ตอนที่ 3196 หากก่อกรรมชั่ว ย่อมต้องกำจัด
โถงสำนัก
ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเกิง เจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อ รวมถึงผู้อาวุโสมากมายมารวมตัวกัน สีหน้าแต่ละคนต่างอึมครึมหาใดเปรียบ
ห่างไปไม่ไกลชิงเหิงนั่งขัดสมาธิ สีหน้าซีดเผือด กลิ่นอายอ่อนแอ
“ทุกท่าน แผลเล็กน้อยเท่านั้น ทำไมต้องว้าวุ่นใจเช่นนี้เล่า” ชิงเหิงยิ้มพลางส่ายหัว แต่เพิ่งพูดจบก็ไออย่างรุนแรง มุมปากมีรอยเลือดเส้นหนึ่งหลั่งออกมา
“นี่ยังเรียกว่าแผลเล็กน้อยหรือ ทำลายถึงรากฐานของตนแล้ว!”
ชิงเกิงกัดฟันกล่าว “เถียนรั่วจิ้งนั่นไม่ลงมือหนักเกินไปหรือ ความแค้นนี้ปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ชิงเหิงโบกมือกล่าว “อย่าพูดด้วยความโมโหเช่นนี้ ตอนนั้นในงานชุมนุมร้อยสำนัก ข้ากับนางสู้กันอย่างยุติธรรม ข้าเป็นฝ่ายแพ้ โทษใครไม่ได้”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวอย่างกลัดกลุ้ม “ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันเถียนรั่วจิ้งถูกระดับอมตะของหอเซียนหมายตาแล้ว สิบปีต่อจากนี้จะเลือกนางเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของหอเซียน ด้วยฐานะของนางตอนนี้ ต่อให้เป็นสำนักเซียนจงอางแดงก็ต้องให้เกียรติถึงสามส่วน พวกเรา… ไม่อาจเป็นศัตรูกับนางได้อีก…”
กล่าวถึงตอนท้ายเสียงเจือความขมขื่นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินดังนี้สีหน้าทุกคนปรวนแปรไม่หยุด ล้วนพากันเงียบไปพักหนึ่ง
งานชุมนุมร้อยสำนักครั้งนี้ หอเซียนหนึ่งในสี่สำนักใหญ่มีระดับอมตะคนหนึ่งเข้าร่วมด้วย
สุดท้ายมีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบคนถูกระดับอมตะผู้นั้นหมายตา รับปากว่าสิบปีต่อจากนี้ย่อมเลือกมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบคนนั้นเป็นผู้อาวุโสหอเซียน เข้าไปฝึกปราณในแดนลับของหอเซียน
ในบรรดาสิบคนนี้ยังมีเถียนรั่วจิ้งผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักวิญญาณสวรรค์ด้วย!
ใครต่างก็รู้ว่านับจากนี้ไปฐานะของเถียนรั่วจิ้งย่อมต่างไปโดยสิ้นเชิง เรียกว่าก้าวเดียวทะยานฟ้า!
ถึงอย่างไรหอเซียนก็เป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่แห่งโลกแปรมรรค ทำให้ขุมอำนาจชั้นยอดสิบสองแห่งทั่วหล้าล้วนได้แต่ก้มหัว ย่อมเป็นขุมอำนาจโดดเด่นเหมือนนายเหนือหัวของโลกนี้
อีกสิบปีเถียนรั่วจิ้งจะกลายเป็นผู้อาวุโสของหอเซียน ความสูงส่งของฐานะสามารถทำให้ขุมอำนาจชั้นยอดอย่างสำนักเซียนจงอางแดงก้มหน้าหลุบตา!
ในสถานการณ์เช่นนี้หากสำนักสวรรค์ยุทธ์มองเถียนรั่วจิ้งเป็นศัตรู เกรงว่าไม่ต้องรอหอเซียนลงมือ สำนักเซียนจงอางแดงคงออกโรงกวาดล้างสำนักสวรรค์ยุทธ์ทันที!
ทุกคนในโถงใหญ่ล้วนรู้ถึงจุดนี้ดี แต่ในใจยังอึมครึมอึดอัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รู้สึกเดือดดาลแต่ไม่มีที่ระบายอยู่บ้าง
เวลานี้เงาร่างหนึ่งก้าวเข้ามาในโถงใหญ่
เป็นหลินสวินนั่นเอง
เมื่อทุกคนเห็นเขาปรากฏตัว สีหน้าแต่ละคนไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม ท่าทางโมโหเดือดดาล
“ชิงเฟิง เจ้าทำให้ศิษย์พี่ชิงเหิงลำบากนัก!”
ชิงเกิงกล่าวขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้ ระบายเพลิงโทสะทั่วท้องใส่หลินสวิน
หลินสวินเพิ่งเจอชิงเกิงเป็นครั้งแรก แต่กลับรู้ว่าชิงเฟิงยำเกรงศิษย์พี่รองอย่างเขามาก
สาเหตุอยู่ที่ชิงเกิงมีอุปนิสัยแข็งกร้าวเผด็จการ หยามหน้าคนอัปยศของสำนักอย่างเขาเรื่อยมา เคยตำหนิและด่าทอชิงเฟิงหลายครั้ง
“ข้าทำร้ายศิษย์พี่ชิงเหิงหรือ”
หลินสวินขมวดคิ้ว กวาดสายตามองโดยรอบ เมื่อเห็นทุกคนสีหน้าอึมครึมไม่น่าดู ในใจเขาหนักอึ้งอย่างอดไม่ได้ รับรู้ว่าครั้งนี้อาการบาดเจ็บของชิงเหิงคงร้ายแรงนัก
“ถ้าไม่ใช่ว่าหลายปีมานี้เจ้าพัวพันอยู่กับเถียนรั่วจิ้งตลอด ศิษย์พี่ชิงเหิงมีหรือจะไปสู้กับเถียนรั่วจิ้งในงานชุมนุมร้อยสำนัก”
ชิงเกิงกล่าวอย่างโมโห
สีหน้าของเจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อและผู้อาวุโสคนอื่นล้วนไม่น่าดูนัก
“ชิงเกิง เรื่องนี้กล่าวโทษศิษย์น้องได้อย่างไร เขาไม่รู้เรื่องสักนิด”
ชิงเหิงที่นั่งขัดสมาธิกับพื้นถอนใจยาว “พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าอยากคุยกับศิษย์น้องชิงเฟิงลำพัง”
“จนป่านนี้แล้วท่านยังจะปกป้องเขาอีกหรือ ต้องรู้ว่าเถียนรั่วจิ้งได้รับการยอมรับจากหอเซียนแล้ว ถ้าไม่ให้ชิงเฟิงได้รับบทเรียนบ้าง ภายหน้าหากเขาไปหอเซียนยุ่งกับเถียนรั่วจิ้ง นั่นจะเป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ถึงตอนนั้นศิษย์พี่ยังปกป้องเขาได้อีกหรือ”
ชิงเกิงหน้าคล้ำเขียว
“ถอยไป”
ชิงเหิงเหลือบตามองชิงเกิง
สีหน้าของชิงเกิงพลันปรวนแปรไม่หยุดทันที สุดท้ายค่อยสะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างเดือดดาล ก่อนไปยังถลึงตาใส่หลินสวินวูบหนึ่ง ในแววตาเปี่ยมความรังเกียจและเย็นชา
เจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อและผู้อาวุโสคนอื่นเห็นดังนี้ก็พากันจากไป
ไม่นานในโถงสำนักก็เหลือแค่ชิงเหิงกับหลินสวินสองคน
“ศิษย์พี่ เถียนรั่วจิ้งทำให้ท่านบาดเจ็บหรือ”
หลินสวินก้าวเข้ามา พริบตาก็มองออกว่าสภาพชิงเหิงย่ำแย่นัก พลังขับเคลื่อนทั่วร่างมีสัญญาณปั่นป่วนอยู่รางๆ หากเขาเดาไม่ผิด ชิงเหิงไม่ใช่แค่บาดเจ็บสาหัส เกรงว่าคงทำลายถึงรากฐานมหามรรค!
นี่ทำให้ในใจเขาไม่สบอารมณ์นัก
ความทรงจำของชิงเฟิงทำให้เขารู้ว่าทั้งสำนักสวรรค์ยุทธ์นี้ ชิงเหิงคือคนเดียวที่ดีต่อเขาจากใจจริง
ต่อให้หลายปีมานี้ชิงเฟิงก่อเรื่องน่าขันมากมาย แต่ชิงเหิงกลับใช้อำนาจของตนคอยปกป้องศิษย์น้องอย่างชิงเฟิงมาตลอด
ปัจจุบันเมื่อเห็นชิงเหิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ทั้งเป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับเถียนรั่วจิ้งด้วย ในใจหลินสวินอดบันดาลโทสะไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายชิงเฟิงยังไม่พอ ถึงกับคิดทำลายชิงเหิงด้วยหรือ
“มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางจริงๆ”
ชิงเหิงส่งสัญญาณให้หลินสวินนั่งลง จากนั้นค่อยยิ้มขื่นกล่าว “เดิมข้าคิดฉวยโอกาสของงานชุมนุมร้อยสำนักสั่งสอนเถียนรั่วจิ้งสักยก คิดไม่ถึงว่ากลับถูกนางสั่งสอนแทน”
หลินสวินรู้สึกซับซ้อน จริงดังคาด ชิงเหิงต้องการระบายความโกรธแทนศิษย์น้องอย่างชิงเฟิง กระทั่งบาดเจ็บด้วยเหตุนี้
ยามผู้คนบนโลกล้วนมองชิงเฟิงเป็นตัวตลก ผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์อย่างชิงเหิงกลับคิดช่วยศิษย์น้องอย่างเขาระบายความโกรธ นี่ทำให้หลินสวินพลันทอดถอนใจ
ช่างเป็นศิษย์พี่ที่ดีนัก!
“เฮ้อ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่ได้พูดคุยกันมานาน วันนี้มาคุยกันจะเป็นไร”
ชิงเหิงพูดพลางหยิบสุรากาหนึ่งมาดื่มด่ำครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ศิษย์น้อง ข้ายังจำภาพพวกเราตอนหนุ่มยามเข้าสู่สำนักสวรรค์ยุทธ์ได้ ตอนนั้นพวกเราเก้าคนถูกเลือกเป็นศิษย์ แต่เพราะข้าเกิดมายากจน มักจะถูกต่อต้านและโดดเดี่ยว มีแค่เจ้าเห็นข้าเป็นเพื่อน ไม่เคยสนใจชาติกำเนิดของข้าว่าต่ำต้อยแค่ไหน…”
แววตาเขาเจือความรู้สึกหวนถึงความหลัง สีหน้าเหม่อลอย “เจ้าไม่รู้ว่าตอนนั้นภายนอกข้าดูเหมือนหยิ่งทะนงอวดดี ความจริงแล้วน้อยเนื้อต่ำใจยิ่ง คิดว่าสู้คนอื่นไม่ได้ทุกด้าน สมเพชตัวเองบ่อยครั้ง”
“จำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง ข้าถูกศิษย์พี่ฉางรังแก เขาใช้เท้าเหยียบใบหน้าของข้า หัวเราะเยาะว่าคนที่เกิดมายากจนอย่างข้า ต่อให้มีโอกาสฝึกปราณแสวงมรรคก็ยากจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ ย่อมถูกเขาเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าชั่วชีวิต…”
ชิงเหิงพูดถึงตรงนี้แล้วเงยหน้ามองหลินสวิน “รู้ไหมว่าตอนนั้นข้าคับแค้นอับอายจนอยากตาย จิตใจดับสิ้นดั่งเถ้าธุลี ถึงขั้นมีความคิดฆ่าตัวตาย จากนั้นเจ้าปรากฏตัว สู้กับศิษย์พี่ฉางสุดชีวิตเหมือนคนโง่ ถูกเล่นงานจนกระอักเลือดแล้วยังไม่ถอยหลังสักก้าว คอยขวางอยู่ตรงหน้าข้าตลอด เลือดออกจากปากจนไหลลงบนหน้าของข้า… กลิ่นคาวเลือดนั้นข้ายังจำได้ถึงตอนนี้…”
ชิงเหิงหายใจเข้าลึกๆ ดื่มสุราอีกอึกแล้วกล่าว “วันนั้นข้าสาบานว่าภายหน้าจะใช้ชีวิตนี้ปกป้องเจ้า ต่อให้จ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตก็ตาม”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วหัวเราะเจื่อนๆ “แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะถูกเถียนรั่วจิ้งผู้หญิงคนนั้นคอยถ่วง แม้ว่าข้าอยากช่วยเจ้าก็จนปัญญา…”
หลินสวินคอยฟังเงียบๆ ในหัวปรากฏความทรงจำครั้งเยาว์วัยของชิงเฟิง จิตใจพลันกระเพื่อมไหว ครู่ใหญ่จึงกล่าว “ศิษย์พี่ ท่านช่วยเหลือข้ามามากมายเกินไปแล้ว ข้าล้วนจดจำใส่ใจ สำหรับเถียนรั่วจิ้ง… ภายหน้าข้าจะไปจัดการด้วยตัวเอง”
ชิงเหิงเอ่ยฉับพลัน “ศิษย์น้อง เจ้าบอกข้ามาตามตรง ปีนั้นรากฐานมหามรรคที่บาดเจ็บสาหัสเจ้า เกิดขึ้นเพราะเถียนรั่วจิ้งคนนี้หรือไม่”
หลินสวินอึ้งงันพลางกล่าว “ศิษย์พี่ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”
ชิงเหิงสีหน้าซับซ้อน “เป็นจริงดังคาด ข้าว่าแล้ว ปีนั้นเจ้ามีมรรควิถีระดับกระบวนแปรจุติ นางเถียนรั่วจิ้งมีพลังปราณแค่ระดับหยั่งสัจจะ เมื่อไปท่องแดนลับด้วยกันกลับเป็นเจ้าถูกทำลายรากฐานมหามรรค เรื่องนี้จะไม่มีจุดประหลาดได้อย่างไร”
เขาพูดพลางดื่มสุราอีกอึก ยิ้มเยาะตนเองแล้วกล่าว “คราวนี้เยี่ยมเลย พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องล้วนถูกทำลายรากฐานมหามรรค ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเถียนรั่วจิ้งนี่ นับว่ามีทุกข์ร่วมต้าน ฮ่าๆๆ…”
“ศิษย์พี่ อย่าท้อถอยเช่นนี้ ในความเห็นข้าภายหน้าท่านต้องฟื้นฟูแผลมรรค ยกระดับบนมรรคาขึ้นไปอีกขั้นได้แน่” หลินสวินปลอบเสียงเบา
ชิงเหิงอดยิ้มไม่ได้ “แผลมรรคของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ มีหรือจะฟื้นฟูง่ายดายเช่นนั้น เจ้าน่ะ อย่าห่วงเรื่องของข้าเลย”
หลินสวินคิดไปคิดมาค่อยกล่าว “ศิษย์พี่ งานชุมนุมร้อยสำนักครั้งนี้จัดขึ้นเพื่ออะไรกันแน่”
ในความทรงจำของชิงเฟิงไม่เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับงานชุมนุมร้อยสำนักนี้
ชิงเหิงกล่าวง่ายๆ “หนึ่งคือหอเซียนต้องการคัดเลือกคนร้ายกาจที่มีหวังแจ้งมรรคอมตะบางส่วน สองเกี่ยวข้องกับการตามจับผู้แปรมรรค”
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดอย่างยากสังเกตเห็น
“ผู้แปรมรรค…”
ชิงเหิงถอนใจเบาๆ “ในประวัติศาสตร์นับแต่โบราณจนปัจจุบัน เคยมีผู้แปรมรรคมากมายปรากฏตัวในโลกแปรมรรคของพวกเรา ตอนแรกพวกเขาทุกคนอ่อนแอหาใดเปรียบ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปมรรควิถีของพวกเขากลับเปลี่ยนแปลงรุดหน้า ส่วนใหญ่ล้วนแจ้งมรรคอมตะขั้นหลุดพ้นได้… แต่ละคนประหนึ่งตำนานไร้เทียมทาน…”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “ครั้งนี้จู๋เฉิงอันดับหนึ่งระดับอมตะและทูตชะตาสวรรค์อีกหกคนแห่งหอเซียนพากันออกคำสั่ง ต้องการกำจัดผู้แปรมรรคคนหนึ่งที่ชื่อหลินสวิน งานชุมนุมร้อยสำนักครั้งนี้ระดับอมตะของหอเซียนนั่นยิ่งออกคำสั่งแข็งกร้าว กล่าวว่าสำนักไหนรู้เรื่องแต่ไม่รายงาน วันหน้าหลังจากถูกพบจะถูกโจมตีด้วยการล้างสำนัก”
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้หลินสวินยิ้มหยันในใจ ยิ่งข่มขู่เช่นนี้ยิ่งพิสูจน์ว่าปัจจุบันทูตชะตาสวรรค์พวกนั้นยังไม่เจอเบาะแสใดเกี่ยวกับตน!
หลังคุยต่ออีกครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าหว่างคิ้วชิงเหิงเผยความอ่อนเพลีย หลินสวินจึงขอตัวจากมาทันที
เมื่อกลับสู่ที่พักของตน หลินสวินนอนบนเก้าอี้โยกตามลำพัง นึกถึงเหตุการณ์ยามพูดคุยกับชิงเหิง นัยน์ตาปรากฏแววเยียบเย็นช้าๆ
เถียนรั่วจิ้ง?
หอเซียน?
ทูตชะตาสวรรค์?
ในสายตาข้าคนแซ่หลินนับเป็นตัวอะไร
เมื่อผูกวาสนา ต้องทดแทน
หากก่อกรรมชั่ว ย่อมต้องกำจัด!
…
ข่าวการบาดเจ็บของผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเหิง ทำให้สำนักสวรรค์ยุทธ์สั่นสะเทือน ความรู้สึกเดือดดาลหมักบ่มในใจของทุกคน
วันนั้นเจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามบุ่มบ่ามไปท้าทายสำนักวิญญาณสวรรค์ ถ้ารู้จะถูกไล่ออกจากสำนัก
นี่ทำให้ผู้สืบทอดทุกคนในสำนักสวรรค์ยุทธ์อัดอั้นใจ ใครไม่รู้บ้างว่าทางสำนักคิดยุติความขัดแย้ง ทนยอมเป็นฝ่ายถอย
……………….