บทที่ 628 เกอชิงเหม่ยคลอดลูกชาย (2)
บทที่ 628 เกอชิงเหม่ยคลอดลูกชาย (2)
ถังซวงเหลือบมองถังเจี้ยนกั๋วจากไป และหันกลับมาด้วยสายตาเย็นชาอย่างรวดเร็ว เธอมองไปที่ถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง
หลังจากที่พิธีหมั้นสิ้นสุดลง ถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานก็เป็นคู่หมั้นกันอย่างเป็นทางการแล้ว
หลังจากนั้นเพื่อนฝูงญาติมิตรที่มาร่วมงานหมั้นก็ร่วมรับประทานอาหาร จนกระทั่งประมาณบ่ายสองโมงจึงเสร็จสิ้น
“พ่อครับ แม่ครับผมขอตัวพาเสี่ยวเซวี่ยไปดูบ้านของผมก่อนนะครับ” หลังจากงานเลี้ยงวันหมั้นจบลง เฟิงเยี่ยหานก็เปลี่ยนคำเรียกโดยทันที
จิงเจ้อหรงเหลือบมองเฟิงเยี่ยหานอย่างไม่สบอารมณ์ “จะไปบ้านเธอทำไม ตอนนี้พวกเธอเพิ่งหมั้นหมายกัน เพราะฉะนั้นเสี่ยวเซวี่ยก็ยังต้องอยู่ที่บ้านสิ” เขาเพิ่งจะรู้ตัวเอาตอนนี้ว่าเฟิงเยี่ยหานที่ปกติไม่หือไม่อือ กลับเป็นคนที่กล้าพอสมควร ถึงได้เรียกเขาว่าพ่อ
เฟิงเยี่ยหานได้ยินก็รีบอธิบาย “พ่อครับ ผมก็แค่พาเสี่ยวเซวี่ยไปดูเฉย ๆ จะได้ถามเธอว่าอยากจะตกแต่งแบบไหนดี ผมจะได้ทำการปรับสร้างตามแบบที่เธอชอบ เดี๋ยวผมจะรีบพาเธอกลับบ้านก่อนเวลาอาหารเย็นแน่นอนครับ”
แม้จะพูดอย่างนั้นจิงเจ้อหรงก็ยังไม่ตอบตกลงในทันที
คุณนายจิงและหัวเฟยเฟิ่งจึงกล่าวออกมา “พอเลยอาเจ้อ เสี่ยวเยี่ยพาเสี่ยวเซวี่ยไปดูบ้านหลังใหม่ว่าตกแต่งยังไงก็ถูกแล้ว เดี๋ยวถึงเวลาทานข้าวเย็นพวกเขาก็กลับมานี่”
ถังหลานพยักหน้าอนุญาตด้วยรอยยิ้มกว้าง หลังจากนั้นก็โบกมือให้ถังเซวี่ยกับเฟิงเยี่ยหาน และบอกว่า “พวกลูกรีบไปรีบกลับนะ”
“ครับ ขอบคุณครับแม่”
เฟิงเยี่ยหานยิ้มให้ถังหลาน คุณนายจิง และหัวเฟยเฟิ่งอย่างรู้กัน หลังจากนั้นจึงพาถังเซวี่ยออกไป
ถังซวงเห็นสีหน้าอึดอัดใจของพ่อก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวยิ้ม ๆ “พ่อคะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ”
จิงเจ้อหรงได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นทุกคนในครอบครัวก็พากันกลับไป
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เฟิงเยี่ยหานก็พาถังเซวี่ยกลับมาตามที่บอก จิงเจ้อหรงเหลือบมองทั้งสองคนและกล่าวว่า “กลับมาพอดีเลย มาทานข้าวเถอะ”
หลังจากถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานหมั้นกันแล้ว บ้านตระกูลจิงครึกครื้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย หากเฟิงเยี่ยหานมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็จะมาพักอยู่ที่นี่เป็นบางครั้งบางคราว เช่นเดียวกับโม่เจ๋อหยวน ถ้าเฟิงเยี่ยหานอยู่ที่ตระกูลจิง เขาก็อยู่ด้วย
แต่คนที่ดีใจที่สุดคงหนีไม่พ้นคุณนายจิง เธอต้อนรับหลานเขยทั้งสองคนด้วยอาหารอร่อย ๆ ทุกวัน
เมื่อถึงช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของถังซวงและถังเซวี่ย ท้องของเกอชิงเหม่ยก็ขยายใหญ่ขึ้นมากแล้ว ถังซวงจึงมาเยี่ยมทุกวัน และในช่วงเวลานี้ซ่างสยงเยี่ยเองก็มาอยู่ที่ปักกิ่งเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเกอชิงเหม่ย
“ซวงเอ๋อร์ ชิงเหม่ยกับลูกฉันไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย”
เห็นถังซวงถอนมือกลับซ่างสยงเยี่ยจึงก็รีบเอ่ยถาม
ถังซวงได้ยินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลุงซ่างไม่ต้องเป็นห่วง ป้าเกอและลูกในท้องไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ต้นเดือนหน้าก็น่าจะคลอดแล้ว พอถึงตอนนั้นพวกเราก็เตรียมตัวรอคลอดที่โรงพยาบาลล่วงหน้าได้เลยค่ะ”
“อืม รบกวนเธอแล้ว”
ซ่างสยงเยี่ยได้ยินถังซวงกล่าวก็เอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
เกอชิงเหม่ยลูบท้องของตนเบา ๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก
“จริงด้วย ป้าเกอคะ แม่หนูฝากของมาให้ค่ะ” ขณะที่พูดก็หยิบถุงเสื้อผ้าเด็กออกมาจากในกระเป๋า “เสื้อผ้าพวกนี้ แม่ของหนูทำเองกับมือเลย”
เกอชิงเหม่ยรับถุงเอาไว้และกล่าวอย่างอดไม่ได้ “แม่เธอก็จริง ๆ เลยเชียว ยุ่งขนาดนี้ยังจะทำเสื้อผ้าให้เด็กอีก ก่อนหน้านี้ก็บอกเธอแล้วว่าให้หยุดบ้าง” ช่วงนี้กิจการโรงงานเย็บปักดีวันดีคืน แต่ท้องของเธอกลับยิ่งโตขึ้น ๆ เพราะฉะนั้นถังหลานจึงเป็นคนดูแลกิจการโรงงานเย็บปักเพียงคนเดียว ถังหลานทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตทุกวัน ไม่คิดเลยว่าจะปลีกเวลามาทำเสื้อผ้าให้เด็กอีก
ถังซวงได้ยินก็กล่าวยิ้ม ๆ “มันเป็นความตั้งใจของแม่น่ะค่ะ”
ในขณะที่พูด ถังซวงก็ยื่นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเอง ถังเซวี่ย และถังชุนหยาน
“ป้าเกอคะ พวกเราไม่มีฝีมืออะไร ก็เลยทำได้แค่ซื้อของสำเร็จมาให้ค่ะ หวังว่าป้าจะไม่รังเกียจนะคะ”
พวกเธอทั้งสามคนซื้อสร้อยคอทองคำ กำไลทอง ถ้วยชาม และตะเกียบทองคำเป็นของขวัญสำหรับทารกน้อย
เกอชิงเหม่ยเห็นจำนวนของต่าง ๆ ก็กล่าวอย่างอดไม่ได้ “พวกเธอนี่มันจริง ๆ เลยนะ ทำไมถึงซื้อของขวัญราคาแพงขนาดนี้”
“ป้าเกอ ของพวกนี้เป็นของที่พวกเราตั้งใจจะให้ ป้าอย่าปฏิเสธเลยนะคะ” ถังซวงพูดจบก็รีบเผ่นกลับ
เกอชิงเหม่ยมองแผ่นหลังที่จากไปของถังซวง อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมาถึงวันที่ 7 เดือน 8 เกอชิงเหม่ยก็ให้กำเนิดลูกชายตัวท้วม ซ่างสยงเยี่ยดีใจเป็นอย่างมาก หลี่จงอี้และและซูเหนียนอวิ๋นเองก็เช่นกัน พวกถังหลานและถังซวงเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลด้วย เมื่อเห็นเด็กทารกถูกอุ้มออกมาต่างพากันรุมเข้าไปหา และสุดท้ายก็เป็นซ่างสยงเยี่ยที่อุ้มทารกน้อยเอาไว้อย่างคนไม่เคย
ตั้งแต่เกอชิงเหม่ยตั้งท้อง เธอก็ดูแลร่างกายเป็นอย่างดีตามที่ถังซวงแนะ การคลอดครั้งนี้จึงราบรื่นแม้ว่าเธอจะมีอายุมากแล้วก็ตาม หลังจากคลอดลูกได้สักพัก เธอก็ถูกเข็นออกจากห้องคลอด และแม้แต่แพทย์ยังกล่าวชมว่าเธอมีสุขภาพที่ดี ความจริงเกอชิงเหม่ยรู้ดีว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะถังซวง
“ชิงเหม่ยลำบากแย่เลยนะ”
ซ่างสยงเยี่ยกุมมือเกอชิงเหม่ยเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน ในขณะที่อุ้มทารกน้อยของพวกเขาเอาไว้ข้างกายเกอชิงเหม่ย
เกอชิงเหม่ยมองลูกและมองไปที่ซ่างสยงเยี่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข
พวกถังซวงนั่งอยู่สักพักก็ออกจากโรงพยาบาล จนหลังจากที่เกอชิงเหม่ยออกจากโรงพยาบาล เธอก็ไปเยี่ยมเกอชิงเหม่ยที่บ้านอีกครั้งพร้อมกับคุณนายจิงและคนอื่น ๆ
เพราะเกอชิงเหม่ยยังอยู่ไฟอยู่ จึงต้องนอนบนเตียงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าหลายคนมาเยี่ยมเธอ ก็รีบกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับเมิ่งผิงด้วยความรู้สึกผิด “ฉันคงไปร่วมงานแต่งของเหวินรุ่ยกับจูรุ่ยไม่ได้ คงจะทำได้เพียงส่งซองแดงไปแสดงความยินดีนะ”
เมิ่งผิงได้ยินก็รีบกล่าวว่า “ชิงเหม่ย ผู้หญิงจะต้องอยู่ไฟ เธอก็รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ส่วนเรื่องงานแต่งไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พอเธออยู่ไฟเสร็จ เดี๋ยวค่อยให้เหวินรุ่ยกับเสี่ยวรุ่ยเลี้ยงอาหารเธอสักมื้อนะ”
“ค่ะ”
เกอชิงเหม่ยพยักหน้ายิ้ม ๆ
ส่วนคุณนายจิงและอวี๋มินไปหาทารกน้อยก่อนหน้าแล้ว แต่ปรากฏว่าเขากำลังหลับอยู่ พวกเธอจึงเข้าไปดูอย่างเงียบ ๆ นั่งอยู่สักพัก จากนั้นก็ลาจากไป
จนถึงวันที่ 15 เดือน 8 งานแต่งงานของจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ยก็เริ่มขึ้น