ตอนที่ 3090 พวกศัตรูที่เดือดดาล

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3090 พวกศัตรูที่เดือดดาล

“ดู นั่นก็คือพวกซินหู เหลยซ่ง”

บนยอดภูเขาเทพใบบัว ในดวงตากู่เยวี่ยหมิงเผยแววเย็นเยียบ

มองไปตามสายตาของเขา ก็เห็นเงาร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากบัวชะตามหามรรค

ผู้นำคือชายที่สวมชุดภิกษุสีขาวคนหนึ่ง รูปลักษณ์หล่อเหลาปานชายหนุ่ม ในมือถือแส้หางม้า แสงธรรมวนเวียนอยู่รอบตัว ละโลกีย์ไร้มลทิน

ซินหู!

อมิตาพุทธแห่งลัทธิฌาน ข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาแล้วหกครั้ง เป็นผู้สืบทอดคนที่สามของ ‘ซือ’ บรรพจารย์ลักทธิฌาน

ข้างกายซินหูคือชายที่สีหน้าเต็มด้วยความอึมครึมคนหนึ่ง สวมชุดเขียว ร่างผอมบาง ผมยาวสีดอกเลาแผ่สยาย เผยฃดวงตาลึกล้ำราวกับมหาสมุทรคู่หนึ่ง

เหลยซ่ง!

ศิษย์น้องของบรรพจารย์ลัทธิพ่อมด พวกน่ากลัวที่ข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาแล้วเจ็ดครั้ง

ด้านหลังสองคนนี้ยังมีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สี่คนติดตามมา ชายสามหญิงหนึ่ง กลิ่นอายล้วนแข็งแกร่งน่ากลัวอย่างมาก

ยามเห็นภาพนี้ซุ่นไหวเจี่ยตาวาววาบ “มีเพียงหกคนที่กลับมา เช่นนั้นนอกจากอู่ตงเหอที่กลับมาก่อนหน้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ยังมีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สิ้นชีพอีกหนึ่งคน ทั้งยังร่วงหล่นในโลกบัวชะตา”

“เจวี๋ยอวิ๋นโจวไม่ได้กลับมา”

เสวี่ยเย่ที่อยู่อีกด้านตาเป็นประกาย

ก่อนหน้านี้ซินหูและเหลยซ่งพาผู้แข็งแกร่งขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อื่นๆ อีกหกคนและผู้แข็งแกร่งขั้นไร้ขอบเขตเล็กสามคนไปโลกบัวชะตาด้วยกัน

แต่ตอนนี้ฝั่งพวกเขากลับมีเพียงแค่หกคนที่ย้อนกลับมา!

สำหรับคนทั้งบนล่างภูเขาเทพใบบัว ย่อมเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง

“เช่นนั้นก็เป็นซินหูนั่นที่สังหารศิษย์พี่ใหญ่หรือ…”

สายตาหลินสวินจ้องซินหูโดยพลัน รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายหล่อเหลามาก ดูหนุ่มยิ่ง แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากทั่วร่างกลับน่ากลัวอย่างที่สุด ยืนอยู่ง่ายๆ ก็ราวกับนายเหนือหัวคนหนึ่ง

“ความแค้นนี้ให้ข้าแก้แค้นแทนศิษย์พี่ใหญ่เอง!”

ไอสังหารวาบผ่านในใจหลินสวิน

ขณะเดียวกัน…

บนทะเลโชคชะตา พวกซินหู เหลยซ่งล้วนแย้มยิ้ม สีหน้ามีความดีใจที่ไม่สามารถปกปิดได้ไม่มากก็น้อย

การแก่งแย่งในโลกบัวชะตาครั้งนี้ พวกเขายึดครองแท่นมรรคบัวชะตาเป็นเวลาสามวันได้สำเร็จ เอาชนะการปิดล้อมอันหนาแน่นที่อันตรายอย่างที่สุด!

วู้ม…

ไม่นานบัวชะตามหามรรคส่งเสียงดังลั่น ในเกสรสาดประกายแสงพร่างพราวออกมา ทะยานไปในทะเลโชคชะตาไกลออกไป

สำหรับพวกซินหู เหลยซ่ง นี่ก็หมายความว่าเย่อู๋เฮิ่น จี้เทียนชิง จื่อเชอชงได้ไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์ด้วยบัวชะตามหามรรคแล้ว!

“เพียงแต่น่าเสียดาย สหายยุทธ์เจวี๋ยอวิ๋นโจวโชคร้ายประสบเคราะห์”

เหลยซ่งถอนหายใจเบาๆ

“การแก่งแย่งในมหามรรคมีหรือจะไม่มีคนตาย ฝั่งพวกเรามีคนบาดเจ็บและร่วงหล่น โลกยุคสมัยอื่นก็มีไม่น้อย”

ซินหูพูดเรียบๆ

ขณะกล่าวพวกเขาก้าวออกจากทะเลโชคชะตาแล้ว ต่างกลับมาโลกวิญญาณยุทธ์ มุ่งหน้าไปยังฐานที่มั่นของตน

ไม่นานใบหน้าผอมตอบของเหลยซ่งก็เปลี่ยนไป เผยความเดือดดาล “สมควรตาย เหตุใดภูเขาเทพรกร้างของลัทธิพ่อมดของข้าจึงกลายเป็นซากไปแล้ว”

“นี่…”

ในใจซินหูและขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อีกสี่คนสะท้านไหว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

พวกเขาเพิ่งจากไปยี่สิบกว่าวันเท่านั้น แต่ฐานที่มั่นของลัทธิพ่อมดกลับกลายเป็นซากปรักหักพัง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำเอาพวกเขาล้วนคิดไม่ถึง

“รีบไปดูที่อื่นๆ”

ซินหูกล่าวเสียงขรึม

พวกเขาเคลื่อนไหวทันที

จนกระทั่งหนึ่งเค่อหลังจากนั้น สีหน้าของพวกซินหู เหลยซ่งคล้ำเขียวหาใดเปรียบ แต่ละคนเหมือนสัตว์ที่ถูกกระตุ้นรุนแรง หมายจะจับคนกินอย่างไรอย่างนั้น

“หายไปหมดแล้ว… เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”

ซินหูพึมพำ แม้สภาวะของเขาจะเคี่ยวกรำจนแข็งแกร่งอย่างที่สุดมานาน ยามนี้ก็ยังรู้สึกแทบจะคลั่งแล้ว

“สิบกว่าวันก่อนอู่ตงเหอย้อนกลับมาแล้ว แต่เขาก็หายไปเช่นกัน หากไม่ผิดจากที่คาด ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจของพวกเราในโลกวิญญาณยุทธ์คงประสบเคราะห์ทั้งหมดแล้ว”

เหลยซ่งกลิ่นอายพลุ่งพล่านทั่วร่าง สีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว

“ซินอิ้ง เหวินไจ้ สิงเทียนหยวน อูหงจื่อ… ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สี่คนดูแลอยู่ที่โลกนี้ ยังขวางการโจมตีของศัตรูไม่ได้หรือ เช่นนั้น… เช่นนั้นศัตรูจะแข็งแกร่งแค่ไหน”

มีคนอึ้งงันเหม่อลอย

อยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปี แต่ยามเผชิญฝันร้ายเช่นนี้ยังคงทำให้พวกเขาไม่สามารถสงบได้

“ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องชดใช้อย่างสาสม!!”

มีคนดวงตาแดงก่ำ โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว กลิ่นอายดุร้าย เสียงตะคอกเดือดดาลนั่นทำเอาฟ้าดินสั่นไหวไปด้วย

“ในโลกวิญญาณยุทธ์ คนที่สามารถฉวยโอกาสยามพวกเราจากไปทำเรื่องเช่นนี้ได้ เหมือนจะมีแค่พวกเจ้าเฒ่าสารเลวที่ถูกขังในภูเขาเทพใบบัว”

มีคนพยายามใจเย็นลง “แต่ด้วยพลังของพวกเขาไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้แน่ บางทีนี่อาจจะหมายความว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่พวกเราคาดไม่ถึงเกิดขึ้น”

การเปลี่ยนแปลง!

พวกซินหู เหลยซ่งต่างขมวดคิ้ว

“ถ้าอยากรู้คำตอบ ไปที่ภูเขาเทพใบบัวก็จะรู้เอง เพราะไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของพวกเฒ่าชราบนภูเขาเทพใบบัวหรือไม่ พวกเขาย่อมต้องรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น”

มีคนเสนอ

“ไปตอนนี้ไม่ได้”

จู่ๆ ซินหูก็เอ่ยออกมา แววตาวูบไหว “พวกเราต่อสู้ในโลกบัวชะตามาหลายวันติดกัน ถึงขั้นที่บาดแผลบนร่างยังไม่ฟื้นสภาพด้วยซ้ำ เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือรักษาอาการบาดเจ็บก่อน ฟื้นฟูมรรควิถีให้กลับคืนสู่สภาพสูงสุด”

ซินหูในยามนี้เยือกเย็นลงจากความเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว “ยิ่งไปกว่านั้นหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภูเขาเทพใบบัวจริง ตอนนี้พวกเขาคงเตรียมพร้อมไว้แล้ว และคงรู้นานแล้วว่าเวลานี้ฝั่งพวกเราเหลือเพียงหกคน ไปโจมตีตอนนี้ไม่ใช่เรื่องฉลาด”

คำพูดนี้ทำให้พวกเหลยซ่งได้สติ พลันใจเย็นลง

ฝั่งภูเขาเทพใบบัวมีเพียงขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สามคนอย่างสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียนดูแล เมื่อเทียบกันแล้วฝั่งพวกเขายังคงได้เปรียบ

เป็นอย่างที่ซินหูพูด สถานการณ์ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทำให้พวกเขาจำต้องระวัง

“เช่นนั้นก็ตามนี้”

เหลยซ่งและคนอื่นๆ ตัดสินใจเช่นกัน

……

ภูเขาเทพใบบัว

สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียนกลับมาอย่างเร่งรีบ

หากเล่นงานคู่ต่อสู้ที่มาคนเดียวพวกเขาย่อมไม่กลัว

แต่ตอนนี้ พวกซินหู เหลยซ่งต่างกลับแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้พวกสิงเจี้ยนสยาจำต้องถอนทัพ เร่งกลับมาภูเขาเทพใบบัวทันที

“สำหรับพวกเรา สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าดี แต่ก็จะประมาทไม่ได้ ถึงอย่างไรฝั่งพวกซินหู เหลยซ่งก็เป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่หกคน กำลังพลยังคงแข็งแกร่งอย่างที่สุด”

หลังจากกลับมาพวกสิงเจี้ยนสยาก็ไปหาหลินสวิน หารือกลยุทธ์หลังจากนี้

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าขอบังอาจถามสักหน่อย เหตุใดในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ ความแตกต่างระหว่างกำลังพลของพวกเรากับศัตรูจึงห่างกันมากขนาดนี้”

หลินสวินอดถามไม่ได้

มีเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลเพิ่มมาก็เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเทียบในภาพรวม กำลังพลของลัทธิวิญญาณและลัทธิแรกกำเนิดยังคงแตกต่างกับลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานอย่างมาก

อย่างก่อนหน้านี้ในลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานต่างมีขั้นไร้ขอบเขตฝั่งละสี่คนดูแล

ในนั้นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ก็มีถึงสี่คนแล้ว

ส่วนฝั่งลัทธิแรกกำเนิดกับลัทธิวิญญาณ ขั้นไร้ขอบเขตรวมกันมีเพียงหกคน ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ยิ่งมีเพียงสามคน

หากเทียบจำนวนขั้นสรรสร้าง ความแตกต่างยิ่งเห็นได้ชัด

นี่คือสิ่งที่หลินสวินไม่เข้าใจ

ได้ยินเช่นนี้พวกสิงเจี้ยนสยาต่างยิ้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มเจือแววจนปัญญาเล็กน้อย

ฟู่หนานหลีกล่าว “ความจริงก็เรียบง่ายมาก มีคนเลือกเป็นสุนัข ดังนั้นพวกร้ายกาจที่ตายภายใต้เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพจึงมีน้อย ส่วนพวกเราไม่ยินยอมเป็นสุนัข อันตรายของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่ประสบก็จะหนักกว่าหน่อย”

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เหตุผลที่กำลังพลของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณาด้อยกว่าลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานลงเรื่อยๆ ก็เพราะพวกเราเคยปฏิเสธการ ‘ชักชวน ของผู้บงการหลังม่านหลายครั้ง’”

ฟู่หนานหลีเว้นช่วงไปแล้วกล่าวต่อว่า “แน่นอนว่าผู้บงการหลังม่านนั่นใช้พลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น สหายน้อยเคยได้ยินคำว่า ‘ทูตชะตาสวรรค์’ หรือไม่”

หลินสวินพยักหน้า “เคยเจอขอรับ”

ประโยคเดียวกลับทำให้พวกสิงเจี้ยนสยาตกใจ “ขั้นสรรสร้างอย่างเจ้ากลับเคยเจอทูตชะตาสวรรค์หรือ”

หลินสวินอึ้งไป ก่อนเล่าเรื่องที่สังหารอิงซานอิงนอกเมืองเทพศุภโชคออกมา

“เหลือเชื่อจริงๆ…”

ฟู่หนานหลีพูดด้วยสีหน้าพิกล “ควรรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเพียงขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่กำลังจะประสบเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพเท่านั้นจึงจะถูกทูตชะตาสวรรค์จับจ้อง”

หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจว่าเหตุใดพวกสิงเจี้ยนสยาจึงตกใจเช่นนี้

เพียงแต่หลินสวินอดขมวดคิ้วไม่ได้ พูดอย่างฉงน “เช่นนั้นการปรากฏของระฆังแรกปฐมจะเพ่งเล็งผู้แข็งแกร่งระดับใด”

สิงเจี้ยนสยาเอ่ยอย่างประหลาดใจ “หรือเจ้าเคยเจอระฆังแรกปฐมด้วย!?”

เขากับคนอื่นๆ ต่างเผยสีหน้าผิดคาด

เห็นเช่นนี้หลินสวินมุมปากกระตุก จำต้องเล่าเรื่องราวยามเผชิญหน้ากับระฆังแรกปฐม

ฟังจบพวกสิงเจี้ยนสยาล้วนสูดหายใจสะท้าน สายตาที่มองหลินสวินเหมือนมองดูตัวประหลาด

ครู่ใหญ่สิงเจี้ยนสยาถึงเอ่ยว่า “พวกเราเพียงแค่เคยได้ยินเท่านั้น ว่ายามขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพครั้งที่เก้า จะต้องพบเจอการโจมตีของระฆังแรกปฐม”

พูดอีกในหนึ่งก็คือ แม้แต่เฒ่าชราอย่างพวกเขายังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้!

ก็เพราะแบบนี้พวกเขาจึงตะลึงถึงเพียงนี้

ในใจหลินสวินสะท้าน นึกถึงจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ขึ้นมา

จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ที่ถูกระฆังแรกปฐมโจมตียามมุ่งหน้าไปเมืองเทพศุภโชค เป็นไปได้มากว่ากำลังเผชิญกับเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพครั้งที่เก้าอยู่!

และเมื่อนึกถึงว่าตนในตอนนั้นซึ่งเป็นเพียงขั้นสรรสร้างขั้นต้นก็ถูกระฆังแรกปฐมจับจ้อง หลินสวินพลันรู้สึกสันหลังเย็นวาบ

ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลายธารออกมาโจมตี จุดจบคงไม่กล้าคิดจริงๆ!

“โชคดีที่เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องในอดีตแล้ว สิ่งที่พวกเราเผชิญตอนนี้ก็แค่พวกซินหู เหลยซ่งหกคนเท่านั้น”

เหรินฟู่เทียนยิ้มพูด “หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้พวกเขาคงจะรู้สถานการณ์ฝั่งตนแล้ว เป็นไปได้สูงมากว่ากำลังเดือดดาลยิ่งยวด เพลิงโกรธสุมอก”

ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้

“จากที่ข้าดู แม้ตอนนี้พวกเขายังไม่มาภูเขาเทพใบบัว สักวันก็ต้องมา และสิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือวางแผนการ หารือกลยุทธ์ กวาดล้างพวกเขาให้ได้ในคราเดียว!”

ฟู่หนานหลีไอสังหารพลุ่งพล่าน

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้สิงเจี้ยนสยากลับขมวดคิ้ว “อยากจัดการพวกเขาให้ได้ในคราเดียวเกรงว่าคงจะยาก”

พูดถึงตรงนี้เขาเหมือนนึกอะไรออก สายตามองไปยังหลินสวิน เจือแววพิกลรางๆ “แน่นอนว่าถ้าใช้ไพ่ลับอย่างสหายน้อยหลินให้ดี นับว่ามีความหวังยิ่งในการกวาดล้างอีกฝ่าย”

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท