ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 411 ตั้งครรภ์

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 411 ตั้งครรภ์

หมอหลวงยังคงเงียบ

เขาไม่กล้านี่!

หากว่าเปลี่ยนเป็นสตรีทั่วไป เขาจับชีพจรแล้วก็กล้าบอกเลยว่าตั้งครรภ์ แต่นี่คือกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงนะ

ฝ่าบาทมีองค์หญิงเพียงองค์เดียว หากว่าตรวจผิดไป ไม่ต้องพูดถึงชีวิตนี้ของเขาเลย รวมเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลเข้าไปด้วยก็ยังไม่พอ

“หมอหลวง…” เซียวกุ้ยเฟยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย

หมอหลวงปล่อยมือ เม็ดเหงื่อบนหน้าผากผุดขึ้นมาถี่ยิบ

“เหตุใดหมอหลวงจึงนิ่งเงียบ หรือว่าข้าจะป่วยเป็นโรคร้ายกัน” น้ำเสียงของเซียวกุ้ยเฟยเจือไปด้วยความโมโห

หมอหลวงตัวสั่น

หากว่าทำให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงโมโหจนเกิดเหตุร้าย เขาก็ต้องรับผลกรรมที่ตามมาเช่นเดียวกัน

หมอหลวงลังเลเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “กระหม่อมมิกล้าสรุปอาการของเหนียงเหนียงชั่วขณะ ไม่สู้เชิญหมอหลวงมาตรวจอีกท่านพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวกุ้ยเฟยว้าวุ่นใจ ส่งสายตาให้นางกำนัลคนสนิทเถาหง

เถาหงเดินออกไปแผ่วเบา

ไม่นานนัก หมอหลวงซึ่งมีแซ่จางอีกท่านก็เร่งรีบเข้ามา

รอหมอหลวงจางถวายความเคารพเรียบร้อย เซียวกุ้ยเฟยก็ยื่นมือออกมา

หมอหลวงจางมองหมอหลวงหยางแวบหนึ่งตามจิตใต้สำนึก

หมอหลวงหยางมองตอบด้วยสายตาซับซ้อน

หมอหลวงจางชะงัก

สายตาเช่นนี้ของหมอหลวงหยาง เขาเห็นแล้วไม่เข้าใจไปชั่วขณะ

หรือว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงจะป่วยเป็นโรคร้าย หมอหลวงหยางตรวจพบแล้วกลับไม่กล้าพูดหรือ

หากว่าเป็นแบบนี้ หมอหลวงหยางก็หลอกลวงทำร้ายผู้อื่นไม่ใช่หรือ!

ใครๆ ก็รู้ถึงความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง หากตรวจพบอาการที่ไม่ดีในตัวกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง หมอหลวงที่สรุปอาการนี้จะยังสามารถมีชีวิตสุขสบายได้หรือ

หมอหลวงจางกระวนกระวายและโมโห แต่ยังไม่กล้าแสดงออกมา เขาแตะปลายนิ้วลงบนข้อมือเซียวกุ้ยเฟย

เมื่อแตะลงไป หัวใจของหมอหลวงจางก็เกือบจะหลุดออกจากอก

เซียวกุ้ยเฟยจ้องหมอหลวงจางตลอดเวลา เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเขาก็รู้ว่าความผิดปกติเมื่อครู่ของหมอหลวงหยางไม่ใช่ความบังเอิญ

เซียวกุ้ยเฟยรออย่างอดทนอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นหมอหลวงจางพูดอะไร จึงถามด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “สรุปว่าข้าเป็นอะไร”

หมอหลวงจางยกแขนเสื้อซับเหงื่อที่ผุดออกมาบริเวณขมับ พลางเอ่ยอย่างเคารพนบนอบว่า “กระหม่อมต้องหารือกับหมอหลวงหยางสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวกุ้ยเฟยเชิญคางขึ้นเล็กน้อย ถือว่าเป็นการอนุญาต

หมอหลวงสองท่านออกไปข้างนอก ท่านมองข้า ข้ามองท่าน ใครก็ไม่อยากเอ่ยปากก่อน

สุดท้ายก็เป็นหมอหลวงจางที่มาในภายหลังเอ่ยปากขึ้น “ใต้เท้าหยาง กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง พระนาง…ใช่หรือไม่…”

หมอหลวงหยางกระซิบ “มีความเป็นไปได้มากว่าจะตั้งครรภ์ หมอหลวงจางคิดว่าอย่างไร”

ต่อให้ไม่กล้าสรุปผลอย่างไรก็ต้องมีผลลัพธ์หนึ่งอยู่ดี

หมอหลวงจางได้ยินการสรุปผลของหมอหลวงหยางก็แอบโล่งใจ เสียงที่เอ่ยก็เบาลงไปอีก “ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น”

สองคนสบตากันแวบหนึ่งแล้วเดินเข้าไปด้วยกัน

เซียวกุ้ยเฟยมองหมอหลวงสองท่านด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ความจริงแล้วในใจกลับตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะไม่กล้าไปคิดถึงเท่าใด แต่ในใจใครบ้างที่จะไม่โอบกอดความหวังเอาไว้เล็กน้อยบ้าง

“พูดมาเถอะ ข้าเป็นอะไรกันแน่”

หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หมอหลวงหยางก็ประสานมือ “ทูลเหนียงเหนียง อ้างอิงจากลักษณะชีพจร…น่าจะเป็นการตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ”

คำนี้ทำให้เซียวกุ้ยเฟยมึนงง ทำให้นางพูดไม่ออก ทำได้เพียงแค่กลอกตาไปมองหมอหลวงอีกท่านอย่างยากลำบาก

หมอหลวงจางประสานมือคารวะ เท่ากับเห็นด้วยในวาจาของหมอหลวงหยาง

เซียวกุ้ยเฟยกะพริบตา หยาดน้ำตารินไหลลงมาจากหางตา

“ขอแสดงความยินดีกับเหนียงเหนียงเพคะ!”

นางกำนัลคุกเข่าทั่วตำหนัก อวยพรเสียงดัง

เซียวกุ้ยเฟยก้มมองคนที่คุกเข่ากันเป็นแถบ ความปีติยินดีค่อยๆ บังเกิดขึ้นในใจ

ความปีติยินดีนี้ไม่ใช่การคิดถึงสิ่งที่อยู่ต่อหน้าโดยไม่คิดถึงอนาคตเหมือนในอดีต แต่เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ตกลงบนผืนดินและแตกหน่อโผล่พ้นผืนดินขึ้นมาพร้อมกับความหวัง

หยาดน้ำตารินไหลมากกว่าเดิม

เถาหงรีบเกลี้ยกล่อม “เหนียงเหนียง พระองค์ไม่อาจร่ำไห้ได้นะเพคะ ต้องระมัดระวังพระวรกาย”

เซียวกุ้ยเฟยพยักหน้าลวกๆ ไร้ซึ่งมาดสูงศักดิ์ เย็นชาและหยิ่งยโสในยามปกติไปนานแล้ว

ตอนนี้จักรพรรดิหย่งอันกำลังหลับพระเนตรพักผ่อนในตำหนักหย่างซิน โจวซานเดินเข้ามาเบาๆ

จักรพรรดิหย่งอันค่อยๆ ลืมพระเนตร

เมื่อถึงอายุในวัยเขานั้นหลับตื้นมาก ความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็มากพอที่จะทำให้ตื่นได้แล้ว

จักรพรรดิหย่งอันมองฝีเท้าโจวซานที่แม้ว่าจะแผ่วเบา แต่กลับรวดเร็วแล้ว แววพระเนตรก็ลึกล้ำ

โจวซานสุขุมเสมอมา ท่าทางเช่นนี้ เกรงว่าคงเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ฝ่าบาท มีข่าวถ่ายทอดมาจากวังอวี้หวา บอกว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียง…ตรวจพบว่าตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ…”

จักรพรรดิหย่งอันลุกขึ้นนั่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงฉียบขาด “เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

โจวซานคาดเดาได้ถึงปฏิกิริยาตอบสนองของจักรพรรดิหย่งอันตั้งแต่แรกจึงเอ่ยข่าวนี้อีกรอบเสียงเบา

จักรพรรดิหย่งอันนั่งอยู่บนตั่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่เนิ่นนาน

โจวซานยืนอยู่อีกด้านอย่างไม่กล้ารบกวน

ข่าวการตั้งครรภ์ของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงสร้างความสะเทือนใจรุนแรงให้กับฝ่าบาทเพียงใด เขารู้ชัดเจนยิ่ง

ในวังไม่มีข่าวคราวการตั้งครรภ์ของนางสนมและนางกำนัลมานานหลายปี และเพราะเป็นเช่นนี้ แปดปีก่อน ฝ่าบาทถึงได้รับเว่ยเชียง ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อมาเป็นองค์รัชทายาท

กล่าวตามตรง เป็นการทำเพื่อความมั่นคงของแว่นแคว้นจึงจำเป็นต้องเลือกทำเช่นนี้

ขอแค่นางสนมนางกำนัลคนไหนมีข่าวคราว แม้ว่าจะไม่ได้คลอดออกมาก็ไม่มีทางมีสถานการณ์เฉกเช่นในตอนนี้

คนล้วนเป็นเช่นนี้ สามารถมีบุตรชายแท้ๆ เป็นทายาทของตัวเอง ใครจะยินยอมเอาบุตรชายของผู้อื่นกัน

โจวซานก้มหน้า ทอดถอนใจในใจ

ต่อมา เกรงว่าคงต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวอีกมากมาย

ไม่รู้ว่านิ่งเงียบไปนานเพียงใด ในที่สุดจักรพรรดิหย่งอันก็เอ่ยปาก “มีใครรู้เรื่องกุ้ยเฟยตั้งครรภ์บ้าง”

โจวซานตอบ “หมอหลวงหยางและจางสองท่านพ่ะย่ะค่ะ ยังมีนางกำนัลที่ปรนนิบัติเหนียงเหนียงอย่างใกล้ชิดอีกจำนวนหนึ่ง”

“สั่งการลงไปว่า อย่าได้แพร่ข่าวออกไปชั่วคราว”

จักรพรรดิหย่งอันสั่งการเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกจากตำหนักหย่างซิน

นอกตำหนักดอกไม้งามบานสะพรั่งไปทั่วทุกแห่ง ความครึกครื้นซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตปะทะลงบนใบหน้า

จักรพรรดิหย่งอันรู้สึกเพียงสดชื่นผ่อนคลาย เร่งฝีเท้าเดินไปยังวังอวี้หวา

ในวังอวี้หวา เซียวกุ้ยเฟยให้นางกำนัลถอยออกไปหมด เหลือเพียงนางกำนัลเถาหงเพียงคนเดียว

“เถาหง เจ้าว่าหมอหลวงจะตรวจผิดหรือไม่”

หลังความรู้สึกตื่นเต้นผ่านไป เซียวกุ้ยเฟยก็วิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเอง

หางตาเถาหงเปี่ยมไปด้ววยความปีติยินดี “เหนียงเหนียงโปรดวางใจ ไม่ผิดแน่นอนเพคะ หากหมอหลวงสองท่านไม่ได้มั่นใจเต็มร้อยก็คงไม่กล้าพูดเหลวไหล”

เซียวกุ้ยเฟยนึกถึงความละเอียดถี่ถ้วนขณะจับชีพจรของหมอหลวงหยางและจางสองท่านนี้แล้ว จิตใจที่วิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเองก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย และนึกถึงสูตรอาหารบำรุงสุขภาพโดยมีส่วนประกอบของตัวยาอันน่าอัศจรรย์นั้นทันที

“ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสูตรอาหารเป็นยานั้นไม่อาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้เด็ดขาด”

“เหนียงเหนียงโปรดวางใจ ตั้งแต่ต้นจนจบผ่านมือของบ่าวเพียงคนเดียวเพคะ”

เซียวกุ้ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อย

ตอนนี้มีเสียงตะโกนดังลอยมาจากข้างนอก “ฝ่าบาทเสด็จ…”

จักรพรรดิหย่งอันเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา โดยไม่รอให้เซียวกุ้ยเฟยออกไปต้อนรับ

เซียวกุ้ยเฟยยอบกายถวายความเคารพก็ถูกจักรพรรดิหย่งอันดึงให้ลุกขึ้น “สนมรักไม่จำเป็นต้องมากพิธี”

เมื่อไล่นางกำนัลที่ปรนนิบัติออกไปแล้ว สายตาของจักรพรรดิหย่งอันก็ตกลงบริเวณท้องแบนราบของเซียวกุ้ยเฟย พลางเอ่ยด้วยอารมณ์ทอดถอนใจไม่มีที่สิ้นสุด “ลำบากสนมรักแล้วจริงๆ เจ้าทำให้เราได้สัมผัสถึงความปีติยินดีที่ได้เป็นพ่อคนอีกครั้ง”

เซียวกุ้ยเฟยนัยน์ตาสั่นไหว “ยังไม่รู้ว่าเป็นองค์ชายหรือองค์หญิง…”

จักรพรรดิหย่งอันทรงพระสรวลอย่างสบายใจ “ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงก็ล้วนเป็นลูกของเรา”

ครรภ์นี้ของกุ้ยเฟยเป็นองค์ชายนั้นย่อมดีที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้ก็ควรค่าที่จะดีใจ

กุ้ยเฟยสามารถให้กำเนิดได้ก็หมายความว่าเขายังคงทรงพลัง ไม่ได้ถดถอยตามอายุที่มากขึ้น นางสนมและนางกำนัลในวังมากมายขนาดนี้ องค์ชาย องค์หญิงต้องมีได้แน่ๆ

เมื่อนึกถึงเว่ยเซียง อารมณ์ปีติยินดีของจักรพรรดิหย่งอันถูกปกคุลมไปด้วยความทุกข์ชั้นหนึ่ง แต่กลับไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้า

เวลาเคลื่อนคล้อยไปข้างหน้าต่อไป ขุนนางและบุตรหลานตระกูลสูงศักดิ์ค้นพบเรื่องหนึ่ง ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวการล่าสัตว์ในปีนี้เลย หรือว่าจะไม่ไปแล้ว

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท