บทที่ 991 ข้าไม่ชอบต่อสู้ซึ่งหน้ากับผู้อื่น ขอข้าทำนายหน่อยว่าหลุมศพบรรพบุรุษเจ้าอยู่ที่ใด
บทที่ 991 ข้าไม่ชอบต่อสู้ซึ่งหน้ากับผู้อื่น ขอข้าทำนายหน่อยว่าหลุมศพบรรพบุรุษเจ้าอยู่ที่ใด
ประกายสีเงินพราวระยับ ทุกดาบที่ฟาดฟันลงมาล้วนน่าสะพรึงกลัว ห้วงมิติพังครืน กาลเวลาอันยาวนานแหลกเหลว สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตตวัดออกไปหลายดาบ ไม่ให้โอกาสองค์จ้าวอู๋เฉินรอดแม้แต่น้อย
ตู้ม!
องค์จ้าวอู๋เฉินเรือนร่างส่องสว่างโปร่งแสง เลือดเนื้อช่วงอกที่แหวกออกสมานอย่างรวดเร็ว พลังวิถีพิเศษไหลเวียน ขอบเขตวิถีของเขาสูงส่งเกินไป ได้หลี่จิ่วเต้าชี้แนะด้วยตนเอง ประโยชน์ที่เขาได้รับนั้นมหาศาลจนจินตนาการไม่ออก
เขาสำแดงพลังวิถีนานัปการออกมา ผืนจักรวาลยังขับขานเคล้าคลอ กระเพื่อมไปตามท่วงท่าของเขา
ตึง! ตึง! ตึง!
เขามิได้ใช้อาวุธใด ๆ สองหมัดของเขาคือศาสตราชั้นดีที่สุด พลังวิถีถักทออยู่บนกำปั้นทั้งสอง เข้าปะทะกับดาบเงิน หยุดยั้งไว้ได้ดาบแล้วดาบเล่า
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตขมวดคิ้ว รับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาล มือข้างที่จับดาบสั่นระริกเพราะแรงสะเทือนจนแทบกุมดาบไม่อยู่
ยอดฝีมือน่ากลัวปานนี้มาจากที่ใดกัน
เขานึกถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมาทันที
น่ากลัวว่าคนผู้นี้เป็นผู้ที่อยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ตั้งใจมาเป็นกำลังหนุนให้เขาหลิงซานโดยเฉพาะ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นถิ่นของต้าเต๋อ และต้าเต๋อคือผู้ติดตามหลี่จิ่วเต้า
“ฆ่า!”
เขาตวาดเสียงลั่น ประกายสยดสยองซัดสาดออกมาจากทั่วร่าง ระเบิดพลังทั้งหมด
หากแม้แต่องค์จ้าวอู๋เฉินยังจัดการไม่ได้ แล้วเขาจะจัดการหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร
ตู้ม!
องค์จ้าวอู๋เฉินดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ในการต่อสู้ จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งปะทุออกจากร่างเขาไม่หยุด พลังวิถีกลายเป็นศาสตราทรงพลังที่สุดของเขา!
เสียงดังตึง หมัดของเขาปะทะกับดาบเงิน ดาบเงินมีรอยบิ่น สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตถอยกรูดด้วยแรงกระเทือน กระแทกดาราดวงหนึ่งจนแหลกลาญ
องค์จ้าวอู๋เฉินปรี่ประชิดตัวสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตในพริบตา กระหน่ำหมัดไปที่หัวใจของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิต
เสียงดังตู้ม หมัดขององค์จ้าวอู๋เฉินกระแทกกับทรวงอกสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตจนร่างแหลกเหลว กลายเป็นหมอกเลือด
องค์จ้าวอู๋เฉินยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปในหมอกเลือด หมายจะกระชากวิญญาณสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตออกมา ระดับพวกเขาต่อให้ถูกทำลายกายเนื้อ ลบล้างวิญญาณ ยังยากจะฆ่าได้อย่างแท้จริง
กระนั้นก็สร้างบาดแผลฉกรรจ์ได้
องค์จ้าวอู๋เฉินตั้งใจว่าจะเชือดเฉือนสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตไปทีละรอบ
อนิจจา เขาทำไม่สำเร็จ มือข้างที่ยื่นเข้าไปในหมอกเลือดมิอาจกระชากวิญญาณของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตออกมา วิญญาณของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตปรากฏตัวขึ้นอีกที่
นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตยังสร้างร่างใหม่ขึ้นได้ในพริบตา
“เปล่าประโยชน์!”
องค์จ้าวอู๋เฉินแผดเสียง พลังวิถีส่งเสียงกู่ร้องพร้อมเพรียง สายฟ้าฟาดผ่าลงจากนภานับคณาประหนึ่งน้ำตกอสนีบาต ไหลสาดลงมา
สิ่งมีชีวิตโลงโลศพถูกเล็งเป้า ไม่ว่าหนีไปที่ใดน้ำตาอสนีบาตจะต้องอยู่เหนือหัวเขา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นไม่หยุด ลงท้ายสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตก็สู้ไม่ไหว กายเนื้อและวิญญาณจมลงท่ามกลางน้ำตกอสนีบาต ถูกน้ำตกอสนีบาตเชือดเฉือนครั้งแล้วครั้งเล่า
…
ท่ามกลางอวกาศห่างไกลออกไป
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ในจักรวาล หมอกหนาปกคลุมอยู่รอบกายจนมองไม่เห็นใบหน้า
“แย่จริง ๆ ไม่ทันได้เห็นหน้าหลี่จิ่วเต้าด้วยซ้ำ”
เขาสั่นศีรษะ เขาผู้นี้เองที่ประทานพลังและดาบเงินแก่สิ่งมีชีวิตโลงโลหิต
“เช่นนี้ไม่ไหวแน่ หากไม่ได้พบหลี่จิ่วเต้า ข้าคงไม่รู้ว่าเบื้องหลังเขามีสิ่งใดอยู่…”
พลันเขาสำแดงวิชาลับบางอย่าง ถ่ายทอดพลังเข้าไปในร่างสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
“ขอบเขตวิถีของคนผู้นี้สูงเกินไป ไม่ทันบรรลุจุดสูงสุดช่วงหนึ่งในขอบเขตล้ำขีดก็ระเบิดพลังสูงสุดช่วงหนึ่งในขอบเขตล้ำขีดได้แล้ว”
เขากล่าวต่อ “ทว่าเปล่าประโยชน์ บรรลุอีกขั้นก็พอให้กำราบเขาแล้ว”
คราวนี้เขาช่วยให้สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตบรรลุถึงล้ำขีดขั้นสอง หลังจากนี้จักปราศจากแรงกดดันอีก สามารถปราบองค์จ้าวอู๋เฉินได้ง่าย ๆ
…
ตู้ม!
อีกด้าน จู่ ๆ สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตก็ตัวโป่งพอง เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง
“พลังนี่…!”
ดวงตาของเขาวาวโรจน์ ในใจตื้นตันเหลือแสน รับรู้ได้ว่าพลังในกายเพิ่มขึ้นหลายเท่า
“ไปตายซะ!”
เขาหัวเราะดังลั่นอย่างบ้าคลั่ง ยกมือลบล้างน้ำตกอสนีบาต ก่อนจะชี้นิ้วหนึ่งออกไป พลันนั้นลำแสงสยดสยองลำหนึ่งพวยพุ่งทะลุร่างขององค์จ้าวอู๋เฉิน เศษเนื้อผสมด้วยโลหิตสาดกระจาย
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
ร่างของเขาโซเซ ลมปราณในตัวพลุ่งพล่านไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าซีดเซียว
เขาเชื่อไม่ลง สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเกือบสังหารเขาได้แล้ว เหตุใดจู่ ๆ สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตถึงน่าสะพรึงกลัวขึ้นได้เพียงนี้?!
“ไยจะเป็นไปไม่ได้เล่า! ฮ่า ๆ ข้าจะดูสิว่าผู้ใดจะช่วยเจ้าได้!”
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตหัวเราะอย่างสะใจ
เมื่อครู่เขาเกือบตายเต็มที บัดนี้ชะตาชีวิตขององค์จ้าวอู๋เฉินอยู่ในกำมือของเขา ความรู้สึกนี้ชวนให้เปรมปรีดิ์ยิ่งนัก
…
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“สุนัขดำ นักพรตอู๋เหลียง พวกเจ้าไปเถิด เขาหลิงซานประสบภัยแล้ว”
เสียงของลานเล็กดังขึ้น กฎระเบียบและพลังวิถีพิเศษซัดสาดออกมา ส่งตัวสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงไปที่นั่น
“โฮ่ง! สุนัขพันธุ์ทางจากไหนกัน บังอาจกำเริบสืบสาน!”
สุนัขดำต่อว่าเสียงกร้าว
อีกด้านนักพรตอู๋เหลียงลอบหัวเราะ อะไรกัน สุนัขดำอำมหิตถึงขั้นด่าตัวเองเชียวหรือ!
สุนัขดำที่รู้ตัว ใบหน้าพลันแดงระเรื่ออย่างอดมิได้
“หัวเราะอะไร!”
มันตบอุ้งเท้ากับศีรษะของนักพรตอู๋เหลียง ทั้งยังขู่นักพรตอู๋เหลียงว่าขืนยังหัวเราะอีกมันจะเลาะฟันเขาออกมาให้หมด!
ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
นักพรตอู๋เหลียงเคียดแค้นเหลือแสน เขารู้สึกว่าชื่อ ‘อู๋เหลียง’ นี้เหมาะกับสุนัขดำมากกว่า สุนัขดำไร้คุณธรรมกว่าเขามาก!
“ฮ่า ๆ ดูสิว่าเขาจะโอหังต่ออย่างไรไหว!”
องค์จ้าวอู๋เฉินหัวเราะร่วนด้วยจำสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงได้ เขาเคยไปเยือนลานเล็กของคุณชาย
“สุนัขหนึ่งตัวกับไอ้อ้วนเผละหนึ่งคนช่วยเจ้าได้หรือ น่าขัน มีแต่ต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยกันเท่านั้น!”
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตขำพรืด ยังรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยม
“บัดซบ ไอ้สุนัข ไม่สิ ไอ้เวรตะไล ริอ่านจองหองถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
นักพรตอู๋เหลียงพิโรธ เรียกเขาว่าไอ้อ้วนยังไม่เท่าไหร่ บังอาจเรียกเขาว่าไอ้อ้วนเผละเชียวรึ?
เขาทนไม่ได้!
“พี่สุนัข กัดเขาให้ตายไปเลย!”
เขาบอกกับสุนัขดำ
“ไสหัวไปไกล ๆ มีที่ไหนลูกน้องสั่งพี่ใหญ่”
สุนัขดำถลึงตาใส่นักพรตอู๋เหลียง “ยังไม่รีบไปแยกร่างเขาเป็นแปดส่วนอีก!”
ตัวตลกสองตัวมาจากไหนกันนี่!
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตหน้าดำคร่ำเครียด รู้สึกถูกเหยียดหยาม สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาชัด ๆ มองว่าเขาเป็นพวกที่จัดการได้ง่าย ๆ
“ข้าจะดื่มแกงเนื้อสุนัข!”
เขาเอ่ยเสียงเคียดแค้น
“ดื่มกับย่าแกสิ!”
สุนัขดำเดือดดาล หยุดต่อล้อต่อเถียงกับนักพรตอู๋เหลียง บุกพรวดไปข้างหน้า
ป้ายชื่อสุนัขที่มันสวมใส่ตรงคอเปล่งแสง นี่คือป้ายชื่อสุนัขที่หลี่จิ่วเต้าทำให้มันด้วยตัวเอง ช่วยเพิ่มพูนพลังให้มันอย่างมหาศาล!
ในอดีต มันเคยใช้พลังป้ายชื่อสุนัขนี้กำราบมังกรทองจากสุสาน นั่นเป็นมังกรทองที่อยู่เหนือขอบเขตอิสระ หรือก็คืออยู่ในขอบเขตล้ำขีด
ทว่าสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตแข็งแกร่งกว่ามังกรทองตัวนั้นมากอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่มันบุกเข้าไปปะทะกับสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตมันก็ตระหนักถึงเรื่องนี้
“อั่ก!”
มันถูกตีจนต้องถอย กระดูกสุนัขแทบแหลกไปทั้งตัว หากไม่ใช่ว่ามีพลังป้ายชื่อสุนัขคอยปกป้อง มันคงตัวแหลกไปแล้ว
“เอาแต่เอ่ยว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่ เจ้ามีเค้าความเป็นพี่ใหญ่ที่ไหน สุดท้ายก็ต้องให้ข้าออกโรงอยู่ดี!”
นักพรตอู๋เหลียงปรายตามองสุนัขดำ เอ่ยอย่างลำพองใจ
เขามีไม้ตายก้นหีบ อัตประวัติโจรปล้นสุสานเล่มนั้น!
“บ้าไปแล้วหรือ ไม่รู้บ้างเลยหรือว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน เจ้าคิดว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์จะยอมช่วยเจ้าหรือ”
สุนัขดำถลึงตาใส่นักพรตอู๋เหลียง เขากลัวจนรีบหุบปาก
นักพรตอัษฎสมบูรณ์คือตัวเอกในอัตประวัติโจรปล้นสุสาน หรือก็คือไม้ตายที่เขาหวังพึ่ง
ทว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์หวั่นเกรงต่อสุนัขสีดำมาก มิกล้าลงมือง่าย ๆ
เขาไม่อาจหวังให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ช่วยเขาจัดการสุนัขดำ
“ตัวละครต่ำต้อยริอ่านโอหัง ท่านนักพรตจะกำราบเจ้าเอง!”
เขารีบเบนเป้าหมาย ตะโกนใส่สิ่งมีชีวิตโลงโลหิต
เสียงดังฟึ่บ เขาเรียกอัตประวัติโจรปล้นสุสานออกมา จากนั้นประกายพิเศษส่องสว่างขึ้นจากอัตประวัติโจรปล้นสุสาน หน้ากระดาษพลิกด้วยตนเอง
คล้อยตามหน้ากระดาษที่พลิกไป ตัวละครต่าง ๆ ในหนังสือมีรูปร่างของตนเอง ท้ายที่สุดนักพรตอัษฎสมบูรณ์ก็ออกโรง
“ข้าไม่ชอบต่อสู้ซึ่งหน้ากับผู้อื่น มาเถิด ขอข้าทำนายหน่อยว่าหลุมศพบรรพบุรุษเจ้าอยู่ที่ใด จักขุดให้สิ้นซาก!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์จ้องสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเขม็ง ปากบ่นขมุบขมิบ สองมือโบกไปมา กำลังใช้วิชาลับทำนายจริง ๆ ว่าหลุมศพของบรรพบุรุษสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตอยู่ที่ใด
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตตาโต นักพรตเฒ่าจากไหนกันนี่ มาถึงก็เอ่ยว่าจะขุดหลุมศพบรรพบุรุษของเขา?
มีคนเช่นนี้ด้วยหรือ!
เสียงดังตู้ม เขาบุกเข้าไปทันที นักพรตอัษฎสมบูรณ์ทำให้เขาโมโหอย่างยิ่ง เขาตั้งใจจะสังหารนักพรตอัษฎสมบูรณ์
“เจอแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นหลุมศพบิดาของเจ้า ก็ได้ เรียงไปทีละคน เริ่มขุดจากหลุมศพบิดาของเจ้าแล้วกัน!”
ร่างของนักพรตอัษฎสมบูรณ์หายไป สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตพลาดเป้า
“คงไม่ใช่โดนเขาหาเจอจริง ๆ กระมัง!”
ร่างของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตโอนเอน รู้สึกหน้ามืดตามัว
หากหลุมศพบิดาของเขาโดนขุดจริง ๆ เขาคงไม่สบายใจไปตลอดชีวิต!
จากนั้นร่างของเขาหายไปจากที่นี่ และปรากฏตัวขึ้นในสถานที่หนึ่งที่โลกหลังฉาก
ที่นี่มีหลุมศพใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหลุมศพบิดาของเขา
ในอดีตบิดาของเขาเป็นยอดฝีมือตนหนึ่งในโลกหลังฉาก อนิจจา เขาไม่รู้จักสงวนท่าที ล้างบางกองกำลังกองหนึ่งในโลกหลังฉากจนนำภัยมาสู่ตัว
เวลานั้นยังไม่หนักหนา บิดาของเขาไม่ได้ถูกเอาชีวิต
ทว่าสิ่งที่บิดาของเขาไม่รู้คือ ครานั้นมีเด็กคนหนึ่งในกองกำลังนี้ออกฝึกตนด้านนอก จนรอดจากการล้างบางนี้
เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์น่าทึ่ง ทั้งยังมีนิสัยเข้มแข็ง ค่อย ๆ เติบโตขึ้นทีละก้าว ต่อมาได้เข้าร่วมกับสรวงสวรรค์ เป็นหนึ่งในสมาชิกของสรวงสวรรค์
ด้วยความช่วยเหลือจากสรวงสวรรค์ เด็กคนนี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขอบเขตพลังพุ่งทะยานจนได้เป็นขุนพลใหญ่ผู้หนึ่งของสรวงสวรรค์ เก่งกาจลึกล้ำเกินหยั่ง
เด็กคนนี้ไม่เคยลืมหนี้แค้นบาดเลือดที่แบกรับ แม้ว่าผ่านไปแล้วเนิ่นนาน กระนั้นเด็กคนนี้ก็มิเคยลืม ตามหาบิดาของเขาจนเจอและจัดการสังหาร
ครานั้นเขาก็อยู่ด้วย แต่เด็กคนนั้นไม่ได้ฆ่าเขา อีกฝ่ายเพียงกล่าวว่าหนี้ใครหนี้มันและปล่อยเขาไป
เขารวบรวมซากศพของบิดาตนเองมาฝังไว้ที่นี่
ต่อมา เขาเองก็เติบโตขึ้นทีละก้าว ท้ายที่สุดยังมีชื่อเป็นหนึ่งในกำลังรบเพดานของโลกหลังฉาก ทว่าเด็กคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นจนอยู่ในกำลังรบเพดานโลกหลังฉากก่อนเขาตั้งไม่รู้นานเท่าไหร่
มิหนำซ้ำเด็กคนนั้นยังมีสรวงสวรรค์หนุนหลัง เขายิ่งไม่มีหวังจะแก้แค้น ได้แต่บ่มความแค้นในใจ รอวันที่สามารถล้างแค้นให้บิดาของเขา
ทว่าหลังจากนั้นพลังมืดมิดปรากฏ เด็กคนนั้นตามสรวงสวรรค์ไปที่สมรภูมิมืดมิด
เขารู้ว่าพลังมืดมิดน่าพรั่นพรึงเพียงใด เด็กคนนั้นต้องตายในสมรภูมิมืดมิดแน่นอน ภายหลังเขาจึงไม่ได้คิดเรื่องแก้แค้นอีก
“ข้าก็นึกว่านักพรตเฒ่านั้นมีความสามารถหาหลุมศพท่านพ่อของข้าเจอ ที่แท้เป็นเพียงลมปากเท่านั้น ไร้น้ำยาสิ้นดี!”
เขาดูแคลนเหลือแสน ไม่พบร่างของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ที่นี่
หารู้ไม่ เสียงของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ดังมาจากหลุมศพ
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตบันดาลโทสะในบัดดล
เวรเอ๊ย!
เจ้านักพรตเฒ่าเส็งเคร็งผู้นี้เจอหลุมศพบิดาของเขาจริง ๆ หรือนี่
ไร้คุณธรรมสิ้นดี!
มิน่านักพรตเฒ่าเส็งเคร็งผู้นี้ถึงมีนามว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์ มิใช่นักพรตนวสมบูรณ์ หนึ่งสมบูรณ์ที่ขาดไปก็คือ ‘คุณธรรม!’
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เขาเดือดดาลเกินทน เส้นเอ็นปูดโปนอยู่บนหน้าผาก
หากฆ่านักพรตอัษฎสมบูรณ์ผู้นี้ไม่ได้ เขาไม่ขอเกิดเป็นมนุษย์อีก!