บทที่ 1166 ตอนพิเศษ (57/1)
บทที่ 1166 ตอนพิเศษ (57/1)
จางซื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ใจสลายยิ่งกว่าเดิม
แม้ว่าพฤติกรรมของหวังสือจู้จะดูผิดปกติราวกับเกิดบางอย่างขึ้นจริง ๆ ทว่าลึก ๆ ในใจนางยังคงหวังว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นการเข้าใจผิด ทั้งยังหวังว่าหวังสือจู้จะจงใจทำให้นางกลัว
“ลูกชาย ภายหน้าแม่จะไม่พูดจาเหลวไหลอีกแล้ว แม่จะไม่นินทาผู้ใด ไม่ล่วงเกินผู้อื่นแล้ว ต่อแต่นี้ไปแม่จะกินมังสวิรัติจะสวดมนต์ ไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมอีก เจ้าบอกแม่เถอะว่า อันที่จริงแล้วเจ้าเพียงทำให้แม่กลัวใช่หรือไม่?”
หวังสือจู้สะบัดมือจางซื่อออก กล่าวอย่างหมดความอดทนว่า “ข้าไม่เป็นไร ท่านอย่าทำให้ตนเองกลัวไปเลย”
“ท่านหมอมาแล้ว” เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก บ่าวรับใช้ที่หลิวจิ่วจู๋ส่งไปเดินนำท่านหมอเข้ามา “ท่านหมอ เชิญทางนี้ขอรับ”
“ข้าไม่ต้องการท่านหมอ ไม่เอาท่านหมอ! พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่? ไสหัวไป! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้…” หวังสือจู้กรีดร้องออกมา
พลั่ก! หยางชิงซือหยิบหมอนไม้ข้างตัวขึ้นมาทุบเขา
หวังสือจู้ล้มลงในทันที
“หากข้าไม่ตีเขาให้สลบ เขาจะให้ความร่วมมือหรือ?” หยางชิงซือกล่าวเสียงค่อยอย่างรู้สึกผิด “ข้าคุมแรงได้ ไม่ทำให้เขาเจ็บเป็นแน่ ท่านวางใจ ข้าพอมีประสบการณ์ทุบหัวคนให้หมดสติมาบ้าง”
“ท่านหมอ ท่านรีบตรวจดูเถิดว่าลูกชายของข้าเป็นอะไรหรือไม่” จางซื่อเอ่ยกับท่านหมอ
ท่านหมอคนนั้นเป็นท่านหมอจากร้านยาที่ปกติหลิวจิ่วจู๋มักจะขายยาอมให้ ทั้งยังเป็นหมอที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เมื่อเทียบกับท่านหมอคนอื่น ๆ แล้ว เขาไม่หลอกลวงและเป็นมิตรกับชาวบ้านมากกว่า
ท่านหมอตรวจบริเวณที่หวังสือจู้ถูกตีก่อน จากนั้นจึงเอ่ยกับหยางชิงซือ “แม่นางน้อยผู้นี้ช่างเหลวไหลยิ่งนัก ศีรษะเป็นจุดที่เปราะบางมาก จะตีอย่างนี้ไม่ได้ ภายหน้าอย่าได้ทำอีก โชคดีที่ครั้งนี้ไม่เป็นไร ครั้งต่อไปอาจไม่โชคดีเช่นนี้แล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านหมอ” หยางชิงซือรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
ครั้งนี้จางซื่อกลับไม่ได้ทำตัวไร้เหตุผล เมื่อรู้ว่าศีรษะลูกชายไม่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรหยางชิงซืออีก
“ท่านหมอ ร่างกายลูกชายข้า…”
“อาการบาดเจ็บที่ท้ายทอยไม่เป็นไร เพียงแต่ร่างกายของเขา…” ท่านหมอถอนหายใจเบา ๆ “โรคประเภทนี้ยุ่งยากยิ่ง ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงระยะเริ่มต้น แต่คิดจะรักษากลับไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น”
นางมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม นางยังคงต้องการฟังคำตอบอื่นจากท่านหมอ
“กามโรค…”
จางซื่อแข้งขาอ่อนแรง นั่งแหมะลงกับพื้น
นางยกมือขึ้นปิดปาก พยายามข่มก้อนสะอื้นลงไป
เมื่อครู่นี้นางร้องไห้มาสองสามรอบแล้ว ตอนนี้นางต้องควบคุมตนเอง
“ท่านหมอ มีวิธีรักษาหรือไม่?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถาม
“อาการของเขายังไม่รุนแรงนัก สามารถรักษาให้หายได้ เพียงแต่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก” ท่านหมอกล่าว “เรื่องนี้อย่าได้ปล่อยให้รั่วไหลออกไป ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะรู้ว่าข้าตรวจโรคเช่นนี้ให้ลูกชายท่าน เกรงว่าจะไม่มารักษาที่โรงหมอของเราอีก”
โรคนี้เป็นโรคต้องห้าม เกรงว่าหากสัมผัสแม้เพียงเล็กน้อยก็จะรู้สึกว่าตนติดโรคตามไปด้วย นำมาซึ่งความโชคร้าย
“พวกเรารู้ พวกเราจะไม่พูดอย่างแน่นอน” จางซื่อกล่าว “เช่นนั้นต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใด?”
“เตรียมสักหนึ่งร้อยตำลึงกระมัง!”
“มากเพียงนั้นเชียวหรือ? ข้าไม่มีเงินมากเพียงนั้น” จางซื่อกล่าว “จริงสิ บ้าน บ้านหลังนี้…”
“ขออภัยที่ข้าต้องกล่าวตามตรง บ้านหลังนี้ของท่านมีขนาดเล็ก ทั้งยังทรุดโทรม อย่างมากก็เพียงเจ็ดสิบตำลึง” ท่านหมอกล่าว “เพียงแต่ หากท่านต้องการช่วยชีวิตลูกชาย ท่านจะต้องเตรียมเงินล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นเทพเซียนก็ยากที่จะช่วยเขาได้”
“พวกเราขอตัวก่อน” หยางชิงซือดึงหลิวจิ่วจู๋ไป “ท่านป้าจาง ท่านอย่าพึ่งร้อนใจ ท่านหมอบอกแล้วว่ารักษาได้”
“ใช่แล้ว พวกข้าขอตัวก่อน” หลิวจิ่วจู๋เห็นด้วย
นี่เป็นเรื่องฉาวโฉ่ของหวังสือจู้ ตอนนี้จางซื่อยังไม่คิดอะไร แน่นอนว่าย่อมไม่รังเกียจที่พวกนางอยู่ที่นี่ รอเรื่องนี้สิ้นสุดลง บางทีหยิงชราอาจต่อว่าพวกนางที่ ‘แอบฟัง’ เรื่องฉาวโฉ่ของครอบครัว
หลังจากออกมาจากประตูแล้ว หยางชิงซือก็ดีดหน้าผากหลิวจิ่วจู๋ “เจ้าใจดีเกินไปแล้ว”
“เรื่องนี้พวกเราไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่รู้ได้กระมัง? นางน่าสงสารทีเดียว”
“คนน่าสงสารบางทีอาจมีความน่ารังเกียจบางอย่าง ปกตินางน่ารังเกียจเพียงใด เจ้าลืมไปหมดแล้วหรือ?” หยางชิงซือลากหลิวจิ่วจู๋กลับไปที่บ้าน
จากนั้นเรื่องสกุลหวังก็เปิดเผยออกมา ถึงแม้ข้างบ้านจะร้องห่มร้องไห้เพียงใด หลิวจิ่วจู๋ก็ไม่ได้เข้าไปถามไถ่อีก
หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือยังคงทำยาสระผมต่อไป
ถังลี่เฉิงสนใจในยานี้ของพวกนางจึงรับปากว่าจะช่วยขาย ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก็เห็นผล
“ขวดนี้หรูหราเกินไปหน่อยหรือไม่?” หยางชิงซือเอ่ย “ศิลาดลเชียวนะ ยาสระผมบรรจุในศิลาดล แต่ละขวดยังขายถึงห้าตำลึงเงิน นี่แพงเกินไปหน่อยแล้ว”
“พวกท่านต้องเข้าใจว่าฐานลูกค้าของพวกท่านเป็นผู้ใด” ถังลี่เฉิงกล่าวพร้อมกับโบกพัดไปมา “สตรีทั่วไปจะต้องไม่ซื้อยาสระผมอย่างแน่นอน ประการแรกพวกนางไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ประการที่สองพวกนางไม่ได้พิถีพิถันเพียงนั้น แม้กระทั่งท้องยังไม่อิ่มจะใช้จ่ายเงินกับสิ่งนี้ได้อย่างไร? สตรีที่มีฐานะค่อนข้างดีจะซื้อ ทว่าราคาที่พวกนางจับจ่ายได้ไม่สูงนัก”
“เช่นนั้นก็เหลือเพียงทางเดียวคือขายให้สตรีชนชั้นสูง ในเมื่อจะขายให้กับสตรีชั้นสูงย่อมต้องทำเป็นสินค้าคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกล้วนต้องเด่นสะดุดตา หรือกระทั่งทำให้มันดูเป็นศิลปะ มีความพิเศษไม่เหมือนใคร”
“ในด้านการค้า เถ้าแก่ถังเป็นผู้ช่ำชอง พวกเราจะฟังท่าน” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย
“พวกท่านเพียงแค่ทำสินค้าออกมา ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ข้า” ถังลี่เฉิงกล่าว “พอดีหมู่นี้ข้าต้องกลับไปที่บ้านเกิด เรื่องยาสระผมของพวกท่านมอบให้สตรีสูงศักดิ์ทางนั้นจัดการ”
หลิวจิ่วจู๋รับเงินมัดจำที่ถังลี่เฉิงจ่ายให้
เพื่อให้นางทำสินค้าออกมาได้อย่างสบายใจ ถังลี่เฉิงจึงจ่ายเงินล่วงหน้าห้าร้อยตำลึง ทั้งยังกล่าวว่าแม้จะขายไม่ได้ก็ไม่ต้องคืน
“จู๋จือ เถ้าแก่ถังผู้นี้ตรงไปตรงมาจริง ๆ” หยางชิงซือเอ่ย “พวกเรามาศึกษากลิ่นอื่น ๆ เพิ่มอีกสักสองสามกลิ่นกันเถอะ เช่นนี้ลูกค้าจะได้มีตัวเลือก”
“เอาสิ” หลิวจิ่วจู๋เห็นคนสองสามคนตรงหน้าจึงหยุดฝีเท้าอย่างระมัดระวัง “ชิงซือ จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ซื้อเนื้อเลย”
“เนื้อ? ตอนนี้ที่บ้าน…” ไม่ได้มีแม่ครัวแล้วหรือ เดิมทีพวกนางไม่ต้องทำอาหารแม้แต่น้อย
หยางชิงซือมองตามสายตาของหลิวจิ่วจู๋ไป นางจึงเห็นคนสองสามคนอยู่ตรงนั้น
“ใช่ ๆ พวกเราไปซื้อเนื้อกันเถอะ”
หนีสิ!
ทางนั้นมีคนสองสามคนตามมาลับ ๆ จะต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน
คนเหล่านั้นสังเกตเห็นว่าหลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือวิ่งไปแล้วจึงไล่ตามทันที
คราวนี้พวกนางหยุดเสแสร้งแล้ว
“วิ่งเร็ว!” หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือเริ่มออกวิ่ง
“จู๋จือ พวกเราวิ่งไปคนละทาง” หยางชิงซือกล่าว “เช่นนี้จะปลอดภัยกว่า ทั้งยังไปแจ้งข่าวได้ด้วย”
“ต้องโทษข้า เมื่อเช้าพ่อบ้านบอกให้ข้าพาคนออกมา ข้ากลับไม่ยอม” หลิวจิ่วจู๋นึกเสียใจที่ตัดสินใจเช่นนั้น
“ข้าควรคิดได้ว่าหลิ่วจินเปยยังซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ สถานการณ์ยังไม่ทันคลี่คลาย”
พลั่ก! เกิดเสียงต่อสู้ขึ้นจากข้างหลัง
ทั้งสองได้ยินเสียงจึงหันกลับไปมอง
“จู๋จือ…” หยางชิงซือชี้ไปที่วีรบุรุษผู้ที่โผล่มาลงมือกะทันหัน “สามีเจ้า!”
หลิวจิ่วจู๋หยุดฝีเท้าแล้วหันไปมองลู่ฉาวจิ่ง
ไม่ช้าลู่ฉาวจิ่งก็จัดการกับโจรที่ตามมาภายในไม่กี่กระบวนท่า
“นำตัวไป!” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ยกับลูกน้องที่ตามมา