ตอนที่ 3173 กระบี่ไม้สามชุ่น

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3173 กระบี่ไม้สามชุ่น

ตอบแทนบุญคุณ!

หลินสวินอดมองหลิงหยวนอีกครั้งไม่ได้ กล่าวว่า “มือกระบี่ผู้นั้นกลับไปฝึกปราณใหม่แล้ว แม้ว่าเจ้ามีโอกาสออกจากแหล่งสถานอัศจรรย์แต่จะไปหาเขาที่ไหน”

หลิงหยวนกล่าวเสียงชัดกระจ่าง “ขอเพียงไปหาต้องเจอแน่”

หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ไป เจ้าพาข้าไปน้ำพุมืดมน”

เขาก็สงสัยเช่นกันว่ากระบี่ไม้สามชุ่นที่มือกระบี่สยบไว้ในน้ำพุมืดมนเมื่อปีนั้นมีความลับอะไรกันแน่

“รีบมาเร็ว”

หลิงหยวนดีใจขึ้นมา พาหลินสวินกับซย่าจื้อมุ่งหน้าออกไปไกลๆ

ตลอดทางมีหลิงหยวนคอยนำ พยับหมอกซึ่งปกคลุมฟ้าดินนั้นสลายไปหมด นี่ทำให้หลินสวินลอบแปลกใจอย่างอดไม่ได้

สมเป็นบรรพชนกฎระเบียบที่เกิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกนี้ พลังที่หลิงหยวนครอบครอง เห็นชัดว่ามาจากแหล่งเดียวกับพยับหมอกที่กำราบจิตรับรู้ของผู้ฝึกปราณ

ไม่นานกลางไอขุ่นมัวปรากฏแอ่งน้ำแห่งหนึ่ง

ใต้แอ่งน้ำคือตาน้ำพุ

ในตาน้ำพุมีน้ำพุแรกกำเนิดดุจไข่มุกหลั่งรินเป็นสายๆ ล้วนควบรวมจากพลังบ่อเกิดแรกกำเนิด ภายในแฝงพลังต้นกำเนิดอัศจรรย์น่าเหลือเชื่อ

“หากเจ้าดึงกระบี่ไม้ออกมาได้ข้าก็จากไปได้แล้ว”

หลิงหยวนกล่าวอย่างคาดหวัง

หลินสวินก้าวไปข้างหน้า จ้องมองเข้าไปในตาน้ำพุ เมื่อมองผ่านกลิ่นอายของบ่อเกิดแรกกำเนิดที่บริสุทธิ์หนาแน่นนั้น สามารถมองเห็นเงาแสงในส่วนลึกของตาน้ำพุเป็นระยะๆ

เมื่อมองอย่างละเอียด เงาแสงสายนั้นคือกระบี่ไม้เล็กบางยาวสามชุ่นเล่มหนึ่ง!

กระบี่นี้ดูเหมือนเล็กจิ๋ว แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับกำราบพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดในตาน้ำพุนี้ได้ น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง

“ต่อให้ดึงกระบี่นี้ออกไปไม่ได้ เจ้าก็จากไปได้นานแล้ว” ซย่าจื้ออดกล่าวไม่ได้

หลิงหยวนกล่าว “ไม่ได้ ผู้อาวุโสมือกระบี่นั่นเคยพูดว่าใครดึงกระบี่นี้ได้ค่อยให้ข้าตามเขาไป”

ซย่าจื้อเผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่งอย่างเห็นได้น้อยครั้งนักพลางกล่าว “แต่หากพวกเราดึงกระบี่นี้ได้ แต่กลับไม่พาเจ้าไปเล่า”

หลิงหยวนกล่าวลนลานทันที “ขะ… ข้าก็จะตามพวกเจ้าไปตลอด!”

ซย่าจื้อเบิกบานขึ้นมา กล่าวกับหลินสวิน “พวกเราจะพาเขาไปด้วยไหม”

หลินสวินดูออกว่าซย่าจื้อค่อนข้างชอบหลิงหยวน ยิ้มกล่าวทันที “ขอแค่เจ้ายอมก็จะพาเขาจากไป”

หลิงหยวนรีบกล่าวอย่างน่าสงสาร “พี่สาว ขอร้องท่านล่ะ ช่วยพาข้าไปด้วยเถอะ”

ซย่าจื้อยื่นมืองามออกมากล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าจงกระโดดมากลางฝ่ามือข้า”

หลิงหยวนกระโดดขึ้นไปโดยไม่ลังเล

พริบตานั้นซย่าจื้อยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวระยิบระยับ “เจ้าหนูนี่… น่าสนใจมากจริงๆ”

นางประคองหลิงหยวนที่รูปร่างคล้ายหยดน้ำไว้กลางฝ่ามือ กะพริบตาพิจารณา

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ยื่นฝ่ามือออกไป ปลดปล่อยพลังกลืนกินทันที

ซ่า!

น้ำพุแรกกำเนิดในแอ่งน้ำม้วนตลบรุนแรง พริบตาก็ถูกดูดกลืนจนเกลี้ยง กระแสน้ำแรกกำเนิดในตาน้ำพุนั่นก็โถมเข้าสู่มือหลินสวินไม่หยุด

นี่คือพลังบ่อเกิดแรกกำเนิด ล้ำค่ายิ่งกว่าผลมรรคแรกกำเนิดเป็นสิบเท่าร้อยเท่า สำหรับหลินสวินแน่นอนว่านี่เป็นผลประโยชน์ที่ไม่คาดฝันอย่างหนึ่ง

แต่ไม่นานหลินสวินก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้ เผยสีหน้าประหลาด

กระบี่ไม้สามชุ่นที่กำราบส่วนลึกของตาน้ำพุนั้นแค่สะท้านเบาๆ สลัดพลังกลืนกินของเขาออกไปเหมือนปลาแหวกว่าย!

หลินสวินลองดูหลายครั้งแต่ยังเหมือนเดิม

“หลิงหยวน กระบี่ไม้นี้กำราบอะไรไว้กันแน่”

หลินสวินถาม

หลิงหยวนกล่าวเสียงกังวาน “ส่วนลึกของน้ำพุมืดมนนี้คือแกนจิตแรกกำเนิดของโลกนี้ ก็เหมือนรังมารดาของข้า แต่เมื่อนานมาแล้วมีคนชื่อว่าไท่ชูสำแดงฝีมือ ใช้พลังของตัวเองหลอมแกนจิตแรกกำเนิด เป้าหมายคือสักวันหนึ่งเมื่อข้าตื่นรู้มีจิตวิญญาณย่อมสร้างประโยชน์ให้เขาได้ทันที”

หลิงหยวนเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “แต่ปีนั้นมือกระบี่ลงมือ ใช้กระบี่ไม้กำราบแกนจิตแรกกำเนิด ทำให้ข้าเลี่ยงเคราะห์นี้มาได้ยามจิตวิญญาณตื่นรู้”

หลินสวินใจกระตุกวูบ ที่แท้ราชันไท่ชูก็เคยมาที่นี่ ทั้งลงมือหลอมแกนจิตแรกกำเนิดที่ให้กำเนิดหลิงหยวนด้วย!

แกนจิตแรกกำเนิดคืออะไร

ก็คือใจกลางของบ่อเกิดแรกกำเนิด เหมือนกับหัวใจของคน

สำหรับหลิงหยวน แกนจิตแรกกำเนิดก็คือรังมารดาของมัน!

ปีนั้นไท่ชูควบคุมแกนจิตแรกกำเนิดนี้ เพื่อรอหลิงหยวนเกิดมาสวามิภักดิ์และสร้างประโยชน์แก่เขา

แต่เห็นชัดว่าการปรากฏตัวของมือกระบี่คนนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนี้

หลินสวินกล่าวครุ่นคิด “ถ้าข้าดึงกระบี่ไม้นี้ออกไป แกนจิตแรกกำเนิดนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรไหม”

“ไม่รู้”

หลิงหยวนตอบอย่างชัดเจน

มุมปากหลินสวินกระตุกเล็กน้อย กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะลองดู”

เขาพูดพลางให้ซย่าจื้อกับหลิงหยวนหลบห่างออกไป ส่วนตนยืนอยู่หน้าน้ำพุมืดมนนั้นคนเดียว เขาใคร่ครวญครู่ใหญ่ เงาร่างพลันกลายเป็นแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในตาน้ำพุนั่น

ตูม!

พริบตานั้นราวกับแทรกตัวเข้าไปในหลุมดำแรกกำเนิดแห่งหนึ่ง ทุกหนแห่งเปี่ยมกลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดเวิ้งว้างไร้สิ้นสุด

ไม่นานหลินสวินก็เห็นกระบี่ไม้เล่มนั้น

ตัวกระบี่ยาวสามชุ่นดูเก่าแก่โบราณ เรียบง่ายไม่หรูหรา แต่ในสายตาหลินสวิน กระบี่นี้กลับแฝงอานุภาพน่ากลัวหาใดเปรียบ

คล้ายอานุภาพของมันบดทลายกาลนิรันดร์ สามารถฟาดฟันทวยเทพได้!

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน กระบี่ไม้สามชุ่นนั่นเป็นของธรรมดาทั่วไปชัดๆ แต่เพราะบุคคลเปี่ยมอานุภาพน่ากลัวผู้นั้นทำให้กระบี่นี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

‘กระบี่ไม้นี้เป็นสิ่งที่มือกระบี่คนนั้นทิ้งไว้ก่อนกลับชาติไปฝึกใหม่ กลิ่นอายบนกระบี่สื่อถึงระดับพลังที่แข็งแกร่งที่สุดบนมหามรรคของเขา ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาไร้สิ้นสุดกลิ่นอายนั้นกลับยังแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นเหมือนเดิม สมเป็นบุคคลในตำนานคนหนึ่งจริงๆ…’

นอกจากทอดถอนใจแล้ว ในใจหลินสวินยังมีแรงกระตุ้นรุนแรง

ตอนอยู่โลกแปรปุถุชนไม่เคยมีโอกาสประลองกับรูปจำลองวิชามรรคของเฉินซี ไท่ชู มือกระบี่คนนั้น ตอนนี้… อาจได้ลองดู!

ยามครุ่นคิดเขาโคจรมรรควิถีของตนเงียบๆ แผ่คลุมไปทางกระบี่ไม้นั่น

ชิ้ง!

กลิ่นอายแรกกำเนิดใกล้เคียงล้วนปั่นป่วนขึ้นมา เจตกระบี่น่าเหลือเชื่อแผ่ออกมาจากกระบี่ไม้สามชุ่นดุจเขาถล่มสมุทรคำราม หลินสวินลงมือเต็มกำลัง แปรมรรคเป็นเตาหลอม คิดกำราบมันไว้ ระหว่างทั้งคู่เกิดการปะทะดุเดือดหาใดเปรียบ

เวลาล่วงเลยไปทีละน้อย

เจตกระบี่ของกระบี่ไม้สามชุ่นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เผยไอสังหารลึกลับเหลือคณา

แต่มรรควิถีของหลินสวินก็แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง สกัดกระบี่ไม้สามชุ่นอย่างสมบูรณ์ได้ตลอด

คล้ายเข็มแหลมปะทะหนามคม!

และเวลานี้หลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมาก

พลังของกระบี่ไม้สามชุ่นนั้นเหนือกว่าจอมมรรคไร้ขอบเขต แม้ว่าเป็นเพียงอานุภาพสายเดียว แต่กลับสื่อถึงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดของมือกระบี่คนนั้น!

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งกระตุ้นศักยภาพแฝงในตัวหลินสวิน ทำให้หลินสวินมีจิตต่อสู้ฮึกเหิมเช่นกัน โลหิตเดือดพล่านทั้งตัว

ตั้งแต่เข้าสู่โลกแปรปุถุชนถึงตอนนี้ มรรควิถีทั้งตัวเขาก้าวหน้ารวดเร็ว แต่กลับขาดคู่ต่อสู้ที่พอประลองกันได้มาตลอด กระทั่งทำให้สิ่งที่เขาขาดแคลนตอนนี้ก็คือการเคี่ยวกรำแบบเดียวกับตรงหน้า!

ในการต่อสู้หลินสวินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามรรควิถีของตนกำลังถูกขัดเกลา พลังมหามรรคที่สะสมตกตะกอนล้วนถูกกระตุ้นออกมาในการต่อสู้ดุเดือดเช่นนี้

ผ่านไปสองชั่วยาม

หลินสวินรู้สึกแค่ว่าความเหนื่อยล้าอบอวลทั่วร่าง ตอนนี้ถึงรู้ว่ามรรควิถีทั้งตัวแทบจะถูกใช้ไม่เหลือในการต่อสู้ดุเดือดเช่นนี้

เขาหยุดมือทันที แววตาจ้องมองกระบี่ไม้สามชุ่นที่สั่นสะเทือนไม่หยุดนั้นอย่างอาลัยพลางกล่าว “คราวหน้าข้าจะมาสู้กับเจ้าอีก”

เขาพูดพลางพุ่งตัวออกไปจากน้ำพุมืดมนนี้

“เป็นอย่างไรบ้าง”

นอกน้ำพุมืดมน ซย่าจื้อที่เฝ้ารอมาตลอดอดถามไม่ได้

“การดึงกระบี่ไม้ออกมาน่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กลับต้องใช้เวลาสักหน่อย”

หลินสวินยิ้มกล่าว

ครั้งนี้แม้ไม่อาจกำราบจนดึงกระบี่ไม้สามชุ่นนั้นได้ แต่สำหรับหลินสวินผลประโยชน์กลับมหาศาล ทำให้พลังมหามรรคซึ่งแฝงอยู่ทั้งตัวเขาได้รับการขุดค้นและขัดเกลา

นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการตื่นรู้ระหว่างฝึกปราณ

ทั้งภายในน้ำพุมืดมนยังมีพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดพวยพุ่งออกมา เรียกได้ว่าเป็นศุภโชคอย่างหนึ่ง การดูดกลืนหล่อหลอมมันมีประโยชน์อย่างมากต่อความก้าวหน้าของมรรควิถีแห่งตน

ในสายตาหลินสวินสิ่งนี้เหมือนไม่ต่างอะไรกับแดนสมบัติฝึกปราณชั้นยอดแห่งหนึ่ง

นับจากวันนั้นหลินสวินกับซย่าจื้อเลือกอยู่ข้างๆ น้ำพุมืดมน ใช้พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดที่นี่มาฝึกปราณ

ทั้งสองล้วนได้รับประโยชน์ไม่น้อย

ทุกสองสามวันหลินสวินจะพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของน้ำพุมืดมน ไปสู้กับกระบี่ไม้สามชุ่นอย่างดุเดือด กระทั่งเหนื่อยล้าหมดแรงก็กลับออกมาฟื้นฟูพลังกายและมรรควิถี

ยามนั่งสมาธิจะหยั่งรู้การเปลี่ยนแปลงของศักยภาพแฝงและพลังของตน นึกถึงการหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นยามต่อสู้กับกระบี่ไม้สามชุ่นอีกครั้ง นอกจากทำให้มรรควิถีของหลินสวินได้รับการขัดเกลาอีกขั้นแล้วยังเกิดการพัฒนาซึ่งเห็นได้ชัดอย่างยิ่ง!

ผ่านไปสามเดือน

ในคฤหาสน์บนยอดเขาสูงลูกหนึ่งของโลกมืดมน

“หากหลินสวินไม่ประสบเคราะห์ ด้วยจำนวนวิญญาณหมอกในมือเขาย่อมพอดึงดูดผลมรรคแรกกำเนิดได้นานแล้ว กระทั่งออกจากโลกมืดมนแห่งนี้ไป แต่จนถึงวันนี้ทุกอย่างล้วนไม่ปรากฏ”

โหย่วเจียงในชุดคลุมเพลิงก้าวเดินไปมา สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด

ช่วงนี้พวกเขาทูตชะตาสวรรค์ภาคีอาคเนย์พูดได้ว่าราวนั่งบนพรมเข็ม ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้พวกเขาต่างรู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรง หลินสวินไม่ไปหนึ่งวัน พวกเขาก็ไม่อาจวางใจได้หนึ่งวัน

“สามเดือนนี้เขาไม่เคยมาแก้แค้น ทั้งไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย หากมีคนไปสืบข่าวใกล้น้ำพุมืดมนนั้นได้คงดี…”

ชายชราชุดขาวถูซานเหลิ่งกล่าวเสียงต่ำ

คนอื่นในโถงใหญ่มองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วเงียบไป

ใครจะเบื่อชีวิตจนไปสืบข่าวใกล้น้ำพุมืดมนเวลานี้

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยปาก ในใจถูซานเหลิ่งพลันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่แล้วอย่างไร

เมื่อสังเกตเห็นภัยคุกคามถึงชีวิตก็ยังกลัวและใจเสาะเหมือนเดิม!

ครู่ใหญ่ถูซานเหลิ่งกล่าวเสียงแหบพร่า “ทุกท่าน ขอบอกข่าวร้ายกับพวกเจ้า ก่อนหน้านี้ข้าติดต่อกับนายท่านแล้ว นายท่านออกคำสั่งว่าไม่อนุญาตให้พวกเราออกจากโลกมืดมนนี้”

สีหน้าของทุกคนในโถงใหญ่เปลี่ยนไปทันที

ถ้าสู้หลินสวินไม่ได้ พวกเขายังมีโอกาสหนีไปจากโลกมืดมนนี้ ในใจจึงไม่ถึงขั้นตื่นตระหนกเกินไป

แต่หากอยู่ในโลกมืดมนนี้ไปตลอด เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วต้องถูกโจมตีโดยหลินสวินนั่นแน่!

พูดได้ว่าคำสั่งนี้ของจอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีอาคเนย์ขู่เหอเท่ากับตัดทางหนีของพวกเขา!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท