ตอนที่ 3077 เหยียบเข้าถิ่นศัตรู

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3077 เหยียบเข้าถิ่นศัตรู

ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือฐานที่มั่นของตระกูลเย่อยู่ใกล้กับฐานของตระกูลเจวี๋ยและตระกูลหยวนที่สุด

จากการคำนวณของหลินสวิน หากเกิดการต่อสู้ที่ฐานตระกูลเย่ อย่างมากที่สุดภายในหนึ่งเค่อ ขั้นไร้ขอบเขตจากสองตระกูลนั้นก็จะเร่งมาเสริมทัพทันที

นี่ก็หมายความว่าหลินสวินต้องเหยียบภูเขาเทพประจุม่วงฐานของตระกูลเย่ให้ราบภายในหนึ่งเค่อ

หนึ่งเค่อหรือ

ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เพียงพอแล้วสำหรับหลินสวิน

เพียงแต่โอกาสครั้งนี้ล้ำค่าหายากปานใด เขาไม่อยากสิ้นเปลืองไปกับตระกูลเย่เพียงตระกูลเดียวเช่นนี้

สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!

สี่ร่างแยกมหามรรคอย่างไม้เขียว ทองขาว ดินเหลืองและเพลิงแดงพุ่งปราดออกไป กายมรรคไม้เขียวและกายมรรคทองขาวทะยานไปทาง ‘ภูเขาเทพเมฆยุทธ์’ ฐานที่มั่นตระกูลเจวี๋ยด้วยกัน

กายมรรคดินเหลืองและกายมรรคเพลิงแดงก็พุ่งไปทาง ‘เขาเทพแปดจักรวาล’ ฐานที่มั่นตระกูลหยวน

ส่วนร่างต้นของหลินสวินมุ่งหน้าไปภูเขาเทพประจุม่วง ฐานที่มั่นตระกูลเย่เพียงลำพัง

การทำเช่นนี้เป็นการเดิมพันอย่างไม่ต้องสงสัย

เดิมพันว่าตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย และตระกูลหยวนในตอนนี้ไม่มีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คอยดูแลอยู่!

และหากเป็นการรับมือกับขั้นไร้ขอบเขตเล็ก ด้วยมรรควิถีในปัจจุบันของเขาย่อมสามารถจัดการอีกฝ่ายได้สบาย!

ภูเขาเทพประจุม่วง

ตัวภูเขาสีดำเก่าแก่ยิ่งใหญ่ บนนั้นไม่มีต้นไม้ใบหญ้างอกเงย แต่บนหินภูเขาโล้นเตียนนั่นกลับปรากฏแสงอสนีสีม่วงเป็นสายๆ ไหลทะลักชวนให้คนใจสะท้าน

พลังชะตามหามรรคพลิกม้วนดั่งกระแสน้ำขาวเวิ้งว้างร่วงรินจากทะเลโชคชะตากลางเวิ้งฟ้า ปกคลุมภูเขาเทพประจุม่วงทั้งลูก

สามารถจินตนาการได้ว่าหากฝึกปราณที่นี่ การหลอมพลังชะตามหามรรคจะง่ายดายเพียงใด

รอบภูเขาเทพประจุม่วงปกคลุมด้วยพลังระเบียบระดับเทพสามชั้น กระบวนผนึกดั่งปราการธรรมชาติ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นขั้นไร้ขอบเขตบุกเข้ามา ผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่ที่ปักหลักอยู่ในนั้นก็ต้องรู้ตัวทันที

แน่นอนว่าคนใหญ่คนโตในตระกูลเย่ไม่เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้มาก่อน

ในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ใครจะกินดีหมีหัวใจเสือกล้าบุกเข้ามาในถิ่นของพวกเขา

ลองดูลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้น เป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งปานใด แต่เมื่อหลายปีก่อนกลับถูกขังอยู่บนภูเขาเทพใบบัวมาโดยตลอด!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อย่าว่าแต่ตระกูลเย่ ต่อให้เป็นเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลอื่นๆ รวมถึงลัทธิพ่อมดและลัทธิฌาน ก็ไม่มีทางกังวลปัญหาเหล่านี้แน่นอน

“หากการไปโลกในบัวชะตาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ผู้อาวุโสอู๋เฮิ่นก็สามารถโดยสารบัวชะตามหามรรคไปแหล่งสถานอัศจรรย์ได้แล้ว”

บนยอดภูเขาเทพประจุม่วง เย่เฟยตู้ทอดมองบัวชะตามหามรรคกลางทะเลโชคชะตานั้นพลางส่งเสียงทอดถอนใจ สีหน้าเผยแววอิจฉาและปรารถนาออกมารางๆ

เขาสวมชุดม่วงทั้งชุด รูปร่างกำยำ สองมืออยู่ในแขนเสื้อ เป็นขั้นไร้ขอบเขตเล็กคนหนึ่ง เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพสองครั้ง

ภูเขาเทพประจุม่วงในปัจจุบันก็มีเขาดูแล

ข้างตัวเย่เฟยตู้ยังมีเงาร่างเจ็ดสายยืนอยู่ ล้วนเป็นระดับนิรันดร์ในตระกูลเย่

หกคนในนั้นล้วนอยู่ขั้นสรรสร้าง มีเพียงคนเดียวที่มีพลังปราณขั้นล่วงกฎ

ขั้นล่วงกฎตระกูลเย่คนนี้นามว่า ‘เย่เจินฉี’

สิบกว่าปีก่อนก็เป็นเขาและขั้นล่วงกฎสองคนจากตระกูลสิงเทียนและตระกูลผานอู่มุ่งหน้ามาทะเลโชคชะตาด้วยกัน และกระจายข่าวที่เกี่ยวกับทุกการกระทำของหลินสวินในน่านฟ้าที่เก้าจนสะเทือนทั้งโลกวิญญาณยุทธ์ในคราวเดียว

แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ทำให้ขุมอำนาจซึ่งอยู่ในโลกวิญญาณยุทธ์เหล่านั้นชิงชังหลินสวิน รวมถึงคีรีดวงกมลทั้งหมดเข้ากระดูก

“ครั้งนี้พวกผู้อาวุโสอู๋เฮิ่นต้องทำสำเร็จแน่!”

มีคนกล่าวด้วยสีหน้ามาดมั่น

“ไม่ผิด ครั้งนี้พวกเรากับลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานรวมถึงเผ่าเทพนิรันดร์อื่นๆ ร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน เตรียมพร้อมเพื่อการนี้แล้ว อีกทั้งมีผู้อาวุโสเย่เจวี๋ยคุ้มครองด้วยตนเอง ผู้อาวุโสอู๋เฮิ่นมีความหวังสูงยิ่งในการคว้าโอกาสมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์ในครั้งนี้”

บรรดาคนใหญ่คนโตตระกูลเย่เหล่านี้พากันเอ่ยปาก

‘ผู้อาวุโสอู๋เฮิ่น’ นามว่าเย่อู๋เฮิ่น เป็นขั้นไร้ขอบเขตเล็กคนหนึ่ง

จากแผนการเคลื่อนไหวของพวกเขาในครั้งนี้ ขอเพียงขุมอำนาจของพวกเขาคว้าชัยในบัวชะตามหามรรค ก็จะส่งตัวเย่อู๋เฮิ่นและขั้นไร้ขอบเขตเล็กสองคนจากลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์

ส่วน ‘ผู้อาวุโสเย่เจวี๋ย’ ที่คนเหล่านี้เอ่ยถึงก็คือขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในตระกูลเย่ กล่าวกันว่าเคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพห้าครั้ง มาโลกวิญญาณยุทธ์ตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว มรรควิถีในตัวลึกล้ำสุดหยั่ง

ครั้งนี้ก็มุ่งหน้าไปในโลกบัวชะตาเช่นเดียวกัน

“ก็ไม่รู้ว่าทางภูเขาเทพใบบัวเป็นอย่างไรบ้าง คนของลัทธิแรกกำเนิดกับลัทธิวิญญาณจะมีความกล้าอาศัยโอกาสนี้เคลื่อนไหวหรือไม่”

มีคนกล่าวหัวเราะเสียงเบา

“สุนัขถูกบีบจนตรอกยังกระโดดข้ามกำแพงได้ นับประสาอะไรกับเฒ่าชราสองสำนักนั่น แต่ข้ากลับกล้าฟันธงว่าพวกเขาต้องไม่กล้าผลีผลามในเวลานี้แน่”

มีคนยิ้มเย็น “ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่รั้งอยู่ของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน ตระกูลเหวินและตระกูลสิงเทียนต่างพาคนมุ่งหน้าไปแถบภูเขาเทพใบบัวแล้ว หากพวกเขากล้าลงมือก็ต้องต้องเจ็บตัวกู่ไม่กลับแน่นอน”

ทุกคนล้วนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

ขุมอำนาจลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณในตอนนี้อยู่ในสถานการณ์คับขันนานแล้ว ไม่อาจสร้างคลื่นลมได้อีก ไม่ควรค่าให้พวกเขาสนใจสักนิด

ก็เป็นเวลานี้ที่เสียงเรียบเรื่อยสายหนึ่งพลันดังขึ้น “เจ็บตัวกู่ไม่กลับหรือ คำพูดคำจาของทุกท่านช่างใหญ่โตกันจริงๆ”

ประโยคเดียวทำเอาเย่เฟยตู้และทุกคนข้างกายล้วนสั่นสะท้าน สายตาหันมองไปยังจุดที่เสียงดังออกมาเป็นตาเดียว

บนทางภูเขาไกลออกไป เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งเดินออกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร อาภรณ์สีขาวพระจันทร์ทั้งชุด หล่อเหลาละโลกีย์

ภาพนี้ทำเอาพวกเย่เฟยตู้ล้วนเผยแววยากจะเชื่อออกมา

ภูเขาเทพประจุม่วงทั้งบนล่างปกคลุมด้วยพลังระเบียบระดับเทพสามชั้น ต่อให้ขั้นไร้ขอบเขตก็ต้องถูกขัดขวางอย่างแน่นอน และจะถูกพวกเขาล่วงรู้ในทันที

แต่ตอนนี้กลับมีคนปรากฏตัวในฐานของพวกเขาอย่างไร้สุ้มเสียง โดยที่พวกเขาไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำ!

นี่ทำให้พวกเขาอดตกใจไม่ได้ รู้สึกเหนือคาดอย่างยิ่ง

“เป็นเขา หลินสวิน!!”

และยามมองเห็นเงาร่างของหลินสวิน เย่เจินฉีกลับหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ร้องเสียงหลง “นะ… นี่เป็นไปได้อย่างไร”

ที่นี่คือพื้นที่แกนกลางของโลกวิญญาณยุทธ์ เป็นฐานที่มั่นของตระกูลเย่ของพวกเขา!

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับปรากฏตัวให้เห็นราวกับภูตผี นี่ทำให้เย่เจินฉีแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

หลินสวิน!

ชั่วขณะหนึ่งพวกเย่เฟยตู้ต่างเผยสีหน้าประหลาด กระสับกระส่ายไม่หยุด

ตีจนหัวแตกพวกเขาก็ยังคิดไม่ถึงว่าเจ้าคนที่พวกเขาชิงชังเข้ากระดูกคนนี้ ดันมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในวันนี้!

ทั้งหมดนี้เห็นชัดว่ากะทันหันปานนั้น

“ข้าคนแซ่หลินมาครั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกท่านมีโอกาสแก้แค้น แน่นอนว่าข้าคนแซ่หลินก็จะอาศัยโอกาสนี้สะสางหนี้แค้นระหว่างพวกเราด้วยเช่นกัน”

หลินสวินกล่าวพลางเดินเข้ามา สีหน้าสงบเยือกเย็น

“เฮอะ! แค่ขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์คนเดียวกลับใจกล้าบ้าบิ่นถึงขั้นนี้ ช่างไม่รู้ดีชั่วจริงๆ!”

ขั้นไร้ขอบเขตเล็กอย่างเย่เฟยตู้แค่นเสียงเย็นออกมา “ให้ผู้ช่วยของเจ้าออกมาเถอะ หาไม่เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

ในความเห็นเขา หลินสวินสามารถแฝงตัวเข้ามาในภูเขาเทพประจุม่วงอย่างไร้สุ้มเสียงได้ ทั้งยังกล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะมีคนที่ร้ายกาจยิ่งกว่าหลินสวินคอยช่วยเหลืออยู่แน่

หาไม่ขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์อย่างหลินสวินย่อมทำถึงขึ้นนี้ไม่ได้สักนิด

และคำพูดของเย่เฟยตู้ก็ทำให้คนใหญ่คนโตตระกูลเย่คนอื่นๆ ในที่นี้ตกใจ ล้วนกวาดสายตามองรอบบริเวณ เริ่มระแวดระวังขึ้นมา

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่อาจสงบได้ยิ่งกว่านั้น คือหลินสวินในตอนนี้ถึงกับอยู่ขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์แล้ว!

ควรรู้ว่าสิบกว่าปีก่อนตอนเย่เจินฉีส่งข่าวมา ก็บอกเพียงว่าหลินสวินมีมรรควิถีขั้นล่วงกฎเท่านั้น

และในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปีนี้ มรรควิถีของหลินสวินกลับเปลี่ยนแปลงและทะลวงขั้นขนาดนี้แล้ว จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร

กลับเห็นหลินสวินยิ้มออกมา เอ่ยด้วยเสียงเจือแววถากถางเย็นเยียบ “จัดการกับเฒ่าชราอย่างพวกเจ้า ไยต้องให้คนอื่นช่วยเหลือ”

“เช่นนั้นหรือ ข้ากลับอยากดูนักว่าเจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้!”

ทันใดนั้นชายชุดทองร่างผอมคนหนึ่งพุ่งปราดออกมา แหวกทำลายห้วงอากาศประหนึ่งสายฟ้าฟาด โจมตีใส่หลินสวิน

เขาเป็นขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ พลังกฎระเบียบน่าสะพรึงพวยพุ่งทั่วตัว ประกายวิเศษอบอวล อานุภาพน่าหวาดหวั่น

ทันทีที่ลงมือก็ใช้ประทับมรรคสำริดโจมตีใส่หลินสวินเต็มแรง

ตูม!

ประทับมรรคสำริดนั่นมีกฎระเบียบอสนีสีม่วงที่ประหนึ่งทำลายล้างแผ่พุ่งออกมา สว่างโรจน์แสบตา

การโจมตีเช่นนี้เรียกได้ว่ากร้าวแกร่งอหังการ

ทว่ากลับเห็นหลินสวินยื่นมือไปคว้า

วู้ม!!

ประทับสำริดใหญ่นั่นร้องครวญรุนแรง ถูกหลินสวินแย่งมาโดยตรง พลังกฎระเบียบสีม่วงที่ปลดปล่อยออกมาล้วนถูกบีบแหลก แตกระเบิดโครมคราม ละอองแสงนับไม่ถ้วนพุ่งกระเซ็น

และพร้อมกันนั้นเงาร่างหลินสวินพุ่งไปข้างหน้ามันใด อานุภาพทั้งตัวปลดปล่อยฉับพลัน ชั่วพริบตานั้นราวคลื่นคลั่งทะเลเดือดที่แผ่ครอบฟ้าดินกดกำราบลงมา

เสียงปึงดังคราหนึ่ง ชายชุดทองคนนั้นถูกกำราบลงกับพื้นทันที ร่างกายแตกระแหง โลหิตสดสาดกระเซ็น

การโจมตีเดียว!

อาศัยเพียงอานุภาพของตนก็กำราบขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์คนหนึ่งได้!

ทุกคนในที่นั้นล้วนตัวสั่นทั้งที่ไม่หนาว สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ถูกภาพนี้ทำให้สะดุ้ง

“รนหาที่ตาย!”

เย่เฟยตู้ลงมือในทันที มือสองข้างที่อยู่ในแขนเสื้อพลันยื่นออกมา ตบใส่ห้วงอากาศหนักหน่วง

ตูม!

ห้วงอากาศปั่นป่วน ภูผาธาราล้วนสั่นไหว

ประทับมรรคเร้นลับที่เปี่ยมด้วยพลังต้องห้ามสายหนึ่งควบรวมออกมา ประทับมรรคดูเหมือนขนาดราวฝ่ามือ แต่ชั่วพริบตานี้กลับเหมือนอาทิตย์สีม่วงดวงใหญ่สะท้อนประกายม่วงแวววาว ย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีม่วง

และกลิ่นอายที่ประทับมรรคนี้ปลดปล่อยออกมาก็เหนือกว่าขอบเขตของขั้นสรรสร้างมากโข ประทับคลื่นกลิ่นอายกฎระเบียบที่สามารถสะท้านหมื่นกาลได้

หากเปลี่ยนเป็นขั้นสรรสร้างคนอื่น ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้เกรงว่าคงรู้สึกสิ้นหวังและไร้ทางรอด

เพราะนี่คือพลังของขั้นไร้ขอบเขตเล็ก พลังที่อีกฝ่ายครอบครองบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อนานแล้ว

ทว่าหลินสวินที่เผชิญกับการโจมตีเช่นนี้กลับไม่หลบไม่หลีก ทั้งยังทะยานเข้าใส่

ตูม!

มรรควิถีทั่วร่างเขาปลดปล่อยถึงขีดสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เงาร่างสูงโปร่งเปล่งแสงเรืองรอง ดุจเหวดั่งนรก เมื่อเขาซัดหมัดออกไป นัยเร้นลับนิพพานที่ผสานระเบียบต้องห้ามอย่างห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กฎระเบียบศุภโชค กฎระเบียบกาลเวลาเข้าไปในช่วงสิบเก้าปีนี้ ก็ซัดออกมาสุดพลังเช่นกัน!

ไม่ลงมือยังพอว่า เมื่อลงมือก็คือการโจมตีเต็มกำลังที่ทรงพลังดั่งอสนีบาต!

ก็เห็น…

ประทับมรรคดุจอาทิตย์สีม่วงดวงใหญ่นั่นถูกพลังหมัดคลุมเครือดั่งแรกกำเนิดสายนี้ซัดแหลกกระจุยทันที เกิดเสียงระเบิดดังสะเทือนฟ้า ละอองแสงสาดกระเซ็น

เย่เฟยตู้ยังถูกหมัดนี้ทเอาตกใจอย่างไม่อาจห้าม เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งเพียงนี้!?

ทว่ายามนี้ไม่มีเวลาให้เขาได้คิดมาก เพราะหมัดนั้นซัดเข้ามาแล้ว

ปึง!!

เย่เฟยตู้เค้นพลังทั้งหมดไปต้านทาน ทว่ากลับถูกหนึ่งหมัดที่อหังการไร้ใดเปรียบนี้ซัดจนเงาร่างซวนเซ ถอยกรูดออกไปหลายสิบจั้ง ใบหน้าชราล้วนบวมแดง กลิ่นอายทั้งตัวปั่นป่วนรุนแรงไม่หยุด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท