บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1381 เป็นตายในชั่วพริบตา

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1381 เป็นตายในชั่วพริบตา

บทที่ 1381 เป็นตายในชั่วพริบตา

สุสานแห่งจอมกระบี่บรรพกาล!

เมื่อเห็นคำจารึกโบราณเหล่านี้ เฉินซีก็เข้าใจทันทีว่าเจตจำนงของราชันเซียนที่ถูกฝังอยู่ในสุสานนี้ เป็นของ ‘จอมกระบี่’ อย่างแน่นอน

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เขาชักกระบี่นภาม่วงออกมา จากนั้นทะยานเข้าไปในสุสาน

ฟิ่ว!

ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มก็ปรากฏตัวบนที่ราบอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

กระบี่มากมายปรากฏสู่สายตาของเขา!

มีกระบี่ทุกประเภทปักอยู่รอบ ๆ เวทีเหมือนป่ากระบี่ และมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหมื่นเล่ม!

กระบี่เซียนทุกเล่มเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารที่น่าสยดสยอง กดดัน และคมกริบ ซึ่งดูเหมือนจวนเจียนจะฉีกผืนฟ้าและทำลายผืนดินที่กว้างใหญ่นี้ มันจึงน่าอัศจรรย์อย่างสุดขีด

ตรงกลางเวทีมีชายชราสวมชุดผ้าฝ้ายนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น รูปร่างสูง แม้เขาจะนั่งขัดสมาธิ แต่กระดูกสันหลังก็ยังคงตรงดุจกระบี่ ผมเผ้ากระเซิง ทำให้เฉินซีไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของคนผู้นี้ได้

เมื่อมองชายชราจากระยะไกล เฉินซีก็รู้สึกเจ็บปวดที่ดวงตาอย่างรุนแรง เหมือนกับชายชราไม่ใช่คน แต่เป็นกระบี่ กระบี่ที่ไร้เทียมทาน ซึ่งยังปลดปล่อยจิตสังหารมหาศาล แม้จะอยู่ในฝักก็ตาม!

เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้ คือเจตจำนงของราชันเซียนที่ถูกฝังอยู่ภายในสุสานนี้ ซึ่งก็คือ จอมกระบี่บรรพกาล

ฟิ่ว!

ทันใดนั้น ชายชราก็ลืมตาขึ้น และจ้องมองไปในอากาศราวกับสายฟ้าที่คมกริบ ก่อนจะจดจ้องผู้มาใหม่อย่างเย็นชา

คลื่นความหนาวเย็นแล่นพล่านไปทั่วร่างเฉินซี ราวกับว่าตกเป็นเป้าหมายของสัตว์ร้ายจากยุคบรรพกาล ทำให้ขนลุกขนชันไปทั้งตัว

สายตาดังกล่าวเปี่ยมด้วยแรงกดดันมหาศาล เหมือนกระบี่คมกริบซึ่งมีเจตจำนงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าเป็นคนทั่วไปอยู่ที่นี่แทนเฉินซี ก็คงจะสิ้นชีพทันทีที่ถูกจ้องมองด้วยสายตานี้

ในขณะนี้ เฉินซีก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน เพราะแม้ว่าเต๋าแห่งกระบี่จะบรรลุขอบเขตเซียนกระบี่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงรู้สึกถึงแรงกดดันที่ทิ่มแทงใบหน้า

สิ่งนี้ทำให้เขาเผยสีหน้าตกใจอย่างอดไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้ก็หายไปในพริบตา ชายชราลุกยืนขึ้น และเอามือไพล่หลังขณะที่จ้องมองเฉินซีด้วยความไม่แยแส

“ขอบเขตเซียนปราชญ์และขอบเขตเซียนกระบี่ นับว่าไม่เลว กระบี่กลืนหิมะก็เพียงพอที่จะจัดการกับเรื่องนี้!”

ชายชรากล่าวด้วยเสียงอันทรงพลัง เหมือนกับกระบี่ที่เผยกลิ่นอายสังหารอันร้ายกาจ พร้อมกับเสียงที่ล่องลอยไปในอากาศ จากนั้นกระบี่เซียนที่อยู่ใน ‘ป่ากระบี่’ ที่ปักอยู่บนพื้น ก็ทะยานขึ้นมา และร่อนลงสู่เงื้อมมือของชายชรา

กระบี่นี้ยาวกว่าสี่ฉื่อ ถูกแกะสลักขึ้นมาจากน้ำแข็งทั้งหมด มีสีขาวเหมือนหยกและโปร่งแสง ที่กึ่งกลางของตัวกระบี่นั้นมีสีแดงสดเล็กน้อย งดงามราวกับหยาดน้ำตาเลือดของคู่รัก

กระบี่กลืนหิมะ สมบัติอมตะระดับวีรบุรุษ!

โอม!

เมื่อมีกระบี่เซียนอยู่ในมือ กลิ่นอายน่าเกรงของชายชราก็อ่อนแรงลงอย่างมากในทันที และรักษาพลังไว้ที่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังจะอ่อนแรงลง แต่เจตจำนงกระบี่ที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารอันน่าสยดสยองที่ท่วมท้นไปทั้งร่างกาย ก็ยิ่งทวีความดุร้ายและมีชีวิตชีวามากขึ้น ราวกับเทพกระบี่ที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิในฟ้าดิน ซึ่งมองโลกาอย่างดูแคลนและบัญชาจักรวาล

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่ถาโถมลงมาจากทุกทิศทุกทาง “ดั่งที่คาดไว้ เป็นไปตามที่บันทึกในแผ่นหยก การบ่มเพาะของคู่ต่อสู้ที่อยู่ในสุสานแห่งราชันนิรันดร์จะสูงกว่าเล็กน้อย แล้วข้าจะสามารถเอาชนะเขาได้อย่างไร?”

นี่คือขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น!

แม้ว่าจะไม่ใช่ขอบเขตราชันเซียนที่แท้จริง แต่ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างเซียนปราชญ์ทั้งหมดได้

ยิ่งไปกว่านั้น ชายชราคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงราชันเซียนครึ่งขั้น แม้แต่การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ก็บรรลุขอบเขตเซียนกระบี่แล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ จะมีใครที่ไม่รู้สึกท้อแท้บ้าง

ฟิ่ว!

ชายชราเริ่มขยับตัว ปราณกระบี่พุ่งผ่านท้องฟ้าอย่างดุเดือด ซึ่งดูเหมือนจะทะลุขีดจำกัดของมิติและเวลา ประหนึ่งพุ่งทะยานจากยุคบรรพกาล ทั้งยังเปล่งประกายถึงขีดสุด

เฉินซีไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ความเจ็บปวดสาหัสสุดจะพรรณนา ซึ่งแล่นจากลำคอไปทั่วร่างกาย และแม้แต่จิตวิญญาณก็ยังรู้สึกราวกับถูกฟันเป็นชิ้น ๆ

เพียงชั่วพริบตา ผลลัพธ์ก็ถูกตัดสิน และเฉินซีถูก ‘ทำลายล้าง’ ทันที!

ตูม!

ในชั่วพริบตาถัดมา เฉินซีก็ตกอยู่ในความมืดมิดอันกว้างใหญ่

“การทดสอบครั้งที่สอง จะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งก้านธูป” เสียงอันเยือกเย็นดังก้องไปทั่วพื้นที่อันมืดมิดนี้

เฉินซีฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แล่นอยู่ทั่วร่าง พลางหอบหายใจอย่างยากลำบากและนั่งขัดสมาธิในความมืด อานุภาพของปราณกระบี่นั้นน่ากลัวเกินไป เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะต้านทานมันด้วยซ้ำ

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก ก็สามารถสังหารเขาได้ในกระบวนท่าเดียว!

นับว่าโชคดีที่การทดสอบนี้อยู่ในภายสุสานแห่งราชันนิรันดร์ ซึ่งคำว่า ‘นิรันดร์’ ไม่ได้หมายถึงชายชรา แต่มันหมายถึงศิษย์ที่เข้าไปในสุสานของราชา เพราะต่อให้พ่ายแพ้นับพันครั้ง พวกเขาไม่ถูกฆ่าตายจริง ๆ

น่าสะพรึงกลัว! ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!

เฉินซีโคจรพลังบ่มเพาะเพื่อต้านทานความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แล่นไปทั่วร่าง ในขณะที่รีบครุ่นคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่จะใช้รับมือกับชายชรา

ซึ่งมีเวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูปเพื่อฟื้นฟูพลัง!

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว การทดสอบครั้งที่สองจะเริ่มขึ้น แล้วเฉินซีจะกล้าเสียเวลาได้อย่างไร?

แล้วข้าจะต่อกรกับตัวตนที่น่ากลัวเช่นจอมกระบี่ได้อย่างไร?

ยาก!

มันยากเกินไปจริง ๆ!

เฉินซีเค้นสมองครุ่นคิด แต่ก็ไม่สามารถหากลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมได้

สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึง และตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าสุสานแห่งราชันนิรันดร์นั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ทั้งยังเข้าใจเหตุผลว่าทำไมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันถึงมีศิษย์เพียงไม่กี่คนที่ได้รับสืบทอดจากมรดกของจักรพรรดิเต๋า

เพราะเพียงแค่ด่านแรกก็ยากขนาดนี้แล้ว

ข้าควรทำอย่างไรดี?

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่พยายามสงบจิตใจ จากนั้นปราณกระบี่ที่เหมือนกับแสงอันพร่างพรายก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว

ปราณกระบี่นั้นน่าทึ่งมาก ทั้งยังรวดเร็วและดุร้ายอย่างสุดขั้ว มันบริสุทธิ์และสะอาดราวกับอยู่คนละโลก แต่แค่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของมันก็สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

น่าเสียดาย เนื่องจากเฉินซีถูก ‘ฆ่า’ เร็วเกินไป เขาจึงไม่มีเวลารับรู้ถึงปราณกระบี่และคว้าเอาความลึกล้ำที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังมันได้

“การทดสอบครั้งที่สอง เริ่มได้!” เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงอันเยือกเย็นก็ดังก้องกังวานในพื้นที่อันมืดมิดนี้อีกครั้ง

โอม!

ก่อนที่เฉินซีจะได้สติ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีนั้นอีกครั้ง

หลังจากนั้น เขาก็เห็นจอมกระบี่ในชุดผ้าฝ้ายและผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ยืนอยู่ที่ใจกลางป่ากระบี่

ชิ้ง!

คราวนี้ เฉินซีชักกระบี่นภาม่วงออกไปตามสัญชาตญาณ และโคจรพลังบ่มเพาะทั้งหมด ทำให้ร่างกายเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเจิดจ้า

“ฆ่า!”

ปราณกระบี่พุ่งออกมาจากกระบี่นภาม่วงอย่างดุร้าย มันเหมือนกับแสงสีม่วงที่ส่องประกายระยิบระยับ ซึ่งแฝงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตเซียนกระบี่ ยิ่งกว่านั้น มันพลุ่งพล่านไปด้วยเต๋าแห่งปราชญ์อักขระ ที่ยังไม่ได้หลอมรวมเป็นรูปเป็นร่างอย่างสมบูรณ์

เพียงกระบวนท่าเดียว ฟ้าดินก็สั่นสะท้าน และกระบี่เซียนกว่าหมื่นเล่มที่อยู่รอบ ๆ ก็สั่นสะเทือนพร้อมกัน

การโจมตีครั้งนี้ เป็นกระบวนท่ากระบี่ที่ทรงอานุภาพที่สุดเท่าที่เฉินซีทำได้ นับตั้งแต่บรรลุสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ ซึ่งดูเหมือนว่าจะน่ายำเกรงจนแม้แต่ทวยเทพและปีศาจก็ไม่กล้าต้านรับโดยตรง

“กระบี่คือราชา การใช้กระบี่อย่างเร่งรีบจะทำให้แก่นแท้ของมันสูญไปอย่างแน่นอน!” เมื่อเผชิญกับกระบวนท่านี้ ชายชราก็ตวาดเสียงดัง และยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่ปราณกระบี่เล่มหนึ่งก็ฟันออกไป ราวกับราชาเสด็จลงมาเพื่อกวาดล้างการต่อต้านทั้งหมด เสียงระเบิดดังก้องเมื่อมันทำลายปราณกระบี่ของเฉินซีอย่างง่ายดาย

ยิ่งไปกว่านั้น อานุภาพของมันก็ไม่ได้ลดลง ก่อนที่มันจะ ‘ฆ่า’ เฉินซีอีกครั้ง!

กระบวนท่าที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ เปรียบเสมือนกับปรมาจารย์ที่สามารถควบคุมกระบี่ได้ทุกเล่ม!

ความเจ็บปวดที่ฉีกกระชากวิญญาณแล่นไปทั่วร่างกายอีกครั้ง เฉินซีเข้าสู่พื้นที่มืดมิดนั้นอีกครั้ง และคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

ความรู้สึกนี้ทรมานเกินไปจริง ๆ เหมือนใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเฉือนทั่วทั้งร่างกายทั้งภายในและภายนอก ทำให้เฉินซีสั่นเทา ใบหน้าอันหล่อเหลาบิดเบี้ยว

ให้ตาย! ทำไมความแข็งแกร่งของจอมกระบี่ถึงน่ากลัวได้ปานนั้น!?

ในพื้นที่มืด เฉินซีคำรามเบา ๆ แม้ว่าเขาจะตระหนักดีว่า ‘ความตาย’ ดังกล่าวไม่ใช่ความตายที่แท้จริง แต่เมื่อต้องประสบกับความเป็นความตายเช่นนั้นซ้ำ ๆ ก็อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

มันเป็นความหวาดกลัวต่อชีวิตและความตาย ซึ่งเป็นความหวาดกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!

ความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากการกลับชาติมาเกิดใหม่ เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่ร่างกายต้องทนทุกข์ทรมาน ความรู้สึกดังกล่าวก็ทำให้เฉินซีหวาดกลัวอย่างแท้จริง

ใช่แล้ว แม้เขาจะบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ แต่เฉินซีก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญกับความตายได้

ปัจจุบัน ภายในสามภพ มีเพียงราชันเซียนเท่านั้นที่สามารถควบคุมชีวิตและความตายได้อย่างแท้จริง เพราะชีวิตและความตายเป็นหนึ่งในสามมหาเต๋าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จิตใจของข้าอาจแตกสลายก่อนที่การทดสอบนับพันครั้งจะสิ้นสุดลง…

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เฉินซีก็หอบหายพร้อมกับสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นก็ขมวดคิ้วขณะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง เพราะก่อนจะมาที่นี่ เขาได้ยินมาว่า ในบรรดาศิษย์ในอดีตที่เข้าไปในสุสานราชานิรันดร์ มีศิษย์บางคนที่ดวงจิตแห่งเต๋าแตกสลาย ลมปราณหักเห เพราะพวกเขาไม่สามารถรับมือกับความหวาดกลัวจากความเป็นความตาย หลังจากที่เข้ารับการทดสอบได้

ผลลัพธ์ก็คือการบ่มเพาะและเส้นทางสู่เต๋าของคนผู้นั้นจะพิการโดยสมบูรณ์!

ชีวิตและความตาย ความหวาดกลัว การทดสอบ… บางทีเมื่อข้าไม่หวาดกลัวต่อชีวิตและความตายเท่านั้นจึงจะสามารถต่อกรกับชายชราคนนั้นได้อย่างแท้จริง…

เฉินซีพลันเข้าใจจุดประสงค์ของการทดสอบนี้ แต่เขาก็ตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าการไม่กลัวความตายอย่างแท้จริงนั้นยากเพียงใด

ช่างมันเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถเอาชนะจอมกระบี่นั้นได้ภายในหนึ่งพันครั้ง!

ในท้ายที่สุด เฉินซีก็ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในใจ และมุ่งความสนใจไปที่การไตร่ตรองเต๋าแห่งกระบี่ที่จอมกระบี่ได้เผยออกมาอย่างเต็มที่

มีเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ก่อนที่การทดสอบครั้งที่สามจะเริ่มขึ้น ภายใต้ความตึงเครียดของความหวาดกลัวต่อชีวิตและความตาย ศักยภาพของเฉินซีดูเหมือนจะได้รับการกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ ทำให้จิตใจปลอดโปร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และภายใต้สภาวะเช่นนี้ เขาจึงจับร่องรอยของกลิ่นอายของเต๋าแห่งกระบี่ที่จอมกระบี่ใช้ได้อย่างรวดเร็ว

แต่เป็นเพียงร่องรอยของกลิ่นอายเท่านั้น

แต่สิ่งที่เขาต้องการคือความลึกซึ้งที่อยู่เบื้องหลังเต๋าแห่งกระบี่ของจอมกระบี่

มีเพียงการเข้าใจถึงความลึกซึ้งของมันเท่านั้น ที่จะสามารถหาวิธีจัดการกับมันได้!

เมื่อคนเรามุ่งความสนใจไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแท้จริง เวลาก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ เฉินซีไม่รู้สึกถึงความเร่งรีบหรือแรงกดดันใด ๆ

อาจเป็นเพราะเขากำลังเปิดใจและอุทิศตนก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่การจับและไตร่ตรองกลิ่นอายของเต๋าแห่งกระบี่ของชายชราอย่างเต็มที่ โดยไม่รับรู้ถึงกาลเวลาที่ไหลผ่านไป…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท