บทที่ 514 ไม่เห็นต้องกังวล
บทที่ 514 ไม่เห็นต้องกังวล
“ที่นี่ดูค่อนข้างเงียบเหงานะ” ขณะอู๋ฝานนำกลุ่มคนไปยังชั้นที่สอง หวังจื่อหมิงมองก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ห้องส่วนตัวมากมายที่ชั้นสองของร้านโลกในแหวน นับเป็นสถานที่ที่มีเหล่านายน้อยและคุณหนูในเจียงโจวมากมายมาใช้บริการ ดังนั้นจึงค่อนข้างคึกคัก หลายคนกระทั่งภูมิใจด้วยซ้ำที่สามารถใช้งานห้องส่วนตัวที่ร้านได้
แต่สถานการณ์วันนี้ค่อนข้างแตกต่างไปจากปกติ ความคึกคักที่เคยมีเลือนหายไป รอบด้านค่อนข้างเงียบเหงาจนไม่มีเสียงพูดคุย
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณมา คงต้องบอกว่าชั้นสองในวันนี้ไม่มีใครมาใช้บริการห้องส่วนตัวครับ“ อู๋ฝานหัวเราะ
“เหมือนว่าตระกูลใหญ่ในเจียงโจวจะได้รับข้อความจากวังเมฆาสีชาดกันแล้ว” หวังจื่อหมิงตอบ
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการห้องส่วนตัวชั้นสอง ต่างก็เป็นคนของตระกูลใหญ่ในเจียงโจว ขณะนี้พวกเขาเหล่านั้นได้รับข้อความจากวังเมฆาสีชาดจนไม่กล้ามาที่นี่ ทำให้ชั้นสองของร้านพื้นเย็นชืด
“ก็คงเป็นแบบนั้นครับ” อู๋ฝานตอบรับ “พวกเขาไม่กล้าหาญเหมือนอย่างพวกคุณแน่”
บอกตามตรง การมาเยือนร้านโลกในแหวนท่ามกลางสถานการณ์เช่นปัจจุบัน มากพอจะแสดงให้เห็นว่าพวกหวังจื่อหมิงพร้อมสนับสนุนถึงเพียงใด แค่เรื่องนี้ก็ทำให้อู๋ฝานประทับใจและนึกขอบคุณแล้ว
เพื่อนที่มาในยามจำเป็นคือเพื่อนแท้!
“อู๋ฝาน ทำไมเหมือนฉันเห็นว่าคุณดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลยล่ะคะ” เกิ่งหย่าเฟยมองชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยคำถาม
“ทำไมต้องกังวลด้วยล่ะครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ต่อให้ไม่พูดเรื่องที่วังเมฆาสีชาดแข็งแกร่งกว่าผมจริงไหม แต่ต่อให้แข็งแกร่งกว่าแล้วยังไงล่ะครับ? พวกเขาก็มีอิทธิพลแค่กับตระกูลใหญ่ของเจียงโจว สำหรับคนทั่วไปที่อยู่ชนชั้นกลางค่อนไปทางสูงไม่ได้รับผลกระทบ พวกเขาเหล่านั้นไม่ทราบด้วยซ้ำว่าวังเมฆาสีชาดคืออะไร กิจการของโถงที่ชั้นหนึ่งไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย อีกทั้งเป้าหมายการเปิดร้านโลกในแหวนของผมก็ไม่ได้มีแค่เจียงโจว ผมคิดขยายสาขาไปยังเมืองใหญ่แห่งอื่นในประเทศด้วย วังเมฆาสีชาดมีอิทธิพลแค่ในเจียงโจว ถ้าผมไปเปิดร้านที่เมืองอื่นแล้วพวกเขาจะทำอะไรได้ครับ?“
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ อู๋ฝานก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “และบางทีความแข็งแกร่งของวังเมฆาสีชาดก็อาจไม่ได้ดีไปกว่าตัวผมด้วยซ้ำไป!”
แม้น้ำเสียงที่อู๋ฝานกล่าวออกมาจะราบเรียบ แต่มันแสดงออกซึ่งความมั่นใจ เป็นความมั่นใจถึงขนาดที่คนทั้งสามรับรู้กันได้อย่างชัดเจน
“นายมีความมั่นใจก็ดีแล้ว ฉันเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานายจะจัดการให้เรียบร้อยได้” หวังจื่อหมิงตอบ
คนจากตระกูลใหญ่ทั้งหลายในเจียงโจวมักจะคิดว่าเบื้องหลังของอู๋ฝานมีสำนักที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่ แต่ว่าเป็นสำนักใด พวกเขาไม่ทราบแน่ชัด ขณะนี้พวกหวังจื่อหมิงทั้งสามคนได้ยินอู๋ฝานเอ่ยคำเป็นมั่นเหมาะ จึงคิดว่าการที่อีกฝ่ายมีความมั่นใจก็เพราะสำนักที่หนุนอยู่เบื้องหลัง
แต่พวกเขาไม่ทราบว่าเหตุผลที่อู๋ฝานมีความมั่นใจไม่ใช่เพราะมีสำนักใดอยู่เบื้องหลัง ทว่าเป็นเพราะมีความมั่นใจในตัวเองต่างหาก
“ไม่ได้ช้าเลยครับ ขอแค่วันนี้แวะมาก็ไม่มีคำว่าช้าแล้ว!” อู๋ฝานตอบรับอีกฝ่ายด้วยความสงบ
กลุ่มคนต่างเข้าไปด้านในห้องส่วนตัวเพื่อสั่งอาหารพลางเริ่มสนทนากัน
“อู๋ฝาน การกระทำของคุณตอนนี้คือเรื่องที่ตระกูลใหญ่ทั้งหลายในเจียงโจวให้ความสนใจค่ะ” ถังอวี่เฟยเอ่ยคำขึ้น
“เหรอครับ? ได้รับเกียรติแล้วสิ” อู๋ฝานตอบกลับ “จะว่าไปแล้ว ปู่ของคุณไม่ได้บอกให้อยู่ห่างจากผมเอาไว้หรอกเหรอครับ?”
“ฉันจะเข้าหาใครก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่อะไรที่คนอื่นจะควบคุมได้ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับด้วยท่าทีดื้อรั้น
อู๋ฝานมองถังอวี่เฟยด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ตระกูลมากมายในเจียงโจวกำลังรอดูกันอยู่” หวังจื่อหมิงกล่าว “แม้พวกเขาจะค่อนข้างมองไปในทางที่ว่าเบื้องหลังนายต้องมีสำนัก แต่คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งไปกว่าวังเมฆาสีชาด ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นสำนักชั้นสองในระดับประเทศ ถือว่าพอเข้าใจได้ที่ทุกคนจะระมัดระวังและเว้นระยะห่างจากร้านโลกในแหวน”
หวังจื่อหมิงไม่เหมือนกับอู๋ฝาน เขาอยู่เจียงโจวมานานแล้ว รู้จักคนก็มาก อีกทั้งยังมีมิตรสหายมากมายยิ่งกว่า ดังนั้นเขาจึงหวังว่าอู๋ฝานจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่ขุ่นเคืองคนอื่น ยังไงทุกคนต่างก็มีความกังวลเป็นของตัวเอง
“ผมเข้าใจครับ” อู๋ฝานตอบ “ผมเปิดร้านทำธุรกิจ หลังจากวันนี้ขอแค่กลับมาใช้บริการ พวกเขาก็จะยังเป็นลูกค้าที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนเช่นที่เคยเป็น”
ลูกค้ากับเพื่อนฝูง สองตัวตนนี้มีความแตกต่างกัน หวังจื่อหมิงเข้าใจว่าอู๋ฝานจำแนกเช่นนี้
แต่หวังจื่อหมิงไม่อาจพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้ จากสถานการณ์ปัจจุบันถือว่าอู๋ฝานมีน้ำใจมากแล้ว เขาจึงไม่เอ่ยปากขอให้อีกฝ่ายมองคนอื่นเป็นเหมือนเพื่อนสนิทชิดใกล้แต่อย่างใด เพราะหากเป็นเขาก็คงไม่อาจทำได้เช่นกัน อู๋ฝานจะตัดสินใจแบบเดียวกันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
อาหารจานแล้วจานเล่าถูกนำมาจัดเรียง รวมถึงไวน์สุดเหนือเมฆสองขวด แต่สองขวดนี้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
“อู๋ฝาน ต้องบอกเลยว่าไวน์ของคุณยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ!” เมื่อเห็นไวน์ถูกนำมา หวังจื่อหมิงและหลิวอวี่กวงต่างเผยดวงตาเป็นประกาย โดยเฉพาะหลิวอวี่กวงที่อดไม่ได้จนต้องเอ่ยชื่นชมขึ้น
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่คนทั้งสองได้ดื่มไวน์นี้ ทว่าพวกเขาก็ยังมีความคะนึงหาและติดใจในรสชาติ ด้วยสถานะเช่นพวกเขาที่เคยได้ดื่มไวน์มานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่เคยได้ลิ้มลองขวดที่ได้รสชาติเช่นเดียวกันกับไวน์ของอู๋ฝาน
สาเหตุที่หลิวอวี่กวงมาสายวันนี้ไม่ใช่เพราะลังเลว่าจะมาดีหรือไม่ แต่เป็นเพราะยุ่งกับการเตรียมเรื่องเป็นตัวแทนไวน์สุดเหนือเมฆ นับตั้งแต่ตัดสินใจเกาะต้นขาของอู๋ฝานเอาไว้ เขาก็ไม่เคยคิดหันหลังกลับ ไม่นานมานี้ก็ยังเอาแต่คิดเรื่องการต่อยอดการเป็นตัวแทนไม่หยุดหย่อน ดังนั้นเรื่องเดียวที่เขากังวลคือไวน์
“แน่นอนครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ไวน์นี้ผมไม่ได้ทำขายทั่วไป ดังนั้นที่เห็นวันนี้จึงพิเศษกว่าครั้งไหน”
“พิเศษกว่า?” หวังจื่อหมิงเผยสีหน้าสงสัย
“บรรจุภัณฑ์ของขวดก็แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้จริง ๆ” หลิวอวี่กวงตอบรับ เพราะไม่นานมานี้ตั้งใจกับเรื่องการเป็นตัวแทน ดังนั้นเพียงมองก็ทราบได้ว่าไวน์ที่อู๋ฝานนำมาวันนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า
“ไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์หรอกนะครับ รสชาติก็ด้วย” อู๋ฝานหัวเราะ
“มีไวน์ที่ยังดีขึ้นไปอีกงั้นเหรอครับ?” หลิวอวี่กวงถึงกับต้องประหลาดใจ
“ลองแล้วจะทราบเองครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
หวังจื่อหมิงและหลิวอวี่กวงไม่อาจอดใจรอที่จะรินไวน์และลิ้มลองได้ แม้เกิ่งหย่าเฟยและถังอวี่เฟยจะร่วมดื่มด้วย แต่พวกเธอยังไม่ลิ้นทองหรือกระหายเท่าคนทั้งสอง ดังนั้นจึงไม่ได้เร่งร้อนลิ้มลองรสชาติ
“วิเศษ!”
“สัมผัสแบบนี้วิเศษเกินไปแล้ว!”
หลังคนทั้งสองได้ลิ้มลอง ทั้งหวังจื่อหมิงและหลิวอวี่กวงต่างรับรู้ถึงรสชาติที่แผ่ซ่านในปากจนไม่อาจเก็บคำชื่นชมเอาไว้ได้
“อู๋ฝาน ไวน์นี้ให้สิทธิ์ตัวแทนกับผมในเจียงโจวด้วยใช่ไหมครับ?” หลิวอวี่กวงเอ่ยถาม
“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ” อู๋ฝานส่ายหน้า “จำนวนการผลิตไวน์นี้ค่อนข้างน้อยมาก อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่สามารถวางจำหน่ายได้ครับ”
……………………………