดาในใจไว้ก่อนแล้วจึงไม่ได้แปลกใจ
ในเวลาต่อมาเขาไปตระกูลเย่ ตระกูลอู่ ตระกูลสิงเทียน ตระกูลจื่อเชอติดต่อกัน
ในจำนวนนั้นตระกูลเย่กับตระกูลสิงเทียนหนีไปก่อนก้าวหนึ่งเหมือนกับตระกูลผานอู่
ส่วนตระกูลอู่กับตระกูลจื่อเชอกลับเลือกจะดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
จุดจบไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเผ่าเทพนิรันดร์สวองตระกูลนี้ถูกหลินสวินทำลายสิ้น
จนถึงตอนนี้ในช่วงเวลาไม่ถึงหกวัน นับตั้งแต่หลินสวินออกเดินทางจากตระกูลจี้ไปยังเผ่าเทพนิรันดร์สิบตระกูลอย่างตระกูลไท่เฮ่า ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลชาง ตระกูลหยวนเป็นต้น
เดินทางไปทั่วตามลำพัง เรียกลมฝนคาวเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า และเผ่าเทพนิรันดร์ที่ดำรงอยู่มานานทั้งหมดนั้น นอกจากตระกูลผานอู่ ตระกูลเย่ และตระกูลเทียนสิงแล้ว ต่างพินาศกลายเป็นฝุ่นควันในหน้าประวัติศาสตร์
ราวกับผู้ยิ่งใหญ่ที่คงอยู่ในกลาเวลาไร้สิ้นสุดในน่านฟ้าที่เก้าค่อยๆ ร่วงหล่น เรียกคลื่นลูกใหญ่ยักษ์ในทั่วทุกพื้นที่
กระทั่งหลังจากหลันสวินกลับมาตระกูลจี้ ทั้งน่านฟ้าที่เก้าก็แตกตื่นยิ่งแล้ว สรรพชีวิตต่างถูกข่าวมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายทำเอาตกใจ
“อะไรนะ แม้แต่ตระกูลชางก็ล่มสลายแล้วหรือ”
“นี่เป็นข่าวของเมื่อวานไปแล้ว เมื่อครู่มีข่าวแพร่ออกมาว่าตระกูลหยวนก็ล่มสลายแล้วเช่นกัน”
“เป็นไปได้อย่างไร…”
“สวรรค์ เกิดอะไรขึ้นในน่านฟ้าที่เก้ากันแน่”
ในขณะที่ผู้คนกำลังสั่นไหวกับความพินาศของเผ่าเทพนิรันดร์บางตระกูล ข่าวความพินาศของเผ่าเทพนิรันดร์ที่เหลือก็กระจายตามมาติดๆ จนถึงขั้นทำให้รู้สึกสับสนไปหมด
เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล กลับประสบเคราะห์ติดต่อกันในเวลาอันสั้น สำหรับสรรพชีวิตในน่านฟ้าที่เก้านี่ไม่ต่างอะไรกับฟ้าเปลี่ยน
ความแปลกใจ ตกตะลึง และยากจะเชื่อมีมากเกินไป ไม่ว่าคำพูดใดก็ไม่อาจบรรยายความรู้สึกเช่นนั้นได้
และเมื่อนึกถึงว่าทั้งหมดนี้ถึงกับมาจากน้ำมือของคนผู้เดียวก็ทำเอาหนังหัวชาและขนลุกไม่หยุด
“หลินสวิน! เขาถึงขั้นพลิกฟ้าของน่านฟ้าที่เก้าด้วยตัวคนเดียวได้!”
“ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเคยเกิดเรื่องแบบนี้ที่ไหน หลินสวินนี่… แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นได้อย่างไร”
“กำราบเผ่าเทพนิรันดร์ในน่านฟ้าที่เก้าด้วยตัวคนเดียว ตัวคนเดียวนะ!! มองไปทั่วหล้าบนล่าง เหลือบแลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเคยมีบุคคลเช่นนี้หรือ”
“ต่อไปเกรงว่าน่านฟ้าที่เก้าของโลกยอดนิรันดร์นี้คงมีหลินสวินเป็นใหญ่ที่สุด!”
…เสียงฮือฮาหลากหลายดังขึ้นในทุกพื้นที่ของน่านฟ้าที่เก้า
และพร้อมกับข่าวที่กระจายมาไม่หยุด ความแตกตื่นเช่นนี้ก็ยังปรากฏและเผยออกมาเรื่อยๆ เรียกคลื่นที่โหมซัดยิ่งกว่าขึ้นมาไม่หยุด