ตอนที่ 3137 กฎกรรมสรรพชีวิตคือกระดานหมาก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3137 กฎกรรมสรรพชีวิตคือกระดานหมาก

เมื่อเห็นภาพนี้หลินสวินก็นิ่วหน้าเล็กน้อย

เดิมเขาอยากดูเสียหน่อยว่าพลังต่อสู้ของตู้เฟิงแข็งแกร่งเพียงไหนกันแน่ แต่ใครจะคิดว่าคู่ต่อสู้ของเขากลับยอมแพ้ทันที…

‘ข้าไปสืบมาแล้ว ที่พวกซินหู เหลยซงได้รับชัยชนะในการต่อสู้ในโลกบัวชะตาครั้งที่สี่ ก็เพราะได้พวกตู้เฟิง เวิงซิงไห่ช่วย หาไม่แล้วในการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขาก็ยากจะยืนหยัดไปจนจบ’

สิงเจี้ยนสยาสื่อจิตบอกหลินสวิน

‘นี่ก็ช่วยได้ด้วยหรือ’

หลินสวินประหลาดใจทันที

‘นั่นมันแน่อยู่แล้ว ว่ากันว่าในการต่อสู้รอบที่สอง ซินหูเจอกับเวิงซิงไห่ เวิงซิงไห่ยอมแพ้ทันที ในการต่อสู้รอบที่สามซินหูเจอกับสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มสัมพันธ์อันดีกับตู้เฟิง เมื่อมีตู้เฟิงชี้นำ สัตว์ประหลาดเฒ่าคนนั้นจึงยอมแพ้ เช่นนี้ซินหูจะไม่ชนะได้อย่างไร’

สิงเจี้ยนสยาเสียงเจือความดูถูก ‘แน่นอนว่าสาเหตุที่พวกเวิงซิงไห่ ตู้เฟิงเลือกทำแบบนี้ ก็เพราะผู้ฝึกปราณสามคนที่พวกซินหูต้องการส่งไปแหล่งสถานอัศจรรย์คือจี้เทียนชิง เย่อู๋เฮิ่น จื่อเชอชง เหนือหัวของเฒ่าชราสามคนนี้มียอดบุคคลชั้นเลิศกร้าวแกร่งสามคน ไปแหล่งสถานอัศจรรย์ตั้งแต่หลายยุคก่อนแล้ว พวกเวิงซิงไห่กับตู้เฟิงจึงต้องการให้ติดหนี้น้ำใจหนหนึ่ง’

หลินสวินถึงได้เข้าใจยามนี้

ขณะพูดคุยกัน การต่อสู้ในลานประลองก็ดำเนินมาถึงรอบที่สาม

สายตาหลินสวินถูกดึงดูดไป

ในฐานะผู้สังเกตการณ์ แม้แต่หลินสวินยังต้องยอมรับว่าพวกที่ถูกเลือกมาเข้าร่วมการต่อสู้เหล่านี้ต่างเรียกได้ว่าเป็นคนชั้นเลิศในขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ รากฐานพลังน่ากลัว พลังต่อสู้แข็งแกร่ง ทั้งยังครอบครองยอดอภินิหารมากมาย ยามสู้กันคนธรรมดาเทียบไม่ติด

ขณะที่ดูการต่อสู้เหล่านี้ก็ทำให้หลินสวินได้เปิดหูเปิดตา

การต่อสู้รอบที่สามไม่นานก็ปิดฉากลง ผู้ที่ได้รับชัยชนะคือกว่านเชียนชิวจากยุคมรรค

และเมื่อเวลาผ่านไป การต่อสู้รอบที่สี่ รอบที่ห้าก็เปิดฉากและจบลงอย่างต่อเนื่อง ผู้ชนะได้แก่เวิงซิงไห่และฉือเชียนจี

“ต่อไปขอเชิญสหายยุทธ์ที่จับได้ฉลากหมายเลขหกทั้งสองคนออกมา”

เสียงฉือเชียนจีดังขึ้น

สวบ! สวบ!

เงาร่างสองร่างปรากฏขึ้นในลาน

และเมื่อเห็นตัวตนของเงาร่างทั้งสองนั้น ทั้งลานก็ครึกโครมแล้ว

เพราะคนหนึ่งคือหลินสวิน อีกคนหนึ่งคืออี้อู๋อิ๋น!

ฝ่ายแรกสาดประกายโดดเด่นในโลกบัวชะตาครั้งนี้ สังหารจนใต้หล้าปั่นป่วน ทุกคนล้วนสั่นสะท้าน

ฝ่ายหลังเป็นผู้ที่เคยข้ามด่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาเจ็ดครั้ง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นยอดไม่กี่คนในหมู่สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ที่นี่

แต่สองคนนี้กลับพบกันตั้งแต่การต่อสู้รอบแรก นี่จะไม่น่าตกใจได้อย่างไร

“น่าสนใจแล้วสิ”

ฉือเชียนจียิ้ม “ทำตามกติกาเก่าก็จะเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าพวกยักษ์ใหญ่จะเอาเปรียบได้ อาจเกิดเหตุการณ์ที่ถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกได้เหมือนกัน นี่ถึงเรียกว่ายุติธรรม”

สายตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ในที่นั้นคนอื่นๆ ต่างไหววูบขึ้นมา

สำหรับพวกเขาไม่ว่าหลินสวินหรืออี้อู๋อิ๋นถูกคัดออก ต่างก็เป็นเรื่องดีกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ทั้งสิ้น

ต่อให้เป็นผู้ชนะ แต่มีหรือจะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยในศึกนี้

เรื่องนี้สำหรับคนอื่นแล้วล้วนเป็นโอกาส!

“หึ ยามดูเรื่องสนุกก็ไม่สนว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเชียว”

อี้อู๋อิ๋นชำเลืองมองฉือเชียนจีแวบหนึ่ง สีหน้าไม่เบิกบาน

จากนั้นสายตาเขาก็มองมาทางหลินสวิน เอ่ยว่า “สหายน้อย ถ้าเจ้ากับข้าต่อสู้กันสุดกำลัง ต่อให้มีผู้ชนะก็ต้องบาดเจ็บหนัก เจ้าคิดว่าอย่างไร”

หลินสวินพยักหน้าอย่างเยือกเย็น “น่าจะเป็นเช่นนั้น”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เจ้ากับข้าเปลี่ยนวิธีประลอง”

อี้อู๋อิ๋นเสนอ “เช่นเทียบพลังมหามรรคที่แต่ละคนมีด้วยการประลองหมาก”

หลินสวินอึ้งไป “ประลองอย่างไร”

คนอื่นต่างเผยสีหน้าสงสัยเช่นกัน

เมื่ออี้อู๋อิ๋นสะบัดแขนเสื้อ กระดานหมากกระดานหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า “นี่คือ ‘กระดานหมากวสันตสารท’ ของข้า ในกระดานมีเรื่องราวร้อยพันเคลื่อนคล้อย หมื่นลักษณ์สรรพสิ่ง เทียบได้กับโลกใหญ่อันกว้างไกลที่มีเปลี่ยนผันขึ้นลง กาลเวลาหมุนเวียน ไม่ว่าสหายน้อยจะเลือกพลังไหนมาประลอง ให้คนหนึ่งวางหมาก อีกคนหนึ่งพังหมากเป็นอย่างไร”

คราวนี้หลินสวินสนใจแล้ว เอ่ยว่า “ให้ข้าดูกระดานหมากนี้ก่อนได้หรือไม่”

“ทำไมจะไม่ได้”

อี้อู๋อิ๋นยิ้มพลางส่งกระดานหมากวสันตสารทให้หลินสวินผ่านอากาศ

หลินสวินรับไว้ในมือ ทันทีที่แทรกจิตรับเข้าไป โลกอันยิ่งใหญ่เฟื่องฟูแห่งหนึ่งก็พลันผุดขึ้นในใจ ในโลกนี้มีเรื่องราวหลากหลายเคลื่อนคล้อย หมื่นลักษณ์สับเปลี่ยน สี่ฤดูหมุนเวียน มีสรรพชีวิตมากมายพำนักอยู่ในนั้น ภาพสุขเศร้าพบพรากดำเนินอยู่

ที่ทำให้หลินสวินตกตะลึงที่สุดก็คือ สรรพชีวิตไพศาลในนั้นถึงกับมีชีวิตจริงๆ!

และตอนนี้โลกเช่นนี้กับสรรพชีวิตต่างหลอมรวมอยู่ในกระดานหมากวสันตสารทนี้ นี่ทำเอาหลินสวินยังสะท้านในใจอย่างอดไม่อยู่

ยามถือกระดานหมากนี้ จะไม่ใช่หมายความว่าสรรพชีวิตที่พำนักอยู่ในโลกกระดานหมากนั้นต่างถูกอี้อู๋อิ๋นจับวางได้ตามใจเหมือนตัวหมากหรือ

และสำหรับสรรพชีวิตที่อยู่ในโลกกระดานหมากนั้น อี้อู๋อิ๋นก็ประหนึ่ง ‘ราชันมรรคสวรรค์’ อย่างไม่ต้องสงสัย!

“สหายน้อยอย่าคิดมาก โลกในกระดานหมากนี้แม้จะมีข้าควบคุม แต่สรรพชีวิตในโลกกระดานหมากกลับมีโชคชะตาเป็นของตัวเอง ข้าไปยุ่งไม่ได้ หาไม่แล้วจะแปดเปื้อนกฎกรรม ติดร่างแหไปด้วย”

ไม่ไกลนักอี้อู๋อิ๋นเอ่ยปาก “สาเหตุที่หลอมสมบัตินี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ได้ศึกษาการดำรงชีวิตของสรรพชีวิตอยู่ตลอด ดูว่าภายใต้เรื่องราวบนโลกที่แปรผัน กาลเวลาที่เวียนผ่านนี้ วิถีโชคชะตาของสรรพชีวิตมากมายนี้จะดำเนินไปทางไหน”

ได้ยินดังนั้นหลินสวินจึงเข้าใจ เอ่ยว่า “ขอถามผู้อาวุโส จะวางหมากและพังหมากบนกระดานนี้อย่างไร”

อี้อู๋อิ๋นเอ่ย “ง่ายมาก ใช้พลังมหามรรคของเจ้ากับข้าเข้าไปแทนที่กฎระเบียบฟ้าดินของกระดานหมากนี้ ใครเป็นราชันของโลกนี้ได้ก็ถือเป็นผู้ชนะ”

หลินสวินอึ้งไป สีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยว่า “แค่เทียบพลังมหามรรคหรือ”

อี้อู๋อิ๋นยิ้มเอ่ย “ไม่ผิด ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากเห็นว่าพลังนิพพานที่อาจารย์เจ้ารอคอยมาหมื่นกาลจะร้ายกาจปานไหนกันแน่”

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ใกล้เคียงต่างเผยสีหน้าสนใจออกมาเช่นกัน

นิพพาน!

ใครไม่รู้บ้างว่าตอนนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยกล่าวไว้ ว่าพลังเช่นนี้สามาถพลิกทุกสิ่งในอดีตได้

แต่คนที่เคยเห็นพลังเช่นนี้จริงๆ กลับมีน้อยนิดยิ่งนัก

“ได้”

หลินสวินรับปาก

อี้อู๋อิ๋นเอ่ย “กฎระเบียบฟ้าดินในโลกกระดานหมากนี้แปลงมาจากมหามรรคของข้า เป็นตัวแทนความรู้และความเชี่ยวชาญในมหามรรคของข้าทั้งหมด สหายน้อยจะไปพังหมากก็ได้ แน่นอนว่าข้าสามารถเก็บพลังของข้ากลับไปได้เช่นกัน ให้สหายวางหมาก ส่วนข้าเป็นคนพังหมาก”

หลินสวินส่ายหน้า “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้ ข้าไปพังหมากก็ได้”

ขณะพูดหลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง โคจรพลังมหามรรคทั้งร่างแล้วแทรกจิตรับรู้เข้าไปในกระดานหมาก ทันใดนั้นหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงทิวทัศน์มหัศจรรย์ต่างๆ

โลกกระดานหมาก

ในเมืองอันรุ่งเรืองเมืองหนึ่ง

บนถนนผู้คนสัญจรเป็นผืนแพร รถม้าขวักไขว่ อึกทึกจอแจ แต่กลับมีแต่คนธรรมดา

นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งของโลกกระดานหมาก แต่การพบพรากสุขเศร้า เกิดแก่เจ็บตายบนโลก ท่าทางต่างๆ ของสรรพชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันกลับครบถ้วนแจ่มชัด

จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกว่าตนเหมือนกลายเป็นขอทานข้างถนนคนหนึ่ง เสื้อผ้าแหว่งวิ่น ผอมแห้งกระดูกโปน หายใจรวยริน

ทั้งร่างไม่มีพลังแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังไม่มีมรรควิถีสักนิด ถึงขั้นไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายมหามรรคใดๆ ในฟ้าดินแห่งนี้โดยสิ้นเชิง

เขาเลิกคิ้วอย่างอดไม่อยู่ หรือในมหามรรคที่อี้อู๋อิ๋นผู้นี้เสาะหา จะใช้ ‘การดำรงชีวิตของสรรพชีวิต’ เป็นรากฐาน

ถ้าเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า ตั้งแต่ที่ตนกลายเป็นขอทานข้างถนนนี้ ก็เข้าสู่กฎระเบียบฟ้าดินที่มีเขาเป็นคนควบคุมแล้วหรือ

น่าสนใจ

หลินสวินพลิกตัวขึ้นมา การเคลื่อนไหวง่ายๆ ครั้งเดียวกลับเปลืองแรงได้ปานนั้น สาเหตุก็เพราะตอนนี้สภาพร่างกายของเขาย่ำแย่เกินไป

สกปรกไปทั้งตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตามอมแมม บวกกับถูกบีบคั้นด้วยความหิว เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน!

แต่หลินสวินไม่ได้กระวนกระวาย เขาสัมผัสได้แล้วว่าการต่อสู้มหามรรคนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้แล้ว

“เอ๊ะ ที่ประตูมีขอทานเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไร ไปเลยๆ อย่ามารบกวนกิจการของโรงเตี๊ยมพวกเรา!”

เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม สีหน้ารังเกียจ จ้องมองหลินสวินอย่างร้ายกาจ

หลินสวินมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีชีวิตเลือดเนื้อคนหนึ่ง ทั้งยังไม่ได้ถูกอี้อู๋อิ๋นควบคุมแน่ๆ สาเหตุก็ง่ายดายนัก ขอทานอย่างตนขวางหูขวางตา มาขวางหน้าประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยม ถึงได้ถูกเสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้ขับไล่

นี่ก็คือกฎกรรม

หลินสวินใคร่ครวญน้อยๆ ขณะกำลังจะพูดอะไร

จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าม้าถี่เร็วเหมือนกลองรัวระลอกหนึ่งดังขึ้นไกลๆ โจรเถื่อนกลุ่มหนึ่งขี่ม้ามาจากไกลๆ พุ่งชนตรงดิ่งตลอดทางจนบนถนนโกลาหลเป็นอย่างยิ่ง มีแต่เงาร่างที่หลบหลีกกับเสียงร้องแหลมอยู่ทุกแห่ง

“หลบไป หลบไปให้หมด!”

เสียงตะคอกลั่นดังไม่ขาดสาย เสียงฝีเท้าม้ายิ่งเข้ามาใกล้

สำหรับหลินสวินแล้ว ด้วยตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ถ้าไม่รีบหนีจะต้องหลบไม่พ้นเส้นทางของม้าเหล่านั้นแน่

และทันทีที่ถูกเหยียบ ด้วยสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้เกรงว่าจะต้องลาโลกแน่แท้

หลินสวินเอ่ยอย่างจริงใจ “เสี่ยวเอ้อร์ แม่อายุแปดสิบของเจ้าป่วยติดเตียง อาศัยเพียงเบี้ยรายเดือนของเจ้าในตอนนี้คงช่วยรักษาอาการป่วยของแม่เจ้าไม่ได้ ถ้าประคองข้าขึ้นมา ข้าจะช่วยรักษาอาการป่วยของแม่เจ้า”

เสี่ยวเอ้อร์อึ้งไป สีหน้าตกตะลึงไปหมด “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแม่ข้าป่วยหนัก”

“ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า เดี๋ยวข้าก็ถูกเหยียบตายแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าจะไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าช่วยข้า อาจจะช่วยชีวิตแม่เจ้ากลับมาได้ เร็วเข้า!”

หลินสวินรีบพูด

เสี่ยวเอ้อร์ยังจะกล้าลังเลได้อย่างไร ก้าวออกมาดึงร่างผอมแห้งกระดูกโปนของหลินสวินไปที่ด้านหนึ่งของโรงเตี๊ยมทันที

โครม!

โจรเถื่อนกลุ่มนั้นควบม้าห้อตะบึงฝ่านไป เพียงลมหายใจเดียวก็จะเหยียบขอทานข้างถนนอย่างหลินสวินแล้ว เรียกได้ว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

เห็นดังนี้หลินสวินก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆ ยิ้มเอ่ยพึมพำว่า “การต่อสู้มหามรรคแบบนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน…”

ในเวลาเดียวกัน บริเวณแท่นมรรคบัวชะตา

เมื่อสังเกตเห็นภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกกระดานหมากวสันตสารทนี้ อี้อู๋อิ๋นกลับยิ้มออกมา “สหายน้อยหลินหนอสหายน้อยหลิน ขนาดข้ายังไม่กล้าไปยุ่งกับกฎกรรมของสรรพชีวิต เจ้าทำเช่นนี้ดูเหมือนคลี่คลายอันตรายไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ตกอยู่ในพันธนาการของกฎกรรมไปแล้ว…”

เนื่องจากอี้อู๋อิ๋นไม่ได้ปิดบังอะไร เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่แถวนั้นต่างเห็นภาพที่เกิดขึ้นในโลกกระดานหมากเช่นกัน สีหน้าแตกต่างกันไป

ตู้เฟิงที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยด้วยใบหน้าเวทนา “สหายยุทธ์ใช้ ‘กฎกรรมสรรพชีวิต’ เป็นกระดาน ต่อให้สุดท้ายถูกหลินสวินนั่นทำลาย เขาก็ต้องแปดเปื้อนกฎกรรม ดังนั้นวางหมากพลาดไปครั้งเดียวก็จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ นี่… เป็นทางตันที่แทบไม่อาจคลี่คลายได้อย่างไม่ต้องสงสัย!”

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท