ตอนที่ 3224 เฉินซีกับหลินสวิน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

“หยั่งรู้​กลิ่นอาย​ของ​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​หรือ​”

หลิน​สวิน​แปลกใจ​

“ไม่ผิด​ เขต​ผนึก​อัศจรรย์​นี่​ถูก​มอง​เป็น​เขต​ผนึก​ชีวิต​ ลือ​กัน​ว่า​มีมหา​มรรค​สาย​หนึ่ง​ที่สูง​ยิ่งกว่า​มรรคา​นิรันดร์​ ตอนนี้​ เจ้าก้าว​มาถึงขั้น​นี้​แล้ว​ ซ้ำยัง​มีนัย​เร้นลับ​นิพพาน​ นี่​สำหรับ​เจ้าแล้ว​กลับ​เป็นไปได้​สูงว่า​อาจ​เป็น​ศุภโชค​ครา​หนึ่ง​ก็ได้​”

โพธิ​กล่าว​ “ไม่ใช่ข้า​คิด​เช่นนี้​แค่​คนเดียว​ แม้แต่​เฉิน​ซี ไท่​ชูก็​ยัง​คิด​เช่นนี้​เหมือนกัน​ ทุกคน​ต่าง​อยาก​ดู​ว่า​เจ้าจะหยั่งรู้​ถึงความ​เร้นลับ​อะไร​จาก​ใน​นั้น​ได้​อีก​”

“เหอะ​ ไท่​ชูนี่​นับว่า​น่าสนใจ​ ก่อนหน้านี้​หลังจาก​การเคลื่อนไหว​ของ​บรรพ​จารย์​วานร​ที่​หน้า​แท่น​มรรค​มาก​เร้น​ล้มเหลว​ ก็​ไม่ได้​เคลื่อนไหว​ใดๆ​ อีก​ ที่แท้​ก็​เพราะ​มีแผนการ​อื่น​”

หลิน​สวิน​ยิ้ม​บาง​ๆ กล่าวว่า​ “กล่าว​เช่นนี้​ หาก​ยาม​ข้า​หยั่งถึง​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​ ชักนำ​ความเปลี่ยนแปลง​ที่​พอ​จะทำให้​ไท่​ชูใจเต้น​ได้​ การประชัน​หมาก​นี้​ก็​จะถึงคราว​ตัดสิน​แพ้ชนะ​แล้ว​อย่างนั้น​หรือ​”

“ย่อม​เป็น​เช่นนั้น​”

โพธิ​เอ่ย​เสียง​อ่อนโยน​ “แต่​ข้า​แนะนำ​ว่า​ก่อน​จะหยั่งรู้​กลิ่นอาย​ของ​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​ เจ้าไป​โลก​หง​ห​ลิง​ก่อน​สัก​เที่ยว​ก็ดี​”

หลิน​สวิน​พยักหน้า​น้อย​ๆ

เขา​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​อาจารย์​ เฉิน​ซีเป็น​เพียง​คนเดียว​ใน​แดน​เทพ​มาก​เร้น​แห่ง​นี้​ที่​คุกคาม​ไท่​ชูได้​ ใน​กาลเวลา​ไร้​สิ้นสุด​ที่ผ่านมา​นี้​ย่อม​ต้อง​เคย​สัมผัส​กลิ่นอาย​ใน​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​มาหลายครั้ง​แน่นอน​ และ​ต้อง​มีความเข้าใจ​ต่อ​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​อย่าง​มาก​เป็นแน่​

หาก​ได้รับ​คำแนะนำ​จาก​เขา​ย่อม​มีแต่​ประโยชน์​ไร้​โทษ​

“สหาย​น้อย​ ขอ​คำแนะนำ​ก็​ส่วน​ขอ​คำแนะนำ​ ตาม​ความเห็น​ข้า​ ยาม​หยั่งรู้​กลิ่นอาย​ของ​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​อย่าง​แท้จริง​ เจ้ากลับมา​โลก​จำศีล​นี้​ไว้​จะดีกว่า​”

จู่ๆ จักจั่น​ทอง​ก็​เอ่ย​ขึ้น​

โพธิ​ยัง​อด​รู้สึก​แปลกใจ​อยู่​บ้าง​ไม่ได้​ กล่าวว่า​ “สหาย​ยุทธ์​ไย​กล่าว​เช่นนี้​”

จักจั่น​ทอง​นิ่งเงียบ​ครู่หนึ่ง​ถึงค่อย​เอ่ย​ว่า​ “อาจ​เพราะ​ข้า​คิดมาก​ไป​เอง​ จาก​ที่​ข้า​ดู​ ไท่​ชูยึด​ติดกับ​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​ ไม่แน่​ว่า​ใน​ใจเฉิน​ซีก็​อาจ​ไม่ต่างกัน​”

เขา​เว้น​ช่วง​ไป​แล้ว​เอ่ย​ต่อ​ “ต่อให้​ตอนนี้​เขา​ไม่ได้คิด​ แต่​หาก​ยาม​สหาย​น้อย​หลิน​หยั่งถึง​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​ เรียก​ความเปลี่ยนแปลง​บางอย่าง​ที่​ทำให้​เฉิน​ซีหวั่นไหว​ได้​…”

ยัง​ไม่ทัน​กล่าว​จบ​ ทว่า​ความหมาย​ใน​คำพูด​นั้น​ชัดเจน​มาก​แล้ว​

โพธิ​ขมวดคิ้ว​ จ้อง​จักจั่น​ทอง​ครู่หนึ่ง​แล้ว​กล่าว​ “สหาย​ยุทธ์​กังวล​ใน​จุด​นี้​ก็​สมเหตุสมผล​อยู่​”

จักจั่น​ทอง​ยิ้มเฝื่อน​กล่าว​ “ข้า​แค่​ห่วง​ว่า​จะถูก​มอง​เป็น​พวก​ใช้น้ำใจ​คนพาล​ประเมิน​วิญญูชน​ ถูก​ผู้อื่น​ครหา​ บอก​ตามตรง​ ใน​ใจข้า​ยังคง​เลื่อมใส​และ​นับถือ​สหาย​ยุทธ์​เฉิน​ซีเป็นอย่างมาก​ คน​อย่าง​เขา​จดจ่อ​มรรค​วัฏจักร​ สัญจร​บน​มรรคา​ไร้​จำกัด​ ไม่ใช่ผู้​ที่​คน​อย่าง​ข้า​จะใส่ความ​และ​ตั้ง​ข้อสงสัย​ได้​ แต่​… ตัวแปร​ครั้งนี้​มีมากเกินไป​จริงๆ​ พวกเรา​ไม่อาจ​ไม่ระวัง​”

โพธิ​พยักหน้า​น้อย​ๆ ทอดสายตา​มอง​หลิน​สวิน​ “เจ้าคิด​ว่า​อย่างไร​”

หลิน​สวิน​กล่าว​ยิ้ม​ๆ “ถึงข้า​จะไม่เข้าใจ​ผู้อาวุโส​เฉิน​ซีผู้​นั้น​ แต่กลับ​รู้จัก​นิสัยใจคอ​ของ​ผู้อาวุโส​เฉิน​หลิน​คง​ ตาม​ความเห็น​ข้า​ พวกเขา​ไม่มีทาง​มีความคิด​เป็นอื่น​เด็ดขาด​”

“แน่นอน​ ที่​ผู้อาวุโส​จักจั่น​ทอง​พูด​ก็​ไม่ผิด​ สถานการณ์​ปัจจุบัน​เกี่ยวข้อง​กับ​ความเป็นความตาย​ ระวัง​ไว้​หน่อย​ก็​เป็นเรื่อง​สมควร​ รอ​หลังจาก​ข้า​ขอ​คำแนะนำ​จาก​ผู้อาวุโส​เฉิน​ซีแล้​วจะ​กลับมา​โลก​จำศีล​แน่นอน​”

จักจั่น​ทอง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ “หวัง​ว่า​ข้า​จะแค่​คิดมาก​ไป​เอง​”

หลิน​สวิน​ไม่ได้​โอ้เอ้​อีก​ หมุนตัว​เดิน​ออกจาก​โลก​จำศีล​ทันที​

จนกระทั่ง​เงาร่าง​ของ​หลิน​สวิน​หาย​ไป​ โพธิ​ถึงมอง​ไป​ทาง​จักจั่น​ทอง​ กล่าวว่า​ “สหาย​ยุทธ์​ ก่อนหน้านี้​เจ้าไม่เคย​ระแวง​ผู้อื่น​โดย​ไร้เหตุผล​ หรือ​สังเกตเห็น​อะไร​บางอย่าง​”

จักจั่น​ทอง​อึ้ง​ไป​ อด​ยิ้มเฝื่อน​ระลอก​หนึ่ง​ไม่ได้​ กล่าวว่า​ “ดัง​คำกล่าว​ที่ว่า​กังวล​จนใจ​ว้าวุ่น​ ก่อนหน้านี้​อาจ​เพราะ​ข้า​เป็นห่วง​สหาย​น้อย​หลิน​มากเกินไป​ ถึงได้​พูดจา​เลอะเทอะ​เช่นนี้​ออกมา​ สหาย​ยุทธ์​อย่า​เห็น​ขัน​เลย​”

โพธิ​พยักหน้า​ “ก็​จริง​ กังวล​จนใจ​ว้าวุ่น​ ทุก​การเคลื่อนไหว​ของ​ศิษย์​คน​นี้​ของ​ข้า​ล้วน​เกี่ยวข้อง​กับ​การเปลี่ยนแปลง​ของ​สถานการณ์​ทั้งหมด​ ไม่ปิดบัง​สหาย​ยุทธ์​ นี่​ก็​ทำให้​ใน​ใจข้า​ไม่สบายใจ​อยู่​รางๆ​ เหมือนกัน​”

กล่าว​พลาง​ถอนหายใจ​ยาว​ “ข้า​ใช้จิต​เข้าสู่​มรรค​ ไม่เคย​คิด​ว่า​ใน​เวลา​เช่นนี้​สภาวะ​จิต​กลับ​ไม่อาจ​สงบนิ่ง​อย่าง​แท้จริง​”

จักจั่น​ทอง​เอ่ย​เสียง​อ่อนโยน​ “เวลา​เช่นนี้​ไม่เพียง​เจ้าและ​ข้า​ พวก​ไท่​ชู เฉิน​ซีก็​ต้อง​หวั่นใจ​เช่นกัน​ ไม่มีทาง​นิ่ง​มอง​เฉย​ๆ แน่​”

เงียบ​เนิ่นนาน​เจ้าแห่ง​คีรี​ดวงกมล​กล่าว​ “ก่อนหน้านี้​ข้า​เคย​คาดเดา​ว่า​เหตุ​ที่​ใจข้า​ไม่สงบ​ อาจ​เป็น​เพราะ​สังหรณ์​ใจถึงลาง​ไม่ดี​อย่างหนึ่ง​ เพียงแต่​สัญญาณเสี้ยว​นี้​ซุกซ่อน​อยู่​ใน​ส่วนลึก​สุด​แสน​ ยาก​จะหยั่งถึง​ ข้า​คิดทบทวน​ไปมา​ ต้อง​เป็น​เพราะ​ใน​มือ​ไท่​ชูนั่น​ยังมี​ไพ่ตาย​ที่​ไม่อาจ​รู้​อย่างหนึ่ง​เป็นแน่​ ซ้ำยัง​… พุ่ง​เป้า​มาทาง​ข้า​ด้วย​”

จักจั่น​ทอง​นัยน์ตา​หด​รัด​

จากนั้น​เจ้าแห่ง​คีรี​ดวงกมล​ก็​ส่ายหน้า​เบา​ๆ กล่าวว่า​ “ช่างเถอะ​ ไม่พูดถึง​เรื่อง​พวก​นี้​แล้ว​ หาก​ใช้ชีวิต​ของ​ข้า​แลก​มาซึ่งชัยชนะ​ใน​การประชัน​หมาก​นี้​ได้​ย่อม​คุ้มค่า​แล้ว​”

จักจั่น​ทอง​เอ่ย​เสียง​เบา​ “สหาย​ยุทธ์​ หลิน​สวิน​เป็น​ตัวแปร​ ขอ​เพียง​มีเขา​อยู่​ ลาง​ไม่ดี​ที่​เจ้าสัมผัส​ถึงก็​ใช่ว่า​จะกำจัด​ไม่ได้​ซะทีเดียว​”

โพธิ​พยักหน้า​ ไม่เอ่ยถึง​หัวข้อ​นี้​อีก​

เมื่อ​ออกจาก​โลก​จำศีล​ หลิน​สวิน​ก็​สัมผัส​ได้​ทันที​ว่า​มีกลิ่นอาย​คลุมเครือ​เร้นลับ​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​ออก​มาจาก​โลก​หม่น​มัว​ที่อยู่​ไกลลิบ​แห่ง​นั้น​ กำลัง​ ‘มอง​’ มาทาง​ตน​จาก​ที่​ไกลโพ้น​

นี่​ย่อม​เป็น​กลิ่นอาย​ของ​ไท่​ชูอย่าง​ไม่ต้องสงสัย​!

หลิน​สวิน​หรี่ตา​ลง​ กล่าว​ยิ้ม​ๆ “ทำไม​ จะลงมือ​ตอนนี้​เลย​หรือ​”

“ไม่ ข้า​แค่​อยาก​อาศัย​โอกาส​นี้​บอก​เรื่อง​เกี่ยวกับ​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​บางส่วน​ให้​สหาย​ยุทธ์​ฟังก็​เท่านั้น​” กลาง​ฟ้าดิน​เสียง​ของ​ไท่​ชูดัง​ขึ้น​

หลิน​สวิน​เลิกคิ้ว​ขึ้น​ “นี่​เจ้าทนไม่ไหว​อยาก​ให้​ข้า​สัมผัส​ถึงความ​เร้นลับ​จาก​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​”

“ผู้​รู้ใจ​ข้า​ก็​คือ​สหาย​น้อย​หลิน​”

ไท่​ชูหัวเราะ​ “ยิ่ง​เจ้าชักนำ​ความเปลี่ยนแปลง​มามาก​เท่าไร​ สำหรับ​ข้า​แล้ว​มีหรือ​จะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง​เช่นกัน​ ตอนนี้​ยัง​ไม่ได้​ตัดสิน​แพ้ชนะ​ เจ้าไม่ต้อง​ห่วง​ว่า​ข้า​จะมีความคิด​เป็นอื่น​ใน​เรื่อง​นี้​”

ระหว่าง​ที่​กล่าว​กลาง​ห้วง​อากาศ​ไกล​ออก​ไป​ปรากฏ​รุ้ง​เทพ​สีเขียว​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​ออกมา​ กลายเป็น​ม้วน​หยก​ม้วน​หนึ่ง​เบื้องหน้า​หลิน​สวิน​ร้อย​จั้ง

“ใน​ม้วน​หยก​นี้​มีใจความ​ทั้งหมด​ที่​ข้า​หยั่งรู้​ถึงเขต​ผนึก​อัศจรรย์​ เจ้าจะเอา​ไปดู​ก็ได้​ หรือ​จะไม่สนใจ​เลย​ก็ได้​”

พูด​จบ​เสียง​ก็​หาย​ไป​จาก​กลาง​ฟ้าดิน​ แม้แต่​กลิ่นอาย​ที่​แผ่ออก​มาจาก​โลก​หม่น​มัว​ก็​ยัง​อันตรธาน​หาย​ไป​พร้อมกัน​

หลิน​สวิน​อด​ใคร่ครวญ​ไม่ได้​

ห่าง​ออก​ไป​ร้อย​จั้งม้วน​หย​กลอย​อยู่​เงียบๆ​

คล้าย​กับ​ว่า​หลิน​สวิน​จะเอา​ไป​หรือไม่​ ไท่​ชูล้วน​ไม่สนใจ​

“หาก​ข้า​ไม่เอา​ กลับ​จะยิ่ง​เห็นชัด​ว่า​ใจข้า​เกรงกลัว​ แต่​ถ้าข้า​เอา​ ก็​จะติดหนี้​น้ำใจ​เล็ก​ๆ กับ​ไท่​ชู… เอา​ไป​แล้ว​ไม่หยั่งรู้​ ก็​แสดงว่า​ใจข้า​หวั่นเกรง​ เอา​ไป​แล้ว​หยั่งรู้​ หนี้​น้ำใจ​ที่​ติดค้าง​ก็​จะยิ่ง​มากขึ้น​…”

หลิน​สวิน​คล้าย​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​

ก็​เป็น​เวลานี้​เสียงหัวเราะ​เบิกบาน​สาย​หนึ่ง​ก็​ดัง​ขึ้น​ “ฮ่าๆๆ แม้แต่​หนี้​น้ำใจ​ข้าเจ้า​ก็​ยัง​ไม่อยาก​ติดค้าง​ ถึงได้​เอ่ย​คำพูด​พวก​นี้​ออกมา​ให้​ข้า​ได้ยิน​ใช่หรือไม่​”

เสียง​ใสกระจ่าง​ดุจ​ระฆัง​ยาม​สางกลอง​ยาม​ค่ำ​

หลิน​สวิน​ยิ้ม​ ประสาน​หมัด​กล่าว​ “รู้​อยู่แล้ว​ว่า​ปิดบัง​สายตา​เฉียบแหลม​ของ​ผู้อาวุโส​ไม่มิด​”

“รีบ​มาเถอะ​ ข้า​รอ​เจ้านาน​มาก​แล้ว​ ส่วน​ม้วน​หยก​นี่​ข้า​ช่วย​เจ้ารับ​ไว้​ก็​สิ้นเรื่อง​ เช่นนี้​เจ้าก็​ไม่ต้อง​พะว้าพะวัง​หนักใจ​ ทำให้​ความคิด​ปลอดโปร่ง​ได้​แล้ว​”

เสียงหัวเราะ​กังวาน​นั่น​ยังคง​ก้อง​สะท้อน​ ม้วน​หยก​ที่​ลอย​อยู่​ห่าง​จาก​หลิน​สวิน​ร้อย​จั้งถูก​พลัง​ไร้​รูป​สาย​หนึ่ง​เก็บ​ไป​แล้ว​

เสียง​นี้​ย่อม​มาจาก​เฉิน​ซี

หลิน​สวิน​เห็น​ดังนี้​จึงประสาน​หมัด​อีกครั้ง​ ทะยาน​ไป​ทางโลก​หง​ห​ลิง​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​

ไม่นาน​เงาร่าง​เขา​ก็​ก้าว​เข้าไป​ใน​ทาง​น้ำวน​แรก​กำเนิด​ที่​เชื่อม​สู่โลก​หง​ห​ลิง​

โลก​หม่น​มัว​

ใต้ดิน​ลึก​ไท่​ชูก็​หัวเราะ​เช่นกัน​ เขา​ยื่นมือ​ออก​ไป​ตึง​โซ่กระบี่​ที่​พันธนาการ​บน​ตัว​ ได้ยิน​เสียง​แก​ร๊งๆ​ ยาม​โซ่ตรวน​กระทบ​กัน​นั่น​ก็​อด​กล่าว​พึมพำ​ไม่ได้​ “สหาย​ยุทธ์​หนอ​สหาย​ยุทธ์​ เสียดาย​เจ้าไม่อยู่​ หาไม่​เหตุการณ์​ใน​วันนี้​ต้อง​น่าสนใจ​มากขึ้น​แน่ๆ​…”

โลก​หง​ห​ลิง​

ยาม​หลิน​สวิน​เข้ามา​ เฉิน​หลิน​คง​ก็​รอ​อยู่​ตรงนั้น​ก่อน​แล้ว​

“สหาย​น้อย​หลิน​เจ้ามาเสียที​ ท่าน​ปู่​ข้า​รอ​เจ้านาน​แล้ว​”

เฉิน​หลิน​คง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ นำ​ทางเดิน​ไป​ข้างหน้า​

ใน​ใจหลิน​สวิน​ก็​อด​ตั้งตาคอย​ไม่ได้​

ก่อนหน้านี้​สมัย​อยู่​เมือง​เทพ​ศุภโชค​ เขา​เคย​เห็น​บารมี​ของ​ผู้อาวุโส​เฉิน​ซีผู้​นั้น​ยาม​หยั่งรู้​นัย​เร้นลับ​ใน​ ‘นภา​ดารา​ศุภโชค​’

เขา​สวม​อาภรณ์​เขียว​ราว​หยก​ หลัง​สะพาย​กระบี่​โบราณ​ ก้าวเดิน​บน​สายธาร​ยุคสมัย​ มาด​สะเทือน​หล้า​ไม่มีสอง​!

กระทั่ง​ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ยาม​อยู่​ใน​โลก​แปร​ปุถุชน​ เขา​เคย​ได้​เห็น​รูปจำลอง​สายเหนือ​เวิ้ง​ฟ้า หนึ่ง​ใน​นั้น​ก็​คือ​สิ่งที่​ผู้อาวุโส​เฉิน​ซีทิ้ง​ไว้​

ลำพัง​แค่​อานุภาพ​ที่​รูปจำลอง​ระดับ​นั้น​เผย​ออกมา​ก็​ทำให้​หลิน​สวิน​หยุด​มอง​ด้วย​ความ​ทึ่ง​แล้ว​

ถึงขั้น​ที่​เมื่อ​พูดถึง​ขึ้น​มา มรดก​ลาย​มรรค​บน​ตัว​เขา​ล้วน​เกี่ยวโยง​กับ​เฉฉิน​ซีชนิด​แยก​ไม่ออก​ ถึงอย่างไร​ท่าน​ลู่​ก็​สืบทอด​มรดก​จาก​เขา​แปร​เทพ​ผ่าน​อาจารย์​ และ​ผู้อาวุโส​เฉิน​ซีผู้​นี้​ก็​คือ​ผู้สืบทอด​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​ประวัติศาสตร์​เท่าที่​เคย​มีมาของ​เขา​แปร​เทพ​!

และ​ตอนนี้​ในที่สุด​ก็​มีโอกาส​พบ​ยอด​บุคคล​ระดับ​ตำนาน​เช่นนี้​ ใน​ใจหลิน​สวิน​มีหรือ​จะไม่ตั้งตาคอย​

“หลังจาก​ท่าน​ปู่​ข้า​เอาชนะ​เจ้าลัทธิ​สูงสุด​นั่น​ นิสัย​ก็​เปลี่ยนเป็น​เอื่อย​เฉื่อย​ จน​ตอนนี้​แม้แต่​ข้า​ก็​ยัง​ไม่รู้​ว่า​มรรค​วิถี​ของ​เขา​แข็งแกร่ง​ถึงขั้น​ไหน​แล้วกัน​แน่​”

ระหว่างทาง​เฉิน​หลิน​คง​ยิ้ม​กล่าว​ สีหน้า​เปี่ยม​แวว​ภาคภูมิใจ​และ​เลื่อมใส​

“เจ้าลัทธิ​สูงสุด​?”

หลิน​สวิน​อึ้ง​ไป​

“ใช่ คน​ผู้​นี้​ก่อตั้ง​ลัทธิ​สูงสุด​ ฝึก​มรรค​มรรค​ลืม​อารมณ์​สูงสุด​ ใช้การ​ไร้อารมณ์​เข้าสู่​มรรค​ น่ากลัว​เป็น​ที่สุด​ ยาม​นั้น​ท่าน​ปู่​ข้า​ต้อง​สิ้นเปลือง​วิธี​มากมาย​กว่า​จะใช้มรรค​วัฏจักร​กำราบ​คน​ผู้​ได้​ ทำให้​เขา​เวียนว่าย​อยู่​ใน​วัฏจักร​ตลอดกาล​ ต้อง​ทนทุกข์​กับ​การ​ไม่อาจ​หลุดพ้น​ชั่วนิรันดร์​… เอ่อ​ ถึงแล้ว​”

เฉิน​หลิน​คง​กล่าวถึง​ตรงนี้​พลัน​เงียบ​ไป​

ก็​เห็น​บน​เขาใหญ่​ลูก​หนึ่ง​ที่อยู่​ไม่ไกล​ เงาร่าง​สูงโปร่ง​สาย​หนึ่ง​ยืน​อยู่​หน้า​กระท่อม​ สวม​ชุด​เขียว​ มือ​ไพล่หลัง​ เสมือน​ต้นสน​เขียว​ริม​หน้า​ผ้า​ กำลัง​ทอดสายตา​มอง​มาทาง​นี้​

เป็น​เฉิน​ซี!

สุดยอด​ตำนาน​ที่​ชื่อ​เสียงดัง​สะท้าน​มาหลาย​ยุคสมัย​!

“เจ้าไป​ฝึก​ปราณ​เสีย​ หาก​ไม่ได้รับอนุญาต​จาก​ข้า​ อย่า​ก้าว​ออก​มาจาก​สถานที่​ฝึก​ปราณ​อีก​แม้แต่​ก้าว​เดียว​” เฉิน​ซีกล่าว​ลวกๆ​ ประโยค​เดียว​ทำเอา​เฉิน​หลิน​คงตัว​แข็งทื่อ​ จากนั้น​หมุนตัว​เดิน​ออก​ไป​แต่​โดยดี​

“ข้า​ชื่อ​เฉิน​ซี คารวะ​สหาย​น้อย​หลิน​”

ไกล​ออก​ไป​เฉิน​ซีประสาน​หมัด​น้อย​ๆ เอ่ยปาก​เจือ​รอยยิ้ม​ แววตา​กระจ่าง​ใสดั่ง​สมุทร​ ลึกล้ำ​และ​เงียบสงบ​ น้ำเสียง​ราบเรียบ​แต่กลับ​มีพลัง​ทำให้​จิตใจ​ผู้คน​สงบ​

หลิน​สวิน​ประสาน​หมัด​กล่าว​ “คารวะ​ผู้อาวุโส​”

เฉิน​ซีกล่าว​ยิ้ม​ๆ “ระหว่าง​เจ้ากับ​ข้า​ไม่ต้อง​เอ่ยถึง​ลำดับ​อาวุโส​หรอก​ ก็​มอง​เป็น​สหาย​บน​มหา​มรรค​ เชิญเข้ามา​พัก​ก่อน​”

หลิน​สวิน​พยักหน้า​ก้าว​ขึ้นไป​ทันที​

หน้า​กระท่อม​มีโต๊ะ​หนึ่ง​ตัว​และ​เก้าอี้​ไม้ไผ่​สอง​ตัว​

พอ​หลิน​สวิน​นั่งลง​ เฉิน​ซีก็​ถามด้วย​รอยยิ้ม​ “ดื่ม​สุรา​หรือ​ดื่ม​ชา”

“ได้​พบ​กับ​ผู้อาวุโส​ใจข้า​เป็นสุข​ล้น​ ย่อม​ต้อง​ดื่ม​สุรา​อยู่แล้ว​” หลิน​สวิน​กล่าว​ยิ้ม​ๆ

ได้ยิน​หลิน​สวิน​ยัง​เรียก​ตน​ว่า​ผู้อาวุโส​อยู่​ เฉิน​ซีก็​ไม่ได้​ใส่ใจ แค่​คำ​เรียกขาน​เท่านั้น​ ไย​ต้อง​ถือสา​ด้วย​เล่า​

เขา​เอง​ก็​นั่งลง​เช่นกัน​ พลิก​ฝ่ามือ​ครา​หนึ่ง​ สุรา​หนึ่ง​กา​กับ​จอก​สุรา​สอง​ใบ​ก็​ปรากฏ​บน​โต๊ะ​

“นี่​คือ​สุรา​ที่​ชิงซิ่ว​อี​ภรรยา​ข้า​เป็น​คน​หมัก​ อยู่​ใน​แดน​เทพ​มาก​เร้น​แห่ง​นี้​มานาน​ปี​ ข้า​ตัดใจ​ดื่ม​ไม่ลงมา​ตลอด​ ครั้งนี้​เพราะ​สหาย​น้อย​มาเยือน​ข้า​ถึงได้​เอา​ออกมา​ ฮ่าๆ”

เฉิน​ซีกล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ เปิด​กา​สุรา​ริน​ให้​หลิน​สวิน​กับ​ตัวเอง​เต็ม​จอก​

ทันใดนั้น​กลิ่น​สุรา​ใสเย็น​หอม​จรุง​สาย​หนึ่ง​พลัน​แผ่​คลุ้ง​ออกมา​

“มา ดื่ม​ก่อน​สัก​จอก​”

เฉิน​ซีชูจอก​ขึ้น​

หลิน​สวิน​ก็​ยิ้ม​ชูจอก​ขึ้น​เช่นกัน​

เมื่อ​จอก​สุรา​ชน​กัน​ ก็​เปรียบเสมือน​การ​พบพาน​กัน​บน​เส้นทาง​มหา​มรรค​สาย​หนึ่ง​

ไม่จำเป็นต้อง​เอ่ยปาก​

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท