คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 707 การอักเสบของกระดูกที่ตายเน่า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 707 การอักเสบของกระดูกที่ตายเน่า

ฉินหลิวซีเดินตามอูหยางมาจนถึงสถานที่เปล่าเปลี่ยวอยู่ห่างออกไปชายขอบของหมู่บ้าน จึงมองเห็นบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง ที่หน้าบ้านมีหญิงสูงวัยอยู่ในชุดพื้นเมืองตามแบบฉบับของหมู่บ้าน คอมีห่วงสีเงิน บนศีรษะมีผ้าโพกหัวดอกไม้ รูปร่างเล็ก สีหน้าทะมึน

ผู้นี้คือหมอกู่ เป็นดังที่เลื่องลือ เศร้าหมอง เก็บตัว ใบหน้าดุร้าย

อูหยางใช้ภาษาพื้นบ้านเอ่ยทักทายหมอกู่ อีกทั้งเอ่ยบอกถึงการมาในครั้งนี้ ดวงตาเล็กของหมอกู่เหลือบมองฉินหลิวซีด้วยความตื่นตกใจ

รอจนเดินมาถึงหน้าบ้าน ฉินหลิวซีจึงมองแม่หมอกู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน เต็มไปด้วยร่องรอยบางสิ่งเด่นชัดทำให้ดูน่ากลัว หากเด็กน้อยมอง คงตกใจจนร้องไห้

คงเป็นร่องรอยที่เกิดจากแมลงกู่

ฉินหลิวซีไม่หวาดกลัว เพียงเอ่ยทักทาย

แม่หมอกู่มองพิจารณานางอยู่ชั่วครู่ ใช้น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยถาม “เจ้าสามารถรักษาหลานสาวข้าได้หรือ”

ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ “ยังบอกไม่ได้ หากรักษาได้ ข้าจะช่วยท่าน หากรักษาไม่ได้ เป็นเพราะข้าร่ำเรียนไม่แตกฉาน ข้าต้องดูอาการของเด็กว่าเป็นอย่างไรก่อน”

แม่หมอกู่ส่งเสียงอืมตอบรับ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในบ้าน

ฉินหลิวซีมองสำรวจอยู่หน้าบ้าน มองเห็นแมลงพิษบางตัวเกาะอยู่ตามบ้านไม้ แมลงพิษบางส่วนยังซ่อนตัวอยู่ในช่องหลืบ

“ไม่เป็นไร เพียงไม่ทำอะไร พวกมันจะไม่โจมตีคน เป็นแมลงที่แม่หมอกู่เลี้ยงเอาไว้ทั้งหมด” อูหยางมองตามสายตาของนาง ปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม “ไป พวกเราเข้าไปดูสักหน่อย”

ฉินหลิวซีเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้าน ได้ยินเสียงร้องไห้เล็กๆ ของเด็กดังขึ้น

บ้านไม้แบ่งออกเป็นสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องหลัก อีกห้องถูกลงกลอนเอาไว้ ไม่รู้ว่าด้านในมีสิ่งใด ฉินหลิวซีไม่ได้มองลึกเข้าไป

นางเห็นแม่หมอกู่อุ้มเด็กคนหนึ่งเดินออกมา เด็กคนนั้นสวมชุดแดงดำ ผมกระเซอะกระเซิง ใบหน้าหม่นเหลือง ไม่มีสีเลือด ไม่รู้ว่านางหิวหรืออย่างไร ร้องไห้อย่างหนักทว่าเสียงร้องไห้กลับแผ่วเบา ไร้เรี่ยวแรง ฟังแล้วอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง

ฉินหลิวซีเดินเข้าไป จ้องมองอยู่ชั่วครู่ก็รู้สึกแปลก โหงวเฮ้งของเด็กคนนี้ ดูไม่ชัดเจน ราวกับมีบางอย่างบดบังเอาไว้

นางยื่นมือออกไป แม่หมอกู่ก้าวถอยหลังด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย ดวงตาทะมึนคู่นั้นจับจ้องมาที่นาง

ฉินหลิวซีจึงเอ่ย “เสียงร้องไห้ของนางแหบแห้ง ข้าเพียงจะปลอบนาง จะได้ตรวจดูด้วย”

แม่หมอกู่จึงส่งเด็กมาให้

มือของฉินหลิวซีสัมผัสหน้าผากของเด็กน้อย ส่งพลังเข้าสู่ภายในทำให้นางสงบลง ไม่ร้องไห้แล้ว ดวงตาเล็กคู่นั้นมองไปมา หันมายังฉินหลิวซี

แม่หมอกู่ตกตะลึง ส่งเด็กเข้าสู่อ้อมแขนฉินหลิวซี

เด็กน้อยคลี่ยิ้มออกมาทันใด

“ดูเหมือนเด็กคนนี้จะชอบเจ้า” อูหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้มอยู่ทางด้านข้าง

ฉินหลิวซีเอ่ย “นางแปลกไปสักหน่อย”

สีหน้าของแม่หมอกู่ตึงเครียดขึ้นมา เอ่ยถามตรงๆ “ทำไมหรือ”

เด็กน้อยตรงหน้าเป็นเพียงเด็กอายุหนึ่งขวบกว่า ใบหน้าเหลืองซูบ ร่างกายอ่อนแอเย็นยะเยือก เป็นเด็กประเภทที่เพียงมองก็รู้ว่าไม่อาจเลี้ยงให้เติบโตได้

สองนิ้วของฉินหลิวซีวางลงบนข้อมือของนาง ชีพจรเต้นเบาไร้เรี่ยวแรง แม้แต่การเต้นของหัวใจยังเชื่องช้า ชี่และเลือดขาดดุล ท้องเย็นเล็กน้อย อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเดือนห้าต้นฤดูร้อนแล้ว มือเท้าของนางยังเย็นเฉียบ ความหนาวเย็นเข้ากระดูก

ร่างกายเย็นเช่นนี้ สำหรับเด็กหญิงคนหนึ่งแล้ว เมื่อเติบใหญ่จะเกิดความเสียหาย ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการเจ็บป่วย การตั้งครรภ์ในอนาคตยังเป็นเรื่องยากไปมาก

เพียงแต่ฉินหลิวซีดูแล้ว เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจคือพลังชีวิตของเด็กคนนี้ ไม่มีกำลังแม้เพียงนิด ริบหรี่ พลังชีวิตราวกับจะดับลงไปอย่างไรอย่างนั้น

ฉินหลิวซีจับชีพจรทั้งสองมือ มองดูหน้าเด็กโดยละเอียด เอ่ย “ถอดเสื้อผ้าของนางให้ข้าตรวจดูให้ละเอียดอีกครั้ง”

แม่หมอกู่มองสีหน้าเครียดขึงของฉินหลิวซี หัวใจกระตุกขึ้นมา พูดไม่ออกแม้เพียงคำเดียว ถอดเสื้อผ้าของเด็กออกจนหมด

ฉินหลิวซีตรวจดูอย่างละเอียด ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แม้แต่ฝ่าเท้าก็ไม่ปล่อยผ่าน ดูไม่ออกถึงสิ่งใด จึงพลิกตัวนาง

ตั้งแต่ลำคอลงมาเรื่องๆ มาถึงกระดูกผีเสื้อส่วนของไหล่ขวา ดวงตาของนางจมลึก จ้องมองกระดูกผีเสื้อตรงไหล่ขวา ยื่นมือออกไป

กึก

อูหยางตกใจ “นี่คือเสียงอะไร”

แม่หมอกู่เองก็มองมาด้วยความร้อนใจ

ฉินหลิวซีกลับจ้องมองพลังหยินที่ส่งออกมาจากบางสิ่งบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ในกระดูกผีเสื้อ

เด็กน้อยร้องไห้ขึ้นมา มือน้อยยื่นคว้ามาทางด้านหลัง

ฉินหลิวซีเอ่ยถาม “นางทำเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ใช่หรือไม่ เมื่อร้องไห้ มือก็ยื่นมาทางด้านหลัง”

แม่หมอกู่พยักหน้า เป็นเช่นนี้จริงๆ เมื่อร้องไห้ มือของนางก็จะยื่นไปทางด้านหลัง ราวกับกำลังคว้าสิ่งใด

“นี่คืออะไรหรือ” อูหยางมองพลังหยินตรงกระดูกผีเสื้อ ตกใจขึ้นมา

ฉินหลิวซีเอ่ย “เคยได้ยินการอักเสบของกระดูกที่ตายเน่าหรือไม่”

อูหยางชะงักนิ่ง “นั่นเป็นพิษแผลเปื่อยมิใช่หรือ”

แม้การอักเสบของกระดูกที่ตายเน่าจะใช้อธิบายศัตรูและสิ่งชั่วร้ายที่ไม่อาจลบล้างออกไปได้ แต่ความหมายของคำนี้ ยังคงหมายถึงพิษเน่าเปื่อยในกระดูก

“เจ้าจะบอกว่ากระดูกของเด็กน้อยมีการอักเสบเน่าเปื่อยหรือ” อูหยางเอ่ยด้วยความตกใจ

นี่ดูไม่ออกเลย

“เอ่ยเช่นนี้ก็ได้ แต่รากลึกลงไป พิษแผลเน่าเปื่อยนี้มีพลังหยินแฝงอยู่ ปะปนอยู่ในพลังชี่ของนาง” ฉินหลิวซีมองไปยังพลังหยินที่หลับใหลพร้อมอธิบาย

อูหยางและแม่หมอกู่ตกใจไม่น้อย พวกเขาเป็นคนมีเวทมนตร์ คนหนึ่งเล่นกู่ ผ่านการเจอผีเจอพลังหยินมามากไม่แปลกใจ แต่กระดูกของเด็กน้อยกลับมีวิญญาณพลังหยินซ่อนอยู่ พวกเขากลับไม่รับรู้ได้แม้เพียงนิด

“อยู่ในกระดูกผีเสื้อ เด็กน้อยนอนบ่อย แน่นอนว่าพวกท่านไม่อาจสัมผัสถึงมันได้” ฉินหลิวซีเอ่ย “เด็กน้อยมีร่างกายไม่สมบูรณ์เพราะคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งยังมีพลังหยินแฝงอยู่ในพลังชีวิต ร่างกายอ่อนแอ บวกกับที่ท่านหมอกู่บอกว่าท่านเก็บนางมาจากพื้นหิมะ ได้รับพลังเย็นเข้าสู่ร่างกายทำให้ร่างกายอ่อนแอ จึงยากที่จะรับรู้ถึงมันได้”

อูหยางย่นหัวคิ้วทั้งสอง “ร่างกายของเด็กน้อยมีของสิ่งนี้ได้เช่นไร หรือว่าสิ่งนี้อยากแฝงตัวเข้ามาหรือ”

“เป็นไปได้”

ใบหน้าของแม่หมอกู่พลันเย็นยะเยือกขึ้นมา ทำให้นางยิ่งดูดุดันมากขึ้น เดินออกไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับกล่องกล่องหนึ่ง

ฉินหลิวซีมองไป รู้สึกว่าของในกล่องทำให้นางหวาดกลัว

ขนของอูหยางเองก็ลุกซู่ เอ่ยถาม “แม่หมอกู่ นี่คือสิ่งใด”

“กู่กลืนวิญญาณ ข้าจะให้มันกลืนวิญญาณหยินนั่นเสีย” แม่หมอกู่เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก นางเปิดกล่องออก เผยให้เห็นหนอนตัวดำทะมึนปากเท่าตะเกียบตัวหนึ่ง

พลังหยินกระจายไปทั่ว

เด็กน้อยร้องไห้ขึ้นมา

ฉินหลิวซีจับมือแม่หมอกู่เอาไว้ ปิดกล่องลง เอ่ย “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น กู่มีพลังทำลายซ่อนอยู่ ต่อให้กลืนวิญญาณหยินได้ ใช่ว่าเด็กน้อยจะรับไหว”

“เพียงเลือดหนึ่งหยดก็รู้เจ้านาย ไม่มีทางทำร้ายนาง ต่อไปจะเป็นกู่คู่ชีวิตที่คอยปกป้องนาง” แม่หมอกู่เอ่ยเสียงเย็น

“ข้าเชื่อคำของท่าน แต่ร่างกายของนางยังอ่อนแอ ต่อให้กำจัดวิญญาณหยินแล้ว ก็ต้องรักษาเป็นเวลานาน จะมีพลังมากพอให้กู่กลืนวิญญาณตัวนี้เติบโตได้อย่างไร เพียงกู่กลืนวิญญาณได้รับพลังชีวิตไม่เพียงพอ แว้งกัดจะทำอย่างไร”

แม่หมอกู่ชะงัก หันมองเด็กน้อยที่อ่อนแอในทันใด ดวงตาเผยให้เห็นถึงความไม่ยินยอมพาดผ่าน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท