รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 988 หนุ่มน้อยใจร้อน เจ้าจะเลือกดาบทองหรือดาบเงิน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 988 หนุ่มน้อยใจร้อน เจ้าจะเลือกดาบทองหรือดาบเงิน!

บทที่ 988 หนุ่มน้อยใจร้อน เจ้าจะเลือกดาบทองหรือดาบเงิน!

ไม่มีหนทางให้ถอย ทำได้แต่เพียงสู้จนถึงที่สุดเท่านั้น

‘โรค’ ใหญ่ที่แท้จริงกำลังเยื้องกรายเข้ามา ความมืดมิดปรากฏ สุดท้ายพวกเข้าต้องมลายสิ้น ไม่อาจต้านทานได้

สามมหากาฬแห่งปรโลกเพิกเฉยต่อคำเตือนของหลี่จิ่วเต้า ต่างมุ่งเป้าไปยังต้นวิเศษสัตตะ นี่เป็นความหวังที่จะทำให้พวกเขารอดพ้นจากภัยพิบัติได้

“สามคนนั้น มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมาจากปริภูมิเวลา ต้นหม่อนโบราณ และนักพรตกู่”

มหากาฬใหญ่สุดแห่งปรโลกคาดการณ์ออกมา

อย่างไรเสียก็เคยเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันมาก่อน เคยอยู่ร่วมกันอย่างยาวนาน ย่อมมีความเข้าใจกันไม่น้อย

“ติดต่อทางปริภูมิเวลา หารือเรื่องการร่วมมือ เกรงว่าหากลงมือลำพังจะไม่ได้ผล”

เขาเอ่ยออกมา

มหากาฬสองปรโลกพยักหน้า “พวกเราสามารถสละสิ่งอื่นทิ้งได้ เพียงแค่จัดการกับหลี่จิ่วเต้า ในมือของเขายังมีสมบัติอยู่อีก หากทำสำเร็จ ทุกคนก็มีความหวังจะอยู่รอดจากภัยพิบัติ”

“ข้าจะติดต่อไปด้วยตนเอง!”

มหากาฬสามปรโลกเอ่ย “สามศิษย์น้องปริภูมิเวลาเองก็น่าจะตระหนักได้ว่าหลี่จิ่วเต้าไม่อาจรับมือได้โดยง่าย การร่วมมือกันไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด”

แม้ว่าที่ทุกฝ่ายส่งออกมาจะเป็นร่างจำแรงทั้งหมด แต่ย่อมเห็นพ้องกันว่าความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้านั้นไม่อาจอยากหยั่งถึงได้

หลังจากนั้นเขาก็ออกเดินทางด้วยตัวเอง มุ่งหน้าสู่ปริภูมิเวลา

หลังฉาก

“ปรโลกและปริภูมิเวลาถูกเหล่าศิษย์น้องก่อตั้งขึ้นมาจริงด้วย…”

ต้นหม่อนโบราณรำพึง คาดไว้ตั้งนานแล้วว่าปรโลกและปริภูมิเวลาจะต้องมีภูมิหลังเช่นนี้ และยามนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้ว

“ปรโลกจะต้องเป็นศิษย์น้องทั้งสามที่ฝึกฝนวิถีมรณาวิญญาณหยิน ส่วนปริภูมิเวลาควรเป็นศิษย์น้องอีกสามคนที่ฝึกฝนวิถีปริภูมิเวลา”

วิถีมรณาวิญญาณหยินและวิถีปริภูมิเวลา ทั้งสองวิถีต่างมีศิษย์น้องสายละสามคนที่ฝึกฝน ล้วนเป็นวิถีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์

มันรู้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังปรโลกและปริภูมิเวลาแล้ว

“ศิษย์พี่กู่เองก็ยังรอดชีวิต เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ ทว่าสิ่งที่ทำให้ข้าแปลกใจคือศิษย์พี่กู่นั้นเลือกจะขัดขวางความตั้งใจของอาจารย์ แย่งสิ่งของที่อาจารย์เตรียมการไว้…”

อีกคนที่เป็นหุ่นเชิดนั้น มันคาดเดาตัวตนออกได้

นักพรตกู่ ศิษย์พี่ของมัน เคยได้รับการถ่ายทอดเรื่องหุ่นเชิดจากอาจารย์

ขณะเดียวกัน นักพรตกู่นั้นก็เป็นศิษย์ที่ได้รับความรักเอ็นดูจากอาจารย์อย่างล้ำลึก เป็นคนตรงไปตรงมา ทั้งยังเคยประกาศว่าเป็นกำลังสำคัญให้กับอาจารย์

ที่สิ่งมีชีวิตเก่าแก่สุดสามารถเริ่มเข้าสู่หนทางการฝึกตนได้อย่างรวดเร็ว ฝึกฝนเต๋าและกฎเกณฑ์ นับเป็นผลงานของนักพรตกู่ที่เป็นกำลังหลักช่วยชี้นำ

ในความคิดของมัน นักพรตกู่ควรจะเข้าต่อสู้กับ ‘โรค’ จนถึงที่สุด ไม่ใช่การลงสนามมาแย่งชิงสิ่งที่อาจารย์เตรียมการเอาไว้เพื่อปกป้องตนเองเช่นนี้

“ศิษย์พี่กู่ต้องพบเจอสิ่งใดบางอย่าง…”

มันถอนหายใจ คิดว่านักพรตกู่เองก็เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่ง อีกฝ่ายย่อมได้พบพานเรื่องบางอย่างจนทำให้เปลี่ยนไปเช่นนี้อย่างแน่นอน

“ไปสนทนากับเหล่าศิษย์น้องดีกว่า”

มันออกจากสถานที่แห่งนี้ ร่างกายเลือนหาย มุ่งตรงไปหาเหล่าศิษย์น้องจากปรโลกและปริภูมิเวลา

ต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าเพียงลำพัง มันเองก็อับจนหนทาง

“บางทีอาจได้พบศิษย์พี่กู่อยู่กับเหล่าศิษย์น้อง”

มันรำพึงกับตนเองเสียงแผ่ว คิดว่านักพรตกู่เองก็สมควรตระหนักได้ว่าการรับมือกับหลี่จิ่วเต้าด้วยตัวคนเดียวไม่อาจทำได้ จะต้องไปหาความร่วมมือกับปรโลกและปริภูมิเวลาเพื่อหาความร่วมมือแน่

ภายในจักรวาลโกลาหลแห่งหนึ่ง

นักพรตกู่เคลื่อนไหวหลังได้รับข้อมูลที่มาของร่างจำแลงเหล่านั้น

ต้นหม่อนโบราณคิดถูกแล้ว กระทั่งเขาเองยังไม่กล้าลงมือเพียงลำพัง จำต้องไปหาเหล่าศิษย์น้องจากปรโลกและปริภูมิเวลาเพื่อสนทนาเสียก่อน

อาณาจักรเสวียนหยวน

อาณาจักรระดับกลางในจักรวาลโกลาหลที่หลี่จิ่วเต้าอาศัยอยู่

โลงโลหิตอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้

เขาฟื้นฟูตนเองได้นานแล้ว จากนั้นก็ใช้เวลาตามหาวาสนาการเปลี่ยนแปลงในอาณาจักร จนตอนนี้พลังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก บรรลุเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดขอบเขตอิสระแล้ว!

“คาดไม่ถึงเลย เดิมทีคิดว่าข้าสมควรบรรลุขั้นที่หกขอบเขตอิสระได้ ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าข้าจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ ถึงกับบรรลุขั้นที่เจ็ด!”

เขาหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น จิตใจฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง

ขั้นที่เจ็ดขอบเขตอิสระถือได้ว่าเป็นตำนานในหลังฉาก ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ใดสามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้

“ในหลังฉาก ขั้นห้าคือเพดานที่ผ่านมาแสนนานก็ไม่มีผู้ใดทะลุผ่านได้ ข้าก้าวสู่ขั้นที่เจ็ดแล้ว นี่นับว่าไร้เทียมทานไม่ใช่หรือ?”

เขาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ผู้ที่เข้าสู้ขั้นเจ็ดอย่างเขาจะมีผู้ใดหยุดยั้งได้กัน?

ทว่าที่เขาคิดนั้นเกินไปมากจริง ๆ

เหล่าศิษย์ผู้เบิกทางปรากฏออกมาแล้ว พลังขั้นเจ็ดของเขานับว่าไม่เพียงพอแต่อย่างใด

ทว่าเขาไม่รู้ ยังคงคิดว่าตนเองอยู่ยงคงกระพันในใต้หล้า

‘ใจเย็นก่อน ตอนนี้วาสนาการเปลี่ยนแปลงมีทั่วทุกหนแห่ง ข้าได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงมา ผู้อื่นก็ย่อมได้รับ อาจไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้า และมีความเป็นไปได้สูง…ที่ข้าจะไม่ได้ไร้เทียมทาน’

มันตระหนักได้อย่างรวดเร็ว ชวนรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง การไร้เทียมทานยังเป็นได้เพียงแค่ความฝัน

‘อาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่จะต้องมีวาสนาการเปลี่ยนแปลงจำนวนมากและความเหนือชั้นมากยิ่งกว่า พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก’

เขาคิดทบทวนจุดนี้แล้วก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดกลับไปแก้แค้น แต่เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจทำได้

“หลี่จิ่วเต้า?”

ตอนนั้นเองพลันมีเสียงมืดมนดังขึ้นมา ขนบนกายโลงโลหิตลุกชัน ตัวสั่นอย่างไม่อาจหักห้าม

“ผู้ใด?”

โลงโลหิตเรียกดาบใหญ่สี่สิบจั้งออกมาทันที สำรวจมองดูรอบด้านอย่างระมัดระวัง

เจ้าของเสียงมืดมนหัวเราะออกมา “ดาบใหญ่ของเจ้าช่างน่าขบขันเสียจริง”

สิ้นเสียง โลงโลหิตก็รับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งสัมผัสเข้ากับดาบสี่สิบจั้งในมือของเขา จากนั้นดาบสี่สิบจั้กพลันแตกหักลงในพริบตาเดียว

“อ๊ากกก! เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เหตุใดจึงทำลายดาบของข้า! เจ้าจะต้องชดใช้ให้ดาบข้า!”

โลงโลหิตบ้าคลั่งขึ้นมาทันที

นี่เป็นวัสดุและแร่หายากยิ่งในอาณาจักรแห่งนี้ กว่าเขาจะได้รับมานั้นไม่ง่าย พอได้มาก็หลอมสร้างขึ้นเป็นดาบใหญ่ นับเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขา พลังเองก็น่าสะพรึงกลัวมากเช่นกัน

ตอนนี้มันกลับพังทลายลง เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่แตกสลาย!

“หนุ่มน้อยอย่าได้ใจร้อนไป ชดใช้ดาบให้เจ้าไม่นับเป็นปัญหาแต่อย่างใด”

เสียงมืดมนดังขึ้น

จากนั้นดาบใหญ่สี่สิบจั้งสีทอง และดาบใหญ่สี่สิบจั้งสีเงินก็ปรากฏเบื้องหน้าโลงโลหิต

“หนุ่มน้อยใจร้อน เจ้าอยากได้ดาบใหญ่สีทองหรือว่าดาบใหญ่สีเงิน”

เสียงมืดมนเอ่ยถาม

นี่มันอะไรกัน?

โลงโลหิตตกตะลึง ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน!

“ดาบใหญ่สองเล่มนี้…!!!”

เขามองไปทางดาบทองและดาบเงินด้วยความตกตะลึง

ดาบทองและดาบเงินไหลเวียนพัวพันกันด้วยกฎเกณฑ์พิเศษ เปล่งแสงเหนือชั้นน่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ไกลเกินกว่าที่ดาบใหญ่ของเขาจะเทียบได้

เขาไม่สงสัยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นดาบทองหรือดาบเงิน เพียงแค่คลื่นกระเพื่อมแผ่วเบาก็สามารถสังหารเขาได้ในทันทีอย่างสมบูรณ์

“นี่มันดาบระดับใดกัน เหนือขอบเขตอิสระไปแล้วหรือ?”

“เป็นเช่นที่เจ้าพูด เหนือขอบเขตอิสระ”

เสียงมืดมนเอ่ย “คิดหรือยัง? ว่าต้องการดาบทองหรือดาบเงิน”

นี่จะชดใช้ดาบให้เขาจริงหรือ?

โลงโลหิตสับสน ดวงตามองไปยังดาบทองสลับดาบเงินอย่างลังเล ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอันใด

“ดาบทอง!”

สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจ

“ขออภัย ดาบทองเป็นของข้า เจ้าเลือกได้เพียงดาบเงินเท่านั้น”

เสียงมืดมนดังขึ้น จากนั้นดาบทองก็หายไป เหลือไว้เพียงดาบเงินเท่านั้น

“…”

โลงโลหิตพูดไม่ออกขึ้นมาโดยพลัน

บัดซบ!

เลือกได้เพียงดาบเงิน เช่นนั้นจะให้เขาเลือกทำไม!

นี่เป็นเพียงการหยอกล้อเขาเล่นเท่านั้น!

หากไม่ใช่เพราะคิดแล้วเขาไม่อาจเอาชนะเจ้าของเสียงมืดมนได้ เขาคงออกตามหาเจ้าของเสียงมืดมนเพื่อลงมือทุบตีอย่างแน่นอน

จากนั้นเขาก็จะถามเจ้าของเสียงมืดมนว่าเจ้าต้องการเลือกสิ่งใด ถูกทุบตีห้าสิบครั้งหรือว่าถูกทุบตีหนึ่งร้อยครั้ง!

ไม่ว่าเจ้าของเสียงมืดมนจะเลือกสิ่งใด เขาก็จะให้เลือกเพียงหนึ่งคำตอบเท่านั้น

ขออภัย เจ้าเลือกได้เพียงแค่ห้าร้อยครั้งเท่านั้น!

ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจบรรเทาความชิงชังในใจได้

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท