ตอนที่ 402 บัญชีรายชื่อ
ที่ลั่วเซิงจงใจกล่าวถึงองครักษ์จูเชวี่ยและหยางจุ่นย่อมมีจุดประสงค์
นางแลกบัญชีรายชื่อผู้จ้างวานฆ่าด้วยการเก็บความลับทั้งสองเป็นเพียงการซื้อขายอย่างหนึ่ง หลังจากซื้อขายแล้ว จูอู่และลุงซิ่งอาจจะออกจากเมืองหลวงและซ่อนตัวอย่างลึกลับ
หากเป็นเช่นนี้ หากอนาคตวันใดนางหาป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยอีกครึ่งหนึ่งเจอแล้วอยากจะใช้องครักษ์จูเชวี่ยเป็นของตนเอง นางจะไปหาพวกเขาได้ที่ไหน
แทนที่คิดจะไปหาผู้อื่น สู้หว่านแหไว้ให้อีกฝ่ายเลือกที่จะอยู่ข้างกายนางด้วยความเต็มใจดีกว่า
สิ่งที่ลุงซิ่งสนใจคือป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ย สิ่งที่จูอู่สนใจคือหยางจุ่น และไม่ว่าจะสนใจอะไร มีเพียงการจับตามองคุณหนูลั่วจึงจะได้มา
หยางจุ่นที่มีป้ายอาญาสิทธิ์ในครอบครองเป็นเหยื่อล่ออันแยบยลที่ทำให้ทั้งสองหวั่นไหว เห็นทีจูอู่ผู้ดูแลบัญชีคนนี้คงจะทำงานที่นี่ไปอีกนาน
ลั่วเซิงกล่าวขอโทษหยางจุ่นในใจ ใบหน้ากลับสงบนิ่ง “พูดมามากมายเช่นนี้ ท่านจูตกลงจะให้บัญชีรายชื่อกับข้าหรือไม่”
จูอู่อยากจะยิ้มหยัน
พูดถึงตรงนี้แล้วเขาจะไม่ตกลงได้หรือ
“คุณหนูลั่ว ข้ามีคำถาม”
“ท่านจูเชิญพูด”
“เหตุใดท่านจึงต้องการบัญชีรายชื่อนั่น”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หมกมุ่นอยู่กับการกินดื่ม เลี้ยงผู้ชายเลี้ยงห่านและเปิดหอสุรา เหตุใดจึงสนใจสิ่งนี้ได้
“ไม่ใช่บอกว่ามีบัญชีรายชื่อเล่มนั้นแล้วจะทำให้รัชทายาทเคราะห์ร้ายมิใช่หรือ” ลั่วเซิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จูอู่สบตาลุงซิ่ง ดวงตาทั้งสองตกตะลึง
นังหนูน้อยนี่รู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่
พูดว่าจะทำให้รัชทายาทเคราะห์ร้ายด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนคุยเรื่องเครื่องหอมว่าหอมหรือไม่ ทำให้คนฟังคิดว่าตนเองหูฝาดได้ง่ายๆ
หากเป็นเช่นนี้ จุดยืนของคุณหนูลั่วก็เหมือนกับพวกเขา
แต่นังหนูน้อยเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก จะเชื่อนางทั้งหมดไม่ได้
“คุณหนูลั่วเคยขัดเคืองกับองค์รัชทายาทหรือ” จูอู่ถามหยั่งเชิง
ที่จริงถามเช่นนี้ เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก ถึงอย่างไรเรื่องทุกเรื่องเมื่อเกี่ยวข้องกับราชวงศ์แล้วก็มิใช่เรื่องง่าย
ลั่วเซิงได้ยินคำถามนี้กลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางขมวดคิ้วพูดว่า “พระองค์ทรงปรารถนาในความงามของข้า”
“แค่กๆๆ…” จู่ๆ เสียงไอของจูอู่ก็ดังขึ้นในห้อง
ลั่วเซิงถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ทำไมรึ ท่านจูไม่เชื่อหรือ”
จูอู่กำมือป้องปากกระแอมสองที รีบพูดภายใต้การจับจ้องอันเยือกเย็นของเด็กสาว “เชื่อสิ ข้าเชื่อแน่นอน”
พูดแบบนี้แล้ว เขาจึงมองเด็กสาวอย่างพินิจพิเคราะห์ ครานี้เขาเชื่อแล้วจริงๆ
พูดตามตรง ด้วยหน้าตาของคุณหนูลั่ว สามารถดึงดูดความสนใจขององค์รัชทายาทได้จริงๆ
แต่ว่าคุณหนูลั่วเลี้ยงผู้ชายนี่!
เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่เคยเจอคนงามแบบไหนบ้าง เขาไม่ถือสาจริงๆ หรือ
จู่ๆ จูอู่ก็คิดถึงไคหยางอ๋อง
เขาเป็นผู้ดูแลบัญชีหอสุรามาพักหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้ตาบอด เห็นไคหยางอ๋องปฏิบัติกับคุณหนูลั่วอย่างแตกต่าง…
ความคิดของเชื้อพระวงศ์ไม่เหมือนผู้ใดเช่นนี้เลยหรือ
“แม้องค์รัชทายาทจะปรารถนาในความงามของคุณหนูลั่ว…”
ลั่วเซิงเลิกคิ้ว “นี่ยังไม่พอหรือ พระองค์เป็นรัชทายาท เพื่อที่จะได้ตัวข้าแล้วหากคิดร้ายต่อท่านพ่อข้าจะทำอย่างไร เพื่อความปลอดภัยแล้ว เตรียมการไว้ล่วงหน้าจะดีกว่า กันไว้ดีกว่าแก้ ข้าลองคิดดูแล้วต้องชิงลงมือก่อน”
ลั่วเซิงพูดเสร็จ จูอู่ก็เงียบกริบ
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าการพาตนเองเข้าหากับดักช่างไม่เป็นธรรมเลย คุณหนูลั่วน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ไม่ว่าเหตุผลที่คุณหนูลั่วแค้นเคืององค์รัชทายาทคือเหตุผลนี้หรือไม่ ที่จริงแล้วก็ไม่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญคือคุณหนูลั่วอยากจะทำให้รัชทายาทเคราะห์ร้าย แค่นี้ก็พอแล้ว
“คุณหนูลั่วรอสักครู่”
จูอู่เดินออกจากห้องทิศตะวันตกและเข้าไปในห้องทิศตะวันออก
ในห้องเหลือเพียงลั่วเซิงและลุงซิ่ง
ลุงซิ่งเงียบครู่หนึ่ง ปริปากพูดว่า “ยังไม่ได้ขอบใจคุณหนูลั่วเลย ขอบใจเจ้าที่รับจูอู่ไว้ยามเขาลำบาก”
“ลุงซิ่งเกรงใจแล้ว หอสุราขาดผู้ดูแลบัญชีคนหนึ่งพอดี”
จูอู่ที่กลับมาหยุดอยู่ข้างหลังม่านประตู สีหน้าซับซ้อน
ตอนนี้เขาถึงกับสงสัยว่ากลุ่มนักฆ่าที่เขาก่อตั้งขึ้นมาถูกรวบตัวไปหมดและเหลือเพียงเขาที่หลุดรอดมาได้ เป็นเพราะคุณหนูลั่วต้องการเขามาเป็นผู้ดูแลบัญชี
เรื่องบางเรื่องคิดมากไม่ได้ คิดมากไปจะไม่สบายใจเปล่าๆ
จูอู่เปิดม่านเดินเข้าไป ยื่นของที่ห่อด้วยผ้าสีฟ้าให้ลั่วเซิง
ลั่วเซิงยื่นมือไปรับ นางไม่ได้เปิดในทันที แต่ยัดลงไปในแขนเสื้อและลุกขึ้น “ขอบคุณท่านจู เช่นนั้นข้าไม่รบกวนทั้งสองแล้ว ใช่แล้ว ท่านจูจะกลับหอสุราไปเป็นผู้ดูแลบัญชีต่อหรือไม่”
จูอู่แลกเปลี่ยนสายตากับลุงซิ่งอย่างรวดเร็ว เขากำหมัดประสานมือพูดว่า “ตราบใดที่คุณหนูลั่วไม่รังเกียจ ข้าย่อมเต็มใจอย่างที่สุด”
ลั่วเซิงยิ้มเบาๆ “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องหาผู้ดูแลบัญชีที่เหมาะสมอีก หอสุราเปิดตอนกลางคืน ท่านจูพาลุงซิ่งไปดื่มสุราเถอะ นานๆ ทีลุงซิ่งจะเข้าเมืองหลวง”
จูอู่ยิ้มแห้ง
ดื่มสุรา? อย่าพูดล้อเล่นเลย หากกินจริงๆ ลุงซิ่งก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว อยู่ทำงานคืนหนี้หอสุราเถอะ
ลุงซิ่งยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เขาจึงตอบอย่างมีมารยาท “ต้องไปลองแน่นอน”
“ลุงซิ่ง!” จูอู่รู้สึกหัวใจเจ็บจี๊ด
หลายปีมานี้เขาก่อตั้งกลุ่มนักฆ่า เงินที่ได้มาให้องครักษ์จูเชวี่ยไปหมดแล้ว บัดนี้กลุ่มนักฆ่าถูกจัดการในคราวเดียว กระเป๋าของเขาเกลี้ยงเกลากว่ายิ่งใบหน้าของเขาเสียอีก
เงินเดือน?
เงินเดือนน่ะมีแน่นอน แต่เขายืนหยัดจะออกมาเช่าบ้าน ไม่ต้องใช้เงินหรืออย่างไร
เขาเหลือบมองรูขนาดเท่าฝ่ามือบนผนัง จูอู่ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเสียเงินเช่าบ้านไปเพื่ออะไร
ลุงซิ่งมองจูอู่ “ทำไมหรือ”
คุณหนูลั่วยังไม่ไป จูอู่ย่อมไม่กล้าพูดว่าร้านที่เถ้าแก่ใจดำเปิดคือหอสุราเถื่อน คนธรรมดากินหนึ่งมื้อแล้วต้องล้มละลายและอยู่ทำงานที่นั่น
เขาฝืนยิ้มให้ “ถึงยามกลางคืนหลานจะพาท่านไปชิมเอง”
ลั่วเซิงยิ้ม จากไปพร้อมกับบัญชีรายชื่อ
เหลือเพียงลุงและหลานสองคนเงียบครู่หนึ่ง ลุงซิ่งเอ่ยปากพูดว่า “ลองตรวจสอบอีกครั้งเถอะ”
ผ่านไปหนึ่งเค่อ ทั้งสองก็จ้องไปที่รูที่โผล่ออกมาจากภาพวาดที่แขวนอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยอารมณ์ซับซ้อน
“อู่หลัง เจ้าคิดว่าห้องลับในอุโมงค์นี้ผ่านไปที่ใด”
บริเวณอื่นผนังหนาเกินไป หากจะตัดออกให้หมดและเข้าไปในห้องลับต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ทั้งสองจึงยังไม่ลงมือ
จูอู่หน้าร้อนผ่าว “แค่ก อาจจะผ่านไปยังมีหอสุรา”
ไม่เช่นนั้นจะอธิบายว่าคุณหนูลั่วเข้าห้องลับมาได้อย่างไร
ผ่านไปนาน ลุงซิ่งก็ถอนหายใจ “อู่หลัง บ้านที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้…เจ้าเช่ามาได้อย่างไร”
คงไม่ใช่คุณหนูลั่วบังคับให้เขาเช่าหรอกนะ
อู่หลังกระตุกมุมปากอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
บ้านที่อยู่ใกล้เคียงหอสุรา บางที่เขาไม่เช่า บางที่ค่าเช่าก็แพงเกินไป หาไปหามาที่นี่เหมาะสมที่สุด…เขาก็เลยเช่าอยู่
เมื่อฟังจูอู่เล่าจบ ลุงซิ่งก็ตบไหล่เขาอย่างแรง “กลับไปอยู่หอสุราเถอะ เงินที่เก็บออมได้ยังเอาไปซื้อข้าวสารจำนวนหนึ่งให้องครักษ์จูเชวี่ยได้”
จูอู่ได้แต่ยิ้มแห้ง
ลั่วเซิงกลับหอสุรา เดินเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านหลัง นางหยิบสิ่งของที่ห่อด้วยผ้าสีฟ้าออกมาจากแขนเสื้อและคลี่ออก
ข้างในคือบัญชีรายชื่อเล่มหนึ่ง
นางพลิกไปหน้าแรก สายตากวาดผ่านตัวหนังสือทีละช่อง
ชื่อ เวลา สิ่งที่ทำล้วนถูกบันทึกไว้โดยย่อแล้ว
ลั่วเซิงยกมุมปาก
นางบอกแล้วว่าจูอู่เหมาะสมกับงานผู้ดูแลบัญชี