ตอนที่ 3074 โอกาสครั้งที่สี่มาเยือน
ตอนนี้มีปัญหายุ่งยากอย่างหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน
หากมุ่งหน้าไปภูเขาเทพใบบัวทั้งอย่างนี้ต้องถูกซุ่มโจมตีแน่ และเป็นไปได้สูงว่าฐานะอาจถูกเปิดเผย
หากเป็นเช่นนี้แม้ว่าสุดท้ายจะไปถึงภูเขาเทพใบบัวได้สำเร็จ แต่การปรากฏตัวของตนจะต้องเรียกกำลังเสริมของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลมาด้วยแน่นอน
ควรรู้ว่าคนที่ขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้อยากฆ่ามากที่สุดในตอนนี้ก็คือตน!
เมื่อเป็นเช่นนี้ การปรากฏตัวของตนก็จะสร้างหายนะให้กับคนของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลบนภูเขาเทพใบบัว
นี่คือสิ่งที่หลินสวินไม่อยากเห็น
แต่หากไม่ไปภูเขาเทพใบบัวก็ไม่สามารถรู้สถานการณ์ภายในของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลได้ นี่มีแต่จะทำให้หลินสวินยิ่งกังวลใจ
ทำอย่างไรดี
หัวคิ้วหลินสวินขมวดเข้าหากัน
‘ต่อให้ข้าไปภูเขาเทพใบบัวตอนนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของพวกเขาได้ ตรงกันข้ามจะกลายเป็นเรียกภัยมาให้พวกเขาเพราะการปรากฏตัวของข้า…’
‘ว่ากันถึงที่สุด ยังเป็นเพราะพลังต่อสู้ที่ข้ามีในตอนนี้ไม่แข็งแกร่งพอ อย่างมากก็ทำได้แค่ต้านทานขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น หากถูกเฒ่าชราจากขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นปิดล้อมต้องเป็นเรื่องร้ายมากกว่าดีแน่นอน…’
หลินสวินนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ใจเย็นลงโดยสมบูรณ์
‘และตอนนี้ห่างจากช่วงเวลาที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนอีกแปดร้อยกว่าปี หากไม่ถูกศัตรูพบร่องรอยย่อมมีเวลาให้มรรควิถีของข้าทะลวงขั้น การแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!’
หลินสวินตัดสินใจแล้ว
หากลงมือตอนนี้ดูจะไม่ค่อยฉลาดนัก เขาตัดสินใจกบดานสักระยะ ยกระดับมรรควิถีของตนสุดกำลังก่อนค่อยเคลื่อนไหวเมื่อสบโอกาส
ดังนั้นหลินสวินจึงเริ่มเคลื่อนไหวทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
กลางหุบเขาที่อยู่ห่างไกลจากภูเขาเทพใบบัวลูกหนึ่ง เงาร่างหลินสวินปรากฏตัวในนั้นอย่างไร้สุ้มเสียง
ด้วยระยะห่างนี้ หากเกิดศึกขึ้นทางฝั่งภูเขาเทพใบบัวหลินสวินสามารถรับรู้ได้ในทันที และเร่งเข้าไปได้ในไม่กี่อึดใจ
ตอนนี้หลินสวินยังไม่อาจแน่ใจว่าขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นจะยกขบวนมาบุกภูเขาเทพใบบัวอีกเมื่อไร แต่เขากลับไม่อาจไม่ป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้
ดังนั้นเขาจึงเลือกปิดด่านในหุบเขาลูกนี้
“เปิด!”
เมื่อหลินสวินยื่นมือออกไป ผืนดินพลันแตกออกเป็นรอยแยกสายหนึ่งเงียบๆ ทันที
เงาร่างของเขาพุ่งเข้าไปกลางรอยแยกนั้น กระทั่งมาถึงใต้ดินพันจั้งจึงหยุดเท้า จากนั้นสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ถ้ำสถิตแห่งหนึ่งก็ถูกสร้างออกมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หลินสวินเริ่มยุ่งง่วน ธงกระบวนมากมายถูกเขาวางเรียงทีละอัน กลายเป็นกระบวนผนึกไร้รูปเป็นชั้นๆ ปกคลุมรอบถ้ำสถิต
บนตัวหลินสวินไม่ขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นต่อการวางกระบวน ปีนั้นลำพังแค่ตอนบุกกวาดล้างเผ่าเทพนิรันดร์ทุกตระกูลในน่านฟ้าที่เก้า ก็ถูกเขากอบโกยกระบวนผนึกโบราณที่วิเศษอัศจรรย์มาไม่รู้เท่าไรแล้ว
และตอนนี้กระบวนผนึกเหล่านี้ล้วนถูกเขานำมาใช้งาน วางกระบวนด้วยความสามารถด้านสลักลายมรรคของตน
หลินสวินรู้ดียิ่ง สำหรับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ ไม่ว่าพลังผนึกใดล้วนเสมือนไร้กำลัง แต่หากเพิ่มพลังระเบียบระดับเทพเข้าไปในกระบวนผนึกก็ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
และบนตัวเขาก็ไม่ขาดระเบียบระดับเทพเช่นเดียวกัน
ในแผนการของหลินสวิน ในเมื่อจะกบดานฝึกปราณสักระยะก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และต้องป้องกันความเป็นไปได้ที่จะมีอันตรายเกิดขึ้นปุบปับเช่นกัน
ฉะนั้นยามวางกระบวนครั้งนี้เขาจึงลงแรงไปมากเช่นกัน ทุ่มเทกายใจทั้งหมด ดึงความสามารถสลักลายมรรคที่มีในตัวทั้งหมดออกมาใช้สุดความสามารถ
สิบวันให้หลังหลินสวินถึงวางพลังผนึกของถ้ำสถิตใต้ดินแห่งนี้เสร็จ
กระบวนผนึกนี้สร้างจากกระบวนผนึกเก่าแก่เก้าสิบเก้าชั้น กระบวนผนึกแต่ละชั้นล้วนสามารถต้านการโจมตีของขั้นสรรสร้างได้
นอกจากนี้ยังมีระเบียบระดับเทพสี่ชนิดร้อยเรียงในกระบวนผนึก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เพียงสามารถปกปิดการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในถ้ำสถิตได้ ต่อให้ถูกขั้นไร้ขอบเขตใหญ่พบเข้าก็อย่าคิดจะบุกเข้ามาในเวลาสั้นๆ
หลังจากวางกระบวนผนึกนี้สำเร็จ วัตถุดิบเทพนิรันดร์บนตัวหลินสวินล้วนหายไปเกือบหมด เหลืออยู่ไม่มาก
ทว่าหลินสวินไม่มัวสนใจสิ่งเหล่านี้
เขาตั้งชื่อให้ค่กระบวนผนึกนี้ว่า ‘ผนึกตัดเทพ’ หมายถึงตัดสะบั้นเหล่าเทพ!
ทำทั้งหมดนี้เสร็จ หลินสวินก็พุ่งตัวขึ้นพื้นดิน ปรากฏตัวกลางหุบเขา
เมื่อความคิดเขาขับเคลื่อน
ฟุ่บ!
กายมรรคไม้เขียวพุ่งออกจากหุบเขา ไม่นานก็ลับหายไป
หลินสวินใช้กายมรรคไม้เขียวไปสืบดูสถานการณ์ในพื้นที่แกนกลาง อย่างเช่นฐานที่มั่นของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลเป็นต้น
ฟุ่บ!
จากนั้นกายมรรควารีดำก็พุ่งปราดออกไป เงาร่างไหวกะพริบ ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงหุบเขา
นับแต่นี้ไปกายมรรควารีดำจะคอยดูแลที่นี่ คอยระวังและสังเกตสถานการณ์ในพื้นที่โดยรอบ ทันทีที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นก็จะจากไปทันทีเพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู
เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้ำสถิตใต้ดินพันจั้งยิ่งไม่มีทางถูกคนสังเกตเห็น
หลังจากนั้นสายตาหลินสวินมองไปยังไกลๆ อีกครา ที่นั่นเป็นสถานที่ตั้งภูเขาเทพใบบัว หลังจากนิ่งเงียบครู่หนึ่งถึงค่อยย้อนกลับถ้ำสถิตใต้ดินอีกครั้ง
“เริ่มกันเถอะ”
หลินสวินถอนหายใจคราหนึ่งแล้วนั่งขัดสมาธิ พลังขับเคลื่อนในตัวค่อยๆ โคจร
ฮูม…
และพร้อมกันนั้นลูกกลอนของหายากต่างๆ รวมถึงกฎเกณฑ์นิรันดร์ไหลทะลักออกมาราวกับกระแสน้ำเชี่ยว ถูกหลินสวินอ้าปากกลืนเข้าสู่ร่างกาย
หลายปีมานี้เขารวบรวมทรัพยากรฝึกปราณมานับไม่ถ้วน ล้วนเป็นสมบัติที่เพียงพอต่อการฝึกปราณระดับนิรันดร์
ต่อให้ถูกใช้ไปส่วนหนึ่งในการฝึกปราณช่วงหลายปีนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงสี่ส่วนของทั้งหมด
นอกจากนี้ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวินยังกำราบพลังจิตและร่างของระดับนิรันดร์ไว้มากมาย ล้วนสามารถใช้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาหลอมเป็นสมบัติต่างๆ ได้
สรุปแล้วหลินสวินในตอนนี้ไม่ขาดแคลนทรัพยากรฝึกปราณสักนิด
ตูม!
ในถ้ำสถิตเสียงดังกึกก้องราวเสียงพายุสายฟ้าคำราม แสงมรรคพวยพุ่งบนร่างหลินสวิน สาดประกายมงคลไพศาล ศักดิ์สิทธิ์พร่างพราว พลังลูกกลอนโอสถที่พลุ่งพล่านหาใดเปรียบซัดกระหน่ำทั่วร่างเขาราวหินหนืดปะทุ จากนั้นถูกหลอมเข้าสู่มรรควิถีในร่างทั้งหมด
ชั่วขณะหนึ่งภาพประหลาดมากมายไหลทะลักจากตัวหลินสวิน บ้างเป็นเหวใหญ่ปรากฏ กลืนกินทั่วหล้า บ้างเป็นเตาหลอมอึงอล กำราบอดีตปัจจุบันอนาคต…
ภาพเหล่านั้นล้วนเรียกได้ว่าตระการตายากพบเห็น สะท้านโลกชวนตระหนก การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นก็น่าสะพรึงสุดขีดเช่นกัน หากอยู่ภายนอกเกรงว่าฟ้าดินคงสั่นสะเทือน หมื่นชีวิตกู่ก้องนานแล้ว
แต่ในถ้ำสถิตแห่งนี้มีผนึกตัดเทพปกคลุม ทำให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ไม่รั่วไหลออกไปแม้เพียงเสี้ยว
สามเดือนเต็มให้หลัง
พร้อมกับเสียงดังอึงอลประหนึ่งโลกแรกกำเนิดสายหนึ่ง บนตัวหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจอย่างหนึ่ง พลังขับเคลื่อนรอบตัวล้วนพุ่งทะยานขึ้นช่วงใหญ่ในทันที!
ในวันนี้ หลินสวินก้าวสู่ขั้นสรรสร้างขั้นปลาย
แต่หลินสวินไม่หยุดเพียงเท่านี้
สำหรับเขา ความสงบสุขตอนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่ยากจะได้มายิ่ง จำเป็นต้องเร่งทำเวลาเลื่อนขั้นพลังในตัวโดยเร็ว
เวลาเคลื่อนคล้อย…
ครึ่งปีต่อมานับจากหลินสวินปิดด่าน กายมรรคไม้เขียวย้อนกลับมา
เมื่อเชื่อมจิตรับรู้ ร่างต้นของหลินสวินรู้ถึงการเคลื่อนไหวของกายมรรคไม้เขียวในพื้นที่แกนกลางช่วงครึ่งปีนี้ทันที
และรู้ว่าตำแหน่งที่ตั้งของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล รวมถึงอาณาเขตต่างๆ ทั่วทั้งพื้นที่แกนกลางล้วนถูกกายมรรคไม้เขียวตระเวนมาหมดแล้ว
ข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากยามหลินสวินเคลื่อนไหวในอนาคต
และในครึ่งปีนี้กายมรรควารีดำที่ซ่อนอยู่ใกล้ๆ หุบเขาไม่มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด
นี่ย่อมเป็นข่าวดี
อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าในครึ่งปีนี้ไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นทางฝั่งภูเขาเทพใบบัว
อันที่จริงสำหรับทั่วทั้งโลกวิญญาณยุทธ์ ในช่วงเวลาก่อนบัวชะตามหามรรคจะปรากฏ จะค่อนข้างสงบมาโดยตลอด
ต่อให้มีการเข่นฆ่าและต่อสู้เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ก็จะเกิดในพื้นที่รอบนอก
ส่วนในพื้นที่แกนกลางแห่งนี้ นอกจากภูเขาเทพใบบัว อาณาเขตอื่นถูกขุมอำนาจใหญ่อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานควบคุมและยึดครองนานแล้ว
นอกเสียจากขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นจะยกขบวนบุกเข้าภูเขาเทพใบบัวอีก หาไม่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็แทบไม่เห็นการต่อสู้และเข่นฆ่าเกิดขึ้น
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าหลินสวินมาถึงโลกวิญญาณยุทธ์แล้ว
ไม่เช่นนั้นเกรงว่าสภาพสงบสุขเช่นนี้คงถูกทำลายไปนานแล้ว
กระทั่งสิบเก้าปีให้หลัง
ตูม!
ในวันนี้ทะเลโชคชะตาที่พาดขวางอยู่กลางเวิ้งฟ้ามาโดยตลอดเกิดแรงสะเทือนรุนแรงขึ้นกะทันหัน น้ำทะเลขาวเวิ้งว้างซัดคลื่นโหม เสียงกึกก้องดุจสายฟ้า สะเทือนสิบทิศ
พริบตานี้ทุกคนทั่วพื้นที่ในโลกวิญญาณยุทธ์ล้วนแตกตื่น
“โอกาสครั้งที่สี่ใกล้ปรากฏในที่สุด!”
พื้นที่รอบนอก สายตามากมายล้วนหันมองทะเลโชคชะตาบนเวิ้งฟ้า สีหน้าเจือแววตื่นเต้น ทั้งมีความเศร้าหมองและจนปัญญา
ในอดีตทะเลโชคชะตาเคยเกิดการเคลื่อนไหวประหลาดทำนองเดียวกันนี้สามครั้ง แต่ละครั้งจะปรากฏบัวชะตามหามรรคหนึ่งดอก ทุกครั้งมักจะก่อให้เกิดการแย่งชิงอย่างบ้าคลั่งจากเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของแต่ละยุคสมัย
ที่น่าเสียดายคือระดับนิรันดร์เหล่านี้ซึ่งอยู่พื้นที่รอบนอกไม่เคยหลอมมุกชะตามหามรรคออกมา ย่อมไม่มีโอกาสไปแย่งชิงสักนิด
“ครั้งนี้พวกเราต้องร่วมมือกัน หาไม่มีแต่จะถูกพวกเฒ่าชราจากยุคสมัยอื่นโจมตีแพ้พ่ายเหมือนสามครั้งก่อน”
พื้นที่แกนกลาง บนภูเขาเทพลูกหนึ่ง เหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลรวมตัวกันในทันที
ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างพวกบรรพจารย์พ่อมดเหลยซ่ง อมิตาพุทธซินหูซึ่งเป็นผู้นำ นัยน์ตาล้วนทอประกายลุกโชน
คนที่พูดก่อนหน้านี้คือบรรพจารย์พ่อมดเหลยซ่ง
เขาสวมชุดหนังสัตว์ เงาร่างสูงใหญ่ มือกุมไม้เท้ากระดูกสีดำอันหนึ่ง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าตัดสลับกันราวหุบห้วย ดูแก่ชราหาใดเปรียบ
แต่กลิ่นอายของเขากลับแข็งแกร่งจนทำให้บรรดาระดับนิรันดร์ที่อยู่ใกล้เคียงเหล่านั้นล้วนรู้สึกใจสะท้าน
“จากที่นัดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้ หากครั้งนี้ชิงบัวชะตามหามรรคมาได้ จะให้ขั้นไร้ขอบเขตเล็กสามคนจากแต่ละฝั่งของพวกเราจากไปก่อน”
อมิตาพุทธซินหูกล่าวเสียงขรึม
เขาสวมจีวรทั้งตัว ทว่าหน้าตากลับราวเด็กหนุ่มเกลี้ยงเกลา มีเพียงนัยน์ตาที่เจือกลิ่นอายแห่งกาลเวลา
“ได้!”
เหล่าคนใหญ่คนโตอื่นๆ ในเผ่าเทพนิรันดร์ต่างพยักหน้าน้อยๆ
อย่างไรบัวชะตามหามรรคหนึ่งดอกสามารถพาคนไปแหล่งสถานอัศจรรย์ได้เพียงสามคนเท่านั้น นี่ทำให้ขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกเขาจำเป็นต้องแบ่งสิทธิ์ให้เรียบร้อยก่อนจะไปช่วงชิงโอกาสครานี้
ซินหูกล่าวเสียงขรึม “ลัทธิแรกกำเนิดกับลัทธิวิญญาณไม่เป็นภัยคุกคามแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าทะเล่อทะล่าออกมาชิงบัวชะตามหามรรคเด็ดขาด”
“หรือกล่าวได้ว่า คู่ต่อสู้ของพวกเรายังคงเป็นพวกเฒ่าชราจากยุคสมัยอื่น ทุกคนจำไว้ เมื่อเกิดอันตรายถึงชีวิตต้องรีบแยกย้ายทันที อย่าได้ฝืนมุ่งหน้าต่อ”
เขาเว้นช่วงไปแล้วกวาดสายตามองทุกคนรอบตัว “แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่อาจละเลยศัตรูจากลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพวกเขาฉวยโอกาสซุ่มโจมตีขณะที่พวกเรามุ่งหน้าไปต่อสู้”
ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา นัยน์ตาทุกคนล้วนหดรัดลง