การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 626 งานมงคลซ้ำซ้อน (1)

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 626 งานมงคลซ้ำซ้อน (1)

บทที่ 626 งานมงคลซ้ำซ้อน (1)

ถังซวงเมื่อได้ยินก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “พ่อคะ พวกเรากลับมาแล้ว ครั้งนี้ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ”

“พ่อรู้ ไม่ใช่แค่ทุกอย่างราบรื่น แต่พวกลูกยังทำผลงานออกมาได้อย่างโดดเด่นด้วย คนเขาพากันอิจฉาพ่อที่มีลูกสาวเก่ง ๆ แบบลูก แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ทำได้แค่อิจฉาเท่านั้นแหละ” จิงเจ้อหรงกล่าวด้วยใบหน้าแห่งความภาคภูมิใจ จากนั้นหันไปมองถังชุนหยานและกล่าวว่า “ชุนหยาน ครั้งนี้ลำบากหน่อยนะ”

ถังชุนหยานได้ยินก็รีบส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ลุงจิง หนูไม่ลำบากเลยค่ะ คนที่ลำบากคือพี่สาวซวงต่างหาก พี่เขาต้องจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเลย”

แม้จะกล่าวเช่นนี้ จิงเจ้อหรงเองก็ยังคงกล่าวชื่นชมถังชุนหยาน และสุดท้ายก็หันไปพูดกับโม่เจ๋อหยวน “เจ๋อหยวน เธอไปเมืองกวางโจวตอนไหน ทำไมก่อนหน้านี้พวกเราถึงไม่รู้เลย ได้ยินว่าเธอสะสางงานจนเสร็จ และก็ทำได้ดีมากเสียด้วย”

เขาได้ยินข่าวแว่ว ๆ ว่าโม่เจ๋อหยวนร่วมกับทีมที่ปรึกษาของเขาพัฒนาตู้เย็นสำหรับใช้ในครัวเรือน และโม่เจ๋อหยวนยังเป็นเสาหลักให้กับทีมด้วย นี่ถือได้ว่าเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว ความจริงแล้วในช่วงต้นทศวรรษห้าสิบก็มีตู้เย็นมานานแล้ว เพียงแต่ว่าตู้เย็นในตอนนั้นไม่ได้ถูกใช้ภายในครัวเรือน แต่การผลิตพัฒนาตู้เย็นของโม่เจ๋อหยวนในครั้งนี้จะเป็นของสำหรับใช้ในครัวเรือนโดยเฉพาะ

โม่เจ๋อหยวนได้ยินคำชมของจิงเจ้อหรง ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดเป็นผลมาจากความตั้งใจของทุก ๆ คนครับ”

ขณะนี้เองก็เป็นถังหลานที่เอ่ยออกมา “เอาละ อาเจ้อ ทุกคนรีบเข้ามาก่อนเถอะค่ะ ใกล้จะถึงเวลาทานข้าวแล้ว ถ้ามีอะไรจะพูดคุยกันก็เข้ามาคุยกันข้างในเถอะ”

ถังเซวี่ยกล่าวตาม “ใช่ค่ะ พ่อ พวกเรารีบเข้าไปข้างในเถอะ”

“กินข้าว… กินข้าว…”

ฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยก็ร้องตาม เด็กน้อยทั้งสองยิ่งน่ารักมากขึ้นเรื่อย ๆ ถังซวงอุ้มพวกเขาขึ้นมาคนละข้าง “เอาละ กินข้าวกันนะ”

แต่จิงเจ้อหรงเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเอาแต่พูดคุยกับพวกถังซวง จึงรีบชวนให้เข้าไปในบ้าน

ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงเองรับรู้เรื่องของทั้งถังซวงและโม่เจ๋อหยวน ต่างก็พากันภูมิใจในตัวของพวกเขา“ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน ชุนหยาน ทั้งสามคนทานให้เยอะ ๆ นะ ไปเมืองกวางโจวครั้งนี้คงลำบากกันแย่เลย”

เมื่อกล่าวจบ คุณนายจิงก็ถามถึงพานลี่ฮวา

“ซวงเอ๋อร์ ป้าสะใภ้ของหลานกลับก่างเฉิงไปแล้วหรือจ๊ะ?”

“ค่ะ ตอนแรกป้าตั้งใจจะมาส่งพวกเราค่ะ แต่พอเห็นว่าอาหยวนไปที่เมืองกวางโจวพอดี ถึงได้ล้มเลิกความคิดไป”

คุณนายจิงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวยิ้ม ๆ “ลี่ฮวาก็ใจร้อนแบบนี้แหละ ยังดีที่เจ๋อหยวนแวะไปหา ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะมาส่งพวกหลานด้วยตัวเอง” ในขณะที่กล่าวก็รีบบอกให้พวกเขาทานข้าวอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ถังหลานนั่งลง เธอก็หันไปถามถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย เสี่ยวเยี่ยเตรียมตัวจะมาขอลูกแต่งงานอย่างเป็นทางการแล้วนะ เขาอยากจะหมั้นกับลูกในวันเกิดเดือนหน้าของลูกน่ะ”

เมื่อถังเซวี่ยได้ยินก็ตกตะลึง เรื่องนี้เธอไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ถึงแม้จะเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่ก็เพียงเปรย ๆ เท่านั้น ไม่คิดว่าเฟิงเยี่ยหานจัดเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว “หนูไม่รู้มาก่อนเลยค่ะ หรือว่า… เฟิงเยี่ยหานจะมาปักกิ่งแล้วหรือคะ?”

ถังหลานพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่สิ อีกสองวันเสี่ยวเยี่ยก็จะมาปักกิ่งแล้ว เรื่องนี้มันเรื่องสำคัญของชีวิตลูก ดังนั้นแม่เลยบอกลูกเอาไว้ซะเลย” เมื่อกล่าวจบ เธอก็หันไปถามถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย ลูกอยากใช้ชีวิตที่เหลือกับเฟิงเยี่ยหานจริง ๆ หรือ?” ในเมื่อหมั้นกันแล้ว งานแต่งงานก็อยู่ไม่ห่างออกไปนัก เธออยากให้ลูกสาวของตนคิดเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง

ถังเซวี่ยพยักหน้าและกล่าวอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ค่ะแม่ หนูคิดดีแล้วค่ะ”

เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของถังเซวี่ย ถังหลานอดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าวว่า “ลูกคิดดีแล้วก็พอ แม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของลูกกับเสี่ยวเยี่ย และมองออกว่าเสี่ยวเยี่ยมีความจริงใจต่อลูก เพราะฉะนั้นในอนาคตพวกลูกทั้งสองคนก็ใช้เวลาให้มีความสุขนะ”

“ค่ะ พวกเราจะใช้เวลาอย่างมีความสุขแน่นอนค่ะ”

ถังเซวี่ยเองก็ไม่ได้เจอเฟิงเยี่ยหานนานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ผ่านปีใหม่มาเฟิงเยี่ยหานก็กลับไปที่เมืองไห่เฉิง พวกเขาทั้งสองคนจึงต้องติดต่อกันผ่านจดหมายหรือไม่ก็โทรศัพท์เท่านั้น แล้วก็ไม่รู้ว่า สองสามเดือนที่ผ่านมานี้เฟิงเยี่ยหานกำลังทำอะไรอยู่บ้าง โชคดีที่เขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้แล้ว ทั้งสองคนจะได้เจอหน้ากันสักที

เมื่อคิดมาถึงตรงจุดนี้ ใบหน้าของถังเซวี่ยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ถังหลานเห็นท่าทีของลูกสาว ก็อดเอ่ยหยอกล้อไม่ได้ “ก็รู้แหละว่าลูกดีใจ แต่ถ้าเสี่ยวเยี่ยเข้ามาขอลูกแต่งงานจริง ๆ ลูกต้องสงวนท่าทีกว่านี้หน่อยนะ ให้พวกเราคุยกับเสี่ยวเยี่ย ส่วนลูกก็อย่าเพิ่งตอบตกลงอะไร”

“แม่คะ หนูก็สงวนท่าทีอยู่นะคะ”

พอถูกพูดแบบนั้นถังเซวี่ยก็รู้สึกเขินอาย อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าหาถังหลานและออกแรงแกว่งแขนของแม่

“เอาละ ๆๆ แม่ไม่พูดแล้ว”

ถังหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันไปคุยกับถังชุนหยาน “ชุนหยาน ป้ามีเรื่องจะคุยกับเธอพอดี มีคนมาถามเรื่องเธอกับป้าน่ะ อยากถามเธอว่าอยากจะดูใจกับใครสักคนไหม อีกฝ่ายหนึ่งเขาก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้ได้เลยนะ การงานดี นิสัยก็ดี หน้าตาก็ไม่ได้แย่ ถ้าเธอตกลงละก็ ลองไปเจอหน้ากันก่อน เธอว่ายังไง?”

ถังชุนหยานรู้ว่าถ้าถังหลานแนะนำก็ต้องดีแน่นอน แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีใจที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้จึงได้ปฏิเสธไป

“ป้าหลาน หนูขอเอาไว้ก่อนนะคะ ตอนนี้หนูยังไม่อยากคบหากับใครน่ะค่ะ”

เมื่อถังหลานได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เธอเองก็รู้ว่าการหาคู่ก่อนหน้านี้ของถังชุนหยานไม่ได้ราบรื่นมากนัก ไม่คิดเลยว่าเธอในตอนนี้จะไม่มีใจแม้แต่จะคิดหาคนดูใจเลยด้วยซ้ำ ความจริงแล้วเธอเองก็อยากจะพูดเกลี้ยกล่อมบางอย่าง แต่สุดท้ายถังซวงก็เอ่ยปากออกมา “เอาละค่ะแม่ ในเมื่อชุนหยานไม่อยาก งั้นแม่ก็ปฏิเสธอีกฝ่ายไปเถอะค่ะ”

เมื่อได้ยินลูกสาวคนโตพูดแบบนี้แล้ว ถังหลานก็ทำได้เพียงพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปบอกปฏิเสธเขาทันทีเลย”

ถังชุนหยานมองถังซวงด้วยสายตาขอบคุณ หลังจากนั้นจึงรีบลุกขึ้นและเอ่ยว่า “ป้าหลาน งั้นหนูขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ”

“อืม รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” ในขณะที่กล่าว ถังหลานก็หันไปบอกถังซวงว่า “ซวงเอ๋อร์ ลูกก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ครั้งนี้ลูกออกไปทำงานกันมานานคงจะเหนื่อยกันมากแล้วละ”

สุดท้ายถังเซวี่ยเองก็ตามออกไปด้วย

อีกด้านหนึ่ง จิงเจ้อหรงกำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือกับโม่เจ๋อหยวน ทั้งสองคนก็พูดถึงเรื่องเฟิงเยี่ยหานเช่นกัน

“เจ๋อหยวน อีกสองวันเฟิงเยี่ยหานก็จะมาสู่ขอถังเซวี่ยอย่างเป็นทางการแล้ว เธอมีความคิดเห็นว่าอย่างไร?”

เมื่อได้ยินดังนี้ โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะชะงัก เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเอามาตัดสินใจเองได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็พูดความรู้สึกของตัวเองออกไปตามความจริง “ผมคิดว่าเฟิงเยี่ยหานก็ไม่ได้แย่นะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาดูแลเสี่ยวเซวี่ยดีมาก”

จิงเจ้อหรงรู้เรื่องนี้ดี ความจริงแล้วเขาเพียงแค่ต้องการที่จะบอกกับโม่เจ๋อหยวนเท่านั้น ไม่ได้คิดจะให้อีกฝ่ายออกความคิดเห็นชี้แนะอะไรหรอก แต่ถึงอย่างนั้นเพียงแค่คิดว่าเสี่ยวเซวี่ยจะต้องหมั้นหมายแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนว่าลูกสาวของตัวเองกำลังจะหนีออกไปกับคนอื่น ในหัวใจก็รู้สึกไม่เป็นสุข

“ฉันรู้ว่าเฟิงเยี่ยหานดูแลเสี่ยวเซวี่ยอย่างดี หึ… ถ้าเขากล้าดูแลเธอไม่ดีสิ ได้เห็นดีกันแน่”

เมื่อกล่าวจบ จิงเจ้อหรงก็พูดเรื่องสำคัญกับโม่เจ๋อหยวน “เจ๋อหยวน ฉันรู้ว่าครั้งนี้เธอประสบความสำเร็จมาก ถึงแม้ตอนนี้จะกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่เธอได้คิดถึงอนาคตบ้างหรือยังว่าจะทำงานที่ไหน?”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท