บทที่ 512 เริ่มการผลิต
บทที่ 512 เริ่มการผลิต
“อีกเจ็ดวันให้หลังข้าจะไปที่วัดหงอวี่อีกครั้งหนึ่ง” เจ้าฉีตอบกลับ “ส่วนเจ้าจะไปกับข้าหรือไม่นั้น ไว้ถึงเวลาค่อยตัดสินใจก็ได้”
“ไม่ได้สิ นอกจากข้าแล้วเจ้าจะหาคนคุ้มกันที่ดีกว่านี้ได้จากที่ไหน?” อู๋ฝานตอบกลับ “สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นข้าจะลดราคาให้ หากไม่ต้องการจ่ายถึงหนึ่งพัน สักแปดร้อยก็กำลังดี ส่วนห้าร้อยถือว่ารับได้”
“เสพติดเงินเสียจริง” เจ้าฉีบ่นพึมพำ
อู๋ฝานเพียงยิ้มตอบ
ทั้งสามเดินทางกลับถึงเมืองโดยสวัสดิภาพ เมื่อกลับมาแล้วเจ้าฉีก็นำเสี่ยวชิงและหวงเจ๋อเดินทางกลับวัง บิดาของนางประสบเหตุเคราะห์ร้าย ดังนั้นจึงไม่มีอารมณ์จะออกไปเที่ยวเล่นมากนัก
“อาการเป็นยังไงบ้าง?” อู๋ฝานที่กลับมาถึงห้องนอนสอบถามอูหย่าที่นอนอยู่
“ได้รับยาก็รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว” อูหย่าตอบกลับ
“งั้นก็ดีแล้ว” อู๋ฝานรับคำ “ข้าคิดวิธีพาเจ้าออกไปนอกเมืองได้แล้ว แต่ต้องรอเจ็ดวัน”
“เจ็ดวัน?” อูหย่าขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าสำหรับนางระยะเวลานี้นานเกินไป เพราะกังวลถึงความปลอดภัยของบิดาและครอบครัว และเนื่องจากการลงมือสังหารล้มเหลว นางจึงอยากกลับบ้านโดยเร็วเพื่อดูว่าจะมีโอกาสช่วยเหลือครอบครัวหรือไม่
“ออกไปได้ในเจ็ดวันก็ถือว่าดีมากแล้ว” อู๋ฝานตอบ แม้อูหย่าจะรีบ แต่เขาไม่ได้เร่งรีบตามไปด้วย เนื่องจากภารกิจพิเศษไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตราบใดที่ทำสำเร็จก็เพียงพอ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่านางจะถูกเจอตัวอยู่ที่นี่ และตนไม่อาจอยู่ในเมืองหลวงตลอดได้ ชายหนุ่มคงคิดปักหลักอยู่ที่นี่สักหลายเดือน อย่างน้อยก็รอคอยจนคลื่นลมสงบแล้วจึงค่อยออกไปพร้อมกับนาง
“ช่วงเวลาที่มี เจ้าก็พักฟื้นอาการบาดเจ็บให้ดีแล้วกัน” อู๋ฝานบอก “หนทางจากที่นี่สู่อาณาจักรหนานปิงยาวไกล หากอาการบาดเจ็บยังเลวร้าย ระหว่างการเดินทางอาจยิ่งทำให้เลวร้ายลงไปอีก หรืออาจจะถึงขั้นตายกลางทางก็เป็นไปได้”
อู๋ฝานไม่ได้ตื่นตระหนกไปเอง แต่เพราะระดับการรักษาในยุคสมัยนี้ไม่อาจเทียบกับยุคสมัยใหม่ได้ หนทางที่ใช้สัญจรก็ค่อนข้างเลวร้าย เรื่องราวที่คนเจ็บเสียชีวิตระหว่างเดินทางมีให้ได้ยินอยู่ทั่วไป
“ก็ได้ ข้าจะทำตามเจ้าว่า” อูหย่าพยักหน้าตอบ แม้นางจะค่อนข้างร้อนใจ แต่ก็ทราบดีว่าสถานการณ์ตอนนี้การหาทางออกจากเมืองได้อย่างปลอดภัยนั้นยากเข็ญ อีกทั้งปัจจุบันยังมีเพียงอู๋ฝานที่พอจะหาทางออกไปได้ หากอาศัยเพียงตนเอง แค่คิดกลับบ้านก็แทบจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ จากนั้นจึงเรียกลั่วเยวี่ยมาบอก “คืนนี้ทั้งสองคนนอนห้องเดียวกัน คอยระมัดระวังทุกรายละเอียดและการกระทำ อย่าให้มีร่องรอยหรือเบาะแสใด ๆ”
แม้ศาลาพักม้าจะค่อนข้างปลอดภัยเพราะเจ้าฉี แต่ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าที่นี่จะไม่ถูกรื้อค้นอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นอู๋ฝานยังจำได้ดี ว่าเหล่าข้ารับใช้มีท่าทีอย่างไรตอนที่หลี่จื่อหยางมาเยือน ดังนั้นจึงต้องตั้งระวังเอาไว้ก่อน เนื่องจากไม่มั่นใจว่าในบรรดาข้ารับใช้มีสายสืบของอีกฝ่ายอยู่ด้วยหรือไม่ หากมีคนรายงานหลี่จื่อหยางถึงเรื่องราวที่นี่ อย่างไรก็มีแต่จะทำให้เกิดปัญหา
ลั่วเยวี่ยพยักหน้ารับ ก่อนจะพาอูหย่ากลับไปห้องของนาง
“จริงด้วย” ขณะทั้งสองคนเดินไปทางประตู อู๋ฝานก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ข้ารับใช้และขันทีที่ร่วมทางมากับเจ้า ทุกคนต่างถูกฝ่าบาทประหารหมดสิ้นแล้ว”
อูหย่าที่ได้ยินเผยสีหน้าหมองหม่น แต่มันเป็นเรื่องที่นางคาดเอาไว้อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าแผนลอบสังหารจะสำเร็จหรือล้มเหลว ข้ารับใช้และขันทีที่ร่วมทางมากับนางก็ไม่มีทางรอดชีวิต เรียกได้ว่าโชคชะตาของพวกเขาถูกกำหนดตั้งแต่เริ่มออกเดินทางมาที่นี่
หลังลั่วเยวี่ยและอูหย่ากลับออกไป อู๋ฝานก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกอีก แต่เลือกที่จะฝึกฝนการปรุงยาต่อ ทุกวันนี้เขามีแต่จะได้รับทักษะวิชาเพิ่มมากขึ้น แต่ละอย่างจำเป็นต้องใช้เวลา หากไม่เร่งรีบใช้เวลาที่มีเพื่อฝึกฝน ระดับของทักษะอาจจะครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้ไปตลอด
จนกระทั่งถึงช่วงเวลาเทเลพอร์ต อู๋ฝานยังคงใช้สมาธิกับช่วงเวลาฝึกฝนการปรุงยา แม้ไม่อาจเพิ่มระดับ ทว่าความก้าวหน้าก็เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ
‘ระหว่างช่วงฝึกฝนการปรุงยา เราทำยาน้ำไว้ไม่น้อยเลย ไว้โจวกวงเปิดร้านเมื่อไหร่ค่อยให้เอาไปวางขายก็แล้วกัน ยังไงยาที่ปรุงโดยอาจารย์ปรุงยาระดับมาสเตอร์ก็เป็นของดี ต้องได้รับความนิยมแน่’ อู๋ฝานที่เทเลพอร์ตกลับสู่โลกความเป็นจริงครุ่นคิดขณะนอนบนเตียง
ตามความเข้าใจก่อนหน้านี้ ในโลกแห่งเกมมีตัวตนระดับปรมาจารย์แค่หยิบมือ แม้ผู้ที่สำเร็จระดับมาสเตอร์ได้จะมีมากกว่าปรมาจารย์ แต่จำนวนก็ไม่มากมาย ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นเดินทางไปที่ใดล้วนแล้วแต่ได้รับความเคารพนับถือ ดังนั้นตลาดจำหน่ายยาของนักปรุงยาระดับมาสเตอร์ย่อมต้องได้รับความนิยม
เมื่อฟ้าสาง หลังทานมื้อเช้าที่เหมยอวี่และเหมยเสวี่ยทำให้ อู๋ฝานก็นำคนทั้งสองไปยังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ พอไปถึงจึงได้พบว่าทั้งเจ้าหย้าหนาน ลู่หรงฮวา และคนอื่นต่างรอคอยให้เขามาถึงอยู่ก่อนแล้ว
“ผมมาสายเหรอครับ?” อู๋ฝานมองพวกเจ้าหย้าหนานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่เลยค่ะ พวกเรามาแต่เช้าเองต่างหาก” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ “ทุกคนให้ความสำคัญกับคำสั่งซื้อครั้งนี้กันมาก เพราะแบบนั้นเลยพร้อมใจกันมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ค่ะ”
“ไม่ต้องร้อนใจไปครับ ก็แค่คำสั่งซื้อมูลค่าห้าแสนเอง” อู๋ฝานมองลู่หรงฮวาและคนอื่นพลางตอบ “คำสั่งซื้อมูลค่าหลายสิบล้านก่อนหน้านี้ก็ทำได้ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“เถ้าแก่อู๋ เรื่องนี้มีความแตกต่างกันอยู่ครับ พวกเราคุ้นเคยกับการทำเฟอร์นิเจอร์ตามที่ได้รับมาเลยมั่นใจ แม้ครั้งนี้จะมีมูลค่าเพียงห้าแสน แต่เพราะเป็นส่วนงานที่ไม่คุ้นเคยเลยไม่มั่นใจขึ้นมา” ลู่หรงฮวาตอบกลับ “และตอนนี้ก็ยังจะได้เรียนรู้เทคนิคโครงสร้างร่องและเดือยจากเถ้าแก่ ทุกคนเลยให้ความสนใจ ทว่าอีกใจก็เกรงว่าจะเรียนรู้ได้ไม่ดี ขณะนี้จึงกังวลใจอยู่บ้างครับ”
“อันที่จริงโครงสร้างร่องและเดือยก็ไม่ได้ซับซ้อนหรือเรียนรู้ยากอย่างที่คิดหรอกครับ ผมเชื่อว่าด้วยความสามารถและประสบการณ์ของทุกคน น่าจะเรียนรู้ได้ไม่ยากครับ” อู๋ฝานตอบ
เนื่องจากเขาไม่อาจอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ หากสัญญาสั่งซื้อของกลุ่มการค้าจั่งหยางสำเร็จลงได้ด้วยดี ในอนาคตสัญญาที่ใหญ่มากขึ้นจะรออยู่ ดังนั้นอู๋ฝานจึงต้องสอนพวกลู่หรงฮวาให้เรียนรู้และเพิ่มทักษะงานฝีมือ ไม่เช่นนั้นเมื่อไหร่เกิดคำสั่งซื้อครั้งใหญ่ ตอนนั้นพวกเขาอาจจะไม่อาจรับไว้ได้
“อู๋ฝาน ในเมื่อมาถึงแล้วก็เริ่มกันเลยเถอะค่ะ วัสดุและของอื่น ๆ เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” เจ้าหย้าหนานเอ่ยขึ้น
“เร่งรัดดีจัง ผมเพิ่งมาถึงยังไม่ทันได้พักหายใจเลยครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ
“ฉันไม่กล้าเร่งรัดเถ้าแก่หรอกค่ะ สัดส่วนถือครองโรงงานนี้เป็นของใครก็ทราบกันดี ฉันทำงานให้คุณด้วยซ้ำ” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ
“ครับเถ้าแก่เจ้า ผมพูดผิดไปเอง หลังจากนี้ต้องฝากรบกวนดูแลด้วยนะครับ” อู๋ฝานเอ่ยคำขออภัย
เจ้าหย้าหนานกลอกตามองตอบและหยุดการโต้แย้ง
อู๋ฝานเดินไปยังกองวัสดุและเริ่มสร้างเฟอร์นิเจอร์ตามความต้องการของคำสั่งซื้อ ขณะเดียวกันก็สอนพวกลู่หรงฮวาไปด้วย แม้พวกเขาจะแก่กว่าอู๋ฝาน หรืออาจเป็นรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของชายหนุ่ม แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าเถ้าแก่หนุ่ม พวกเขาก็พร้อมใจกันเชื่อฟังเหมือนเด็กนักเรียนในชั้นเรียน
เพราะชายหนุ่มคือช่างฝีมืองานไม้ระดับมาสเตอร์ ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติในการสอนพวกเขาอย่างครบถ้วน
……………………………