ตอนที่ 1508 เกินพอดี
“พวกเราไม่ได้ทำสงครามเพื่อความสะใจชั่วขณะ ท่านปู่สั่งสอนพวกเราเช่นนี้มาโดยตลอด เจ้าห้ามลืมเด็ดขาด!”
ไป๋ชิงเจวี๋ยลูบศีรษะไป๋จิ่นจื้ออย่างอ่อนโยน
“เมื่อใดที่ไม่มีสงครามบนใต้หล้านี้อีกก็เท่ากับใต้หล้าสงบสุขอย่างแท้จริง นั่นคือสิ่งที่พวกเราหวังอยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด”
ลมทะเลพัดโดนปลายผมของไป๋จิ่นจื้อจนยุ่งเหยิง ไป๋จิ่นจื้อเงยหน้ามองพี่ชายของตัวเอง จากนั้นมองไปทางพี่หญิงใหญ่ที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ สาวน้อยพยักหน้า
“ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะพี่ชายเจ็ด ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
หากไม่มีสงครามหานเฉิงอ๋องก็คงไม่เสียชีวิต พี่หญิงใหญ่ก็คงไม่รู้สึกผิดที่ความจงรักภักดีของหานเฉิงอ๋องที่มีต่อนางได้มาจากกลอุบายของนางส่วนหนึ่ง
ครั้งนี้พี่หญิงใหญ่เป็นคนพาคนไปเปลี่ยนชุดเกราะและนำร่างของหานเฉิงอ๋องลงโลงด้วยตัวเอง ที่สำคัญนางนำโลงศพของหานเฉิงอ๋องไว้บนเรือลำเดียวกับที่นางกำลังยืนอยู่ตอนนี้
เหล่าทหารเรือไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อยเพราะนั่นคือหานเฉิงอ๋องของพวกเขา ฝ่าบาทของพวกเขาเดินทางไปรับศพของหานเฉิงอ๋องกลับบ้านเกิดด้วยตัวเองทำให้พวกเขารู้สึกซาบซึ้งมาก พวกเขาคิดว่าหานเฉิงอ๋องจงรักภักดีไม่ผิดคน ไม่ว่าหานเฉิงอ๋องจะเสียสละชีวิตของตัวเองด้วยเหตุผลใด ทว่า คนตายคือความอัปมงคลอยู่ดี แต่ฝ่าบาทของพวกเขากลับยินดีให้โลงศพของหานเฉิงอ๋องโดยสารมาในเรือลำเดียวกับนาง นางจะคุ้มครองร่างของหานเฉิงอ๋องกลับบ้าน เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทของพวกเขาเป็นคนรักพวกพ้องมากเพียงใด
“พี่หญิงใหญ่ กลับไปครั้งนี้พวกเราควรเตรียมแผนรับมือหากต้าเยี่ยนไม่ทำตามสัญญาหากแพ้เดิมพันในอีกสามปีด้วยขอรับ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าว
“ที่ครั้งนี้ต้าเยี่ยนรับปากเดิมพันกับต้าโจวเป็นเพราะพวกเขาต้องการเอาตัวรอด ทว่า เวลาสามปีมากพอที่พวกสามารถฟื้นตัวได้ เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้น…”
“ไม่ว่าสองแคว้นจะใช้ชีวิธีต่ำช้าเพียงใดในการแข่งขัน ทว่า ตระกูลมู่หรงคือตระกูลของราชวงศ์…เมื่อพวกเขาท้าเดิมพันกับต้าโจวที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาโดยอ้างว่าห่วงใยราษฎรและชีวิตของเหล่านั้น พวกเขาไม่มีทางไม่ยอมรับผลที่เกิดขึ้นแน่นอน ศักดิ์ศรีของราชวงศ์ค้ำคอพวกเขาอยู่!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
หลิ่วหรูซื่อซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ที่สำคัญตอนนั้นฝ่าบาททรงกำชับไม่ให้ต้าโจวยึดซีเหลียงมาทั้งหมด ในเมื่อต้าเยี่ยนใช้ชีวิตของชาวบ้านและทหารบีบให้ต้าโจวยอมรับการเดิมพันครั้งนี้ ต้าโจวก็บอกต้าเยี่ยนตอนทำข้อตกลงเดิมพันเช่นกันว่าไม่ให้พวกเขาทอดทิ้งชาวบ้านเก่าของซีเหลียงที่กลายเป็นชาวบ้านของต้าเยี่ยนแล้ว เช่นนี้ต้าเยี่ยนก็จำต้องแบ่งทหารที่มีอยู่ไม่เท่าพวกเราไปคุ้มกันเมืองเก่าของซีเหลียงด้วย ดังนั้นต่อให้เกิดสงครามขึ้นจริงๆ ขอเพียงเว่ยปู้จิ้งมีเงินสนับสนุนกองทัพเต็มที่ทุกอย่างย่อมไม่ใช่ปัญหาพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนหน้านี้หลิ่วหรูซื่อไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ยอมรับดินแดนของซีเหลียงที่ต้าเยี่ยนยอมมอบให้ ต่อมาเมื่อเห็นกำลังทหารอันน้อยนิดที่ต้าเยี่ยนพามายังตงอี๋หลิ่วหรูซื่อจึงเข้าใจเรื่องทุกอย่าง
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้หลิ่วหรูซื่อยิ้มๆ จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเจวี๋ยต่อ
“เสิ่นเทียนจือเป็นคนมีความสามารถในการควบคุมกองทัพคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ ตอนนี้เสิ่นเทียนจือมีกำลังทหารอยู่ในมือ หากต้าเยี่ยนคิดผิดสัญญาขึ้นมา พวกเขาไม่มีทางผ่านด่านเสิ่นเทียนจือได้ง่ายๆ แน่นอน”
ที่สำคัญไป๋จิ่นถงอยู่ที่ต้าเยี่ยน
ไป๋ชิงเจวี๋ยไม่รู้จักเสิ่นเทียนจือเป็นการส่วนตัว เขามองหน้าพี่หญิงใหญ่ราวกับอยากกล่าวสิ่งใดออกมา เขารู้ว่าเสิ่นเทียนจือคือทางรอดที่ท่านลุงไป๋ฉีซานเหลือไว้ให้ตระกูลไป๋ดังนั้นเสิ่นเทียนจือจึงรออยู่ที่ซั่วหยางมาโดยตลอด ทว่า เสิ่นเทียนจือคุมทหารเก่งอย่างนั้นหรือ
ทว่า ในเมื่อพี่หญิงใหญ่กล่าวออกมาเช่นนี้ก็ย่อมเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ไป๋ชิงเจวี๋ยไม่เคยสงสัยในตัวพี่หญิงใหญ่ของเขา
“พี่หญิงใหญ่ถือโอกาสนี้ผลักดันตราสารหนี้ ครั้งนี้พวกเราได้ค่าชดเชยจากตงอี๋มากมาย พวกเราจะแบ่งกำไรให้ผู้ที่ซื้อตราสารหนี้ของต้าโจวอีกหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถาม
“โดยเฉพาะคนต้าเยี่ยนที่ซื้อตราสารหนี้ของต้าโจว ควรให้พวกเขาได้รับรู้ข้อดีของต้าโจวเสียบ้างเจ้าค่ะ!”
“ทำเกินพอดีก็ไม่ได้ดีเสมอไป”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นช้าๆ พลางมองไปทางไป๋จิ่นจื้อ
“ตกลงแล้วว่าจะให้ดอกเบี้ยเท่าใดก็ต้องให้เท่านั้น หากครั้งนี้พวกเราแบ่งกำไรให้ชาวบ้านจนหมดแล้วครั้งหน้าล่ะ เมื่อการเดิมพันสิ้นสุดลง คนที่ซื้อตราสารหนี้เหล่านั้นจะอยากให้เกิดสงครามขึ้นอีกเพื่อที่พวกเขาจะได้ดอกเบี้ยหรือไม่”
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้จึงเข้าใจขึ้นมาทันที
“ตอนนี้ต้าโจวเพิ่งเริ่มใช้ตราสารหนี้ พวกเราควรทำตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ นี่ถึงจะคือมาตรฐานในวันข้างหน้า ดังนั้นพวกเราห้ามได้ใจเกินไปเด็ดขาดนะเจ้าคะพี่หญิงสี่”
ไป๋จิ่นเซ่อเงยหน้ามองพี่สาวคนที่สี่พลางกำชับด้วยสีหน้าจริงจัง
แม้ไป๋จิ่นจื้อจะถูกน้องสาวสั่งสอน ทว่า นางไม่ได้โมโหแม้แต่น้อย นางเอื้อมมือลูบศีรษะของไป๋จิ่นเซ่อเบาๆ
“พี่รู้แล้ว ต่อไปพี่จะใช้สมองมากกว่านี้ จะขี้เกียจเพียงเพราะเห็นว่าพี่สาวและพี่ชายอยู่ไม่ได้!”
เจียงไหวเซิงเห็นเรือซึ่งมีธงของต้าโจวแล่นมาทางเรือของพวกเขาอย่างรวดเร็วจึงรีบไปรายงานไป๋ชิงเหยียน
“ฝ่าบาท มีเรือซึ่งแขวนธงของต้าโจวแล่นตรงมาทางพวกเราพ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งคนไปถามทีว่ามีเรื่องด่วนอันใดหรือไม่”
ไป๋ชิงเหยียนเริ่มเป็นกังวล
มีเรื่องอันใดต้าโจวจึงต้องส่งคนแล่นเรือตามมาหาพวกนางถึงตงอี๋เช่นนี้
ต้าโจวมีอาอวี๋ อาฉี จิ่นซิ่วและพวกหลู่ไท่เว่ยอยู่ หากไม่ใช่เรื่องหนักหนาเกินความสามารถของพวกเขาพวกเขาย่อมจัดการไปแล้ว ไม่มีทางส่งคนมาหานางเช่นนี้
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เจียงไหวเซิงรีบส่งคนไปถามเรือของต้าโจวทันที
ไม่นานทหารเรือที่แล่นเรือเล็กไปถามเรื่องราวจากเรือของต้าโจวก็แล่นกลับมา ผู้ที่มาพร้อมกับทหารเรือคือหลู่หยวนชิ่งหลานชายของหลู่ไท่เว่ยของต้าโจว
หลู่หยวนเผิงกำลังเอนกายพิงประตูพลางกัดแอปเปิ้ลที่เพิ่งแย่งมาจากซือหม่าผิงอย่างสบายอารมณ์ เมื่อเห็นพี่ชายของตัวเองเดินขึ้นเรือมาพร้อมกับทหารเรือของต้าโจวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขาก็รู้สึกเหมือนมีลมหนาวพัดมาทางเขาจนร่างสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
หลู่หยวนเผิงรีบยืนหยัดกายตรงโดยสัญชาตญาณ เขายัดแอปเปิ้ลทั้งลูกเข้าปาก เดิมทีเขาอยากส่งยิ้มให้พี่ชายของตัวเอง ทว่า ในปากเขามีแอปเปิ้ลทั้งลูกจึงได้แต่ส่งยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ให้พี่ชายของตัวเอง
แม้แต่ซือหม่าผิงก็รีบยืนตัวตรงพลางส่งยิ้มให้หลู่หยวนชิ่ง
หลู่หยวนชิ่งขมวดคิ้วแน่น เขาใช้นิ้วชี้มาทางหลู่หยวนเผิง จากนั้นละสายตาเดินตรงไปหาไป๋ชิงเหยียน
“ไม่ชอบมาพากล พี่ชายเจ้าหน้าเครียดเช่นนี้ อาจเกิดเรื่องอันใดขึ้นในราชสำนักแน่เลย”
ซือหม่าผิงมองตามแผ่นหลังของหลู่หยวนชิ่งไปพลางกล่าวขึ้น
ซือหม่าผิงกล่าวเช่นนี้หลู่หยวนเผิงจึงเริ่มกังวลขึ้นเช่นกัน ซือหม่าผิงเป็นคนฉลาด เรื่องที่เขาคาดการณ์แทบไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
คำนวณจากเวลาที่พี่ชายเขาเดินทางมาถึงแคว้นตงอี๋แสดงว่าเรื่องคงเกิดขึ้นหลังจากพวกเขาจากมาเพียงครึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น