ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 237 ตายอย่างไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 237 ตายอย่างไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว!

บทที่ 237 ตายอย่างไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว!

“ให้ข้าส่งคำสั่งลงไป แจ้งสมาชิกทุกคนในตึก ฆ่า…”

เปรี้ยง!

คำว่าฆ่าของเซี่ยงหยางถูกกลบด้วยเสียงฟ้าร้อง ตามมาด้วยสายฟ้าสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากเมฆที่โจมตีลงมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

สายฟ้ากำลังพุ่งมาหาเขาแล้ว นี่ต้องเป็นจุดเริ่มต้นของโชคร้ายอย่างแน่นอน!

เซี่ยงหยางคว้าลูกน้องข้างกายแล้วโยนเข้าใส่สายฟ้าสีดำอย่างไม่ลังเล ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปทันที

ผู้บำเพ็ญที่ถูกโยนเข้าไปนั้นยังไม่ทันได้เปิดปากร้อง ร่างกายของเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว

ผู้บำเพ็ญที่จ้องมองเพื่อนของตนเองตายต่อหน้าต่อตา นึกอยากจะหนี แต่เท้าทั้งสองข้างหนักราวกับพันชั่ง สายตาที่เคยสดใสพลันกลับกลายเป็นเรียบเฉย

เซี่ยงหยางควบคุมลูกน้องให้วิ่งไปใต้สายฟ้า ใช้ชีวิตช่วยเขาประวิงเวลา ส่วนตัวเขากลับเร่งความเร็วหนีสายฟ้านั้นต่อไป

ผู้บำเพ็ญขอบเขตบำเพ็ญเต๋าหลายสิบคนไม่มีใครรอดชีวิตภายใต้สายฟ้าสีดำ แม้พวกเขาใช้ชีวิตของตนช่วยเซี่ยงหยางประวิงเวลาได้จริง แต่น่าเสียดายที่ไม่เพียงพอ

เซี่ยงหยางที่บาดเจ็บสาหัสและยังถูกโชคร้ายตามมาติด ๆ ความเร็วของสายฟ้านั้นเร็วกว่าเขามากนัก!

ถึงแม้เซี่ยงหยางจะไม่หันหลังกลับไปมอง แต่ยังรู้สึกได้ว่าสายฟ้านั้นกำลังไล่ตามมาแล้ว เขาจึงกัดฟันปล่อยอสูรรับใช้ประจำตัวเป็น ‘มังกรครามสามกรงเล็บ’ พุ่งตัวขึ้นต่อสู้กับสายฟ้า

พร้อมกับปล่อยสามอาวุธวิเศษบินออกไปช่วยมังกรครามสามกรงเล็บอีกแรง แม้เซี่ยงหยางเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ไม่ว่าอสูรรับใช้จะดีแค่ไหน อาวุธวิเศษจะเก่งกาจเพียงใด ย่อมสู้ชีวิตของเขาไม่ได้ทั้งนั้น!

ขอเพียงช่วยประวิงเวลาให้อีกสักครึ่งชั่วยาม เขาก็จะหลุดพ้นจากโชคร้ายได้แล้ว!

เมืองวั่งเต๋ออยู่ใกล้แค่เอื้อม เซี่ยงหยางเร่งพลังทั้งหมด แล้วฉีกม่านมิติก้าวเท้าเข้าไป เขาหันหลังกลับไปมองมังกรครามสามกรงเล็บที่บาดเจ็บไปเกือบครึ่งตัว… เขาอุตส่าห์ใช้เวลาเป็นร้อยปีกว่ามันจะกลายเป็นมังกรได้…

ช่างเถิด ค่อยหาใหม่แล้วกัน!

เมื่อช่องว่างมิติค่อย ๆ ปิดลง เซี่ยงหยางพลันยกมุมปากเล็กน้อยด้วยความดีใจ แต่ในชั่วขณะถัดมาสายฟ้าสีดำเส้นบางกลับพุ่งทะลุผ่านช่องว่างทะลวงร่างของเขาในทันที

ร่างสีดำมองเข้าไปในตันเถียนที่ถูกทะลวงเป็นรูด้วยความไม่อยากเชื่อ เลือดสีดำหยดลงมาเป็นจังหวะพลางยกมือขึ้นกุมท้อง แต่ยังไม่ทันได้แตะ ร่างของเขาก็ล้มลงไปเสียแล้ว

สายฟ้าสีดำราวกับกลัวว่าเขาจะตายไม่สนิท จึงทำลายเนื้อหนังที่เหลือทั้งหมด วิญญาณของเขาแตกกระจายแล้วสลายหายไป

เซี่ยงหยางตายแล้ว

ตายจนไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้อีก

บนท้องฟ้ามีเสียงครวญครางเศร้าโศกดังขึ้นกะทันหัน

เสียงครวญครางนี้เป็นสัญญาณบอกว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่ฝ่าทัณฑ์สวรรค์ได้ล่วงลับไปแล้ว!

มีเพียงผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายเท่านั้นที่ได้ยินเสียงครวญครางนี้ บรรพจารย์เล่อเหอกำลังค้นหาตัวการที่จับหลิงเยว่พลันตัวสั่นเทิ้ม ผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายคนหนึ่งกลับล่วงลับไปอย่างไร้ร่องรอย

ใครเป็นคนทำกัน?

นี่คือความคิดของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในโลกผู้บำเพ็ญเซียน

ในไม่ช้าพวกเขาจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนทำให้เซี่ยงหยางผู้ทรงเกียรติ บุคคลอันดับหนึ่งแห่งตำหนักจี้ซื่อต้องตาย!

ทุกคนที่รู้ข่าวนี้ต่างถอนหายใจ

“เจ้าเป็นคนทำหรือ?” อาจารย์ใหญ่และนักกลั่นโอสถอาวุโสที่หนีกลับมาจากดินแดนว่างเปล่าพร้อมใจกันจับจ้องไปที่หลิงเยว่

“พวกท่านให้ความสำคัญกับข้ามากเกินไปแล้วกระมัง?” หลิงเยว่ตกใจยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก “หากข้าสามารถลอบสังหารเขาได้ แล้วพวกท่านเล่า?”

ก็จริง บรรพชนตระกูลหมิงและบรรพชนซีพยักหน้า

“นางอยู่ในสถานศึกษาตลอด ไม่เคยออกไปไหนเลย” นายท่านตระกูลเซี่ยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้หลิงเยว่ คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของศัตรูคู่อาฆาตของเซี่ยงหยาง ถึงอย่างไรศัตรูของเขาก็มีจำนวนถึงหนึ่งในสามของโลกผู้บำเพ็ญเซียนอยู่แล้ว

ดีนัก! ขอให้มนุษย์ยังคงฆ่ากันเองต่อไป ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ฆ่ากันจนไม่เหลือแม้แต่ฝ่าทัณฑ์สวรรค์สักคน เมื่อฮวนฮวนโตขึ้น เปิดประตูดินแดนปีศาจได้แล้ว เขาจะนำทัพมาบุกโจมตีทันที!

นายท่านตระกูลเซี่ยมีความสุขยิ่งนัก!

“แล้วหัวหน้าตะขาบมรกตเล่า?” อาจารย์ใหญ่รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับหลิงเยว่อย่างแน่นอน แม้นางไม่อาจลงมือเอง แต่บางทีนางอาจจะส่งหัวหน้าตะขาบมรกตออกไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?

“ถามหาข้าด้วยเหตุใด?” หัวหน้าตะขาบมรกตที่แปลงร่างเป็นแมลงจิ๋วโผล่ออกมาจากผมของหลิงเยว่ พลางถามอย่างไม่สบอารมณ์

หัวหน้าตะขาบมรกตไม่คิดเลยว่าเจ้ามนุษย์เปราะบางจะกลัวตายถึงเพียงนี้ หลิงเยว่ข่มขู่ให้เขากลับคืนร่างเดิมแล้วคอยอยู่ใกล้ ๆ นางเพื่อช่วยป้องกันเคราะห์กรรมที่จะมาถึงได้ทันท่วงที

“มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะคำสาปเปิดออก เขาเลยโดนลูกหลงไปด้วย?”

เถาวั่งวิเคราะห์ตามอยู่ข้าง ๆ ถึงอย่างไรเมื่อวานเขาเองก็เกือบโดนดาบหักที่ปลิวมาแทงคอแล้วด้วยซ้ำ

หลิงเยว่พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อวานนางแค่จิบชานมนิดเดียวก็ถูกวางยาทันที โชคดีที่หมอเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ช่วยเหลือได้ทัน ไม่อย่างนั้นศพของนางคงแข็งทื่อไปแล้ว

“เจ้าใช้ป้ายอาถรรพ์ระดับใดกัน?” นักกลั่นโอสถอาวุโสถาม

“ไม่รู้ ถึงอย่างไรก็ดูเหมือนจะเป็นระดับที่สูงมาก”

ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ “…”

ไม่รู้ว่าเป็นยันต์ระดับใด ถึงกล้าไปท้าทายผู้ที่อยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลาย หากเป็นยันต์อาถรรพ์ระดับต่ำ คงทำให้เซี่ยงหยางคันคอได้เท่านั้น

ทุกคนอดที่จะอิจฉาโชคชะตาของหลิงเยว่ไม่ได้

“เจ้าได้ยันต์มาจากที่ใด?” นักกลั่นโอสถอาวุโสถามต่อ เขาไม่เชื่อว่าหลิงเยว่ไม่รู้ระดับของยันต์

“จากแขตแดนลับสัตว์อสูร” หลิงเยว่โพล่งออกมา

หัวหน้าตะขาบมรกต “?”

หากเขาจำไม่ผิด เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยเข้าไปในเขตแดนลับและพบกับพวกเขา จากนั้นจึงเดินทางไปด้วยกันตลอด หากนางได้ยันต์ที่ทรงพลังขนาดนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?

เจ้าอีกาสุริยันให้มาอย่างนั้นหรือ?

เจ้าของเขตแดนลับสัตว์อสูรนั้นนอกจากจะเป็นผู้วางค่ายกลที่เก่งกาจแล้ว ยังเป็นปรมาจารย์ด้านยันต์อีกด้วย การที่เขาจะมอบแผ่นค่ายกลและยันต์อันทรงพลังให้นกน้อยนั้นย่อมเป็นไปได้สูง

“ไม่แปลกใจเลย…” ในที่สุดนักกลั่นโอสถอาวุโสก็เชื่อ ผู้คนต่างรู้กันดีว่าเจ้าของเขตแดนลับสัตว์อสูรเป็นอัจฉริยะรอบด้าน การที่แผ่นค่ายกลและยันต์ปรากฏในเขตแดนลับของเขาถือเป็นเรื่องปกติ

ด้วยเหตุนี้ หลิงเยว่จึงผ่านภารกิจได้อย่างปลอดภัย

[ภารกิจสำเร็จ]

น้ำเสียงเย็นชาของระบบดังขึ้นในความคิดของหลิงเยว่ นางรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก!

หนึ่งหมื่นวันแห่งการยืดอายุขัยนั้นคุ้มค่า!

เมื่อแก้ไขภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดได้แล้ว หลิงเยว่จึงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ

แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อนางล้มตัวลงนอน เตียงที่แข็งแรงก็พังลงในพริบตา เศษไม้แหลมคมกำลังพุ่งเข้าใส่ลำคอที่บอบบางของนาง นายท่านตระกูลเซี่ยรีบกระชากเศษไม้แล้วบีบมันจนแตกด้วยสีหน้าเรียบเฉย เห็นได้ชัดว่าเขาเคยเผชิญกับการลอบสังหารมาหลายครั้งแล้ว

หลิงเยว่ “…”

เหตุการณ์เช่นนี้จะมีวันสิ้นสุดบ้างหรือไม่!?

“นอนเถิด อย่ากังวลเลย ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะไม่ตายแน่นอน!” นายท่านตระกูลเซี่ยตบมือเบา ๆ แล้วนั่งลงดื่มสุราต่อ

หัวหน้าตะขาบมรกตเผชิญหน้ากับดวงตาที่น่าขนลุกของหลิงเยว่จึงรีบอธิบาย “เมื่อครู่ข้ากำลังจะลงมือพอดี!”

นอนก็นอนไม่หลับ กินก็กินไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฝึกฝน หลิงเยว่นอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเศษไม้ พลางดึงผ้าถูกฝังอยู่มาห่มแล้วหลับตาลง

ในตอนนี้หลิงเยว่ทั้งน่าสงสารและน่าขันนัก อาจารย์ใหญ่กลัวว่าถ้าอยู่ต่อไปคงจะต้องหัวเราะออกมาเป็นแน่ เขาจึงรีบเดินจากไปทันที

ใครจะคิดว่าเมื่อเขาเพิ่งก้าวออกจากห้อง พื้นก็แยกออกทันทีพร้อมกับมีดหลายเล่มที่อยู่ด้านล่าง

อาจารย์ใหญ่ “…”

ถ้าเขาไม่ตอบสนองได้ไวพอ เห็นทีคงถูกแทงจนร่างกายเป็นรูพรุนแน่!

พื้นที่แยกออกนั้นค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง แต่เขาไม่กล้าเดินอีกแล้ว จึงใช้วิธีบินออกจากห้องไปแทน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลิงเยว่และอาจารย์ใหญ่ทำให้เถาวั่งหวาดผวา วันนี้โชคร้ายของเขายังไม่มาถึง ว่าแต่เขาจะตายด้วยวิธีใดกัน?

ในขณะที่รู้สึกหวาดกลัว ความอยากรู้อยากเห็นก็ถูกปลุกขึ้นมาขึ้นมาด้วย

อาจารย์ผิวดำร่างเล็กที่อยู่ข้าง ๆ ล้มลงทันที เขากำคอตัวเองไว้ พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

เถาวั่งรีบวิ่งไปช่วยคนผู้นั้นทันที แต่เมื่อมือของเขาเพิ่งจะแตะตัวคน มือทั้งสองข้างของอาจารย์ผิวดำที่เดิมกำลังบีบคอตัวเองอยู่พลันเคลื่อนมาอยู่ที่คอของเถาวั่งแทนเสียอย่างนั้น

“!!!”

เริ่มฆ่ากันเองแล้วหรือ?

นายท่านตระกูลเซี่ยและนักกลั่นโอสถอาวุโสรีบเข้าไปช่วยเถาวั่งทันที

ยันต์เภทภัยนี้ช่างโหดร้ายเสียจริง ให้มันสูญหายไปก็ดีอยู่แล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท