ไกลออกมาจากภูเขาเทพใบบัว ในที่พักของศัตรู
หืม?
นัยน์ตาของซินอิ้งและสิงเทียนหยวนหดรัดพร้อมกัน รับรู้ว่าในบริเวณที่อยู่ห่างจากที่แห่งนี้ไปไกลมีคลื่นการต่อสู้ชวนตะลึงเกิดขึ้น
พวกเขาแผ่จิตรับรู้ออกไปทันที
“ที่แท้ก็เป็นพวกเหวินไจ้”
ซินอิ้งเผยสีหน้าประหลาดใจ
“ดูท่าว่าพวกเขาคงพบร่องรอยของศัตรูแล้ว”
นัยน์ตาสิงเทียนหยวนฉายแววเจิดจ้า “ศัตรูนั่นใจกล้ามากจริงๆ ถึงกับกล้าซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ใกล้ภูเขาเทพใบบัวนี้”
“เป็นเขา หลินสวิน!”
ซินอิ้งสะท้านไปทั้งตัว สังเกตเห็นสถานการณ์ในหุบเขา ทั้งเห็นเงาร่างของหลินสวินพุ่งออกมาจากถ้ำสถิตใต้ดินด้วย
“ทำไมถึง…”
สิงเทียนหยวนก็อึ้งงัน รู้สึกผิดคาดอย่างมาก “หรือว่าภายใต้การจับพลัดจับผลู ไม่พบศัตรูแต่กลับจับปลาตัวใหญ่ได้”
“น่าสนใจ”
ซินอิ้งเผยยิ้มออกมา “สถานการณ์ตอนนี้เกินความคาดหมายทุกครั้งจริงๆ ครั้งนี้หลังจากจับตัวเจ้าหลินสวินนี่แล้ว หนึ่งบัวซึ่งเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเฝ้ารอมาหมื่นกาลต้องร่วงโรยลงแน่”
“พวกเราควรไปเยือนหรือไม่”
สิงเทียนหยวนนั่งไม่ติดอยู่บ้างแล้ว
“แค่จัดการเจ้าตัวจ้อยขั้นสรรสร้างคนหนึ่งเท่านั้น กำลังพลของพวกเหวินไจ้ย่อมมากเกินพอ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราสองคนต้องทำก็คือเตรียมรับมือกับคนในภูเขาเทพใบบัวที่อยู่ห่างไป”
ขณะกล่าวนัยน์ตาของซินอิ้งมองไปทางภูเขาเทพใบบัว “พวกเรายังสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวเช่นนี้ เฒ่าชราอย่างพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีมีหรือจะสัมผัสไม่ได้ แต่พวกเขาไม่กล้าแผ่พลังจิตรับรู้ออกมาเหมือนพวกเราเพราะจะถูกพวกเราโจมตีจิตรับรู้ของพวกเขาจนบาดเจ็บสาหัสได้”
สิงเทียนหยวนยิ้มขึ้นมา “ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงไม่รู้ว่าคนที่ถูกจัดการในการต่อสู้ที่อยู่ห่างไกลนั่น ก็คือเจ้าตัวจ้อยหลินสวิน”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
ซินอิ้งก็ยิ้มขึ้นมา
หลินสวิน เจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่ทำให้ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างพวกเขาแค้นจนกัดฟันกรอด ปัจจุบันกลับกล้าวิ่งมาถึงโลกวิญญาณยุทธ์นี้ นี่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
“แย่แล้ว!”
รอยยิ้มตรงมุมปากสิงเทียนหยวนแข็งทื่อทันที เผยสีหน้าตกใจ ในจิตรับรู้ของเขาเห็นภาพชางโย่วจือถูกการโจมตีของหลินสวินกำราบ!
นี่ทำให้เขาใจสั่นสะท้านทันที ขั้นไร้ขอบเขตเล็กคนหนึ่ง ถึงกับถูกขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์เอาชนะในการโจมตีเดียว นี่สะเทือนใต้หล้าจริงๆ
“หรือสามวันก่อนก็เป็นเจ้าหมอนี่ที่เหยียบทำลายฐานที่มั่นตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลหยวน”
สีหน้าซินอิ้งปรากฏแววอึมครึม แปลกใจสงสัยไม่หยุด
จากนั้นในจิตรับรู้ของพวกเขาก็เห็นศึกใหญ่ที่ปะทุขึ้นในหุบเขานั้น
เมื่อเห็นหลินสวินใช้ร่างแยกทั้งห้าต้านทานเหวินไจ้และผู้แข็งแกร่งขั้นไร้ขอบเขตเล็กคนอื่นไว้ได้ ซินอิ้งกับสิงเทียนหยวนไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก
ทั้งสองต่างสบตากัน และตัดสินได้แล้วว่าความพังพินาศของฐานที่มั่นเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลอย่างพวกตระกูลเย่ ต้องเป็นฝีมือหลินสวินแน่!
เพียงแต่กระทั่งพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินจะเย้ยฟ้าเช่นนี้
หากพูดถึงความเย้ยฟ้าของเจวี๋ยอู๋เทียน เขามีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตเล็ก สามารถไปเทียบกับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ก็พอเข้าใจได้
แต่ขั้นสรรสร้างอย่างหลินสวินกลับต้านการล้อมโจมตีของผู้เก่งกาจมากมายด้วยตัวเอง นี่ทำให้คนตกตะลึงเกินไปแล้ว
“บัดซบ!”
เมื่อเห็นภาพหยางเหิงถูกกำราบ ซินอิ้งไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก เขาพลันผุดลุกขึ้นทันที “พวกเราต้องเคลื่อนไหวแล้ว”
เขามองออกว่าสถานการณ์ไม่เข้าที
“ไป!”
สิงเทียนหยวนก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่น่าดู เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศออกไปทันทีพร้อมซินอิ้ง
…
บนภูเขาเทพใบบัว
เมื่อคลื่นการต่อสู้กลางหุบเขาปรากฏขึ้นก็ถูกขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีสัมผัสได้ ทุกคนพลันตระหนกอย่างอดไม่ได้
ในจุดที่ห่างออกไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าพวกซินอิ้งกับสิงเทียนหยวนสองคนยังนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด นิ่งไม่ขยับ พวกเขาจึงต้องข่มความรู้สึกที่อยากแผ่จิตรับรู้ออกไปตรวจสอบไว้
จิตรับรู้มาจากพลังจิต ถ้าปล่อยออกไปต้องถูกซินอิ้งกับสิงเทียนหยวนโจมตีแน่
พวกสิงเจี้ยนสยาได้แต่ข่มความรู้สึกอยากตรวจสอบไว้แล้วเลือกเฝ้ารอ
ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นจุดผิดแปลกไป ซินอิ้งและสิงเทียนหยวนถึงกับก้าวออกไปจากที่พัก พุ่งไปยังที่ห่างไกลอย่างรีบเร่ง!
“ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นแน่ ทำให้เฒ่าสารเลวสองคนนี้นั่งไม่ติดแล้ว!”
ฟู่หนานหลีกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่สิง ควรออกเคลื่อนไหวแล้วกระมัง”
สายตาสิงเจี้ยนสยากวาดมองทุกคนที่อยู่ข้างกาย แต่ละคนล้วนกระเหี้ยนกระหือรือ นัยน์ตาเปี่ยมความกระหายต่อสู้
หลายปีนี้พวกเขาถูกปิดล้อมมานานเกินไปจริงๆ ในใจสะสมความอัดอั้นและเพลิงโทสะเยอะมาก ปัจจุบันเมื่อมีโอกาสเช่นนี้ใครจะอยู่เฉยได้อีก
“ได้!”
ครั้งนี้สิงเจี้ยนสยาไม่คัดค้านอีก ตกลงอย่างยินดี
“พี่เหริน พี่กู่ พวกเจ้าคอยดูแลที่นี่ร่วมกับสหายยุทธ์ซุ่นและสหายยุทธ์เสวี่ยเย่ ข้ากับพี่ฟู่จะไปที่นั่นด้วยกัน!”
สิงเจี้ยนสยากำชับ
พี่เหรินกับพี่กู่ที่เขาเรียกได้แก่เหรินฟู่เทียนและกู่เยวี่ยหมิง ฝ่ายแรกมีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ ฝ่ายหลังมีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตเล็ก ล้วนเป็นผู้อาวุโสของลัทธิแรกกำเนิด
สำหรับ ‘สหายยุทธ์ซุ่น’ กับ ‘สหายยุทธ์เสวี่ยเย่’ ก็คือซุ่นไหวเจี่ยและเสวี่ยเย่จากลัทธิวิญญาณ ล้วนเป็นขั้นไร้ขอบเขตเล็กเช่นกัน
“ได้!”
เมื่อได้ยินการจัดแจงของสิงเจี้ยนสยา ขั้นไร้ขอบเขตสี่คนอย่างเหรินฟู่เทียน กู่เยวี่ยหมิง ซุ่นไหวเจี่ยและเสวี่ยเย่ล้วนตกปากรับคำ
“ทุกท่าน พวกเจ้าก็คอยอยู่ที่นี่”
สิงเจี้ยนสยาเหลือบมองผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกรั่วซู่
พวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวย ผู่เจินต่างพยักหน้าน้อยๆ พวกเขารู้ว่านี่คือโอกาสที่ยากจะพานพบเช่นกัน หากคว้าไว้ได้ก็มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ตรงหน้า
ต่อให้คว้าไม่ได้ ด้วยความสามารถของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สองคนอย่างสิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลี ก็กลับมาภูเขาเทพใบบัวได้อย่างปลอดภัย
“ไป!”
สิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลีทะยานผ่านห้วงอากาศไปพร้อมกันทันที
ชั่วพริบตาที่ออกจากภูเขาเทพใบบัว ในใจเฒ่าดึกดำบรรพ์สองคนที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลาล้วนปรากฏจิตต่อสู้เดือดพล่าน
ถูกกักขังมาหลายปี ด้วยความหยิ่งทะนงของพวกเขามีหรือจะไม่รู้สึกอับอาย
ตอนนี้ถึงเวลาไปเยือนแล้ว!
…
สามวันก่อนยามหลินสวินเหยียบภูเขาเทพประจุม่วงฐานที่มั่นตระกูลเย่ ก็ใช้พลังของร่างต้นกำราบขั้นไร้ขอบเขตเล็กเย่เฟยตู้อย่างง่ายดาย
ในการต่อสู้นี้ขั้นไร้ขอบเขตเล็กอย่างหยางเหิงก็เจริญรอยตามชางโย่วจือ ถูกหลินสวินใช้ท่าทีแข็งกร้าวเอาชนะ
เหตุการณ์นี้กระตุ้นจนทุกคนในที่นั้นหน้าเปลี่ยนสี
เหวินไจ้ลงมือเต็มกำลัง แต่ก็ไม่อาจสลัดการสกัดของกายมรรคทั้งสองอย่างไม้เขียวกับทองขาวได้ ก่อนหน้านี้ได้แต่เบิกตามองหยางเหิงถูกโจมตี
ส่วนขั้นไร้ขอบเขตเล็กอย่างพวกไท่เฮ่าจวี้ล้วนถูกสามกายมรรคอื่นของหลินสวินกำราบ สถานการณ์อันตราย ยากปกป้องตัวเองได้ ไหนเลยจะมีโอกาสหยุดเรื่องทุกอย่างไม่ให้เกิดขึ้น
ส่วนขั้นสรรสร้างยี่สิบคนที่อยู่ห่างไปยิ่งไม่มีโอกาสสอดมือโดยสิ้นเชิง
เมื่อหยางเหิงถูกกำราบก็ทำให้พวกเขาต่างรู้ว่าท่าไม่ดี!
ฟุ่บ!
ร่างต้นหลินสวินพุ่งไปหาไท่เฮ่าจวี้ที่ถูกกายมรรคเพลิงแดงข่มไว้โดยไม่ล่าช้า
ไท่เฮ่าจวี้หน้าเปลี่ยนสีทันที
แค่กายมรรคเพลิงแดงก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสแล้ว หากมีร่างต้นหลินสวินเข้ามาอีก นั่นต้องมีแต่ตายไร้ทางรอดแน่
ในเวลานี้เอง…
“โจรถ่อยเจ้ากล้ารึ!”
เสียงตวาดหนึ่งดังก้อง สิงเทียนหยวนพุ่งเข้ามาก่อน พลังปราณขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ทั้งตัวแผ่ออกมา ราวกับนายเหนือหัวผู้เกริกก้องทั่วหล้ามาเยือน
ตูม!
เขาเรียกดาบศึกสีเขียวดุจหยกเล่มหนึ่งออกมา ตัดผ่านอากาศฟันไปทางหลินสวิน แสงดาบก่อเกิดแสงกฎระเบียบศักดิ์สิทธิ์ล้นฟ้า พร่างพรายละลานตา ดุดันไร้ขอบเขต
ภาพนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างตื่นเต้นขึ้นมา
เหวินไจ้ก็ลอบโล่งอก จิตใจเหิมฮึก
เคร้ง!!
ร่างต้นหลินสวินกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้าต้านทาน แต่กลับถูกดาบศึกสีเขียวที่ฟันผ่านอากาศมานั้นซัดจนเงาร่างไหวเอน ถอยหลังไปหลายก้าว เลือดลมทั่วร่างตีกลับ
เจ้าเฒ่านี่พลังน่ากลัวนัก!
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
การโจมตีนี้ช่วยชีวิตไท่เฮ่าจวี้ได้อย่างหวุดหวิด ทำให้เขาฉวยโอกาสหนีไปได้ ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว รู้สึกเหมือนเพิ่งรอดพ้นคราวเคราะห์
“ตาย!”
สิงเทียนหยวนแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ร่างกำยำแหวกผ่านฟากฟ้า ราวกับรุ้งเทพสีเขียวอหังการเหนือจักรวาล ควบคุมดาบศึกผ่าฟันลงมา
ร่างต้นหลินสวินและกายมรรคเพลิงแดงบุกเข้าไปพร้อมกัน คราวนี้ถึงต้านการโจมตีของอีกฝ่ายได้ ทั้งยังตัดสินได้ในทันทีว่าพลังต่อสู้ของเจ้าเฒ่าสิงเทียนหยวนแข็งแกร่งกว่าเจวี๋ยอู๋เทียนอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่ด้อยไปกว่าอิงซานอิงยามสู้สุดชีวิตเท่าไร น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้…
เมื่อสิงเทียนหยวนเพิ่งมาถึงสนามรบนี้ บาตรสีดำใบหนึ่งตัดผ่านอากาศเข้ามา หมุนคว้างกลางอากาศ จากนั้นปราณกระบี่มากมายพวยพุ่ง ล้วนอบอวลด้วยแสงธรรมศักดิ์สิทธิ์ เสียงใสของกระบี่ดุจเสียงธรรม สะท้อนก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ปังๆๆ!
ปราณกระบี่เหล่านั้นพุ่งแหวกแผ่กระจายดุจกระแสน้ำ โจมตีใส่กายมรรควารีดำและกายมรรคดินเหลืองจนรับมือไม่ทัน ทั้งสองกำลังกำราบหยวนจงฉี่และผานอู่ซิว เมื่อถูกโจมตีจากยอดปราณกระบี่เช่นนี้ก็จำต้องหลีกหลบอย่างทุลักทุเล
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หยวนจงฉี่และผานอู่ซิวที่บาดเจ็บสาหัสได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนล้วนไม่วายตื่นเต้น
แต่สีหน้าหลินสวินกลับไม่น่าดูขึ้นมา
ซินอิ้งโจมนีเข้ามาแล้ว เคร่งขรึมมีสง่า มือถือบาตรสีดำ ทั้งตัวเปล่งแสงธรรมไร้สิ้นสุด ราวยอดบรรพจารย์พุทธในตำนาน อานุภาพเกรียงไกร
“ลงมือพร้อมกัน กำจัดร่างต้นของเจ้าหมอนี่ก่อน!”
สิงเทียนหยวนก้าวข่มไปทางหลินสวิน ไอสังหารแผ่ซ่าน ดาบศึกสีเขียวในมือครวญคร่ำดุจอสนีบาต ฟาดผ่านับร้อยพันครั้งในชั่วพริบตา เงาดาบทบเป็นชั้นๆ ปกคลุมฟ้าดิน พลังกฎระเบียบเขียวเรืองรองกลบทั่วบริเวณนั้น
“ได้!”
ขณะเดียวกันซินอิ้งกระตุ้นบาตรสีดำไปทางร่างต้นหลินสวิน
“เหอะ คิดว่ากลัวพวกเจ้าหรือ”
ร่างต้นหลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง บุกโจมตีพร้อมสามกายมรรค
ตูม…
ศึกใหญ่ปะทุขึ้น ฟ้าดินมืดมิด สุริยันจันทราหม่นแสง ภูผาธาราใกล้เคียงพังทลายดังสนั่น แผ่นดินทรุดตัวเกิดรอยแยกมหึมามากมาย
ในที่นั้นสองกายมรรคอย่างไม้เขียวและทองขาวของหลินสวินสู้กับเหวินไจ้
ร่างต้นและกายมรรคเพลิงแดงของเขาร่วมกันจัดการสิงเทียนหยวน
ส่วนกายมรรควารีดำและดินเหลืองก็ไปโจมตีซินอิ้งพร้อมกัน
ศึกใหญ่เช่นนี้น่ากลัวเกินไป ทำให้ไท่เฮ่าจวี้ หยวนจงฉี่ ผานอู่ซิวไม่อาจแทรกแซง แต่ละคนได้แค่มองอยู่ไกลๆ สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
พวกเขาเป็นขั้นไร้ขอบเขตเล็กก็จริง แต่ตอนนี้ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไปต่อสู้แล้วถูกหลินสวินโต้กลับสุดตัวอีกเกรงว่าคงรักษาไม่ได้แม้แต่ชีวิต!