ตอนที่ 3068 แดนผนึกไร้นาม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3068 แดนผนึกไร้นาม

สิบปีหลังจากนั้น

หลินสวินออกจากการปิดด่าน

เขาในตอนนี้มีมรรควิถีขั้นสรรสร้างขั้นกลางแล้ว ห่างจากขั้นปลายอีกเพียงนิดเดียว

แต่ระยะห่างเล็กน้อยนี้กลับทำให้มรรควิถีของหลินสวินปรากฏสภาพคอขวด

สภาพคอขวดนี้ไม่ใช่สิ่งที่การหลอมระเบียบระดับเทพจะสามารถคลี่คลายได้ และใช่ว่าจะสามารถแลกได้ด้วยการฝึกปราณ แต่ต้องผ่านการตกตะกอนและเคี่ยวกรำ

กับเรื่องนี้หลินสวินไม่ได้ประหลาดใจ และมั่นใจว่าด้วยพลังต่อสู้ของตนในตอนนี้ไม่ต้องกลัวการคุกคามของขั้นไร้ขอบเขตแล้ว

ยามเพิ่งทะลวงขั้นสรรสร้าง เขาก็สามารถโจมตีขั้นไร้ขอบเขตอย่างอิงซานอิงจนพ่ายแพ้ได้ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่เขาครอบครองมรรควิถีขั้นสรรสร้างขั้นกลางแล้ว

หลินสวินเดินออกจากถ้ำสถิตโดยไม่ได้ทำให้ใครตกตื่น ก้าวย่างออกจากแดนลับดวงกมลเข้าไปในเมืองเทพศุภโชค

เมื่อเทียบกับความรกร้างเงียบเชียบเมื่อสิบปีก่อน ในเมืองรุ่งเรืองหาใดเปรียบแล้ว เต็มไปด้วยเงาร่างที่เดินขวักไขว่จนไหล่เฉียดกัน เสียงครึกครื้นต่างๆ ดังขึ้นไม่ขาดสาย

หลินสวินเก็บกลิ่นอาย ยามเดินอยู่ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนของเขา ดังนั้นระหว่างทางจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไร

เขาก้าวเดินและมองดูเช่นนั้น

ผู้ฝึกปราณที่มาจากแต่ละอารยธรรมแห่งยุคสมัยสามารถมองเห็นได้ทุกแห่งหน มีสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ต่างๆ รูปลักษณ์แปลกประหลาดต่างๆ นานา พลังปราณก็มีทั้งสูงต่ำ พวกที่แข็งแกร่งมีถึงระดับนิรันดร์ พวกที่อ่อนแอก็มีมรรควิถีเพียงระดับอริยะ

แต่ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนสุขุมเยือกเย็น อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่เกิดความขัดแย้งใดๆ

ยามทุกคนเคารพกฎระเบียบในเมือง ก็จะกลายเป็นภาพสันติสุขที่เงียบสงบเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้

หลินสวินมองเห็นผู้ฝึกปราณจากตระกูลหลิน ตระกูลลั่ว ตระกูลจี้กระจายอยู่ในเมืองเช่นกัน ต่างทำงานของตน ยุ่งอยู่กับเรื่องของตน เผยความผ่อนคลายและความมีชีวิตชีวา

เพราะใครๆ ต่างรู้ว่าอยู่ในเมืองไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายใดๆ ขึ้น

หลินสวินรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมาในใจน้อยๆ

หากทุกที่บนโลกล้วนเป็นภาพรุ่งเรืองสงบสุขเช่นนี้จะดีแค่ไหน

“หืม”

ตอนที่หลินสวินมาถึงยอดเขาราตรีสงัด จู่ๆ ก็สังเกตเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยหนึ่ง

คนผู้นั้นสวมชุดเกราะดำเก่าแก่ ใบหน้าเย็นชา รูปร่างผอมสูง กำลังนั่งดื่มอยู่หน้าตำหนักบนยอดเขา เผยกลิ่นอายเกียจคร้านและนิ่งสงบ

“ผู้อาวุโส ท่านกลับมาเมื่อไหร่”

หลินสวินก้าวมาถึงข้างกายคนผู้นั้นแล้วยิ้มกล่าว

คนผู้นี้ก็คือสือซาน ข้ารับใช้ข้างกายจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์!

สือซานเห็นหลินสวินก็อึ้งไป จากนั้นมุมปากเผยรอยยิ้ม ลุกขึ้นเอ่ยว่า “กลับมาตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว”

พูดจบเขาอดพินิจหลินสวินไม่ได้ กล่าวว่า “เรื่องที่เจ้าทำหลายปีมานี้ข้าล้วนรู้แล้ว ปีนั้นนายท่านดูคนไม่ผิดจริงๆ”

หลินสวินยิ้มพูด “ต่อไปคงไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่”

สือซานพยักหน้า “เมืองเทพศุภโชคในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นแดนพิสุทธ์อันดับหนึ่งของแหล่งสถานศุภโชค เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานในสายตาของสรรพชีวิต ต่อให้เป็นระดับนิรันดร์ก็เต็มใจฝึกปราณที่นี่ นอกจากเจ้าจะไล่ข้า ไม่เช่นนั้นข้าไม่ไปไหนแล้ว”

เขาไม่ได้พูดเกินจริง

เมืองเทพศุภโชคมีระเบียบระดับเทพปกคลุมอยู่แปดชั้น และในเมืองมีภูเขาเทพที่เก่าแก่และดั้งเดิมมากมายกระจายอยู่ การฝึกปราณที่นี่ระดับนิรันดร์สามารถได้รับผลประโยชน์ไร้จำกัด ใครยังจะเลือกจากไป

ปัจจุบันในแต่ละอารยธรรมฝึกปราณ คนหนุ่มสาวนับไม่ถ้วนต่างมองการมาฝึกปราณที่เมืองเทพศุภโชคเป็นเป้าหมายที่ต้องบรรลุในชีวิตนี้!

หลินสวินเองก็ดีใจมาก เอ่ยว่า “ไม่ไปก็ดีแล้ว”

ว่าแล้วก็หยิบเหล้ากาหนึ่งออกมา นั่งลงกับพื้นพร้อมสือซาน ดื่มและพูดคุยกัน

จนกระทั่งพลบค่ำหลินสวินจึงลุกขึ้นจากไป

มองเขาจนลับตาไปท่ามกลางผู้คน สือซานพึมพำว่า “นายท่าน หากท่านยังอยู่คงต้องปลาบปลื้มมากกระมัง…”

……

คืนนั้นเองงานเลี้ยงหนึ่งจัดขึ้น

ผู้ที่เข้าร่วมงานมีหลินเหวินจิ้ง ลั่วชิงสวิน มีหลินฝาน ซูไป๋ ถังเจียง กู้ซี และยังมีพวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวอิ๋น

นอกจากนี้เหล่ายอดบุคคลจากดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกอู๋ยาง เฒ่าชราลัทธิแรกกำเนิดอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง สหายอย่างสองพี่น้องซี จี้ซานไห่ หลินจง สืออวี่ล้วนอยู่ในงานเลี้ยง

งานเลี้ยงครึกครื้นมาก ต่างฝ่ายต่างคารวะสุรา พูดคุยแย้มยิ้ม กลมเกลียวมีความสุข

จนกระทั่งกลางดึกงานเลี้ยงจึงจบลง

“ไปแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ท่านกับซย่าจื้อต้องรักษาตัวด้วย”

ท้องฟ้ารัตติกาลมืดสนิท มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ข้างกายหลินสวิน กำชับเสียงอ่อนโยน “ส่วนเรื่องในบ้านท่านวางใจได้”

“อืม”

หลินสวินตอบรับพร้อมรอยยิ้ม

การไปครั้งนี้ข้าตัดสินใจนำห้ากายมรรคไปด้วย ไม่เช่นนั้นภายหน้าหากมีโอกาสแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต ถ้าร่างแยกมหามรรคไม่อยู่ มรรคาก็ย่อมบกพร่อง

แต่หลินสวินทิ้งรูปจำลองเจตจำนงของตนเอาไว้

อันที่จริงในเมืองเทพศุภโชคตอนนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น

เพราะนอกจากมีระเบียบระดับเทพมากมายที่อู๋ซวงควบคุม ยังมียอดสมบัติลายธารเฝ้าพิทักษ์อยู่ที่นี่ บวกกับระดับนิรันดร์ยี่สิบกว่าคนอย่างพวกอู๋ยางคอยดูแลอยู่ ทอดสายตามองไปใครจะสู้ได้

ต่อให้ทูตชะตาสวรรค์ปรากฏอีก ก็มีลายธารต้านทาน!

เมื่อรัตติกาลถดถอย แสงสว่างทำลายความมืด เมืองเทพศุภโชคยังคงคึกคักและรุ่งเรืองเหมือนเดิม ส่วนหลินสวินพาซย่าจื้อจากไปเงียบๆ แล้ว

ไม่ได้เกิดความโกลาหลอะไร

……

แหล่งสถานคุนหลุน

หนึ่งในจตุโบราณสถาน

ที่นี่มี ‘เก้าลับสามผนึก’ กระจายอยู่ ในนี้เคยให้กำเนิดเตามารดาหมื่นมรรค หลอมเก้าสมบัติที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้า

ในเวลาปกติแหล่งสถานคุนหลุนเงียบเชียบและรกร้างมาก แม้มีวาสนากระจายอยู่ไม่น้อย แต่ก็ดึงดูดได้เพียงผู้ที่ปราณต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ

ทว่าในช่วงที่อารยธรรมแห่งยุคสมัยหนึ่งจะปรากฏเคราะห์แห่งยุคสมัย แหล่งสถานคุนหลุนจะเปลี่ยนเป็นสถานที่ที่ระดับนิรันดร์ทั่วหล้าแก่งแย่งกัน

เพราะในตอนนั้น ‘ทะเลโชคชะตา’ พลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานคุนหลุนจะปรากฏ โอกาสในการไปแหล่งสถานอัศจรรย์ก็จะอุบัติขึ้นในทะเลนี้

ภายใต้การคุกคามที่เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาเยือนได้ตลอดเวลา ไม่มีระดับนิรันดร์คนใดสามารถปฏิเสธโอกาสเช่นนี้ได้!

ครึ่งเดือนหลังจากนั้น

แม่น้ำเซียนเหิน ทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุน

เงาร่างของหลินสวินปรากฏกลางอากาศ ยามเห็นแม่น้ำเซียนเหินที่ราวกับไหลลงจากฟ้า สายตาเขาอดเผยแววเหม่อลอยไม่ได้

ยามเป็นเด็กหนุ่มหลินสวินเคยมาแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว เขาเคยสู้กับเหล่าผู้กล้าเพียงลำพังที่นี่ เคยเจอเงาร่างสีม่วงที่ลุ่มหลงในตัวศิษย์พี่ใหญ่หาใดเปรียบในแดนลับป่าท้อ และเคยเจอระฆังมหามรรคไร้กฎในแดนลับเขาพญามังกรโดยบังเอิญ…

ในแดนผนึกแท่นสักการะ เขากับศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผูเจอกันครั้งแรก และได้รับมรดกคัมภีร์มหามรรคหวงถิงรวมถึงแส้สามพันเคลื่อนคล้อย

และเขายังสักการะอริยมรรคที่นี่ สร้างปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ภายหลังหลินสวินเคยกลับมาแหล่งสถานคุนหลุนอีกครั้ง เข้าไปในผาสยบมรรคหนึ่งในแดนสามผนึก เคยฟังคำชี้แนะและคำสอนของระฆังมหามรรคไร้กฎ

ตอนนั้นเองที่ซีถูกจวินเฟิงเลี่ยผู้แข็งแกร่งตระกูลนางพาตัวไปจากผาสยบมรรคแห่งนี้…

เรื่องในอดีตกลายเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือน ประทับในใจหลินสวิน

และตอนนี้เขาจะกลับไปแหล่งสถานคุนหลุนอีกครั้ง!

หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สภาวะจิตสงบลง

เขารู้ดีว่าแหล่งสถานคุนหลุนในตอนนี้เป็นสถานที่อันตรายหาใดเปรียบ หลายปีมานี้มีเฒ่าชราระดับนิรันดร์มารวมตัวกันไม่รู้เท่าไร

ในนั้นไม่ขาดพวกร้ายกาจขั้นสรรสร้างและขั้นไร้ขอบเขต!

‘ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกศิษย์พี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง…’

ตอนนั้นศิษย์พี่รองจ้งชิวเคยไปลัทธิแรกกำเนิด บอกหลินสวินว่าหลังจากพวกศิษย์พี่ใหญ่ออกจากแดนยอดจักรวาลก็มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุน

และเป็นตอนนั้นเช่นกันที่บรรดาศิษย์พี่ซึ่งเดิมอยู่ในลัทธิวิญญาณอย่างพวกศิษย์พี่รั่วซู่ ต่างจากไปพร้อมพวกศิษย์พี่ใหญ่

มีเพียงศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อที่อยู่ในแดนฝังมรรคของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพียงลำพัง

ระหว่างครุ่นคิด หลินสวินก็ก้าวทวนไปตามแม่น้ำเซียนเหินแล้ว

ต้นทางของแม่น้ำเซียนเหินคือวังวนห้วงอากาศแห่งหนึ่ง แม่น้ำเซียนเหินที่กว้างใหญ่ไพศาลพวยพุ่งมาจากที่นี่ และนี่ก็คือประตูที่เข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน

ยามหลินสวินมาถึงก็สังเกตเห็นอย่างฉับไวทันที ว่าในวังวนห้วงอากาศปกคลุมด้วยพลังระเบียบที่แข็งแกร่งอย่างที่สุด ขวางอยู่ตรงนั้นราวกับปราการ แตกต่างจากในอดีตโดยสมบูรณ์

‘พลังของปราการระเบียบเช่นนี้ มีเพียงผู้ที่ก้าวสู่มรรคานิรันดร์ล้วเท่านั้นจึงจะรับได้ ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นพวกศิษย์พี่ใหญ่เข้าไปอย่างไร…’

หลินสวินใคร่ครวญคร่าวๆ แล้วเดินตรงไป

ฮูม…

พลังของปราการระเบียบนั่นปั่นป่วนทันที เกิดพลังต่อต้านกดข่มอันน่ากลัว แต่กลับขวางฝีเท้าของหลินสวินไม่ได้ ชั่วพริบตาเท่านั้นเงาร่างของหลินสวินก็หายเข้าไปแล้ว

แหล่งสถานคุนหลุน

กลางฟ้าดินอันกว้างใหญ่ที่เก่าแก่และดั้งเดิมนี้ เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ

เพียงชั่วครู่เดียวหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างกับเมื่อก่อนโดยสมบูรณ์

กลางฟ้าดินมีพลังระเบียบปานต้องห้ามกระจายอยู่ เพียงพอให้ระดับนิรันดร์ก้าวเดินได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกระเบียบฟ้าดินสะท้อนกลับ

นอกจากนี้ฟ้าดินแถบนี้ยังปรากฏคลื่นพลังชีวิตยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ พลุ่งพล่านในอากาศราวกับกระแสน้ำไร้รูป

‘แตกต่างจากเมื่อก่อนดังคาด’ หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สัมผัสฟ้าดินนี้พลางก้าวเดินไปข้างหน้า

ระหว่างทางเขาระมัดระวังอย่างมาก

ทว่ากระทั่งเงาร่างของเขาผ่านพื้นที่มากมาย กลับไม่เจอใครสักคน แม้แต่ความเคลื่อนไหวสักนิดก็ไม่มี

‘หรือว่าพวกคนที่มาแหล่งสถานคุนหลุนจะไปที่แดนผนึกไร้นามหมดแล้ว’

หลินสวินใคร่ครวญ

แหล่งสถานคุนหลุนมี ‘เก้าลับสามผนึก’

เก้าลับหมายถึงพื้นที่แดนลับเก้าแห่ง อย่างแดนลับป่าท้อ แดนลับเขาพญามังกรที่หลินสวินเคยไปเยือนก่อนหน้านี้

ส่วนสามผนึกแบ่งเป็นแท่นสักการะ ผาสยบมรรคและแดนผนึกไร้นาม

ในนั้นมีเพียงแดนผนึกไร้นามที่หลินสวินไม่เคยไป

เหตุผลเพราะแดนผนึกไร้นามเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในสามแดนผนึก หลินสวินในตอนนั้นไม่มีความสามารถไปสำรวจ

ภายหลังหลินสวินเคยได้ยินระฆังมหามรรคไร้กฎบอกว่า แหล่งสถานคุนหลุนถูกเรียกว่า ‘หอบรรพจารย์มหามรรค’ มีข่าวลือตั้งแต่อดีตว่ากลิ่นอายต้นกำเนิดของหมื่นมรรคทั่วหล้าล้วนสามารถเสาะหาได้จากแหล่งสถานคุนหลุน

ส่วนแดนผนึกไร้นาม คือสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในแหล่งสถานคุนหลุน

ลือกันว่าในแดนผนึกไร้นามคือทางขาด ฟ้าขาด ดินขาด มหามรรคขาด ทุกสิ่งล้วนขาดหัก

และมีข่าวลือว่าแดนผนึกไร้นามคือบ่อเกิดแรกกำเนิดที่แหล่งสถานคุนหลุนถือกำเนิดขึ้น

และก็เป็นตอนนั้นที่ระฆังมหามรรคไร้กฎบอกหลินสวิน ว่าเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเขาคล้ายจะเคยสำรวจแดนผนึกไร้นามแห่งนั้น!

ทั้งหมดนี้ทำให้ก่อนมาแหล่งสถานคุนหลุนหลินสวินก็มีลางสังหรณ์แล้ว ว่าสถานที่ที่ทะเลโชคชะตาตั้งอยู่ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นแดนผนึกไร้นามของแหล่งสถานคุนหลุน!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท