ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 359 ชิงหนิวแข่งขัน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 359 ชิงหนิวแข่งขัน

สวี่ชิงความเร็วน่าตื่นตะลึง ก้าวเดียวก็เป็นระยะหลายจั้ง ทิ้งอันดับที่เจ็ดข้างหลังห่างไปไม่เห็นฝุ่น

ผู้บำเพ็ญสำนักเล็กที่ถูกสวี่ชิงนำหน้าไปคนนั้น ตอนนี้ในขณะที่ใจกระวนกระวายก็เกิดความรู้สึกไร้กำลังเป็นระลอกๆ

“ห่างชั้นกัน…มากเหลือเกิน”

เขารู้ว่าสวี่ชิงแข็งแกร่งมาก จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนที่ปีนได้ถึงระดับหนึ่งพันจั้งเป็นคนแรก และรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งจนน่ากลัวถึงระดับนี้

ถึงระดับความสูงนี้แล้วยังสามารถปะทุพลังได้น่ากลัวเช่นนี้ เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วเกินความคาดหมาย ยากที่จะเชื่อ

เขาที่อยู่ภายใต้การโจมตีจากจิตอาฆาตบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ ร่างกายและวิญญาณล้วนกำลังสั่นสะท้าน จิตอาฆาตน่ากลัวที่แผ่มาจากตำแหน่งนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าทะเลความรู้สึกถูกฉีกทึ้งขึ้นมา

ส่วนความเร็วของสวี่ชิงไม่ลดลงเลย ปีนขึ้นไปข้างบนอยู่ตลอด หลังจากที่เขาฝึกฝนเขาจักรพรรดิภูติแล้ว ก็สามารถดูดซับได้มากขึ้น และเมื่อถึงความสูงระดับนี้ โดยพื้นฐานแล้วในทุกระยะสิบกว่าจั้งก็จะเกิดวิญญาณอาฆาตข้นในทะเลความรู้สึก

รูปร่างหน้าตาของวิญญาณอาฆาตพวกนี้มีมากมายหลากหลาย แต่สวี่ชิงก็มองร่องรอยบางอย่างออก วิญญาณอาฆาตพวกนี้เป็นต่างเผ่าเยอะ เผ่ามนุษย์น้อย

หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้เขายังจะสังเกตอย่างละเอียดสักหน่อย แต่ตอนนี้เวลามีจำกัด ในดวงตาสวี่ชิงประกายเย็นยะเยือกฉายวาบ

สะกดให้หมด!

เขาจักรพรรดิภูติในทะเลความรู้สึกส่องประกายแสงเจิดจ้า ในขณะที่สั่นคลอนไม่หยุดก็เหมือนแปรเปลี่ยนเป็นเทพเจ้า สยบวิญญาณอาฆาตที่ปรากฏขึ้นทั้งหมด ทรงพลังเกินต้าน กำราบทั่วทุกสารทิศ

และระดับความสูงในการปีนของสวี่ชิงก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด ไม่นานนักก็มาถึงที่ระดับความสูงหนึ่งพันสี่ร้อยจั้ง จากนั้นก็เป็นหนึ่งพันห้าร้อยจั้ง

ที่ตำแหน่งนี้เป็นระดับความสูงที่ชายหนุ่มชุดดำลัทธินอกวิถีคนนั้นอยู่

ชายหนุ่มชุดดำก็ทุ่มเททุกอย่างสุดกำลัง ดวงตามีเส้นเลือดเต็มไปหมด กำลังจะยกระดับความสูงของตัวเอง

แต่เทียบกับสวี่ชิงแล้วก็ยังคงช้าเกินไป

เสี้ยวพริบตาต่อมา ขณะที่เงาร่างสวี่ชิงพุ่งอย่างรวดเร็วก็นำหน้าเขาไปแล้ว

แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงนำหน้าเขาไป ชายชุดดำคนนี้ก็พลันหันหน้าไปมองทางสวี่ชิง ในดวงตาฉายประกายเยียบเย็น ปากส่งเสียงคำรามต่ำทุ้มออกมา ทะยานไปหลายสิบจั้งอีกครั้ง คิดจะนำหน้าสวี่ชิงอีกครั้ง

แต่ร่างของเขาจากการกระโดดครั้งนี้ ทะเลความรู้สึกสั่นไหวรุนแรง กระอักเลือดสดๆ ออกมา ไม่สามารถไปได้ต่อ ทำได้เพียงเกาะภาพสัญลักษณ์ที่นูนขึ้นมาเอาไว้แน่น เงยหน้ามองเงาร่างสวี่ชิงที่จากไปไกลอย่างรวดเร็ว ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่น

ก่อนที่เขาจะฝากตัวเข้าลัทธินอกวิถี อยู่ที่บ้านเกิดของตัวเองก็นับว่าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานเหมือนกัน

เคยกดคนอายุรุ่นเดียวกันมากมาย แม้หลังจากที่ฝากตัวเป็นศิษย์กับสำนักอันดับหนึ่งแล้วก็เป็นเช่นนี้ นี่ทำให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งจริงๆ มีพรสวรรค์เจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณ

จนกระทั่งเพื่อพัฒนาไปให้ได้ดียิ่งขึ้นก็ฝากตัวเข้าลัทธินอกวิถี ที่นั่นเขาถึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วเหนือฟ้ายังมีฟ้าเป็นครั้งแรก เขาได้เจอผู้ที่เก่งกาจโดดเด่นยิ่งกว่ามากมาย

นี่ทำให้เขาถูกทำลายความมั่นใจอย่างรุนแรง ครั้งนี้เดิมคิดว่าจะอาศัยความได้เปรียบด้านอายุของตัวเอง ก้าวเดียวทะยานสู่สวรรค์ที่โถงครองกระบี่ แต่เทียบกับลัทธินอกวิถีแล้ว ในมณฑลรับเสด็จราชันที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่า ก็มีอัจฉริยะฟ้าประทานที่มากกว่า

เขาทำได้เพียงแค่มองเงาร่างสวี่ชิง มองสวี่ชิงจากไปไกลเรื่อยๆ

หนึ่งพันห้าร้อยจั้ง หนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบจั้ง หนึ่งพันหกร้อยจั้ง!

สวี่ชิงไม่สนใจคนที่เขานำหน้ามาพวกนั้น เขากำลังทะยานไปอย่างบ้าคลั่งบนตำแหน่งลำดับที่หก จวบจนกระทั่งมองเห็นซือหม่าหรู

ซือหม่าหรูลมหายใจหอบถี่ กำลังปีนจั้งแล้วจั้งเล่า ในดวงตาฉายแววดื้อดึง สีหน้าแฝงด้วยความมุ่งมั่น สำหรับการเข้ามาใกล้ของสวี่ชิง นางไม่แม้แต่จะปรายตามอง

สวี่ชิงไม่พูดอะไรเช่นกัน ร่างเพียงทะยานก็นำหน้านางไป กลายเป็นลำดับที่ห้า

ข้างหลังเขา มือของซือหม่าหรูที่เกาะอยู่บนตราสัญลักษณ์บนเสาสั่นสะท้านเล็กน้อย กัดฟันปีนต่อไป

ความเร็วของสวี่ชิงไม่ลดลงเลย ยังคงไปข้างหน้าต่อ หลังจากนำหน้าซือหม่าหรูมา เขาก็มาถึงที่ระดับความสูงหนึ่งพันเจ็ดร้อยจั้ง ที่ระดับความสูงนี้ก็มีคนเหมือนกัน เป็นผู้บำเพ็ญหญิงเย็นชาสำนักเซียนล้ำบารมีที่อยู่ลำดับที่สี่คนนั้นนั่นเอง

นางกำลังกัดริมฝีปากแน่น มือทั้งสองล้วนเต็มไปด้วยเลือด ดวงตามีแววดื้อดึงเช่นกัน กำลังปีนขึ้นไปทีละนิดๆ แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร ความเร็วก็ยังลดช้าลง

ใกล้ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

นางเห็นสวี่ชิง สวี่ชิงก็เห็นนางเช่นกัน

เทียบกับความสะบักสะบอมของนางแล้ว ความเร็วของสวี่ชิงทำให้หญิงสาวสำนักเซียนล้ำบารมีหายใจหอบถี่ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงมองสวี่ชิงกระโดดข้ามผ่านไปจากข้างๆ ตาปริบๆ ไปถึงในระดับความสูงหนึ่งพันแปดร้อยจั้ง

สวี่ชิงสัมผัสกับความบ้าคลั่งจากการโจมตีจิตอาฆาตแค้นเป็นครั้งแรกที่นี่ เขาจักรพรรดิภูตของเขาเกิดสัญญาณอิ่มตัว อีกครั้ง หากเป็นเมื่อก่อนสวี่ชิงเลือกที่จะหยุด

แต่ตอนนี้เขาจะปีนต่อไป

ข้างหน้าเขายังมีอีกสามคน

เด็กหนุ่มที่สวมห่วงจมูก ชายหน้าปรุที่สวี่ชิงรู้ตัวตนที่แท้จริงแล้ว และ…หญิงชุดแดงที่อยู่ข้างหน้าสุดบนระดับความสูงหนึ่งพันเก้าร้อยกว่าจั้ง ที่ใกล้จะถึงสองพันจั้งแล้วเต็มที

แทบจะในพริบตาเดียวกับที่สวี่ชิงมองไป ร่างของหญิงชุดแดงก็กระโดดทะยานตัวไป กลายเป็นผู้บำเพ็ญที่ระดับความสูงถึงสองพันจั้งเป็นคนแรก การทำลายสถิติของนางสร้างความฮือฮาให้กับข้างล่างทันที

เพียงแต่ที่ระดับความสูงนี้ เสียงจากข้างล่างที่ดังมารางเลือน ฟังไม่ชัด และลมบ้าคลั่งรอบๆ ก็แรงมาก พัดเอาร่างเกือบจะร่วงหล่นลงมา และทำให้เสียงข้างล่างหายไป

ที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากที่อยู่บนระดับความสูงนี้ เสียงคำรามเหี้ยมโหดที่แปลงมาจากจิตอาฆาตแค้นสะท้อนก้องในจิตวิญญาณ เต็มอยู่ในจิตใจ วอกแวกไม่ได้

แล้วยังมีความกดดันที่มาจากสวี่ชิงก็ทำให้หญิงสาวชุดแดงสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง เห็นว่าสวี่ชิงห่างกับตนเพียงสองร้อยจั้งเท่านั้น นางกัดฟันกรอด ผีร้ายบนเคียวยมทูตในมือแผ่ประกายแสงสีแดงลอยอวลทั่วทั้งร่าง

จากเส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขึ้น ความเร็วของนางปะทุขึ้นทันที

ที่ปะทุขึ้นมาด้วยยังมี…ชายกลางคนหน้าปรุ

รอบตัวเขาแผ่ไอเย็นยะเยือก ทุกที่ที่ผ่านบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะล้วนเกิดน้ำแข็งเย็นเยียบ ตอนนี้ความเร็วเพิ่มขึ้นไม่หยุด กลายเป็นผู้บำเพ็ญที่ก้าวสู่ระดับความสูงที่สองพันจั้งคนที่สอง

ส่วนคนที่สามไม่ใช่เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ใส่ห่วงจมูกอีกต่อไป แต่เป็นสวี่ชิง

ต่อให้เขาจักรพรรดิภูตใกล้อิ่มตัวแล้ว แต่ความเร็วของสวี่ชิงก็ไม่ลดลงเลย ต่อให้ไม่อาศัยเขาจักรพรรดิภูต ด้วยความมั่นคงของจิตใจและความแข็งแกร่งของวิญญาณก็มากพอจะให้เขาปีนขึ้นไป

อย่างไรเสีย เขาดูเหมือนอาศัยเขาจักรพรรดิภูตปีนขึ้นไป แต่ความจริงแล้วผู้บำเพ็ญที่ปีนมาถึงความสูงระดับนี้ ทุกคนล้วนมีวิธีพิเศษของตัวเอง

แต่สวี่ชิงเพียงกระโดด ก็นำหน้าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์สวมห่วงจมูกคนนั้นไปเลย เด็กหนุ่มคนนี้ดวงตาฉายแววไม่ยอมจำนน กัดฟันกรอดประสานปางมือชี้ไปทางสวี่ชิงทางนั้น

จากการชี้นี้ก็เหมือนถ่ายโอน ถ่ายโอนการโจมตีจากจิตอาฆาตมหาศาลบนร่างไปทางสวี่ชิงทางนั้นกว่าครึ่ง

ประกายเย็นเยือกฉายวาบในดวงตาสวี่ชิง เขาเจอกับคนที่ลงมือในขณะปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะเป็นคนแรก

และจากการถ่ายโอนอันแปลกประหลาดของอีกฝ่าย เสียงโหดเหี้ยมข้างหูสวี่ชิงก็แข็งแกร่งขึ้นมาอีกมากทันที จิตอาฆาตแค้นในทะเลความรู้สึกของเขาก็ปะทุขึ้นถึงขีดจำกัดสูงสุดทันที ก่อร่างเป็นต่างเผ่าที่มีร่างขนาดใหญ่และมีปีกขนาดมหึมา

ต่างเผ่าตนนี้มีหน้าเป็นเหยี่ยว มีตัวเป็นคน ตัวดำเมื่อมทั้งตัว ทั้งร่างแผ่ระลอกพลังน่ากลัว ในเสี้ยวพริบตาที่ก่อตัวขึ้น ปากของมันก็ส่งเสียงคำรามออกมา จะทำการบดขยี้ทำลายล้างทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง

และตอนนี้เขาจักรพรรดิภูตอิ่มตัว ไม่อาจส่องประกายแสงได้อีก เห็นทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงสั่นสะท้านรุนแรง แต่เสี้ยวขณะต่อมา จากเสียงหัวเราะขึ้นจมูกของสวี่ชิง ลูกกลอนพิษในวังสวรรค์วังที่สามของเขาก็สั่นสะเทือนเบาๆ

เสียงคำรามของวิญญาณอาฆาตหยุดเงียบทันที สีหน้าแฝงด้วยความหวาดกลัว ส่งเสียงร้องตื่นตกใจ

“แผ่นดินเทวะ!”

เสี้ยวขณะต่อมา วิญญาณอาฆาตไม่รอให้สวี่ชิงสะกดก็ทำการระเบิดตัวเอง เหมือนว่ามันเลือกที่จะหลบหนี พุ่งออกมาจากร่างของสวี่ชิงทันที พุ่งตรงไปหาเด็กหนุ่มใส่ห่วงจมูกที่มันจากมา

เพียงพริบตาก็พุ่งไปในร่างของเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มคนนั้นร่างสั่นสะท้าน ทะเลความรู้สึกในกายปั่นป่วน ไม่รอให้สวี่ชิงต้องลงมือ เขาก็กระอักเลือดออกมา ในขณะที่แววตาหมองหม่นร่างก็ถูกพลังต้านกลุ่มหนึ่งหอบม้วนไปจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ

แม้จะบาดเจ็บแต่ก็ไม่ตาย เพียงแต่เขาในตอนนี้เขาก็ตั้งสติได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองทำเรื่องอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นแล้วใบหน้าจึงขาวซีด ไม่กล้ามองตาสวี่ชิง ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็วกลางอากาศ

สวี่ชิงมองเงาร่างของเด็กหนุ่มอย่างเย็นชา หันไปปีนต่อ

เทียบกับรางวัลอันดับหนึ่งที่จะได้ เรื่องของเด็กหนุ่มคนนี้ปล่อยไปก่อนแล้วค่อยไปจัดการได้

สวี่ชิงร่างเพียงกระโดด ก็เหยียบมาที่ระดับความสูงสองพันจั้ง ตอนนี้ข้างหน้าบริเวณที่ห่างจากเขาไปห้าสิบจั้งเป็นชายกลางคนหน้าปรุ ที่หนึ่งร้อยจั้งคือหญิงชุดแดง

แทบจะในขณะเดียวกับที่สวี่ชิงมองไปข้างบน จู่ๆ ชายกลางคนหน้าปรุก็หันกลับมาสายตาประสานกับสวี่ชิง

“นายกอง ข้าตามหาท่านมาตั้งนาน” สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง

เวลาเดือนกว่านี้ เขาแค่เห็นลูกศิษย์สำนักโลกันต์ทมิฬก็นึกถึงจดหมายฉบับนั้น นึกถึงจดหมายฉบับนั้นก็คันไม้คันมือ นึกอยากจะอัดนายกองสักยก

ชายกลางคนหน้าปรุเมื่อได้ยินก็กระแอมขึ้นทีหนึ่ง หัวเราะหึๆ มองสวี่ชิงแวบหนึ่งแล้วพลันเอ่ยปากขึ้นว่า

“อาชิงน้อย พวกเรามาแข่งกันสักอีกครั้งดีหรือไม่

“ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะให้เจ้าอัดข้า หากเจ้าแพ้ เจ้าคืนเงินข้า จากนั้นก็จัดการจอมเซียนจื่อเสวียนให้เรียบร้อยเพื่อศิษย์พี่ของเจ้าเสียดีๆ ไม่อย่างนั้นข้าไม่กล้ากลับสำนักไปพบท่านบรรพจารย์ มารดามันสิ มีบ้านแต่กลับไม่ได้ ข้าเองก็ลำบากเหมือนกันนะ”

ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาบ มองความจริงจังของนายกองออก จึงพยักหน้าอย่างจริงจังเช่นกัน

การแข่งขันครั้งแรกของทั้งสองคนคือที่ทะเลต้องห้ามในตอนนั้น

ฝ่ายที่แพ้จะต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง ปลอมตัวเป็นองค์หญิงเผ่าสิงซากสมุทร

วันนี้เป็นครั้งที่สอง

และในยามที่พวกเขาเห็นพ้องต้องกัน หญิงชุดแดงที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด ในสมองของนางก็มีเสียงร้อนรนของเคียวยมทูตผีร้ายดังขึ้น

“เป็นพวกเขาสองคน หมาบ้ากับมือผีล้วนอยู่ข้างหลังเจ้า เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเขาคุยกันว่าจะแข่งกันว่าใครได้ที่หนึ่ง

“เกินไปแล้ว กำเริบเหิมเกริมนัก นี่คือไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตาเลย!

“เจ้าทนได้หรือ ตอนนี้ย้อนกลับไปดีหรือไม่ พวกเราตายตกไปตามกันกับพวกมัน!”

“วันๆ พูดแต่ตายตกไปตามกัน เจ้าหุบปากซะ!” หญิงชุดแดงคำรามเสียงต่ำทุ้ม ในดวงตามีแสงสีแดงปรากฏขึ้น รอบกายนางมีแสงสีแดงแผ่มาเช่นกัน ความเร็วปะทุขึ้นในทันที มาถึงที่ระดับสองพันสองร้อยจั้งในพริบตา

แต่ตอนนี้นายกองเคลื่อนไหวแล้ว

บนร่างของเขาปะทุแสงสีฟ้าท่วมฟ้าออกมา แสงนี้สาดส่องผืนนภา เหมือนว่าท้องฟ้ารอบๆ ล้วนถูกอาบย้อม กระทั่งว่ามองเห็นเส้นเลือดขึ้นมาทั่วร่างของเขารางๆ

หากสามารถมองเห็นเลือดที่อยู่ใต้เนื้อหนัง จะต้องมองเห็นว่าเลือดของเขาไม่ใช่สีแดงอีกต่อไป แต่เป็นสีฟ้า

ใบหน้าที่ปรากฏขึ้นในรูม่านตาของเขา ในดวงตาของใบหน้าก็มีใบหน้า ชั้นหนึ่งซ้อนทับอีกชั้นหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นความชั่วร้ายแปลกประหลาดและล้ำลึก สิ่งที่แลกมาคือความเร็วที่น่าตื่นตะลึงเป็นที่สุด

แค่กระโดดก็เป็นระยะร้อยจั้ง หลังจากกระโดดสามครั้งก็นำหน้าหญิงชุดแดงมาถึงที่ระดับความสูงสองพันสามร้อยจั้ง!

ในชั่วพริบตานี้ ผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ที่อยู่ในโถงครองกระบี่ต่างสีหน้าเปลี่ยนไป มองไปทางนายกอง

“วิชาผนึกมาร วิถีผนึกวิญญาณ!”

“มีผู้ยิ่งใหญ่ผนึกตัวตนที่ไม่รู้บางอย่างในร่างของเจ้าหนูนี่ ตำแหน่งของผู้ยิ่งใหญ่คนนี้สูงมาก วิชาเต๋าของเขาปกปิดอำพราง มองไม่ชัดว่าผนึกสิ่งใดเอาไว้”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท