บทที่ 982 ยอดเยี่ยมนัก ทรงพลังอย่างแท้จริง! ตายยกหมู่!
บทที่ 982 ยอดเยี่ยมนัก ทรงพลังอย่างแท้จริง! ตายยกหมู่!
ในเมื่อหนีไม่พ้น เช่นนั้นก็ไม่ต้องหนี!
หลี่จิ่วเต้าตัดสินใจประนีประนอม
เขาจะดูการร่ายรำ!
ตุบ ตุบ ตุบ!
ทันใดนั้นเอง พวกลั่วสุ่ยทั้งสามคนที่ล้อมรอบหลี่จิ่วเต้าก็พลันร่วงลงไปทีละคนทีละคน
“ดื่มมากเกินไป จนเลยขีดจำกัด!”
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม พวกลั่วสุ่ยคิดเพียงจะให้ตนเองเมา แต่ไม่คาดคิดว่าจะเมาเกินไป!
ตอนนี้พวกนางพากันหมดสติ หลับใหลในห้วงนิทราอย่างสมบูรณ์
“ฮ่าฮ่า สวรรค์เมตตาแล้ว”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ เขาไม่มีความคิดชั่วร้ายอันใด เพียงส่งพวกลั่วสุ่ยกลับห้องของตนเองไปทีละคน
หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้าห้องของตนเองแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
รุ่งเช้าวันถัดมา พวกลั่วสุ่ยต่างตื่นมาด้วยความหดหู่ใจ เมื่อคืนช่างเป็นโอกาสอันดียิ่ง น่าเสียดายที่สูญเปล่าไปเช่นนี้
“ครั้งหน้าจะต้องไม่เป็นเช่นนี้!”
ลั่วสุ่ยกำมือน้อย ๆ แล้วเอ่ยออกมาด้วยท่าทางน่ารัก
ครั้งนี้นางพลาดไป วางแผนไม่รอบคอบ คิดเพียงแต่จะดื่มให้เมา ไม่คาดคิดว่าจะดื่มมากเกินไป!
นางได้เรียนรู้บทเรียนในครั้งนี้แล้ว คราวหน้าหากสบโอกาส นางจะต้องไม่เป็นเช่นนี้อีก ควบคุมปริมาณให้ดี!
หลิงอินและเซี่ยเหยียนเองก็รู้สึกเสียดายมากเช่นกัน
ครั้งนี้เกือบสำเร็จแล้ว!
“ฝึกฝนความสามารถในการดื่มเพิ่ม!”
“ข้าต้องการดื่มพันจอกไม่เมามาย หมื่นจอกก็ไม่เมามาย!”
พวกนางแอบสาบานว่าจะต้องไปเพิ่มพูนความสามารถในการดื่มของตนเอง
การดื่มสุรามากไม่ได้ เป็นเรื่องแย่เกินไปแล้ว!
“สบายจริง…”
หลี่จิ่วเต้าบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกจากเตียงอย่างสบายตัว
“ครั้งหน้าไม่อาจให้เป็นเช่นนี้ได้อีก”
เขายิ้ม ตัดสินใจให้สถานการณ์เช่นเดิมไม่เกิดขึ้นอีก
ชายหนุ่มวางแผนการขึ้นมาในใจ
“ทำสุรารสแรงใส่ในแก้วเดียว!”
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
ครั้งต่อไปก็ทำสุราเช่นนี้ให้พวกนางดื่ม จากนั้นมาดูกันว่าพวกลั่วสุ่ยยังจะทำอันใดเขาได้อีกหรือไม่
…
ณ แดนบูชายัญอันธการ
ตู้ม!
ทันใดนั้นพลันเกิดเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวครั้งใหญ่ ทั่วทั้งแดนบูชายัญอันธการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หมอกสีดำไร้ที่สิ้นสุดลอยขึ้นมา ลมหายใจน่าสยดสยองค่อย ๆ แผ่กระจายออกไป
สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดในพื้นที่ทรุดลงกับพื้นทันที คุกเท่าไปยังทิศทางเดียวกันพร้อมเอ่ยพึมพำบางอย่าง
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเองก็ล้มตัวลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว จ้องมองไปยังสถานที่แห่งนั้นอย่างระมัดระวัง
เขารู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว
ที่ตรงนั้นมีศพหนึ่งลอยอยู่ ลมหายใจที่แผ่ออกมาเปี่ยมด้วยความน่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขต
“ผู้เบิกทาง!”
หัวใจของเขาเต้นกระหนำขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อรับรู้ได้ถึงที่มาของศพนั่น
ศพนั่นเป็นร่างของผู้เบิกทางท่านนั้น
แม้เขาจะคาดเดาเอาไว้ก่อนแล้วว่าศพของผู้เบิกทางอาจอยู่ที่นี่ แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตนเอง เขาก็ยังอดตื่นตกใจไม่ได้
นี่คือผู้เบิกทางท่านนั้น ผู้เผยแพร่เต๋าและกฎเกณฑ์ นำพาสู่เส้นทางการฝึกตน!
‘มันจะออกไปหรือ?’
เขาคิดในใจ
หากผู้เบิกทางออกไปแล้ว ใครจะสามารถหยุดยั้งได้?
พี่หลิวกับพี่ก้อนหินจะสามารถทำได้หรือไม่?
เขารู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง เกรงว่าจะมีเพียงแต่ให้คุณชายลงมือจึงจะปราบปรามผู้เบิกทางลงได้
‘เดี๋ยวก่อน ไม่ถูกต้อง เหตุใดถึงยังมีอีกศพปรากฏขึ้น?’
ในตอนนั้นเองดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ด้านข้างผู้เบิกทาง ยังมีอีกหนึ่งศพปรากฏออกมา นั่นเป็นศพของสตรีหน้าตางดงามล่มเมือง
เพียงแต่บนร่างของนางสวมชุดเปรอะเปื้อนที่เต็มไปด้วยโลหิต ทำให้นางดูแปลกประหลาดชวนน่ากลัวอย่างยิ่ง
แน่นอน หากมีแค่นั้นเขาคงไม่ตื่นตะลึงเช่นนี้
สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึงคือศพของสตรีผู้นั้นลอยอยู่เหนือศพของผู้เบิกทาง!
นี่มันเรื่องอันใดกัน?!
เขารู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก!
ศพของสตรีลอยอยู่เหนือศพผู้เบิกทาง นี่ไม่ได้หมายความว่าศพสตรีแข็งแกร่งทรงพลังยิ่งกว่าศพผู้เบิกทางหรอกหรือ?
ไม่เช่นนั้นศพสตรีจะลอยอยู่เหนือศพผู้เบิกทางได้อย่างไร?
‘กระโปรงสีขาวแห่งความตายน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?’
หัวใจของเขาสั่นระรัว จดจำศพสตรีนางนี้ขึ้นมาได้
ศพสตรีนี้เคยลงมือกับคุณชายมาก่อน ทว่ายามนั้นไม่ใช่ศพสตรีครบถ้วนสมบูรณ์ มีเพียงกระโปรงสีขาวเท่านั้น
ยามนั้นเป็นเพียงแค่พลังฉายสะท้อนเท่านั้น
เขาคาดเดามานานแล้วว่าศพผู้เบิกทางอาจอยู่ที่นี่ ศพผู้เบิกทางอาจเป็นแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของความมืดมิด เป็นจ้าวแห่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งปวง
กระโปรงสีขาวแห่งความตายอาจเป็นสิ่งมีชีวิตมืดมิดระดับสูงที่อยู่ใต้ผู้เบิกทาง
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนเขาจะคิดผิดไป
กระโปรงสีขาวแห่งความตายคือจ้าวแห่งความมืดมิดที่แท้จริง น่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าศพผู้เบิกทาง!
‘สงครามครั้งใหญ่ที่แท้จริงกำลังจะปะทุขึ้นหรือ?’
ศพของผู้เบิกทางและกระโปรงสีขาวแห่งความตายล้วนออกมาแล้ว จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิดว่ากองกำลังมืดมิดอาจกำลังจะเริ่มสงครามอย่างเต็มรูปแบบ
เขาตัดสินใจจะส่งข่าวนี้กลับไป เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมและการป้องกันล่วงหน้า
แต่ยามนี้ยังไม่อาจส่งข่าวไปได้
ศพผู้เบิกทางและกระโปรงสีขาวแห่งความตายอยู่ตรงนั้น เป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปที่เขาจะส่งข่าวในตอนนี้ โอกาสถูกตรวจสอบมีสูงเป็นอย่างยิ่ง
‘ข้าต้องการจะออกไป!’
“ออกไป!”
มีเสียงอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดดังออกมาจากศพผู้เบิกทางและกระโปรงสีขาวแห่งความตาย ด้านในน้ำเสียงราวกับมีบางสิ่งอันทรงพลังกำลังดิ้นรนอย่างรุนแรง
ศพทั้งสองเริ่มสั่นอย่างหนัก
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้นทุกหนแห่งในแดนบูชายัญอันธการ ทั้งหมดล้วนสะเทือนออกมาจากร่างศพทั้งสอง
“ท่านแม่บุญธรรม ไม่!”
เจ้าหลวงร้องไห้ มารดาบุญธรรมที่อยู่ด้านข้างเขาถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวโจมตีเข้าใส่ กลายเป็นเพียงหมอกเลือด ลมหายใจเลือนสิ้น
“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม…”
เขาร้องไห้อีกครั้งเมื่อพบว่าเหล่าพี่ใหญ่ต่างถูกพลังที่แผ่กระจายไปทั่วโจมตีเข้าจนดับสูญไปทันที
‘ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ทรงพลังอย่างแท้จริง! ตายยกหมู่!’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงที่สังเกตเห็นสถานการณ์ของฝั่งเจ้าหลวงถึงกับเบือนศีรษะหนีด้วยความตื่นตะลึง
มารดาบุญธรรมและเหล่าพี่ชายของเจ้าหลวง ทั้งหมดล้วนตายสิ้นอย่างไร้ข้อยกเว้น!
นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!
ดวงพิฆาตคนของเจ้าหลวงนับว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง!
ภายในแดนบูชายัญอันธการเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมืดมิดนับไม่ถ้วน ทว่ากลับเกิดเรื่องขึ้นกับมารดาบุญธรรมและเหล่าพี่ชายของเจ้าหลวง ตายลงอย่างน่าเวทนา กระทั่งโอกาสจะต่อต้านยังไม่มี!
‘พามาถูกคนแล้ว! เจ้าหลวงผู้เดียวก็เหนือยิ่งกว่าทหารนับพันม้านับหมื่น!’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมองด้วยความพูดไม่ออก
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ศพทั้งสองก็สงบนิ่งลง ไม่ได้ปล่อยพลังออกมาอีกต่อไป
ต่อจากนั้นศพทั้งสองก็ร่วงกลับลงไปอีกครั้ง จมลงสู่ใต้พื้นดิน
‘พลังภายในศพถูกจำกัดเอาไว้ ไม่สามารถออกมาได้หรือ?’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ดูเหมือนว่าพลังภายในศพทั้งสองจะล้มเหลว ไม่สามารถออกมาได้
นี่หมายความว่าสงครามครั้งใหญ่ยังไม่ปะทุออกมาโดยสมบูรณ์
“อย่าร้องไห้เลย ผู้ใดจะคาดคิดกันว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกัน”
สิ่งมีชีวิตมืดมิดสตรีผู้หนึ่งตรงไปหาเจ้าหลวง รู้สึกว่าเจ้าหลวงน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง จึงคิดปลอบใจ
“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าเป็นมารดาบุญธรรมให้เจ้าได้ ข้าเองก็อยากมีลูกนานแล้ว…”
นางมองเจ้าหลวงแล้วกล่าวขึ้นมา
“ใช่ แม้พวกเขาจากไปแล้ว ก็ยังมีพวกข้าอยู่!”
“พวกข้าจะเป็นพี่ชายให้เจ้าเอง อย่าได้ร้องไห้เลย!”
สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนหนึ่งวิ่งไปทางเจ้าหลวงแล้วเอ่ยปลอบ
“รอบใหม่กำลังจะเริ่มแล้วรึ?”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมองอย่างตกตะลึง อดตะโกนในใจว่าสุดยอดไม่ได้
…
ปรโลก
“จะออกมาแล้วหรือ?!”
มหากาฬผู้หนึ่งตื่นขึ้นมาจากหลับลึก มองทอดสายตาออกไปไกลด้วยใบหน้าจริงจัง
หลังจากนั้นก็มีมหากาฬอีกสองผู้ตื่นขึ้นมา สีหน้าต่างก็เคร่งขรึมอย่างยิ่ง
พวกเขาคือสามมหากาฬแห่งปรโลก เป็นผู้ก่อตั้งปรโลก และในยามนี้ก็ถูกปลุกขึ้นมา
“ยังไม่ออกมาเต็มที่ แต่…อีกเร็ว ๆ นี้!”
“ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้! เดิมทีข้าคิดว่ายังต้องให้เวลาอีกสักพัก!”
พวกเขาสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว ต่างสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
“ไม่มีเวลาแล้ว ข้าตัดสินใจจะลองลงมือด้วยตนเองสักครา!”
มหากาฬผู้หนึ่งเอ่ยออกมา
“ต้องการออกไปจริงหรือ? ข้าเกรงว่าเจ้าจะถูกจับตามอง!”
มหากาฬอีกผู้หนึ่งกล่าวด้วยความกริ่นเกรง “ร่างของอาจารย์มี ‘โรค’ อยู่ไม่น้อย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ายามนี้สถานการณ์ของ ‘โรค’ เหล่านั้นเป็นเช่นไร พวกเราได้แต่จำศีลไม่ออกไป ซ่อนกายอยู่ในปรโลกเช่นนี้!”
อาจารย์?
โรค?
ใช่แล้ว
อาจารย์ของพวกเขาคือผู้เบิกทาง!
พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ติดตามผู้เบิกทาง และถูกยอมรับให้กลายเป็นศิษย์
เกิดเรื่องขึ้นกับผู้ติดตามจำนวนไม่น้อย ทว่าพวกเขายังคงอยู่ดีไม่เกิดเรื่องอันใด
“ความจริงแล้วเมื่อคิดถึงศิษย์พี่ศิษย์น้องเหล่านั้น เกรงว่ามีโอกาสอย่างมากที่จะถูก ‘โรค’ สังหาร!”
หนึ่งในสามมหากาฬเอ่ยอย่างเป็นกังวล “แต่ ‘โรค’ เหล่านั้นซ่อนกายอยู่ในความมืด พวกเราออกไปอาจตกเป็นเป้าหมายของ ‘โรค’ เหล่านั้น จำต้องคิดทบทวนอย่างรอบคอบก่อนลงมือ”
ก่อนหน้านี้ผู้ที่เอ่ยว่าจะออกไปคือพี่ใหญ่สุดในกลุ่มสามมหากาฬ
“แต่การซ่อนตัวไม่ใช่วิธีที่ดี! ‘โรค’ที่น่ากลัวสุดกำลังจะออกมา หากพวกเราไม่ลงมือทำสิ่งใด เกรงว่ายากที่จะรอดพ้น!”
พี่ใหญ่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเงียบสงบ หนึ่งเพื่อหลบเลี่ยง ‘โรค’ สองเพื่อรอให้เหล่าสิ่งที่อาจารย์ทิ้งเอาไว้ปรากฏออกมา ตอนนี้สิ่งที่อาจารย์ทิ้งเอาไว้กำลังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการปรากฏตัว แม้จะยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ทว่าก็ยังนับเป็นโอกาสได้!”
พวกเขารู้ว่าอาจารย์ที่ป่วยเตรียมการทิ้งสิ่งต่าง ๆ เอาไว้เบื้องหลัง พวกเขาเองก็เคยตามหาการเตรียมการเหล่านั้น แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่พบสิ่งใด
“พวกเราใกล้ชิดกับอาจารย์มากเกินไป คิดว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุที่อาจารย์ไม่ทิ้งสิ่งเหล่านั้นไว้ให้กับพวกเรา เพราะว่า ‘โรค’ ของอาจารย์จะต้องมุ่งเป้ามาที่พวกเราเป็นอันดับแรกแน่นอน”
พี่ใหญ่กล่าว “การจัดเตรียมของอาจารย์ย่อมต้องมีความหมายลึกซึ้ง และไม่ได้เป็นสิ่งที่เตรียมไว้เพื่อพวกเรา ทว่าพวกเรายังคงต้องการแย่งชิงไขว่คว้ามา เรื่องในอนาคตไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจคาดการณ์ได้…”
พวกเขาต้องการปกป้องตัวเอง จึงจำเป็นต้องแย่งชิงของบางส่วนที่อาจารย์ทิ้งเอาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อาจรักษาชีวิตรอดได้
เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ขัดกับความต้องการของอาจารย์
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นแล้ว
อย่างที่พี่ใหญ่บอก เรื่องในอนาคตไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ ดังนั้นก็ควรคว้าหลักประกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า
“น่าชิงชังนัก หาก ‘โรค’ ที่น่ากลัวสุดปรากฏขึ้นช้ากว่านี้คงดี!”
พี่รองเอ่ยอย่างคับแค้น “สิ่งที่อาจารย์จัดเตรียมเอาไว้ค่อย ๆ ปรากฏออกมา หากผ่านไปอีกสักพักทุกอย่างจะเผยให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อถึงยามนั้นพวกเราก็จะรู้ว่าควรทำเช่นไร ไม่ต้องมาสับสนเช่นนี้!”
เขาเอ่ยออกมาอย่างลังเล ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำเช่นใด
การเตรียมการที่อาจารย์ทิ้งไว้เอาไว้ค่อย ๆ ปรากฏออกมา แน่นอนว่า ‘โรค’ เหล่านั้นจะต้องให้ความสนใจพวกเขาอย่างใกล้ชิด หากออกไปในยามนี้นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง!
‘โรค’ มีจำนวนไม่น้อย พวกเขาเองก็ไม่มั่นใจว่ามีทั้งหมดเท่าใด
‘โรค’ บางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ ‘โรค’ ส่วนใหญ่นั้นยังคงเร้นกายอยู่ในความมืด!