ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 412 ตื่นตะลึง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 412 ตื่นตะลึง

สาเหตุที่งานล่าสัตว์ไม่มีความเคลื่อนไหวย่อมเป็นเพราะเซียวกุ้ยเฟยตั้งครรภ์

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จักรพรรดิหย่งอันไม่วางพระทัยทิ้งเซียวกุ้ยเฟยไว้ที่เมืองหลวงคนเดียว และยิ่งไม่วางใจให้นางลำบากเดินทางไกล

ทางเลือกที่ดีที่สุดย่อมเป็นการยกเลิกงานล่าสัตว์ ใครก็ไม่ต้องไปทั้งนั้น

แน่นอนว่าไม่สามารถเปิดเผยข่าวการตั้งครรภ์ของเซียวกุ้ยเฟยต่อภายนอกได้จึงหาเหตุผลลวกๆ ข้อหนึ่งว่า อุทกภัยในปีนี้รุนแรง ฝ่าบาทเป็นห่วงแว่นแคว้นและราษฎร พระอารมณ์ไม่ดีจึงยกเลิกกิจกรรมการล่าสัตว์เหล่านี้

สำหรับเรื่องที่ว่าขุนนางและบุตรหลานตระกูลสูงศักดิ์จะเชื่อหรือไม่ จักรพรรดิหย่งอันไม่สนพระทัยแล้ว

สำหรับพวกเสนาบดีจ้าว การยกเลิกงานล่าสัตว์ช่างเป็นเรื่องที่น่าดีใจยิ่ง

คุณหนูลั่วไม่ต้องไปงานล่าสัตว์แล้ว มีหอสุราก็ไม่จำเป็นต้องหยุดพักกิจการอย่างไรล่ะ!

ใช่ แม้ว่าหอสุราจะเปิดทุกวัน พวกเขาก็ไม่สามารถไปได้ทุกวัน อย่างไรเสียถุงเงินก็ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น แต่ตอนที่อยากไปมากเป็นพิเศษกลับปิดทำการ อารมณ์เช่นนั้นน่าทุกข์ใจเกินไปแล้ว

เว่ยหานกลับได้กลิ่นความผิดปกติเลยน้อยจากการยกเลิกงานล่าสัตว์ของจักรพรรดิหย่งอันจึงแอบใช้เส้นสายสืบข่าวดู

วันนี้แดดกำลังดี สือหั่วเร่งฝีเท้าเดินไปตรงหน้าเว่ยหาน กระซิบรายงานว่า “นายท่าน สืบมาได้แล้วขอรับ”

เว่ยหานรอฟังวาจาต่อไปเงียบๆ

“เซียวกุ้ยเฟย…ตั้งครรภ์แล้วขอรับ”

ปลายคิ้วเว่ยหานขยับเล็กน้อย สีหน้ายังคงสภาพสงบนิ่ง “เรื่องเมื่อใด”

“ตรวจพบเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ขอรับ”

เว่ยหานนิ่งเงียบครู่หนึ่ง วางจอกชาแล้วลุกขึ้นยืน

เซียวกุ้ยเฟยตั้งครรภ์ โอกาสอันดีที่เขารอมาตลอดมาถึงแล้วในที่สุด

ภายในห้องทรงพระอักษร จักรพรรดิหย่งอันดูเหมือนกำลังตรวจฎีกา แต่ความจริงกลับจินตนาการเรื่องต่างๆ นาๆ ในห้วงความคิดไม่ขาดสายไปนานแล้ว

เซียวกุ้ยเฟยตั้งครรภ์ ความคิดที่ว่าในอนาคตอีกไม่นาน มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีพระโอรสแท้ๆ องค์หนึ่งนี้ทำให้ฮ่องเต้ที่มีพระชนมายุใกล้หกสิบปีพระองค์นี้คล้ายกับต้นไม้แห้งเหี่ยวที่ได้น้ำฝนชโลม มีพลังชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ภายในใจเบิกบานกระปรี้กระเปร่า

และความปีติยินดีเช่นนี้ไม่สะดวกจะเปิดเผยออกมาในช่วงเวลาอันสั้น

ทางองค์รัชทายาท สุดท้ายก็เป็นภัยอันตรายที่แอบแฝงอยู่อย่างหนึ่ง

ตอนนี้จักรพรรดิหย่งอันรู้สึกเสียพระทัยในภายหลังต่อการตัดสินใจเมื่อแปดปีก่อนแล้ว

หากจะบอกว่าตัดสินใจผิดพลาดก็ไม่นับว่าเป็นเช่นนั้น

แผ่นดินกว้างใหญ่ไร้ซึ่งข่าวคราวของรัชทายาท เหล่าเสนาบดีร้อนรนกระวนกระวาย ต่างแคว้นยิ่งเตรียมการวางแผนก่อความวุ่นวาย ส่วนพระองค์หลังจากพยายามสุดความสามารถก็ต้องยอมรับอย่างสิ้นหวังว่า พระองค์ให้กำเนิดไม่ได้

ใครจะไปคิดว่า บัดนี้หลังจากแปดปีผ่านไป กุ้ยเฟยจะตั้งครรภ์กัน!

หากมองประวัติศาสตร์ทั้งหมดก็มีฮ่องเต้ที่มีสถานการณ์คล้ายกับเขา ตอนไม่มีโอรสก็รับเลี้ยงหลานเป็นบุตร ในภายหลังโอรสแท้ๆ ถือกำเนิดก็ส่งหลานชายคืนไป

คนอื่นทำได้ เขาย่อมทำได้เช่นกัน

จักรพรรดิหย่งอันตัดสินพระทัยเงียบๆ หากว่ากุ้ยเฟยให้กำเนิดองค์ชายก็หาเหตุผลมาหลังจากที่ปลดองค์รัชทายาท คืนหลานชายให้กับจวนผิงหนานอ๋อง

ตอนนี้ก็อดทนไปก่อน

“ฝ่าบาท ไคหยางอ๋องขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ” โจวซานก้าวเข้ามา ขัดอาการเหม่อลอยของจักรพรรดิหย่งอัน

“เรียกตัวเข้ามา”

ไม่นานนัก ชายหนุ่มชุดแดงก็เดินเข้ามา

“กระหม่อมถวายบังคมเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหย่งอันมองชายหนุ่มที่ประสานมือถวายความเคารพยิ้มๆ “น้องสิบเอ็ดเข้าวังมาตอนนี้มีเรื่องอันใดหรือ”

เว่ยหานหลุบตาเอ่ย “คดีนายอำเภอหลิวชิงถูกลอบสังหารนอกบ้านพักหลันเต๋อมีความคืบหน้าใหม่ นี่คือสมุดรายชื่อที่กระหม่อมเพิ่งได้มาจากมือนักฆ่าเหล่านั้น…”

เมื่อได้ยินเว่ยหานเล่าสถานการณ์จบ จักรพรรดิหย่งอันก็สั่งโจวซานนิ่ง “ส่งขึ้นมา”

โจวซานเดินไปรับสมุดรายชื่อตรงหน้าเว่ยหานแล้วนำไปมอบให้จักรพรรดิหย่งอัน

จักรพรรดิหย่งอันเปิดสมุดรายชื่อ สายพระเนตรกวาดไปถึงตัวอักษรเล็กๆ ในบรรทัดหนึ่งแล้วหยุดนิ่ง รอจนพลิกอ่านสมุดรายชื่อจบก็โยนลงบนโต๊ะทรงงานอย่างแรง

“เจ้าสารเลวนี่!”

“เสด็จพี่โปรดพระทัยเย็น” เว่ยหานเกลี้ยกล่อม

จักรพรรดิหย่งอันสีพระพักตร์อึมครึม มองดูแล้วพิโรธไม่น้อย “องค์รัชทายาททำให้เราผิดหวังจริงๆ!”

