ตอนที่ 428 เทียบเชิญ
ราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลินเป็นศาลาว่าการที่สูงส่งและบริสุทธิ์ คนที่เข้าออกส่วนใหญ่ล้วนมีท่าทางสงบนิ่งและสบายใจ
ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ซูเย่าทักทายเพื่อนร่วมงานที่พบกันระหว่างทาง ขณะเดินออกไปข้างนอกอย่างไม่เร่งรีบ
คนที่สนทนากับซูเย่าเหล่านั้น เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นในใจ
อาลักษณ์ซูมีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อย บุคลิกภาพโดดเด่น เดิมควรอนาคตก้าวไกลไม่มีที่สิ้นสุด แต่งงานกับจวนผิงหนานอ๋องนั้นช่างน่าเสียดายจริงๆ
ซูเย่าเดินออกมาจากศาลาว่าการ ก็ได้ยินเสียงเรียก “ซูเย่า…”
เสียงของเด็กสาวนุ่มนวล เกียจคร้าน แต่กลับทำให้เหล่าราชบัณฑิตที่เดินออกมาชะงักฝีเท้า แววตาเตรียมป้องกันราวกับภัยพิบัติใหญ่หลวง
ซูเย่าประสานมือคารวะเด็กสาวที่ขวางอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทางเกรงใจ “กระหม่อมถวายบังคมองค์หญิง”
องค์หญิงฉางเล่อหัวเราะแผ่วเบา “ระยะนี้ ทำไมอาลักษณ์ซูจึงไม่ไปมีหอสุราแล้วล่ะ”
ซูเย่าตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “ถุงผ้ากระหม่อมไม่มีเงิน ไปไม่ไหวพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อวาจานี้หลุดออกมา คนไม่น้อยก็แอบโค้งมุมปากแล้วเอ่ยในใจว่า อาลักษณ์ซูเผชิญหน้ากับองค์หญิงฉางเล่อด้วยท่าทางไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต้อยต่ำจริงๆ ดูคำตอบนี้สิ ไร้ช่องโหว่มากเพียงใด ทำให้องค์หญิงฉางเล่อหาข้อบกพร่องไม่ได้เลยสักนิด
องค์หญิงฉางเล่อเลิกคิ้ว เอ่ยยิ้มๆ “ข้าเป็นสหายสนิทกับเจ้าของหอสุรา หากอาลักษณ์ซูไป ข้าจะให้อาเซิงลดราคาให้เจ้า”
“แม้ว่าจะราคาหนึ่งส่วน ด้วยค่าแรงของกระหม่อมก็ไปไม่ไหวเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” ซูเย่าเอ่ยเรียบๆ
องค์หญิงฉางเล่อเม้มปาก เอ่ยว่า “ข้าเป็นเจ้ามือได้”
ซูเย่าเอ่ยด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ “ขอบพระทัยในความใจกว้างของพระองค์ ทว่ากระหม่อมมีสัญญาแต่งงานติดตัว ไม่เหมาะสมที่จะไปร่ำสุรากับสตรีอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางเล่อหลุดหัวเราะ “อาลักษณ์ซูอายุยังน้อย ทำไมถึงได้น่าเบื่อเหมือนท่านผู้เฒ่าเสียแล้ว”
มีสัญญาการแต่งงานจึงไม่สามารถร่ำสุรากับสตรีอื่นได้เช่นนั้นหรือ
บุรุษชั่วร้ายที่แต่งภรรยาเหล่านั้น ผู้ใดบ้างไม่กอดซ้ายโอบขวา มีอนุภรรยาและสาวใช้ข้างห้องเป็นขโยง
ซูเย่ามีอันใดแตกต่างกัน
องค์หญิงฉางเล่อจ้องเด็กหนุ่มหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครตรงหน้านิ่งๆ ความคิดเล่นสนุกค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ซูเย่าหลุบตาประสานมือ “กระหม่อมเป็นคนน่าเบื่อเช่นนี้ หวังว่าพระองค์จะทรงอภัยโทษให้พ่ะย่ะค่ะ”
“หากข้าไม่ให้อภัยล่ะ”
ซูเย่าแผ่นหลังเหยียดตรง ถามกลับเรียบๆ “พระองค์เตรียมจะจัดการกับกระหม่อมเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางเล่ออึ้ง ดวงหน้างามฉาบไปด้วยความเย็นเยียบ
ซูเย่ามีความกล้ายิ่งนัก ถึงกับโต้กลับนางต่อหน้าธารกำนัล
นี่ดูเรียบร้อยแล้วว่า นางไม่สามารถลงมือกับคู่หมั้นของท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องได้หรือ
บรรยากาศเคร่งเครียดขึ้นมาชั่วขณะ ตามความนิ่งเงียบขององค์หญิงฉางเล่อ คนไม่น้อยล้วนส่งสายตาเป็นห่วงและกังวลไปทางซูเย่า
และซูเย่ายังคงสงบนิ่ง สบตากับองค์หญิงฉางเล่ออย่างไม่ลนลานและไร้เพลิงโทสะ
นี่ทำให้องค์หญิงฉางเล่อเข้าใจได้ว่า เขาไม่ใช่คนที่ใช้อารมณ์
คนแบบนี้ มักยากจะเปลี่ยนแปลงจิตใจ
องค์หญิงฉางเล่อยิ้ม “มิตรสหายคบกัน เดิมก็มีความสนใจเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายล้วนยินยอมพร้อมใจ ข้าแค่ล้อเล่น อาลักษณ์ซูอย่าได้นำมาใส่ใจ”
ซูเย่าแย้มรอยยิ้มบางๆ “กระหม่อมมิกล้า พระองค์ไม่ถือสากระหม่อม กระหม่อมก็รู้สึกซาบซึ้งจนหาที่สุดมิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางเล่อพิจารณามองเด็กหนุ่มที่ดวงหน้าสงบนิ่งแล้วพลันหัวเราะ ”ข้ามองไม่ออกถึงท่าทีรู้สึกซาบซึ้งจนหาที่สุดมิได้ของอาลักษณ์ซูเลย หากอาลักษณ์ซูซาบซึ้งใจจริงๆ ไม่สู้เลี้ยงสุราข้าสักหน่อย”
เมื่อเห็นซูเย่านิ่งเงียบ องค์หญิงฉางเล่อก็ยกริมฝีปาก “ใช่แล้ว อาลักษณ์ซูมีสัญญาการแต่งงานติดตัว ไม่สะดวกจะร่ำสุรากับสตรีอื่น”
ซูเย่าไม่พูดอะไร เพียงแค่ประสานมือคารวะองค์หญิงฉางเล่อ
องค์หญิงฉางเล่อกลับไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรา ยิ้มหวาน พลางถามว่า “เช่นนั้นอาลักษณ์ซูเคยร่ำสุรากับคู่หมั้นหรือไม่”
ซูเย่าพลันรู้สึกได้ถึงสายตาเป็นห่วงที่ทอดมองมาเปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็น
มุงดู แพร่เรื่องซุบซิบนินทา เดิมเป็นนิสัยติดตัวแต่กำเนิดของมนุษย์
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของกระหม่อม ไม่สะดวกจะเอ่ยกับผู้อื่นพ่ะย่ะค่ะ” ซูเย่าตอบเรียบๆ
“นี่ก็พูดไม่ได้หรือ” องค์หญิงฉางเล่อมองดูแล้วท่าทางสบายๆ แต่ความจริงในใจกลับเกิดโมโหขึ้นมาแล้ว “อาลักษณ์ซูปกป้องชื่อเสียงของคู่หมั้นจริงๆ”
ซูเย่าตอบอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต้อยต่ำ “จริยธรรมของขงจื่อเข้มงวดกับสตรียิ่งกว่า เดิมการปกป้องชื่อเสียงของคู่หมั้นก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางเล่อเม้มปาก
คู่หมั้น คู่หมั้น ซูเย่าเอ่ยคำหนึ่งก็คู่หมั้นคำหนึ่ง เห็นเว่ยเหวินสำคัญกว่าแก้วตาอีกหรือ
เป็นเพราะว่าเว่ยเหวินเกิดจากจวนผิงหนานอ๋อง หรือว่าเป็นเพราะตัวเว่ยเหวินเฉยๆ กันแน่
องค์หญิงฉางเล่อก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงเบา “สมมติว่าคู่หมั้นของอาลักษณ์ซูไม่ใช่ท่านหญิงน้อยล่ะ”
ซูเย่าอึ้ง ตอบด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ไม่ว่าเป็นใคร ล้วนใช้หลักการเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” องค์หญิงฉางเล่อมองซูเย่าอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งแล้วก้าวเท้ายาวจากไป
ซูเย่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ลมในฤดูใบไม้ร่วงม้วนชายเครื่องแบบขุนนางสีเขียวขึ้นมา
เพื่อนร่วมงานหลายคนล้อมเข้ามาพากันเอ่ยปากปลอบใจ
“อาลักษณ์ซู อย่างอื่นข้าไม่นับถือ แต่นับถือที่เจ้ายืนหยัดต่อความหยิ่งในศักดิ์ศรีของพวกเราสภาฮั่นหลินยามที่เผชิญหน้ากับท่านผู้นั้นจนถึงที่สุด”
ตอนนี้องค์หญิงฉางเล่อเป็นพระธิดาเพียงองค์เดียวของฝ่าบาท ใครจะกล้าล่วงเกินกัน
“ใช่แล้ว อาลักษณ์ซู เจ้าล่วงเกินท่านผู้นั้นเข้าแล้ว หลังจากนี้จะต้องระวังตัวหน่อยนะ…”
ซูเย่าประสานมือขอบคุณด้วยน้ำเสียงถ่อมตัว เมื่อได้ยินคำปลอบใจให้คลายกังวลของเหล่าเพื่อนร่วมงาน
องค์หญิงฉางเล่อเลิกม่านหน้าต่างรถขึ้น ยื่นหน้าเหลือบมองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่มีความสามารถเลิศล้ำ เหนือผู้คนทั่วไปตรงหน้าประตูราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลินแวบหนึ่ง
ลมโชยมา ม่านร่วงจากปลายนิ้ว กั้นสายตาเอาไว้
องค์หญิงฉางเล่อพิงหมอนนุ่ม หลับตาลง อำพรางความรู้สึกในก้นบึ้งนัยน์ตา
ภายในศาลาของสวนบุปผาจวนผิงหนานอ๋อง เว่ยเหวินซึ่งใบหน้าเศร้าหมอง จ้องปลาไนเล่นสนุกในสระบัว บ้างก็โปรยอาหารปลาลงไป
ข่าวลือเรื่ององค์หญิงฉางเล่อโปรดปรานซูเย่า บัณฑิตจอหงวนลอยมาเข้าหูนางนานแล้ว
ครั้งแรกตอนได้ยินข่าวลือนี้ เว่ยเหวินเดือดดาลยิ่ง ถึงขั้นรู้สึกหุนหันอยากจะไปโต้เถียงกับองค์หญิงฉางเล่อ
เสด็จพ่อประชวรหนัก พี่ใหญ่สูญเสียตำแหน่งองค์รัชทายาท พี่รองลุ่มหลงในบุรุษ จวนผิงหนานอ๋องเปลี่ยนจากความสมบูรณ์สวยงามเป็นที่ขบขันในสายตาคนทั่วหล้า ผู้คนล้วนหวาดกลัว คิดแต่จะหลีกเลี่ยง
นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เหตุใดองค์หญิงฉางเล่อจึงต้องอยากได้คู่หมั้นนางด้วย!
เรื่องการแต่งงานกับซูเย่า บัณฑิตจอหงวนคนใหม่เป็นความภาคภูมิใจที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของนางแล้ว
ความหุนกันพลันแล่นถูกความเป็นจริงเอาชนะในที่สุด
ก็เพราะว่านางไม่เหลืออะไรแล้วจะมีสิทธิ์อะไรไปโต้เถียงกับองค์หญิงฉางเล่อกัน
หยาดน้ำตาหยดลงในสระน้ำอย่างเงียบงัน
สาวใช้ชุดม่วงเร่งฝีเท้าเข้ามาในศาลา กระซิบว่า “ท่านหญิง บ่าวได้ข่าวจากเหอซงมาว่า วันนี้องค์หญิงฉางเล่อวิ่งไปขวางคุณชายซูถึงราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลินเจ้าค่ะ…”
ประกายโหดเหี้ยมพาดผ่านก้นบึ้งนัยน์ตาเว่ยเหวิน ขณะฝืนถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง “จากนั้นล่ะ”
เหอซงคือเด็กรับใช้ของซูเย่า
เว่ยเหวินพอใจในการแต่งงานนี้ยิ่ง ติดที่สถานการณ์ของจวนผิงหนานอ๋องในตอนนี้ไม่สะดวกที่จะติดต่อกับซูเย่ามากนักจึงสั่งให้จื่อซู สาวใช้คนสนิทสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับเด็กรับใช้ของซูเย่าเอาไว้
การตอบกลับบ่อยครั้งของเด็กรับใช้ทำให้นางจิตใจสงบมาก นี่อธิบายได้ว่า ซูเย่าไม่ได้มีความคิดจะยกเลิกการแต่งงานเพราะจวนอ๋องตกทุกข์ได้ยาก
ในภายหลัง มีข่าวลือว่าองค์หญิงฉางเล่อถูกใจบัณฑิตจอหงวนออกมา การติดต่อกันระหว่างจื่อซูกับเหอซงก็ยิ่งมากขึ้น
จื่อซูเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากเหอซงซ้ำรอบหนึ่ง เพื่อคลายความกังวลของเว่ยเหวิน “ท่านหญิงไม่ต้องเป็นกังวล คุณชายซูไม่มีทางชอบท่านผู้นั้นหรอกเจ้าค่ะ ในใจเขามีเพียงท่านหญิง…“
เว่ยเหวินจิตใจหนักอึ้งเล็กน้อย ทั้งภูมิใจอยู่บ้าง และซับซ้อนอย่างยิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็มีเทียบเชิญใบหนึ่งจากจวนองค์หญิงส่งมาตรงหน้าเว่ยเหวิน