ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เฒ่าโดดเดี่ยวพาหลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศเต็มกำลัง
เขาบาดเจ็บสาหัส ทั้งสูญเสียพลังไปมาก แต่ตอนนี้ไม่อาจห่วงเรื่องพวกนี้แล้ว
โชคดีที่มีหลินสวินอยู่ พาเขาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศด้วยกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเรี่ยวแรงเคลื่อนไหว
ระหว่างทางหลินสวินได้รู้ว่าหลายปีมานี้เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูอยู่ในโลกโลกาสวรรค์มาตลอด ไม่ได้จากไป และไอโลกาสวรรค์ที่พวกเขาหลอมออกมาก็ไม่สามารถทำให้ฟ้าดินของโลกนี้เกิดการตอบสนองได้
และทูตชะตาสวรรค์ทั้งเก้าของเก้าภาคีไท่ชูก็เป็นเช่นเดียวกัน
ว่ากันถึงที่สุด ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คนที่ข้ามผ่านโลกเก้าชั้นของแดนเทพสรรพวิญญาณได้อย่างแท้จริง ถึงอย่างไรก็เป็นแค่คนกลุ่มน้อยที่นับนิ้วได้
ส่วนเฒ่าโดดเดี่ยวก็ได้รู้ถึงเรื่องราวที่หลินสวินประสบระหว่างทางหลังจากเข้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์
โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าหลินสวินก้าวสู่ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ตั้งแต่ยามอยู่ในโลกแปรมรรค เฒ่าโดดเดี่ยวจึงเข้าใจรางๆ ว่าเหตุใดหลินสวินเพิ่งมาถึงโลกโลกาสวรรค์ครึ่งเดือน มรรคโลกาสวรรค์ที่ครอบครองก็แข็งแกร่งขนาดนั้นแล้ว
ว่ากันถึงที่สุดก็เพราะพลังปราณของหลินสวินเหนือกว่าจอมมรรคไร้ขอบเขตนานแล้ว กลายเป็นราชันไร้ขอบเขตที่แท้จริง!
ราชันไร้ขอบเขตคือสิ่งใด
คือผู้ที่มีระดับพลังขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ เหยียบย่างบนปลายทางของมรรคานิรันดร์!
และในแหล่งสถานอัศจรรย์ คนที่ก้าวสู่ขอบเขตนี้เท่าที่รู้ก็มีเพียงจักจั่นทอง เจ้าแห่งคีรีดวงกมล เฉินหลินคง อีกาดำ บรรพจารย์วานรห้าคนเท่านั้น
ส่วนจอมมรรคไร้ขอบเขต คือพวกที่เข้าใกล้ขั้นสัมบูรณ์ที่สุด
อย่างจอมมรรคชะตาสวรรค์เก้าคนของเก้าภาคี บรรพจารย์ของสี่หอบรรพจารย์ ก็คือคนในขอบเขตนี้ มีน้อยมากเช่นกัน
แต่เมื่อเทียบกับราชันไร้ขอบเขตก็ยังด้อยกว่าช่วงหนึ่ง
และตอนนี้หลินสวินเป็นราชันไร้ขอบเขตแล้ว เท่ากับเหนือกว่าบรรพจารย์ของสี่หอบรรพจารย์และจอมมรรคชะตาสวรรค์เก้าภาคีไท่ชูแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!
ยามตระหนักถึงเรื่องพวกนี้ เฒ่าโดดเดี่ยวอดตะลึงไม่ได้
เท่าที่เขารู้ หลินสวินฝึกปราณถึงตอนนี้เพียงพันปีเศษเท่านั้น…
และเป็นยามนี้เช่นกัน เฒ่าโดดเดี่ยวถึงได้รู้สึกว่าภาพเหตุการณ์ยามหลินสวินกำราบพวกฉงซวีสี่คนก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรหลินสวินในตอนนี้ก็เป็นราชันไร้ขอบเขตแล้ว!
นี่ทำให้เฒ่าโดดเดี่ยวฮึกเหิมขึ้นมา มีหลินสวินอยู่ ในโลกโลกาสวรรค์แห่งนี้ใครจะสู้ได้
‘หวังเพียงว่าจะไม่เกิดเรื่องกับราชครู…’
เฒ่าโดดเดี่ยวพึมพำในใจ
สองชั่วยามหลังจากนั้น
เงาร่างของเฒ่าโดดเดี่ยวปรากฏในภูผาธาราทรุดทลายแถบหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นย่ำแย่หาใดเปรียบ
เดิมทีที่นี่คือสถานที่หลบภัยของเขากับราชครู
หลายวันก่อนราชครูต่อสู้ดุเดือดกับพวกตี้ฉาง ตูเทียนหยวน สิงอวิ๋นโจวที่นี่
แต่ตอนนี้กลับไม่มีเงาร่างของราชครูแล้ว!
“ดูจากร่องรอยการต่อสู้ของที่นี่ พวกเขาคงมุ่งหน้าไปทางนี้”
หลินสวินสังเกตรอบบริเวณครู่หนึ่ง สายตามองไปไกลๆ
เฒ่าโดดเดี่ยวสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ฝืนกดลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ กำลังตัดสินใจจะไปค้นหากับหลินสวินต่อ
จู่ๆ ในห้วงอากาศห่างออกไปปรากฏคลื่นเป็นระลอก
จากนั้นเงาร่างของพวกตี้ฉาง ตูเทียนหยวน สิงอวิ๋นโจวปรากฏกลางอากาศ และข้างกายพวกเขายังเพิ่มมาอีกสองคน
คนหนึ่งสวมชุดดำผมดำ สะพายดาบไว้กลางหลัง อีกคนเป็นหญิงงามในชุดผ้าป่าน ผมสีเทายาวดิ่งถึงกลางหลัง
คนแรกนามว่าตานถู คนหลังนามว่าหลิวเหยา ล้วนเป็นทูตชะตาสวรรค์
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเฒ่าโดดเดี่ยวดันพาตัวหลินสวินมาแล้ว”
ยามเห็นหลินสวินที่อยู่ข้างกายเฒ่าโดดเดี่ยว พวกตี้ฉางล้วนประหลาดใจทันที จากนั้นตาเป็นประกาย เหมือนจ้องเหยื่อที่รอมานานอย่างไรอย่างนั้น
“เหตุใดไม่เห็นพวกฉงซวีแล้ว”
และมีคนขมวดคิ้ว สังเกตเห็นความผิดปกติ ทันทีที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา เหล่าทูตชะตาสวรรค์ในที่นั้นพลันขมวดคิ้ว
“ราชครูล่ะ พวกเจ้าทำอะไรเขา”
เฒ่าโดดเดี่ยวถามด้วยสีหน้าคล้ำเขียว
“เขายังไม่ตาย แค่ถูกพวกเรากุมตัวไว้เท่านั้น”
ตี้ฉางในชุดยาวสีเขียวพูดเรียบๆ
“ส่งตัวราชครูมา ข้าจะคืนฉงซวีให้พวกเจ้า”
จู่ๆ หลินสวินก็ส่งเสียง ยื่นมือคว้าร่างหนึ่งออกมา เป็นฉงซวีซึ่งถูกกำราบนั่นเอง
เห็นเช่นนี้พวกตี้ฉางล้วนสีหน้าอึมครึมลง
เดิมทีพวกเขาจับตัวราชครูเพื่อข่มขู่หลินสวิน แต่ตอนนี้หลินสวินเองก็จับตัวฉงซวีไว้ นี่เท่ากับว่าสถานการณ์ของพวกเขาเหมือนกัน
“นอกจากฉงซวี แล้วคนอื่นๆ เล่า”
ตี้ฉางสูดหายใจลึกก่อนเอ่ยถาม
“เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ถามแค่ว่าเจ้าจะปล่อยคนหรือไม่”
หลินสวินพูดอย่างเรียบๆ
พวกตี้ฉางสบตากัน เห็นได้ชัดว่ากำลังสื่อจิตคุยอะไรกันอยู่
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นสีหน้าของตี้ฉางเผยแววเวทนา ถอนหายใจยาวก่อนเอ่ยว่า “พี่ฉงซวี ขอโทษด้วย เพื่อจับตัวหลินสวิน พวกเราจำต้องทำเช่นนี้”
นี่เท่ากับตัดสินใจสละฉงซวีแล้ว!
โชคดีที่ตอนนี้ฉงซวีหมดสติอยู่ หากเขาเห็นภาพนี้ก็ไม่รู้ว่าในใจจะคิดอย่างไร
“หลินสวิน ชีวิตของราชครูอยู่ในมือของพวกเรา หลังจากนี้ก็อยากดูนักว่าเจ้าจะเลือกอย่างไร หากอยากให้เขามีชีวิตอยู่เจ้าก็ยอมแพ้โดยดี หากไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ พวกเราจะฆ่าเขาเดี๋ยวนี้”
ตี้ฉางพูดอย่างเย็นเยียบ
เขาไม่มองฉงซวีอีกแม้แต่แวบเดียว
“ราชครูเป็นตายร้ายดีอย่างไร เจ้าควรให้ข้าเห็นเขาสักหน่อยหรือเปล่า”
หลินสวินพูด
“ได้” ตี้ฉางพูดจบก็ยกมือคว้าตัวราชครูออกมา ร่างเขาเปื้อนเลือด หายใจรวยริน ไม่รู้สึกตัว
เห็นเช่นนี้เฒ่าโดดเดี่ยวตาแทบถลน ดวงตาแดงก่ำ
เขากับราชครูมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นดียิ่ง เห็นสภาพน่าอนาถของราชครูในใจพลันเจ็บปวดราวถูกมีดกรีด
“ตอนนี้ถึงตาเจ้าเลือกแล้ว”
ตี้ฉางสายตาเย็นชา
“ข้าใช้พวกเขาสี่คนแลกตัวราชครูคนเดียว หากเจ้าไม่รับปากก็ฆ่าราชครูได้เลย แต่ข้ารับรองได้ว่าพวกเจ้าล้วนจะอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่สามารถ”
หลินสวินโบกแขนเสื้อ ร่างของเฟ่ยหยา เซียวอวิ้นจื่อ ปาเจวี๋ยที่ถูกกำราบปรากฏออกมา
เห็นเช่นนี้พวกตี้ฉางล้วนหน้าเปลี่ยนสี
เดิมคิดว่าคนที่ถูกหลินสวินจับมีเพียงฉงซวีคนเดียว ดังนั้นหลังจากพวกเขาหารือกันแล้วจึงตัดสินใจสละฉงซวี เพื่อแลกกับโอกาสในการข่มขู่หลินสวิน
แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินกลับกำราบพวกพ้องสี่คนของพวกเขาทั้งหมด!
นี่ทำให้พวกเขาถึงขั้นยากจะเชื่อ
เจ้าหนุ่มที่เพิ่งมาถึงโลกโลกาสวรรค์คนหนึ่งทำได้ถึงขั้นนี้ได้อย่างไร
หลินสวินพูดขึ้นอีกครั้ง “ความอดทนของข้ามีจำกัด อีกสามลมหายใจหลังจากนี้ข้าต้องการคำตอบ”
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันอย่างที่สุดในชั่วขณะนี้
สีหน้าพวกตี้ฉางห้าคนอึมครึมไม่สามารถสงบได้ แววตาทุกคนเหมือนอยากกินคนเสียเดี๋ยวนี้อย่างไรอย่างนั้น
จนกระทั่งกำลังจะครบสามลมหายใจ ตี้ฉางจึงกัดฟันพูด “พวกเราตกลงแลกตัวประกัน แต่มีเงื่อนไขหนึ่ง…”
หลินสวินตัดบททันที “หากไม่แลกตัวประกันก็ลงมือโดยตรง อย่าคิดเสนอเงื่อนไขใดๆ อีก!”
เขาแข็งกร้าวยิ่ง
เฒ่าโดดเดี่ยวกัดฟันแน่น เขารู้เช่นกันว่าสถานการณ์ตอนนี้การกระทำของหลินสวินต่างหากจึงจะฉลาดที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็จะถูกคนอื่นควบคุมไม่ได้!
ต่อให้ต้องสละราชครูก็ตาม!
สีหน้าของพวกตี้ฉางยิ่งย่ำแย่ ความแข็งกร้าวของหลินสวินเหนือความคาดหมายของพวกเขายิ่ง
“ได้ แลกตัวประกัน!”
เสียงของตี้ฉางเหมือนลอดไรฟันออกมา
“หลังจากพวกเราทั้งสองฝ่ายทิ้งตัวประกันไว้ที่นี่ ให้ถอยห่างออกไป ให้พวกเขากลับเอง”
หลินสวินพูดโดยไม่ต้องคิด
พูดจบก็ทิ้งพวกฉงซวีทั้งสี่ลงพื้นและสลายพลังกักขังบนร่างพวกเขา ทำให้พวกเขาได้สติขึ้นมา
เห็นเช่นนี้ตี้ฉางเองก็ทิ้งราชครูลงพื้นเช่นกัน
กระทั่งเห็นราชครูได้สติ หลินสวินถึงเอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเราถอยไปข้างหลัง ให้พวกเขากลับฝั่งของตนด้วยตัวเอง”
“ถอย!”
ตี้ฉางหน้าคล้ำเขียว โบกมือออกคำสั่ง ถอยหลังพร้อมกับทุกคน
ทันใดนั้นหลินสวินและเฒ่าโดดเดี่ยวก็ถอยหลังตาม
เวลานี้พวกฉงซวีและราชครูต่างเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แม้ในใจจะตื่นเต้น แต่ก็รู้ว่าในเวลาเช่นนี้จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นแม้แต่ชีวิตของพวกเขาก็จะรักษาไว้ไม่ได้!
ทันใดนั้นพวกราชครูกับฉงซวีต่างเคลื่อนไหว
ส่วนหลินสวินและพวกตี้ฉางยืนประจัญหน้ากันจากไกลๆ เตรียมพร้อมลงมือ
กระทั่งยามราชครูใกล้เข้ามา พวกฉงซวีก็มาถึงข้างกายพวกตี้ฉางแล้ว
ไม่มีเรื่องเหนือคาดเกิดขึ้น
แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินพาราชครูมาไว้ข้างกายตน พวกตี้ฉางก็ช่วยพวกฉงซวีมาอยู่ข้างกายตนเช่นกัน
ไม่มีตัวประกันอยู่ในมือของกันและกันแล้ว และบรรยากาศกดดันในตอนแรกก็ถูกทำลายในชั่วขณะนี้
“หลินสวิน พวกเจ้าล้วนสมควรตาย!”
ตี้ฉางตวาด กลิ่นอายพุ่งทะลวงฟ้าราวกับบ้าคลั่ง เพลิงโกรธลุกโชน
คนอื่นข้างกายเขาก็ไม่อาจระงับได้เช่นกัน แต่ละคนพลังขับเคลื่อนพุ่งทะลวง ไม่ปกปิดไอสังหารสักนิด
เพียงแต่ยามพวกเขาตัดสินใจจะลงมือ ฉงซวีกลับตะโกนเร่งร้อน “หนี! หนีเร็ว! หลินสวินนั่นไม่ใช่คนที่พวกเราจะสู้ได้!”
พวกตี้ฉางอึ้งงัน ตั้งตัวไม่ติด
ตีจนหัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ห้ามพวกเขาลงมือจะเป็นฉงซวี!
“ไปเร็ว!”
และหลังจากนั้น เฟ่ยหยา เซียวอวิ้นจื่อ ปาเจวี๋ยก็ตะโกนขึ้นมาเช่นกัน บนใบหน้าล้วนเป็นความเร่งร้อน
นี่ทำให้พวกตี้ฉางใจสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
หากแค่ฉงซวีคนเดียวพูดเช่นนี้ ยังไม่ทำให้พวกเขารู้สึกอะไร แต่พอพวกเขาทั้งสี่เอ่ยห้ามพร้อมกัน นี่ก็ต้องมีปัญหาแล้ว!
“หรือก่อนหน้านี้เป็นเจ้าหลินสวินนี่ที่กำราบพวกเจ้า”
ตี้ฉางสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สงสัยแล้ว แต่กลับไม่กล้าเชื่อ
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างตอนนี้เหมือนกำลังพิสูจน์ว่าข้อสงสัยของพวกเขาเป็นจริง!
พวกฉงซวีพยักหน้ารัว
ตอนนี้เองหลินสวินที่อยู่ไกลๆ พูดเย็นเยียบ “ในโลกโลกาสวรรค์นี้ แม้พวกเจ้าอยากหนี จะหนีไปไหนได้”
เสียงยังคงก้องสะท้อน แต่ตัวเขาก้าวผ่านห้วงอากาศมาแล้ว
ตูม!
หลินสวินในยามนี้ระเบิดออกมาอย่างสิ้นเชิง มรรคาทั้งร่างใช้พลังแห่งโลกาสวรรค์ แปลงเป็นฟ้าดินไร้รูป ปกคลุมภูผาธาราไร้สิ้นสุดในชั่วพริบตา
ในฟ้าดินโลกาสวรรค์ อารยธรรมมากมายสะท้อนออกมา มหามรรคนับไม่ถ้วนปรากฏ ยิ่งใหญ่ไม่อาจประเมิน เหมือนโลกยุคสมัยมากมายรวมตัวกันมาเยือนฟ้าดินผืนนี้
ภาพนั้นทำเอาพวกตี้ฉางหนังหัวชาวาบ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
พลังโลกาสวรรค์น่ากลัวยิ่ง!
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดพวกฉงซวีจึงห้ามพวกเขาลงมืออย่างร้อนรนเช่นนั้น
ในยามอันตรายยิ่งยวดนี้ พวกตี้ฉางถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ ต่างโคจรมรรควิถีของตนเต็มกำลัง บนร่างแต่ละคนปรากฏโลกโลกาสวรรค์อันน่ากลัวไร้ขอบเขต
ไม่ได้จะไปปะทะกับหลินสวิน แต่เป็นจะหนี!
…………………