แต่ความจริงแล้ว ในพระทัยจักรพรรดิหย่งอันกลับไม่ได้รู้สึกผิดหวังเท่าใดนัก ในทางตรงกันข้าม เขามองเห็นโอกาส

เดิมเขาคิดจะรอจนถึงกุ้ยเฟยให้กำเนิดพระโอรสแล้วค่อยปลดองค์รัชทายาท แต่การทำเช่นนี้ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน แม้ว่าขุนนางบุ๋นบู๊จะไม่กล้าพูด ในภายภาคหน้าก็อาจจะมีการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์

ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

องค์รัชทายาทบงการขุนนางให้ใส่ร้ายขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนัก ทั้งยังมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มนักฆ่า การสูญสิ้นคุณธรรมเช่นนั้น ทำให้เขามีเหตุผลมากพอที่จะปลดองค์รัชทายาทแล้ว

เมื่อปลดองค์รัชทายาทแล้ว ค่อยกระจายข่าวการตั้งครรภ์ของกุ้ยเฟยออกไป ขุนนางคนไหนจะไม่เบิกตาให้กว้าง โวยวายเรื่องการแต่งตั้งผู้สืบทอดบัลลังก์อีก

“เรียกตัวหกกรมเก้าเสนาบดีมาประชุมที่ห้องทรงอักษร!”

เว่ยหานหลุบตาฟัง ปลายคิ้วไม่ขยับเลยสักนิดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักได้รับการเรียกตัวก็พากันเร่งรีบไปห้องทรงอักษรด้วยอารมณ์งุนงงและกระวนกระวาย

วันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ทำไมถึงได้เรียกพวกเขาเข้าวังกะทันหันหรือว่าจะมีที่ไหนเกิดอุทกภัยอีกแล้ว

“ฝ่าบาท เหล่าใต้เท้ามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหย่งอันลืมพระเนตร ตรัสเสียงเย็น “เรียกพวกเขาเข้ามา”

ประตูห้องทรงอักษรเปิดออก รอจนเหล่าเสนาบดีเข้าไปแล้วก็ปิดลงอย่างแผ่วเบา

การปิดประตูในครั้งนี้ล่วงเลยไปจนถึงดวงดาราเต็มผืนฟ้าแล้วก็ยังไม่มีการเปิดออก

การประชุมเช้าวันรุ่งขึ้น มองดูแล้วธรรมดาเหมือนการประชุมเช้าทุกครั้ง มีเพียงสิ่งเดียวที่ผิดปกติก็คือ เหล่าเสนาบดีล้วนมีใต้ตาดำคล้ำ คล้ายกับไม่ได้นอนตลอดคืน

และนี่ก็ทำให้คนที่มีความคิดเฉียบแหลมเล็กน้อยเหล่านี้ได้กลิ่นความผิดปกติหลายส่วน

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อมีพระบัญชาปลดองค์รัชทายาทลงมาก็ทำให้ขุนนางที่ไม่รู้เรื่องราวทุกคนคล้ายกับถูกฟ้าผ่า ไม่ได้สติไปเนิ่นนาน

ถอดถอนตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ

กะทันหันเช่นนี้ ฝ่าบาทคิดจะทำให้ผู้เฒ่าชราเช่นพวกเขาตกใจ จะได้ให้เหล่าบัณฑิตชั้นสูงที่สอบผ่านเข้ามาใหม่มาแทนพวกเขาใช่ไหม

รอจนฟังเหตุผลการปลดองค์รัชทายาทจบแล้ว ขุนนางทุกคนก็มองไปยังขุนนางชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้น และตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง จิ้งจอกเฒ่าพวกนี้รู้แต่แรกแล้ว!

เรื่องใหญ่เฉกเช่นการถอดถอนตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์เช่นนี้ หากว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักไม่พูดอะไร ไหนเลยจะมีที่ให้คนอื่นๆ พูด ต้องรู้ว่าตอนนี้พูดผิดไปประโยคหนึ่ง หลังจากนี้ก็อาจจะศีรษะหลุดออกจากบ่าได้

เหล่าขุนนางยอมรับข่าวคราวตื่นตะลึงเช่นนี้อย่างอยู่เป็น

แต่สำหรับเว่ยเชียง นี่เป็นความสะเทือนใจอันน่าตื่นตะลึง

“เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้าย!”

จักรพรรดิหย่งอันมองเว่ยเชียงที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง พลางเอ่ยเรียบๆ “เราไม่มีโอรสธิดา เห็นแก่ที่เจ้าคอยอยู่เป็นเพื่อนในหลายปีมานี้ จะไม่ดำเนินการจัดการลงโทษความผิดทั้งหมด หลังจากนี้เจ้าก็กลับจวนผิงหนานอ๋อง ตั้งใจปรนนิบัติบิดามารดาให้ดีเถอะ”

“เสด็จพ่อ…”

จักรพรรดิหย่งอันสุรเสียงเย็นชากว่าเดิม “หลังจากนี้จำเอาไว้ว่า เรียกเราว่าเสด็จลุง”

เว่ยเชียงล้มลงไปนั่งกองบนพื้น มองไปทางบรรดาเสนาบดีอย่างงุนงง

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า เหตุใดผ่านไปเพียงแค่คืนเดียว อิทธิพลอำนาจก็ถูกริบคืนไป กระทั่งข่าวคราวก็ไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย

บรรดาขุนนางหลบเลี่ยงสายตาองค์รัชทายาทที่ถูกปลดตำแหน่งเงียบๆ

ท่ามกลางเสนาบดีเหล่านี้ย่อมมีคนใกล้ชิดเว่ยเชียง อย่างไรเสียฝ่าบาทก็ชราภาพแล้ว แสดงความจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท ในภายภาคหน้าถึงจะสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีขุนนางที่อยู่ฝ่ายวังบูรพา เกียรติยศและความเสื่อมเสียผูกติดอยู่กับตัวองค์รัชทายาท

แต่เหล่าเสนาบดีที่รู้เรื่องล่วงหน้าเหล่านี้ถูกฝ่าบาทยื้อไว้หารือหนึ่งคืนแล้วเพิ่งจะปล่อยตัวออกมาในการประชุมเช้านี้เอง

จักรพรรดิหย่งอันซึ่งประทับสง่างามอยู่บนบัลลังก์มังกรเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของบรรดาขุนนางอยู่ในสายตาก็โค้งมุมโอษฐ์ขึ้นเล็กน้อย

ยามที่สมควรตัดสินใจให้เด็ดขาดกลับลังเลไปมาก็ต้องแบกรับภัยพิบัติที่เกิดจากเรื่องนั้น เว่ยเชียงเติบใหญ่แล้ว หากนำเรื่องปลดตำแหน่งมาอภิปรายกันในท้องพระโรงก็คงจะอภิปรายกันไป อภิปรายกันมา ไม่แน่ว่าอาจจะอภิปรายจนเกิดภัยพิบัติขึ้นมาก็ได้

แบบนี้ถึงจะดี ไล่เว่ยเชียงกลับจวนผิงหนานอ๋องไปก่อน หากว่ายังอยู่ไม่นิ่ง จัดการจวนผิงหนานอ๋องนั้นง่ายกว่าการปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่งมาก

ตอนนี้จักรพรรดิหย่งอันลอบอิ่มเอมพระทัยกับการที่ตัวเองเก็บชีวิตของบุตรชายเจิ้นหนานอ๋องเอาไว้

ขอแค่บุตรชายเจิ้นหนานอ๋องยังอยู่ก็เป็นข้ออ้างในการจัดการจวนผิงหนานอ๋องที่ดีที่สุด

“พาตัวออกไปเถอะ” จักรพรรดิหย่งอันโบกพระหัตถ์ด้วยพระพักตร์ไร้ความรู้สึก

เว่ยเชียงที่มีสีหน้าท้อแท้สิ้นหวังสุดขีดถูกผลักออกไป

พระบัญชาปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่งแพร่ไปถึงจวนผิงหนานอ๋องตามการแยกย้ายการประชุม

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท