ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 417 บรรดาลูกค้าหอสุราล้วนรูปงาม

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 417 บรรดาลูกค้าหอสุราล้วนรูปงาม

“อาเซิง นี่คือลูกค้าของหอสุราพวกเจ้าหรือ” สายตาขององค์หญิงฉางเล่อไม่ได้ละออกไปจากดวงหน้าหล่อเหลาสง่างามเลยสักนิด ขณะเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจหลายส่วน

สำหรับองค์หญิงฉางเล่อ คุณค่าของบุรุษเป็นแค่นายบำเรอเท่านั้น

ท่าทีต่อนายบำเรอย่อมไม่ถึงขั้นจริงจัง

ลั่วเซิงโค้งริมฝีปาก “ใช่แล้วเพคะ”

“ตระกูลไหนหรือ”

คุณชายรองเซิ่งที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดขมวดคิ้ว

นี่คือสตรีชนชั้นสูงจากตระกูลใด ถึงได้วิพากษ์วิจารณ์บุรุษต่อหน้าอย่างกำเริบเสิบสาน ไร้ความเกรงกลัวขนาดนี้

คุณชายรองเซิ่งเห็นท่าทางที่เด็กสาวปฏิบัติต่อลั่วเซิงอย่างสนิทสนมก็มุมปากกระตุก

ตอนนี้เขารู้แล้วอย่างแท้จริงแล้วว่า อะไรที่เรียกว่า กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์[1]

“ญาติผู้น้อง พวกเรากลับก่อนนะ” คุณชายใหญ่เซิ่งทักทายลั่วเซิง

ญาติผู้พี่ของอาเซิงหรือ

องค์หญิงฉางเล่อมองไปทางลั่วเซิง “อาเซิง พวกเขาล้วนเป็นญาติผู้พี่ของเจ้าหรือ”

ลั่วเซิงเอ่ยยิ้มๆ “ที่อยู่ด้านหน้าสองท่านคือญาติผู้พี่ใหญ่กับญาติผู้พี่รองของหม่อมฉัน คุณชายที่อยู่ข้างหลังท่านนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหม่อมฉันเพคะ”

องค์หญิงฉางเล่อจ้องซูเย่ายิ้มๆ “แบบนี้เอง…คุณชายท่านนั้นเป็นใครหรือ”

คุณชายรองเซิ่งเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ญาติผู้น้อง พวกเรามีธุระด่วน ไปก่อนนะ”

สตรีผู้นี้สนใจในตัวน้องรองซูอย่างเห็นได้ชัด

นับตั้งแต่น้องรองซูได้เป็นบัณฑิตจอหงวน พวกเขาก็พบเจอแม่นางน้อยที่มีความสนใจเหล่านั้นเยอะมาก แต่ที่แสดงออกมาอย่างกล้าหาญเช่นนี้ได้เห็นเป็นครั้งแรก

องค์หญิงหรือ

คุณชายรองเซิ่งกับคุณชายใหญ่เซิ่งล้วนตะลึง

ซูเย่าเผยความประหลาดใจบนใบหน้าจางๆ ท่าทางสบายๆ เหมือนไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

ลั่วเซิงเอ่ยในเวลาอันเหมาะสม “นี่คือองค์หญิงฉางเล่อ”

ทั้งสามคนประสานมือแสดงความเคารพพร้อมกัน “ถวายบังคมองค์หญิง”

องค์หญิงฉางเล่อพยักหน้าเล็กน้อย โดยไม่ได้ละสายตาไปจากซูเย่า “อาเซิง ข้าจำได้ว่าตระกูลตายายเจ้าอยู่ไกลถึงจินซา ทำไมเหล่าญาติผู้พี่ถึงวิ่งมาที่เมืองหลวงกันล่ะ”

ลั่วเซิงตอบยิ้มๆ “ญาติผู้พี่สองท่านกับอาลักษณ์ซูล้วนเข้ามาสอบในเมืองหลวงเพคะ”

อาลักษณ์ซูหรือ

องค์หญิงฉางเล่อจ้องซูเย่า ยิ้มละไม “กล่าวเช่นนี้ ท่านนี้ก็คือบัณฑิตจอหงวนคนใหม่หรือ”

การสอบหน้าพระที่นั่งระดับสูงสุดจะเข้ารอบแค่เพียงสามคน และถูกเรียกว่า จอหงวน ปั้งเหยี่ยน [2]และทั่นฮวา[3] และมีเพียงแค่บัณฑิตจอหงวนที่ได้รับตำแหน่งอาลักษณ์ในราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลิน หลังจากสิ้นสุดการสอบหน้าพระที่นั่ง ปั้งเหยี่ยนกับทั่นฮวาจะได้รับตำแหน่งบรรณาธิการในราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลิน

อาเซิงบอกว่า นี่คืออาลักษณ์ซูก็แสดงให้เห็นว่านี่คือบัณฑิตจอหงวนคนใหม่แล้ว

รูปโฉมหล่อเหลา มีความสามารถและที่สำคัญคือยังไม่มีหนวดเครา

ความสนใจที่องค์หญิงฉางเล่อมีต่อเด็กหนุ่มตรงหน้าจึงมากขึ้น

ส่วนซูเย่าก็ประสานมือคารวะด้วยท่าทางเปิดเผย หลังจากคำถามขององค์หญิงฉางเล่อ “กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงฉางเล่อหรี่ตา

กระหม่อม…คำเรียกนี้ นางชอบ

ความสนใจที่องค์หญิงฉางเล่อมีต่อซูเย่าทำให้คนอื่นๆ รู้สึกกระวนกระวาย มีเพียงซูเย่าที่ยังคงสงบนิ่ง “หากพระองค์ไม่มีคำสั่งอื่นแล้ว พวกกระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงฉางเล่อพยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าองค์หญิงฉางเล่อไม่ได้ทำให้ลำบากใจอีก คุณชายใหญ่เซิ่งและคนอื่นๆ ก็โล่งใจเงียบๆ

หลังเร่งฝีเท้าออกจากหอสุรา คุณชายรองเซิ่งก็ใช้พัดพับเคาะฝ่ามือ “น้องรองซู เจ้ามีปัญหาแล้ว!”

ซูเย่าสีหน้าสงบนิ่ง “ปัญหาอะไรหรือ”

“นั่นคือองค์หญิงฉางเล่อนะ เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ”

ซูเย่าส่ายหน้าอย่างเยือกเย็น

คุณชายรองเซิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา “ก็ถูก พวกเรามาเมืองหลวงไม่ถึงหนึ่งปี ก่อนหน้านี้องค์หญิงฉางเล่อก็ไม่อยู่ในเมืองหลวง ไม่มีใครพูดกับเจ้าก็เป็นเรื่องปกติ ข้ายังรู้จักองค์หญิงผู้นี้เพราะญาติผู้น้องเลย”

“เพราะคุณหนูลั่วหรือ” ซูเย่าถามเสียงเบา แววตาเข้มขึ้นเล็กน้อย

“ใช่แล้ว องค์หญิงฉางเล่อกับญาติผู้น้องเป็นสหายสนิทกัน ทั้งสองคน…ล้วนชอบเลี้ยงดูบุรุษ”

“น้องรอง” คุณชายใหญ่เซิ่งเหลือบมองคุณชายรองเซิ่งแวบหนึ่ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่บ้าง

คุณชายรองเซิ่งแย้มรอยยิ้ม “น้องรองซูไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย มีอะไรพูดไม่ได้กัน หรือว่าพี่ใหญ่จะไม่ให้น้องรองซูเตรียมตัวสักหน่อยก็ถูกองค์หญิงฉางเล่อผู้นั้นสร้างหายนะให้?”

คุณชายใหญ่เซิ่งหมดวาจาจะกล่าว

พวกเขาบากบั่นร่ำเรียนมาเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการสอบ ใครบ้างไม่แสดงความทะเยอทะยานออกมา หากกลายเป็นบุรุษขององค์หญิง เช่นนั้นก็ทุกข์ใจเสียยิ่งกว่าการตายเสียอีก

“น้องรองซู หลังจากนี้เจ้าต้องระวังตัวหน่อยนะ” คุณชายรองเซิ่งตบบ่าซูเย่า

ซูเย่ายิ้มๆ “พี่รองเซิ่งคิดมากไปแล้ว เดี๋ยวองค์หญิงฉางเล่อรู้เรื่องที่ข้าหมั้นหมายกับท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องแล้วก็ไม่มีทางทำอะไรเหลวไหลหรอก“

”นั่นสินะ อย่างไรเสียท่านหญิงน้อยกับองค์หญิงฉางเล่อก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน“ ได้ยินซูเย่าเอ่ยเช่นนี้ คุณชายรองเซิ่งจึงไม่กังวลขนาดนั้นแล้ว

แย่งคู่หมั้นของลูกพี่ลูกน้องมาเป็นนายบำเรอ ต่อให้องค์หญิงฉางเล่อไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่ใส่ใจศีลธรรมก็ไม่มีทางทำเช่นนี้หรอก

ซูเย่าหันกลับไปมองแวบหนึ่ง

ขอบฟ้ายังย้อมไปด้วยแสงตะวันยามตกดิน ท่ามกลางความมืดยามราตรีเบาบางที่ปกคลุม หอสุราใต้ชายคาซึ่งห้อยโคมแดงเอาไว้เผยให้เห็นถึงความสงบเงียบและอบอุ่น

ซูเย่าหันกลับมา เดินตรงไปข้างหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

ในห้องโถงใหญ่ องค์หญิงฉางเล่อกำลังถามเรื่องของซูเย่า “อาเซิง บัณฑิตจอหงวนคนใหม่ไม่ได้ถูกผู้คนแย่งตัวไปเป็นลูกเขยหรือ“

“ไม่มีเพคะ”

องค์หญิงฉางเล่อส่ายหน้าเล็กน้อย

คนมีความสามารถเช่นนี้ถึงกับไม่มีใครแย่ง?

สตรีชนชั้นสูงกลุ่มนี้ใช้การไม่ได้ หลังจากนางกับอาเซิงก็ไม่มีสักคนที่ได้อย่างใจ

“ทว่าเขาหมั้นหมายแล้วเพคะ” ลั่วเซิงเผลอเอ่ยออกมา

องค์หญิงฉางเล่อเลิกคิ้ว ถามอย่างไม่ใส่ใจ “สตรีชนชั้นสูงตระกูลใด”

”ท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องเพคะ”

องค์หญิงฉางเล่ออึ้งไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “เป็นนางหรือ”

หากว่าเป็นเว่ยเหวินก็ยุ่งยากอยู่บ้าง

แต่ขอแค่นางต้องการ สุดท้ายแล้วมีสิ่งใดที่ไม่ได้กัน

องค์หญิงฉางเล่อหัวเราะขึ้นมา “ในที่สุดเว่ยเหวินก็ตามีแววครั้งหนึ่ง”

ลั่วเซิงไม่ได้ตอบรับ

คนที่นางต้องการแก้แค้นคือเว่ยเชียงกับจวนผิงหนานอ๋อง ในฐานะที่เว่ยเหวินเป็นท่านหญิงก็ได้เสพสุขกับความมั่งคั่งและเกียรติยศมาแล้วหลายปี จะได้รับความยากลำบากตามการตกทุกข์ได้ยากของจวนอ๋องก็นับว่าสมเหตุสมผล

แต่ในตอนที่เว่ยเหวินไม่ได้วิ่งมาหาเรื่องนาง นางไม่มีทางตั้งใจจัดการ

สำหรับองค์หญิงฉางเล่อนั้น จะขัดแย้งกับเว่ยเหวินหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนางแล้ว

องค์หญิงฉางเล่อก็ไม่ได้สนทนาหัวข้อนี้ต่อไป แต่พิจารณามองห้องโถงใหญ่ด้วยความสนใจ “อาเซิง หอสุราของเจ้านี่เข้าท่านะ วันนี้ข้าจะกินข้าวที่นี่แล้วกัน“

”ได้เพคะ องค์หญิงจะได้ชิมฝีมือแม่ครัวด้วยพอดี“

ตอนนี้มีลูกค้าหอสุราเข้ามาสองท่าน หงโต้วทักทายแล้วพาทั้งสองคนเดินมาทางนี้

องค์หญิงฉางเล่อได้ยินเสียงก็มองไปแล้วเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้

อาเซิงเปิดหอสุราจริงๆ หรือ ทำไมลูกค้าหอสุราที่เข้ามาถึงได้ล้วนทำให้ชื่นตาชื่นใจมากแบบนี้นะ?

คนที่เข้ามาคือสองพี่น้องหลินเถิงกับหลินซู

หลินเถิงเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยในกรมยุติธรรม และไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวเล่นไปทั่ว ตอนที่องค์หญิงฉางเล่อยังหลงใหลในการเลี้ยงดูบุรุษอยู่ที่เมืองหลวงจึงไม่เคยเห็น

สำหรับหลินซู ชื่อเสียงความสามารถเพิ่งจะแพร่กระจายในสองปีนี้ ตอนที่องค์หญิงฉางเล่อจากเมืองหลวงไป ยังเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีที่หลบอยู่ในสำนักศึกษาร่ำเรียนหนังสืออยู่

เมื่อสองพี่น้องเข้าประตูมาก็พบว่าเด็กสาวงามสะคราญจ้องพวกเขาเขม็ง

หรือว่ามาผิดที่?

สองพี่น้องมองไปทางโต๊ะคิดเงินตามจิตใต้สำนึก เมื่อเห็นลั่วเซิงจึงโล่งใจเล็กน้อย

“คุณหนูลั่ว พวกข้ามากินข้าวขอรับ” แม้ว่าจะถูกเด็กสาวแปลกหน้าจ้องจนกดดันมากไปหน่อย หลินเถิงก็ยังคงเอ่ยปาก

“ทั้งสองท่านตามสบาย” ลั่วเซิงส่งสายตาให้โค่วเอ๋อร์ พลางถามองค์หญิงฉางเล่อ “ไม่ได้กินร่ำสุรากับองค์หญิงนานเกินไป ไม่รู้ว่าพระองค์เปลี่ยนรสชาติที่ชอบหรือไม่”

องค์หญิงฉางเล่อสนใจในตัวซูเย่าก็ตามสบาย แต่หากสนใจในตัวหลานชายนางนั้นไม่ได้เด็ดขาด

องค์หญิงฉางเล่อไม่เคยลิ้มรสความอร่อยของหอสุรา ย่อมไม่รู้สึกดึงดูดมากเท่าใดนัก ขณะจะถามความเป็นมาของพวกหลินเถิงก็เห็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีแดงเดินเข้ามา

[1] กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ หมายถึง ของประเภทเดียวกันอยู่รวมกัน คนแบบเดียวกันอยู่ด้วยกัน

[2] ปั้งเหยี่ยน หมายถึง ผู้ที่สอบผ่านการรอบจิ้นซื่อได้ในลำดับสอง

[3] ทั่นฮวา หมายถึง ผู้ที่สอบผ่านการรอบจิ้นซื่อได้ในลำดับสาม

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท