บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1362 ลูกพี่ลูกน้อง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1362 ลูกพี่ลูกน้อง

บทที่ 1362 ลูกพี่ลูกน้อง

แสงสว่างนั้นไร้ขอบเขต มันพร่างพรายและกว้างใหญ่

เดิมทีเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว และเมืองคนบาปทั้งหมดก็ค่อย ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยม่านแห่งราตรี แต่เมื่อแสงสว่างอันกว้างใหญ่นี้ปรากฏขึ้น เพียงชั่วพริบตาก็ราวกับเป็นเวลากลางวัน โลกสว่างไสวในบัดดล

กลิ่นอายแห่งบาปที่กระจายไปทั่วทั้งเมืองถูกชำระจนบริสุทธิ์ในทันที และส่งเสียงฟู่ออกมา

ในทางกลับกัน ไม่ว่าการบ่มเพาะจะอยู่ในระดับใดก็ตาม เหล่าคนโฉดที่อยู่ในเมืองต่างร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าสังเวช ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสง และถูกแผดเผาจนสลายหายไปจากโลก

สิ่งเหล่านี้มีสาเหตุมาจากกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของราชันเซียนสืออวี๋ที่แผ่ซ่านออกมา แม้เป้าหมายจะไม่ใช่คนโฉดเหล่านี้ แต่พวกเขาต่างได้รับผลกระทบและถูกชำระล้างไปจนสิ้น

ในกลางอากาศ จั่วชิวหลิงหงมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อจ้องมองไปยังสืออวี๋ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ใบหน้าพลันมืดมนอย่างยิ่ง

จั่วชิวคงอยู่ข้างเคียง จนถึงขณะนี้ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองไปที่สืออวี๋ด้วยสีหน้างุนงง จากนั้นหัวใจก็จมดิ่งลง เพราะตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นราชันเซียน!

หรือว่าเขาคือราชันเซียนที่ติดตามอยู่ข้าง ๆ เฉินซี?

แล้วเฉินซีล่ะ?

จั่วชิวคงอดไม่ได้ที่จะกวาดสายตาไปรอบ ๆ แน่นอนว่าเขาสังเกตเห็นเฉินซีที่กำลังบินมาหาจากระยะไกลได้ทันที…

ความเกลียดชังที่ไม่อาจซ่อนเร้นพลันพรั่งพรูอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ ทำให้สีหน้าดูเย็นชาและน่าสยดสยอง เขารีบกล่าวผ่านกระแสปราณไปยังจั่วชิวหลิงหงอย่างรวดเร็ว “ท่านลุง ไอ้สารเลวนั่นคือเฉินซี ท่านช่วยจัดการกับราชันเซียนคนนี้ ส่วนข้าจะจัดการ…”

“หุบปาก! เจ้าไม่เห็นหรือว่ามีราชันเซียนหกคนอยู่ที่นี่?” ก่อนที่จั่วชิวคงจะกล่าวจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงจริงจังของจั่วชิวหลิงหง

ว่าอะไรนะ!? คำกล่าวเหล่านี้ทำให้จั่วชิวคงตกใจจนตัวแข็งทื่อ ม่านตาขยายออก ตอนนี้เขาถึงได้สังเกตเห็นว่ามีร่างอีกห้าร่างกำลังติดตามเฉินซีอยู่ ซึ่งมีทั้งชายและหญิง โดยที่แต่ละคนนั้นเปี่ยมด้วยกลิ่นอายอันสูงส่งที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว มันเป็นกลิ่นอายของราชันเซียนอย่างแน่นอน!

ทันใดนั้น จั่วชิวคงก็ตะลึง และมึนงงสับสน

เกิดอะไรขึ้น?

มีราชันเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเฉินซีมิใช่หรือ? แล้วอีกห้าคนมาจากไหน?

บัดซบ!

นี่มันไม่ใช่ภาพหลอนใช่หรือไม่?

ถ้าจั่วชิวคงสามารถเห็นสีหน้าของตัวเองได้ในขณะนี้ เขาคงจะเห็นสีสันมากมายอย่างแน่นอน มีทั้งความตกใจ ความสงสัย ความสับสน ความเกลียดชัง ความประหลาดใจ… มันซับซ้อนจนทำอะไรไม่ถูก

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น หัวใจของจั่วฉิวหลิงหงก็จมดิ่งลงเช่นกัน เพราะมันคือหกราชันเซียน! ใครจะคาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น?

ก่อนหน้านี้ เขาได้ตัดสินใจแล้วว่า แม้จะต่อสู้จนตัวตาย อย่างไรก็ต้องสังหารเฉินซีให้จงได้ เพราะในเวลานั้น เขารู้ว่ามีราชันเซียนเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างเฉินซี แต่ไม่ว่าเขาจะเค้นสมองครุ่นคิดสักเพียงใด ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีราชันเซียนถึงหกคนปรากฏตัวพร้อมเฉินซีเช่นนี้!

“จั่วชิวคง?” ในขณะเดียวกัน เฉินซีและคนอื่น ๆ ก็มาถึง เซียงหลิวหลี มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ และคนอื่น ๆ ยืนอยู่เคียงข้างสืออวี๋ ทั้งยังปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของจั่วชิวคงและจั่วชิวหลิงหงไว้อย่างสมบูรณ์

ในขณะนี้ สีหน้าของเฉินซีดูเหมือนจะสงบนิ่ง แต่สายตากลับแปลกประหลาดมาก มันมีทั้งความโกรธ ความประหลาดใจ และความเกลียดชังผสมปนเปอยู่ในแววตา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับจั่วชิวคง และเหตุผลที่จำจั่วชิวคงได้ทันทีก็เพราะคนผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลืออย่างยิ่ง เป็นหนึ่งในเจ็ดสุริยันอันเจิดจ้าของภพเซียน และเป็นทายาทสายตรงของตระกูลจั่วชิว มีศิษย์ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามากมายที่มีแผ่นหยกเงา ซึ่งบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจั่วชิวคงไว้

หากเฉินซีพิจารณาอย่างรอบคอบ จั่วชิวคงก็ถือเป็น ‘ญาติผู้พี่’ ของเขาด้วยซ้ำ!

แน่นอนว่า จั่วชิวคงไม่ยอมรับเรื่องนี้ และเฉินซีก็ไม่ยอมรับเช่นกัน ดังนั้นแม้พวกเขาจะไม่เคยพบกัน แต่พวกเขาก็ต่อสู้กันในที่แจ้งและที่ลับมานานนับปี

“เฉินซี นึกไม่ถึงว่าข้าจะได้เจอเจ้าที่นี่จริง ๆ” จั่วชิวคงสูดลมหายใจเข้าลึก และยับยั้งความรู้สึกในใจอย่างเต็มที่ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ มุมปากปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่น

“โอ้ เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าข้าหรือ?” เฉินซีแสร้งทำเป็นตกใจ ทันทีที่เห็นจั่วชิวคง เฉินซีก็เดาได้ว่าจั่วชิวคงต้องได้ยินข่าวการปรากฏตัวของตนในเมืองคนบาป และมาที่นี่เพื่อฆ่าเขาอย่างแน่นอน

แต่เฉินซีคาดไม่ถึงว่าจั่วชิวคงจะยืมมือราชันเซียนมาจัดการกับเขาจริง ๆ และนี่ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ฟุ่มเฟือยอย่างมาก!

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า จั่วชิวคงปรารถนาให้เขาตายเพียงใด

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเฉินซี แม้พวกสืออวี๋จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่ก็พอเข้าใจราง ๆ ว่าสองคนนี้กำลังรอเพื่อฆ่าเฉินซีโดยเฉพาะ

ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของสืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็เริ่มเย็นชา

ในระหว่างการเดินทางไปยังภูมิภาคการบรรลุเทพในครั้งนี้ เฉินซีได้ช่วยจัดการกับภยันตรายที่พวกเขาเผชิญมากกว่าหนึ่งครั้ง และยังได้มอบผลวิญญาณเต๋าให้แต่ละคนด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยจัดการชายสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของราชันเซียนเหล่านี้ สีหน้าของจั่วชิวคงและจั่วชิวหลิงหงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หัวใจพลันรู้สึกหนาวเย็น สิ่งนี้ยืนยันได้ว่าราชันเซียนเหล่านี้อยู่ข้างเฉินซีจริง ๆ และดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากเสียด้วย!

“เฉินซี เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย” จั่วชิวคงฝืนยิ้ม เพราะไม่ต้องกล่าวถึงเซียนทองคำเช่นเขา แม้แต่ราชันเซียนครึ่งขั้นก็ยังไร้ค่าเมื่อเผชิญกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวของราชันเซียนทั้งหก

“มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะเข้าใจมันหรือไม่ แต่วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมยและไม่แยแส

สิ้นเสียงพูด ท่าทางของจั่วชิวคงก็เปลี่ยนไปและจ้องมองอย่างขุ่นเคือง เขากัดฟันและกล่าวว่า “ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าตั้งใจให้เรื่องไปถึงขั้นนั้นจริง ๆ หรือ?”

ลูกพี่ลูกน้อง?

สืออวี๋และคนอื่น ๆ ตกตะลึง ความเข้าใจในความสัมพันธ์ของทั้งสองสับสนงงงวยอีกครั้ง

“ลูกพี่ลูกน้อง?” คล้ายได้ยินเรื่องตลกไร้สาระ เฉินซีฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ในภพมนุษย์ บิดาของเจ้าทำให้ตระกูลเฉินของข้าล่มสลาย บิดามารดาของข้าหายตัวไป เมื่อข้ามาถึงภพเซียน ตระกูลจั่วชิวก็ส่งคนตามล่าข้าไม่หยุดหย่อน เจ้ายังมีหน้ามาเรียกข้าว่า… ลูกพี่ลูกน้องอีกหรือ?”

เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงก็เจือความกรุ่นโกรธออกมา

ชายหนุ่มระงับความเกลียดชังในใจมาหลายปี และเมื่อคิดถึงทุกสิ่งที่ได้ประสบมาตลอดเวลา จิตสังหารอันหนาแน่นก็พวยพุ่งออกมาจากหัวใจ!

“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ทำไมไม่กลับไปที่ตระกูลพร้อมข้า และไปพบกับท่านอาล่ะ? บางทีนางอาจจะบอกเจ้าว่าเจ้าควรทำอะไร” หัวใจของจั่วชิวคงกระตุกวูบเมื่อสังเกตเห็นจิตสังหารของอีกฝ่าย จึงกล่าวอย่างร้อนรน

“ฮ่า ฮ่า! แม้ในเวลาเช่นนี้ เจ้ายังคิดใช้ท่านแม่ข่มขู่หรือ? เจ้าคิดว่าท่านแม่จะต้องประสบคราเคราะห์ หากข้าฆ่าเจ้า? ช่างโง่นัก! ถ้ามันง่ายเช่นนั้น บิดาของเจ้าก็คงฆ่านางไปตั้งนานแล้ว!” เฉินซีหัวเราะด้วยไฟโทสะที่ลุกโชน สีหน้านิ่งสงบและไม่แยแสมากขึ้น ทั้งยังไม่ปกปิดจิตสังหารอีกต่อไป

“ถ้าคงเอ๋อร์ตายในวันนี้ แม่ของเจ้าจะกลายเป็นเหยื่อของความขัดแย้งภายในตระกูลอย่างแน่นอน” ทันใดนั้นจั่วชิวหลิงหงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “หนุ่มน้อย ข้าขอแนะนำให้เจ้าสงบจิตสงบใจ อย่าหุนหันพลันแล่นจะดีกว่า”

“ตาเฒ่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยู่ฝ่ายที่สนับสนุนจั่วชิวเฟิงกระมัง?” เฉินซีเหลือบมองจั่วชิวหลิงหง แม้จะรู้ว่าจั่วชิวหลิงหงเป็นราชันเซียน แต่ฝั่งตนมีราชันเซียนถึงหกคน ดังนั้นเขาจึงไร้ความเกรงกลัว

ตาเฒ่า!

เมื่อได้ยินคำเรียกที่ไม่เคารพอย่างยิ่งนี้ ใบหน้าของจั่วชิวหลิงหงก็กระตุก ความโกรธพวยพุ่งในใจ แต่เขาก็ยังฝืนอดทนได้ในที่สุด

เพราะเขาตระหนักดีว่าราชันเซียนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้านั้นมาจากตำหนักเต๋าหนี่หวา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสุดยอดนิกาย ดังนั้นเขาจึงต้องไว้ท่าทีเคารพยำเกรงอยู่ไม่น้อย

“ฮึ่ม!” จั่วชิวหลิงหงขมวดคิ้วขณะกล่าว “พ่อหนุ่ม แม้แต่มารดาของเจ้ายังต้องเรียกข้าว่าท่านลุง การกล่าวเช่นนั้นไม่เกินไปหน่อยหรือ แต่ข้าจะไม่ถือสาเอาความ เพราะเจ้ายังเด็ก รีบถอยออกไปซะ อย่าทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น”

เมื่อได้ยินชายชราอวดอ้างความอาวุโส เฉินซีก็เกือบคิดว่าตนหูแว่วไป ชายหนุ่มหัวเราะเย้ยหยัน “ไอ้สารเลว เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงต้องเสียเวลากล่าวเรื่องไร้สาระมากมายขนาดนี้?”

จั่วชิวหลิงหงขมวดคิ้ว ในขณะที่ใบหน้าหมองลง และหัวใจของเขาก็จมดิ่งสู่ก้นบึ้ง รู้สึกราง ๆ ว่าพวกเขาคงมีโอกาสรอดชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…

“เพราะข้าอยากจะบอกบางอย่าง เพื่อให้เจ้าตายตาหลับอย่างไรเล่า”

สีหน้าของเฉินซีเริ่มสงบลง เขากล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ในช่วงเวลาไม่กี่ปี ข้าก็บรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์แล้ว และข้าเชื่อว่าอีกไม่นานก่อนที่ข้าจะสามารถบรรลุขอบเขตราชันเซียนได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะเป็นเวลาที่ข้าฆ่าล้างตระกูลจั่วชิว!”

ชายหนุ่มกล่าวเน้นทีละคำด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว

สืออวี๋และคนอื่น ๆ ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาไม่แปลกใจกับความมุ่งมั่นแก้แค้นของเฉินซี แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่คิดว่าความเร็วในการบรรลุของเฉินซีจะเร็วปานนี้!

ในเวลาไม่กี่ปี เขาบรรลุขอบเขตเซียนทองคำจากขอบเขตเซียนลึกลับ จนกระทั่งบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์! จะมีใครในสามภพที่มีความสำเร็จเช่นนี้ได้?

หัวใจของจั่วชิวคงและจั่วชิวหลิงหงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ในอดีต ถ้าเฉินซีกล้ากล่าวโอ้อวดเช่นนี้ พวกเขาคงหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เพราะเฉินซีได้ใช้ความแข็งแกร่งและการบ่มเพาะที่มีอยู่ เพื่อพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถทำเช่นนั้นจริง ๆ!

แน่นอนว่า เนื่องจากเฉินซีสามารถบรรลุขอบเขตเซียนลึกลับไปสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ปี แล้วเหตุใดเขาถึงไม่สามารถบรรลุขอบเขตราชันเซียนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น?

แม้จะใช้เวลามากขึ้นและความเร็วในการบ่มเพาะช้าลง ตราบใดที่ชายหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ หากยึดตามศักยภาพและพรสวรรค์ ก็ย่อมมีแนวโน้มที่เขาจะสามารถบรรลุสู่ขอบเขตราชันเซียน!

ในที่สุดจั่วชิวคงก็ไม่สามารถระงับความหวาดกลัวในใจได้ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฉินซี ข้าเป็นทายาทของตระกูลจั่วชิว หากวันนี้เจ้าฆ่าข้า เจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลจั่วชิว หรือเจ้าคิดว่าจะสามารถต้านทานไฟพิโรธของตระกูลจั่วชิวได้? จำไว้! เจ้ายังไม่ได้เป็นราชันเซียน! เจ้าเป็นเพียงศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า! เมื่อเจ้าฆ่าข้าแล้ว อย่าได้ฝันว่าจะมีชีวิตรอด!”

เขาเกือบจะคำรามออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและความบ้าคลั่งที่อัดแน่นอยู่ในอก

แต่ทว่าหัวใจของเขากลับถูกความเย็นเยียบเข้าครอบงำ เพราะคำขู่ไม่เพียงไร้ผลเท่านั้น แต่ยังดึงสายตาสมเพชมากมายมาสู่ตนอีกด้วย

ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้น แม้แต่สืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็มองด้วยความสมเพช เหมือนกับมองดูมดที่ใกล้จะตายซึ่งกำลังดิ้นรนอย่างสูญเปล่า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท