บทที่ 776 ชุดคราม

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

‘พรึ่บ​ พรั่บ’​

ธงที่​มีพื้น​หลัง​สีดำ​และ​วาด​ด้วย​ลวดลาย​ทองคำ​โบกสะบัด​ อากาศ​บน​แท่น​แปด​ทิศ​ราวกับ​เยือกเย็น​ยิ่งขึ้น​

ไม่ ไม่ใช่ราวกับ​ แต่​ยาม​ที่​ฮว๋าย​ชิ่งโบก​สะบัก​ธงกวัก​วิญญาณ​ ท้องฟ้า​เหนือ​หอ​ดู​ดาว​ก็​มีเมฆดำ​แออัด​จน​ปกคลุม​แสงอาทิตย์​และ​เพิ่มพูน​ขึ้น​เป็นชั้นๆ​

‘หวิว​ หวิว​…’

อากาศ​พัดผ่าน​เสาธงที่​ทำ​จาก​โลหะ​และ​เต็มไปด้วย​รู​จน​เกิด​เสียงร้อง​โหยหวน​ราวกับ​ร่ำไห้​และ​คร่ำครวญ​

ซ่งชิงขมวดคิ้ว​ เขา​สัมผัส​ได้​ว่า​จิต​เดิม​คล้าย​จะหลุดลอย​ออกจาก​ร่าง​ไปพร้อมกับ​เสียง​ร่ำไห้​นี้​

‘ธงผืน​นี้​จะกวัก​เรียก​วิญญาณ​ของ​ข้า​ไปด้วย​เสียแล้ว​…’ ซ่งชิงนำ​จุก​ไม้ออก​มาจาก​อก​เสื้อ​แล้ว​ปิด​หู​เอาไว้​ แบบนี้​จึงรู้สึก​ดีขึ้น​มาหน่อย​

หิน​ตี​ฆ้อง​เรียก​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ว่า​ ‘หิน​เชิญวิญญาณ​’ และ​ ‘หิน​เรียก​ผี​’ สถานที่​ที่​มีมัน​อยู่​ จะต้อง​มีวิญญาณ​รวมตัวกัน​เป็น​กลุ่มก้อน​หนาแน่น​ ดังนั้น​จึงเป็นหนึ่ง​ใน​วัสดุ​หลัก​สำหรับ​สร้าง​ธงกวัก​วิญญาณ​

‘หวิว​ หวิว​ หวิว​…’

เสียง​คร่ำครวญ​รุนแรง​ยิ่งขึ้น​ ดวงวิญญาณ​ทั่ว​ทั้ง​เมืองหลวง​ต่าง​ก็​ถูก​ปลุก​ให้​ตื่นขึ้น​มา พวก​มัน​บ้าง​ก็​คืบคลาน​ออก​มาจาก​แม่น้ำ​เย็นชืด​ บ้าง​ก็​ผุด​ออก​มาจาก​เรือน​หลัง​เก่า​ที่​ถูก​ปล่อย​ร้าง​ บ้าง​ก็​ลอย​ออก​มาจาก​ใน​หลุมฝังศพ​ที่​มีหญ้า​รก​ครึ้ม​…

ลม​ครวญคร่ำ​ เมฆดำ​เหนือศีรษะ​หนาแน่น​ ทั่ว​ทั้ง​สำนัก​โหราจารย์​ล้วน​ถูก​ปกคลุม​อยู่​ใน​บรรยากาศ​มืดมน​น่าสะพรึงกลัว​

เหล่า​โหร​ชุด​ขาว​ของ​สำนัก​โหราจารย์​ล้วนแต่​ได้รับ​แจ้งล่วงหน้า​แล้ว​ จึงพา​กัน​เดินลง​มาจาก​อาคาร​ ตั้งแต่​ชั้น​สามเป็นต้นไป​ ล้วน​ไม่มีสิ่งมีชีวิต​ใดๆ​ หลง​เหลืออยู่​

“เว่ยเยวียน​ วิญญาณ​จงหวนคืน​!”

บน​ธงกวัก​วิญญาณ​ที่​พลิ้วไหว​ อักขระ​สีทอง​อร่าม​สว่าง​ขึ้น​และ​ลอย​ล่อง​ไปไกล​ตาม​กระแสลม​ที่​พัดผ่าน​ผืน​ธง ราวกับ​เป็น​เส้นทาง​ชักนำ​ที่​บิดเบี้ยว​

เมือง​จิ้งซาน​

บน​แท่นบูชา​สูงตระหง่าน​ รูป​สลัก​ชายหนุ่ม​ที่​สวม​ชุด​ยาว​หรูหรา​และ​สวมมงกุฎ​หนาม​เริ่ม​สั่น​ไหว​เบา​ๆ

บน​ท้องฟ้า​ไกล​ ลม​หยิน​ได้​พัดพา​ลำแสง​สีทอง​ให้​ขยาย​ลง​มาจาก​เหนือ​ท้องฟ้า​แล้ว​ก่อเกิด​เป็น​เส้นทาง​สีทอง​ระยับ​

เหนือศีรษะ​ของ​รูป​สลัก​เทพ​พ่อ​มด​ เงาร่าง​ใน​ชุด​สีคราม​ค่อยๆ​ ลอย​ออกมา​แล้ว​จมลง​ไปอีกครั้ง​ เป็น​เช่นนี้​ซ้ำๆ

ทุกครั้งที่​เงาร่าง​สีคราม​ลอย​ออกมา​ หว่าง​คิ้ว​ของ​รูป​สลัก​ก็​จะมีแสงสีใสสว่าง​ขึ้น​แล้ว​กด​ดวงวิญญาณ​ลง​ไป

“เว่ยเยวียน​ วิญญาณ​จงหวนคืน​!”

ที่​ปลาย​สุด​ของ​เส้นทาง​สีทอง​ระยับ​มีเสียง​เรียก​อัน​แจ่มชัด​ดัง​ออกมา​

เงาร่าง​ใน​ชุด​คราม​ที่​ราวกับ​ไม่ใช่ความจริง​ลอย​ออกมา​อีกครั้ง​ ร่างกาย​เลือนราง​สั่น​ไหว​หลาย​หน​ คล้าย​กับ​พยายาม​ลอย​ขึ้น​มาและ​ต้อง​การหลุดพ้น​จาก​ภายใน​รูป​สลัก​สุดกำลัง​

ส่วน​ด้านใน​รูป​สลัก​ ปราณ​สีดำ​หลาย​สาย​พุ่ง​เข้ามา​ผลักดัน​เงาร่าง​ใน​ชุด​คราม​ ราวกับ​กำลัง​ช่วย​เขา​อีก​แรง​

แต่​พลัง​จาก​สามแหล่ง​นี้​ล้วน​ถูก​พลัง​ผนึก​ที่​หว่าง​คิ้ว​ของ​รูป​สลัก​เทพ​พ่อ​มด​กด​เอาไว้​

หลังจาก​เป็น​เช่นนี้​ซ้ำๆ อยู่​หลายครั้ง​ ปราณ​สีดำ​และ​เงาร่าง​ใน​ชุด​คราม​ก็​เริ่ม​เฉื่อยชา​และ​ไม่พยายาม​อีก​

แม้ว่า​เสียง​เรียก​จาก​ปลาย​เส้นทาง​สีทอง​ระยับ​จะดัง​อยู่​หลายครั้ง​ แต่​เงาร่าง​ใน​ชุด​คราม​ก็​ไม่ปรากฏ​ขึ้น​มาอีกแล้ว​

“เว่ยเยวียน​ วิญญาณ​จงหวนคืน​!”

ฮว๋าย​ชิ่งรู้สึก​ว่า​สอง​แขน​เย็นเยียบ​ มือ​ที่​ถือ​ด้าม​ธงเอาไว้​ก็​มีชั้น​น้ำแข็ง​บาง​ๆ ปกคลุม​อยู่​

ข้อดี​ของ​จอม​ยุทธ์​ปรากฏ​ออกมา​ให้​เห็น​ในเวลานี้​ หาก​ให้​ซ่งชิงมาโบก​ธงกวัก​วิญญาณ​ สอง​มือ​คงจะ​ถูก​แช่แข็ง​จน​กลายเป็น​หิน​แล้ว​แตกสลาย​เป็น​เสี่ยง​ๆ แน่​

ส่วน​พิษ​ที่อยู่​ใน​อาวุธ​เวทมนตร์​ แม้จะทำให้​ฮว๋าย​ชิ่งรู้สึก​ไม่สบาย​อยู่​เล็กน้อย​ แต่​ด้วย​ร่าง​วิญญาณ​ของ​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สี่ จึงไม่ได้รับ​ผล​ใน​เวลา​สั้น​ๆ ขอ​เพียง​ต้อง​หยุด​ภายใน​หนึ่ง​เค่อ​เท่านั้น​

เมฆดำ​ที่​ปกคลุม​เหนือ​สำนัก​โหราจารย์​มีมากขึ้น​เรื่อยๆ​ อากาศ​ก็​หนาวเย็น​ยิ่งขึ้น​ พลัง​ของ​ธงกวัก​วิญญาณ​ส่งผล​ต่อ​บริเวณ​โดยรอบ​จน​ทำให้​สำนัก​โหราจารย์​กลายเป็น​ ‘ปรโลก​’ แบบ​รางๆ​ วิญญาณ​หยิน​ทั่ว​ทั้ง​เมืองหลวง​ก็​ล้วน​มารวมตัวกัน​ที่นี่​

พวก​มัน​บ้าง​ก็​ลอย​ไปมาอยู่​เหนือ​แท่น​แปด​ทิศ​ บ้าง​ก็​บุกรุก​สำนัก​โหราจารย์​ผ่าน​กำแพง​และ​หน้าต่าง​ บ้าง​ก็​เต้นระบำ​อยู่​รอบ​หอ​ดู​ดาว​

ภายใน​สำนัก​โหราจารย์​ เหล่า​โหร​ทั้งหลาย​ยก​อาวุธ​เวทมนตร์​กักเก็บ​แบบ​ต่างๆ​ ขึ้น​มาแล้ว​ไล่​จับ​ดวงวิญญาณ​ที่​วนเวียน​อยู่​เต็ม​ห้อง​ราวกับ​เด็ก​ที่​เล่น​ไล่​จับ​ผีเสื้อ​

“เร็ว​ จับ​พวก​มัน​เอาไว้​เร็ว​ เจ้าพวก​นี้​ล้วน​เป็น​วัตถุดิบ​ชั้นดี​สำหรับ​หลอม​ยา​หลอม​อาวุธ​เชียว​นะ​”

“นี่​มัน​โชคดี​เหมือน​มีลาภ​ตก​มาจาก​ฟ้าแท้ๆ​”

“ระวัง​ด้วย​ อย่า​ไปเก็บ​วิญญาณ​ของ​เว่ยเยวียน​มาเชียว​ล่ะ​”

เหล่า​โหร​ชุด​ขาว​ตื่นเต้น​กับ​จำนวน​ของ​ ‘วัตถุดิบ​’ พลาง​ทอดถอนใจ​เล็กน้อย​ เมื่อ​คิด​ว่า​ช่วงนี้​มีคนตาย​ทั่ว​ทั้ง​เมืองหลวง​เยอะ​เกินไป​แล้ว​

หลังจาก​คน​คน​หนึ่ง​ตาย​ วิญญาณ​จะมารวมตัว​ภายใน​เจ็ด​วัน​ และ​จากนั้น​ใน​เวลา​ครึ่ง​เดือน​ก็​จะสลาย​กลายเป็น​หมอก​ควัน​ ไม่สามารถ​ดำรงอยู่​ใน​โลก​มนุษย์​ได้​ด้วยตัวเอง​อีก​

หรือ​ก็​หมายความว่า​ วิญญาณ​หยิน​พวก​นั้น​ที่​ธงกวัก​วิญญาณ​เรียก​มาล้วน​เป็น​วิญญาณ​ใหม่​ เป็น​คน​ที่​ตาย​ภายใน​ครึ่ง​เดือน​นี้​

เวลา​ครึ่ง​เค่อ​ผ่าน​ไปอีก​ครา​…ซ่งชิงมอง​ไปยัง​ธูปที่​เล็ก​ลง​เรื่อยๆ​ จน​แทบจะ​ไหม้​หมด​ก้าน​ สีหน้า​พลัน​ย่ำแย่​ขึ้น​มาทันที​

“เหตุใด​วิญญาณ​ของ​เว่ยเยวียน​ยัง​ไม่มาอีก​? ไม่มีเหตุผล​เลย​ หรือว่า​เป็น​เพราะ​ฝ่าบาท​ไม่คุ้นเคย​กับ​เขา​จริงๆ​ เขา​ก็​เลย​ปฏิเสธที่จะ​มา”

ใบหน้า​งามหมดจด​ของ​ฮว๋าย​ชิ่งซีดเผือด​ ขน​ตา​ถูก​ปกคลุม​ด้วย​น้ำแข็ง​ค้าง​ ร่องรอย​ความกังวล​ค่อยๆ​ รวมตัว​กันที่​หว่าง​คิ้ว​ นาง​ดุว่า​

“เหลวไหล​ ไปดู​ซะว่า​เกิด​ปัญหา​ที่​ตรงไหน​”

ซ่งชิงไม่ได้​พูด​อะไร​ เขา​ตรวจสอบ​ค่าย​กล​เป็น​อันดับ​แรก​ แม้จะไม่คิด​เลื่อนขั้น​เป็น​ค่าย​กล​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​ แต่​ค่าย​กล​ที่​สมควร​เรียนรู้​ เขา​ก็​เรียน​มาหมด​แล้ว​ เมื่อ​มีวัสดุ​และ​ภูมิศาสตร์​ฮวงจุ้ย​มาก​พอ​ ซ่งชิงก็​สามารถ​สร้าง​ค่าย​กล​ที่​มีพลัง​น่าเกรงขาม​ออกมา​ได้​

เพียงแต่​ไม่อาจ​คิด​แล้ว​ทำให้​ค่าย​กล​เกิดขึ้น​มาได้​เหมือน​อย่าง​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​เท่านั้น​

“ค่าย​กล​เรียก​วิญญาณ​ไม่มีปัญหา​ ธงกวัก​วิญญาณ​ไม่มีปัญหา​ กาย​เนื้อ​และ​จิต​เดิม​ก็​ยิ่ง​ไม่มีปัญหา​…”

ซ่งชิงพูด​จบ​ก็​เงยหน้า​ของ​เงาร่าง​สะโอดสะอง​ของ​จักรพรรดินี​

“เจ้าหมายความว่า​ เรา​มีปัญหา​หรือ​?” ฮว๋าย​ชิ่งเลิกคิ้ว​

นาง​สาบาน​ได้​ หาก​ซ่งชิงกล้า​หาเรื่อง​ซวย​ในเวลานี้​ กลับ​ไปนาง​จะสั่งประหาร​เขา​ที่​ไช่ซื่อ​โข่ว​แน่ๆ​

ซ่งชิงขมวดคิ้ว​ เขา​เงียบ​นิ่ง​ไปนาน​ก่อน​เอ่ย​ว่า​

“มีความเป็นไปได้​สอง​แบบ​ หาก​วิญญาณ​ของ​เว่ยเยวียน​ไม่สลาย​กลายเป็น​หมอก​ควัน​ ก็​ต้อง​ถูก​บางอย่าง​ผนึก​ไว้​ ดังนั้น​แม้แต่​ธงกวัก​วิญญาณ​ที่​เป็น​อาวุธ​เวทมนตร์​ชั้นสูง​เช่นนี้​ก็​ไม่อาจ​เรียก​มาได้​”

เขา​เผย​ความ​เคร่งขรึม​ที่​มีใน​ยาม​ทำ​การทดลอง​แปรธาตุ​ออกมา​

ฮว๋าย​ชิ่งนิ่งเงียบ​ไปพัก​หนึ่ง​ พลาง​โบกสะบัด​ธงกวัก​วิญญาณ​พลาง​หันหน้า​ไปมอง​เขา​

“มีวิธี​หรือไม่​”

ซ่งชิงตอบ​

“เมื่อ​ครู่​ที่​พูดเล่น​กับ​ฝ่าบา​ทว่า​สวี่​ชีอัน​เหมาะกับ​การ​เรียก​วิญญาณ​มากกว่า​นั้น​ เป็น​เพราะ​นอกจาก​โลหิต​ของ​เว่ยเยวียน​ที่อยู่​ใน​ตัว​เขา​แล้วก็​…อืม​ พูด​เช่นนี้​ไม่ค่อย​ถูก​นัก​ แค่​พระองค์​เข้าใจ​ก็​พอ​ แต่​หลัก​ๆ คือ​ความจริง​แล้ว​สวี่​ชีอัน​มีโชคชะตา​มาก​พอ​”

ฮว๋าย​ชิ่งขมวดคิ้ว​

“โชคชะตา​?”

สิ่งที่​นาง​ไม่เข้าใจ​คือ​ เรื่อง​การ​เรียก​วิญญาณ​เช่นนี้​ยัง​ต้อง​โคจร​ปราณ​ด้วย​หรือ​? หาก​ต้อง​ใช้วิธีการ​เป็น​เด็ก​ๆ เช่นนี้​ แล้ว​ธงกวัก​วิญญาณ​จะมีประโยชน์​อะไร​

ซ่งชิงยักไหล่​

“ข้า​ก็​ไม่เข้าใจ​หรอก​ นี่​เป็น​สิ่งที่​จ้าว​โส่ว​เอ่ย​บอก​มาเอง​ตอนที่​นำ​วิญญาณ​ที่​เหลือ​ของ​เว่ยเยวียน​ส่งมายัง​สำนัก​โหราจารย์​ เขา​บอ​กว่า​ ต่อไป​หาก​จะเรียกคืน​วิญญาณ​ของ​เว่ยเยวียน​ เช่นนั้น​ก็​ต้อง​ให้​สวี่​ชีอัน​มา เพราะ​เขา​มีโชคชะตา​มาก​พอ​”

ฮว๋าย​ชิ่งครุ่นคิด​แล้ว​ถามกลับ​

“สวี่​ชีอัน​รู้เรื่อง​นี้​หรือไม่​”

“ย่อม​ต้อง​รู้​แน่​” ซ่งชิงตอบ​อย่าง​แน่วแน่​

“เช่นนั้น​เรา​ก็​ทำได้​!”

ฮว๋าย​ชิ่งเอ่ย​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​มั่นคง​

เพราะ​เดิมที​นี่​ก็​เป็น​ภารกิจ​ที่​สวี่​ชีอัน​มอบให้​นาง​

นาง​สูด​หายใจเข้า​ลึก​ ดวงตา​ล้ำลึก​สีดำ​สนิท​ของ​ฮว๋าย​ชิ่งมีประกาย​สีทอง​วาบ​ผ่าน​ แสงสีทอง​กลาย​เป็นเงา​ร่าง​มังกร​เวียนว่าย​อยู่​ใน​ดวงตา​

ทันใดนั้น​ ฮว๋าย​ชิ่งก็​คล้าย​กลายเป็น​คนละ​คน​ เป็น​จอม​กษัตริย์​แห่ง​โลก​มนุษย์​ผู้​ทรงพลัง​อำนาจ​ แข็งแกร่ง​ และ​อยู่​เหนือ​ผู้ใด​ ทำให้​ซ่งชิงที่อยู่​ด้านหลัง​เกือบจะ​ลง​ไปคุกเข่า​กับ​พื้น​และ​ไม่กล้า​มอง​ความ​น่าเกรงขาม​ของ​จอม​กษัตริย์​ตรงๆ​

นาง​ขับเคลื่อน​ปราณ​มังกร​ภายใน​ร่างกาย​

ก่อนที่จะ​ขึ้น​ครองราชย์​ นาง​ใช้ชิ้นส่วน​ของ​หนังสือ​ปฐพี​เป็น​สะพาน​ดูดซับ​ปราณ​มังกร​หลัก​สามสาย​และ​เศษปราณ​มังกร​ที่​กระจัดกระจาย​อีก​หลาย​ร้อย​สาย​

ปราณ​มังกร​เหล่านี้​ซ่อนเร้น​อยู่​ภายใน​ร่าง​ของ​นาง​ ไม่อาจ​ขับเคลื่อน​มาใช้ได้​

จนกระทั่ง​นาง​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​เป็น​จักรพรรดินี​และ​มีโชคชะตา​ติดตัว​ โชคชะตา​ที่​ซ่อนเร้น​อยู่​ภายใน​ร่าง​จึงยอมจำนน​ต่อ​นาง​โดย​สมบูรณ์​ และ​กลายเป็น​สอง​ที่​สามารถ​นำมา​ใช้งาน​ได้​

“เว่ยเยวียน​ วิญญาณ​จงหวนคืน​!”

นัยน์ตา​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​ฮว๋าย​ชิ่งเปล่งประกาย​พลาง​ขับเคลื่อน​ปราณ​ใน​ตันเถียน​ พร้อม​ส่งเสียง​ดังก้อง​ทะลุ​ฟ้า

“เว่ยเยวียน​ วิญญาณ​จงหวนคืน​!”

เมือง​จิ้งซาน​ ที่​ปลาย​สุด​ของ​เส้นทาง​ประกาย​ทอง​ มีเสียง​ตะโกนเรียก​ดังลั่น​ราวกับ​สายฟ้า​ยาม​วสันต์​

สิ่งที่มา​พร้อมกับ​เสียง​นั่น​ก็​คือ​ลำแสง​สีทอง​อร่าม​ที่​สาดส่อง​จาก​ปลาย​ของ​เส้นทาง​ประกาย​ทอง​ตรง​มายัง​หว่าง​คิ้ว​ของ​รูป​สลัก​เทพ​พ่อ​มด​

ที่​หว่าง​คิ้ว​นั้น​ ผนึก​ที่​ก่อเกิด​เป็น​ปราณ​ใสสาย​นั้น​ราวกับ​ถูก​แยก​และ​ค่อยๆ​ ลอก​ออก​

บน​ริม​ขอบ​แท่นบูชา​ เสียง​ของ​ซ่าหลุน​อา​กู่​ดัง​ขึ้น​ เขา​เดิน​ปรี่​มายัง​หน้า​รูป​สลัก​ก่อน​เอ่ย​พร้อม​รอยยิ้ม​

“เช่นนี้​ถึงจะถูก​! โชคดี​นัก​ที่​ต้าฟ่ง​ยังมี​ผู้​ที่​มีโชคชะตา​หนาแน่น​มาก​พอ​ เว่ยเยวียน​ วันนั้น​เจ้าผนึก​เทพ​พ่อ​มด​ เทพ​พ่อ​มด​จึงได้​แสวงหา​วิญญาณ​ของ​เจ้า นี่​เป็น​วัฏจักร​ของ​เหตุ​ต้น​ผลกรรม​ เจ้าซ่อมแซม​ผนึก​ปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ด้วย​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ มาวันนี้​เจ้าจึงจะลบ​ผนึก​ชิ้น​นี้​ออก​ไปได้​ นี่​ก็​คือ​วัฏจักร​ของ​เหตุ​ต้น​ผลกรรม​เช่นกัน​ เช่นนั้น​ข้า​จะส่งพลัง​ให้​เจ้าอีก​แรง​”

เขา​หยิบ​แส้ต้อน​แกะ​ออกมา​ แสงสีขาว​สว่าง​ขึ้น​มาจาก​แส้ต้อน​แกะ​ กระแสไฟฟ้า​ไหลหลั่ง​จน​เกิด​เสียง​ ‘ชี่ ชี่’ ราวกับ​เป็น​สายฟ้า​ฟาด​

‘เพียะ!’​

ซ่าหลุน​อา​กู่​ฟาด​ลง​บน​ร่าง​วิญญาณ​ชุด​คราม​ด้วยมือ​อัน​สั่นเทา​ แสงสีขาว​ใน​แส้พลัน​หลอม​รวม​เข้าไป​ใน​วิญญาณ​ ร่าง​วิญญาณ​ชุด​คราม​ระเบิด​แสงสีขาว​พร่างพราว​และ​เต็มไปด้วย​พลัง​ใน​ฉับพลัน​

ขณะเดียวกัน​นี้​ ปราณ​สีดำ​ภายใน​รูป​สลัก​ก็​เคลื่อนไหว​อย่าง​ดุดัน​ พวก​มัน​ต่าง​พา​กัน​ผลักดัน​ร่าง​วิญญาณ​ชุด​คราม​ให้​พุ่ง​ออกมา​

อีก​ด้าน​หนึ่ง​ เมื่อ​แสงทอง​ส่อง​ลงมา​ ในที่สุด​แสงใสที่​หว่าง​คิ้ว​ก็​สลาย​หาย​ไป

‘โครม​!’

มงกุฎ​หนาม​บน​ศีรษะ​สะเทือน​ลั่น​ ปราณ​สีดำ​พวยพุ่ง​ออกมา​ราวกับ​น้ำพุ​แล้ว​ดัน​ร่าง​วิญญาณ​ชุด​คราม​ออก​ไป

‘แคร่​ก!’​ หว่าง​คิ้ว​ของ​รูป​สลัก​ปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​แตกร้าว​อีกครั้ง​ และ​กลายเป็น​เช่น​ก่อน​หน้าที่​เว่ยเยวียน​จะซ่อมแซม​มัน​

ทันทีที่​วิญญาณ​ชุด​คราม​หลุด​ออกจาก​ที่​กัก​ เส้นทาง​สาย​ใหญ่​ที่​สายลม​หยิน​สร้าง​ขึ้น​ก็​ยื่น​เข้า​มาหา​ยิ่งกว่า​เดิม​แล้ว​พัดพา​เขา​ไป จากนั้น​มัน​ก็​หด​เล็ก​ลง​แล้ว​หาย​ไปที่​ปลาย​ขอบฟ้า​

และ​ปราณ​สีดำ​สาย​นั้น​ที่​พวยพุ่ง​ขึ้น​มาอย่าง​ต่อเนื่อง​ก็​รวมกัน​เป็น​ใบหน้า​ขนาดใหญ่​อัน​เลือนราง​ที่​มอง​มายัง​ทั่ว​ทั้งเมือง​จิ้งซาน​

ซ่าหลุน​อา​กู่​ถอนหายใจ​ รู้สึก​ราวกับ​ปลด​ภาระ​หนัก​และ​สิ้นหวัง​ไปพร้อมกัน​

ตั้งแต่​เว่ยเยวียน​ผนึก​เทพ​พ่อ​มด​ จนกระทั่ง​เขา​ฟื้นคืนชีพ​ขึ้น​ก็​ผ่าน​ไปเป็นเวลา​ห้า​เดือน​แล้ว​

เวลา​ห้า​เดือน​นี้​ กลับ​ทำให้​สำนัก​พ่อ​มด​เสีย​โอกาสดี​ๆ ที่จะ​กลืน​กิน​พรมแดน​ทางเหนือ​และ​ใช้พรมแดน​เหนือ​เป็น​ฐาน​ที่มั่น​ใน​การ​ลง​ใต้​และ​กลืน​กิน​ภาค​กลาง​

“บัดนี้​จิ่ว​โจว​ตก​อยู่​ใน​ความวุ่นวาย​ เทพ​มาร​สวม​หนัง​ปลอม​ตน​นั้น​หวนกลับ​มายัง​จิ่ว​โจว​ ครึ่ง​ก้าว​สู่เทพ​ยุทธ์​พ้น​จาก​ปัญหา​แล้ว​รวมตัว​ขึ้น​ใหม่​ หาก​ลั่วอวี้เหิง​ผ่าน​ด่าน​เคราะห์​สำเร็จ​ เช่นนั้น​ลัทธิ​เต๋า​ก็​จะมีเทพ​เซียน​เดิน​ดิน​เพิ่มขึ้น​มาอีก​คน​แล้ว​ สถานการณ์​เริ่ม​ซับซ้อน​ขึ้น​เรื่อยๆ​”

“เจตจำนง​สวรรค์​เป็น​เช่นนี้​!”

ซ่าหลุน​อา​กู่​ส่ายหน้า​อย่าง​เสียใจ​

ขณะที่​เอ่ย​พูด​ ใบหน้า​เลือนราง​ที่เกิด​จาก​ปราณ​สีดำ​มารวมกัน​บน​ท้องฟ้า​ก็​แตกสลาย​ พังทลาย​ และ​หดตัว​กลับ​เข้าไป​อยู่​ใน​รูป​สลัก​เทพ​พ่อ​มด​

ดวงตา​ของ​รูป​สลัก​ที่​เดิมที​ว่างเปล่า​ก็​ปรากฏ​แสงหม่นหมอง​สอง​ดวงขึ้น​ พลาง​จ้องมอง​รูป​สลัก​ปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ที่อยู่​ตรงข้าม​

หาก​สังเกต​ดูดี​ๆ จะพบ​ว่า​รอยร้าว​ที่​หว่าง​คิ้ว​ของ​รูป​สลัก​ปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​กำลัง​แพร่กระจาย​และ​ยื่น​ขยาย​ออก​ไปทีละ​นิดๆ​ ท่ามกลาง​การ​ ‘จ้องมอง​’ นี้​

ตลอดทั้ง​กระบวนการ​เชื่องช้า​เป็น​อย่างยิ่ง​ แต่​มั่นคง​ไม่เปลี่ยน​ผัน​

“หมดเวลา​แล้ว​!”

ซ่งชิงเอ่ย​เสียง​แผ่ว​

“ฝ่าบาท​ หนึ่ง​เค่อ​ได้​ผ่าน​ไปแล้ว​ ท่าน​วาง​ธงกวัก​วิญญาณ​เสียเถิด​ ถือ​นาน​ไปจะทำร้าย​พระ​วรกาย​มังกร​ได้​”

ฮว๋าย​ชิ่งกัดฟัน​แน่น​และ​โบก​ธงกวัก​วิญญาณ​ต่อไป​โดย​ไม่สนใจ​การ​ห้ามปราม​ของ​ซ่งชิง

ท่ามกลาง​เสียง​ ‘พรึ่บ​ พรั่บ’​ ความร้อน​จาก​ธูปที่​ซ่งชิงจุด​ขึ้น​ก็​ค่อยๆ​ มลาย​หาย​ไป เศษเถ้าถ่าน​ต่าง​ร่วง​ลงมา​

ซ่งชิงส่ายหน้า​พลาง​ถอนหายใจ​

ผ่าน​มาอีก​หนึ่ง​เค่อ​ ฮว๋าย​ชิ่งก็​ตัว​สั่นเทา​ ธงกวัก​วิญญาณ​ใน​มือ​หลุด​ออก​แล้ว​ตก​กระแทก​พื้น​เสียงดัง​ ‘ตึง​’

ไม่ได้​เป็น​เพราะ​นาง​คิด​ล้มเลิก​ แต่​นาง​มาถึงขีดจำกัด​แล้ว​ จึงไม่อาจ​ถือ​ธงกวัก​วิญญาณ​ให้​มั่น​ได้​อีก​

ดวง​หน้า​ขาว​สล้าง​งามละออ​เต็มไปด้วย​เส้นเลือด​สีเข้ม​ ริมฝีปาก​สีแดง​ก็​กลายเป็น​สีดำ​อม​ม่วง​ สอง​แขน​ของ​นาง​ก็​มีน้ำแข็ง​เคลือบ​อยู่​หนาแน่น​

อาวุธ​เวทมนตร์​ชั้นสูง​อย่าง​ธงกวัก​วิญญาณ​นั้น​ ไม่มีวัสดุ​หลัก​สัก​ชิ้น​เดียว​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​โลก​ของ​ผู้​อยู่​เหนือ​สามัญ นางใน​ขั้น​สี่ยาก​จะควบคุม​มัน​ได้​เป็นเวลา​นานๆ​

เมฆครึ้ม​ปกคลุม​เต็ม​ท้องฟ้า​ จากนั้น​ลม​หยิน​ก็​หยุด​พัด​

วิญญาณ​หยิน​ที่​วนเวียน​อยู่​รอบ​หอ​ดู​ดาว​ก็​ค่อยๆ​ จากไป​เช่นกัน​

“ฝ่าบาท​ ถอนพิษ​เถิด​”

ซ่งชิงหยิบ​ขวด​กระเบื้อง​ออก​มาจาก​ใน​อก​เสื้อ​แล้ว​โยน​ไปให้​ส่งๆ

ไม่มีความคิด​ที่จะ​ยก​ถวาย​ด้วย​สอง​มือ​เลย​

คน​ที่ทำการ​ศึกษา​ทดลอง​มัก​ไม่ค่อย​ ‘ฉลาด​’ พอ​

ดังนั้น​ฮว๋าย​ชิ่งจึงไม่รับ​ นาง​เดิน​ตรง​ไปหา​เว่ยเยวียน​แล้ว​จ้องมอง​ใบหน้า​หล่อเหลา​นั่น​โดย​ไม่เอ่ย​พูด​ ใน​แววตา​มีความผิดหวัง​อย่าง​ล้ำลึก​

ใน​ชั่ว​ขณะนี้​เอง​ ซ่งชิงกลับ​มองเห็น​ความ​โศกเศร้า​จาก​องค์​จักรพรรดินี​

เขา​พลัน​คิด​ขึ้น​ได้​ว่า​ หาก​เขา​จำไม่ผิด​ ตอนที่​ฮว๋าย​ชิ่งยัง​เป็น​องค์​หญิง​ก็​คล้าย​จะเรียน​วิชา​เดินหมาก​กับ​เว่ยเยวียน​อยู่​หลาย​ปี

ทันใดนั้น​ ค่าย​กล​เรียก​วิญญาณ​ที่​เท้า​ของ​ฮว๋าย​ชิ่งก็​สว่าง​ขึ้น​มา จากนั้น​ประกาย​แสงสีทอง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​มาบน​ฟ้าและ​ซ้อน​ทับกัน​เป็นชั้นๆ​ แล้ว​พุ่ง​เข้าหา​หอ​ดู​ดาว​ที่​สูงตระหง่าน​เทียม​เมฆอย่าง​รวดเร็ว​

แสงทอง​นั้น​รวดเร็ว​อย่างยิ่ง​ เพียง​ไม่กี่​อึดใจ​ก็​เข้ามา​ใกล้​กับ​แท่น​แปด​ทิศ​แล้ว​ จากนั้น​ก็​พุ่ง​เข้าสู่​ภายใน​ร่าง​ใน​ชุด​คราม​ที่​กลาง​ค่าย​กล​ภายใต้​การ​ ‘คุ้มกัน​’ ของ​สายลม​หยิน​

ฮว๋าย​ชิ่งถอย​ออกจาก​ค่าย​กล​ใน​ชั่ว​ขณะนี้​ ดวงตา​คู่​งามจดจ้อง​ไปยัง​ร่าง​ใน​ชุด​คราม​โดย​ไม่แม้แต่​จะกะพริบ​

ทันใดนั้น​ ดวงตา​ของ​ชาย​ใน​ชุด​คราม​ก็​สั่น​ไหว​และ​ค่อยๆ​ เปิด​ออก​

เขา​มอง​ไปยัง​ท้องฟ้า​เงียบๆ​ สามวินาที​ จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ลุกขึ้น​มาแล้ว​มองดู​รอบข้าง​ สุดท้าย​สายตา​ก็​ไปตก​อยู่​บน​ร่าง​ของ​ฮว๋าย​ชิ่ง

จอน​ผม​ของ​เขา​สีขาว​ ใน​ดวงตา​แฝงความ​โชกโชน​ที่​สั่งสมมาหลาย​ปี จากนั้น​ก็​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนโยน​ออกมา​

“ไม่ได้​เจอกัน​นาน​ ฝ่าบาท​!”

ฮว๋าย​ชิ่งขอบตา​แดงก่ำ​ น้ำตาไหล​ออก​มาจาก​ดวงตา​เงียบๆ​

“เว่ยกง…”​

นอก​เมืองหลวง​ ชาย​ชุด​ดำ​ผู้​หนึ่ง​ขี่ม้า​พุ่ง​ออกจาก​ประตูเมือง​แล้ว​ทะยาน​ออก​ไป

ยง​โจว​

สวี่​ผิง​เฟิงรู้สึก​ได้​ถึงบางอย่าง​ จึงใช้วิชา​เคลื่อนย้าย​เพื่อ​หนี​ห่าง​และ​หลบหลีก​ปราณ​ดาบ​จาก​ชาย​ชรา​ได้​

จากนั้น​ก็​หันหน้า​ไปมอง​ทางเหนือ​ เห็น​อยู่​ว่า​ตอนนี้​เป็น​เวลากลางวัน​ แต่​ท้องฟ้า​ทางเหนือ​กลับ​มีดวงดาว​เจิด​จรัส​ส่อง​ประกาย​อยู่​

“เว่ยเยวีย​น.​..”

ใน​ฐานะ​โหร​ขั้น​สอง​ การ​อ่าน​ปรากฏการณ์​ดวงดาว​คือ​ความสามารถ​ที่อยู่​ใน​ขอบเขต​อยู่แล้ว​

สวี่​ผิง​เฟิงค่อยๆ​ กำหมัด​แน่น​ หน้าผาก​มีเส้นเลือด​ปูด​โปน​ขึ้น​มาชัดเจน​

เว่ยเยวียน​ฟื้นคืนชีพ​ไม่ใช่เรื่อง​น่ากลัว​ ร่างกาย​อ่อนแอ​เช่นนั้น​จะไปทำ​สิ่งใด​ได้​?

แต่​ถ้าหาก​ลั่วอวี้เหิง​ผ่าน​ด่าน​เคราะห์​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ เช่นนั้น​ต้าฟ่ง​ก็​ไม่เพียง​มีพลัง​ต่อสู้​เหนือ​สามัญสมดุล​กับ​ฝั่งอวิ๋น​โจว​เท่านั้น​ แต่​ใน​สมรภูมิ​ ต่อให้​สวี่​ผิง​เฟิงจะชื่นชม​ชีก่วง​ป๋อ​แค่​ไหน​ แต่​ก็​ไม่คิด​ว่า​เขา​จะสามารถ​ต่อกร​กับ​เว่ยเยวียน​ได้​

“ข้า​ต้อง​ไปที่​ทางเหนือ​สัก​หน​ ต่อให้​ต้อง​ใช้ร่าง​อวตาร​ก็​ตา​ม…”

สวี่​ผิง​เฟิงกวาดตา​มอง​ชาย​ชรา​ด้านล่าง​ แล้ว​นวด​หว่าง​คิ้ว​ด้วย​ความรู้สึก​ปวดหัว​

หาก​คิด​จะทรมาน​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สอง​จนตาย​ ย่อม​ไม่ใช่เรื่อง​ที่จะ​เกิดขึ้น​ได้​ใน​วัน​สอง​วัน​

‘ช่างเป็น​หินโสโครก​ใน​ห้อง​ปลดทุกข์​ยิ่งนัก​’

ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ใน​ป่าบุพกาล​นอก​หุบเหว​ลึก​ แม่ย่า​เทียน​กู่​มอง​ไปทางเหนือ​ผ่าน​แมก​ไม้ที่​ปกคลุม​หนาแน่น​

“เว่ยเยวียน​ฟื้นคืนชีพ​แล้ว​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​หรี่ตา​ลง​ ใบหน้า​ยับ​ย่น​เผย​รอยยิ้ม​เล็กน้อย​

“พวก​เจ้าไม่ต้อง​กังวล​ว่า​ใช้ตะกร้า​ไม้ไผ่​ตัก​น้ำ​แล้​วจะ​สูญเปล่า​อีกแล้ว​”

หลง​ถูและ​พวก​ผู้นำ​เผ่าพันธุ์​กู่​ทั้งหลาย​ได้ยิน​เช่นนั้น​ก็​ดีใจ​ขึ้น​มา จากนั้น​ก็​ขมวดคิ้ว​

หลวนอวี้​ผู้ทรง​เสน่ห์​ขมวดคิ้ว​ขนง​ทรง​ประณีต​

“เขา​ฟื้น​คืน​ระดับ​ฝึก​ตน​ใน​ตอนที่​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ได้​หรือ​?”

แม่ย่า​เทียน​กู่​ส่ายหน้า​

หลง​ถูผิดหวัง​ไปครู่หนึ่ง​

“เช่นนั้น​จะมีประโยชน์​อัน​ใด​เล่า​ ยัง​ต้อง​ดู​ด้วยว่า​สวี่​ชีอัน​ยัง​สามารถ​คุม​ศึก​ช่วงชิง​นี้​ได้​หรือไม่​”

โหย​วซือ​กล่าว​

“ต้าฟ่ง​ต้อง​แพ้​แน่​แล้ว​ พวกเรา​ไม่เพียงแต่​ขาดทุน​ย่อยยับ​ แต่​ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​ถูก​ดึง​ไปคิดบัญชี​ร่วม​ด้วย​ก็ได้​”

สิ่งที่​เขา​คิด​อยู่​ใน​ใจคือ​ เจ้าสวี่​ชีอัน​ผู้​นี้​ยัง​ไม่ได้​มอบ​ศพ​โบราณ​นั่น​ให้​เขา​เลย​

แม่ย่า​เทียน​กู่​หัวเราะ​ขึ้น​มาเมื่อ​เห็น​ใบหน้า​ย่ำแย่​ของ​ผู้นำ​แต่ละคน​

หอ​ดู​ดาว​ แท่น​แปด​ทิศ​

เว่ยเยวียน​นั่ง​อยู่​ด้านหลัง​โต๊ะ​ที่​เดิม​เป็น​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ ใน​มือถือ​ชาร้อน​หนึ่ง​ถ้วย​ เขา​จิบ​มัน​แล้ว​ส่ายหน้า​

“ไม่มีชาของ​เทพ​ดอกไม้​หรือ​?”

ฮว๋าย​ชิ่งที่นั่ง​อยู่​ตรงข้าม​กับ​เขา​กักเก็บ​อารมณ์​ทุกอย่าง​เอาไว้​ แล้ว​ยิ้มมุมปาก​เบา​ๆ จน​แทบ​มองไม่เห็น​

“เว่ยกง​เชิญไปขอ​จาก​สวี่​ชีอัน​ได้​”

ซ่งชิงถูก​ไล่ออก​ไปจาก​แท่น​แปด​ทิศ​แล้ว​ แน่นอน​ว่า​ตัว​เขา​เอง​ก็​ดีใจ​ยิ่ง​ ถึงอย่างไร​เรื่องเล็ก​ๆ ไม่น่า​พูดถึง​อย่าง​การ​ฟื้นคืนชีพ​เว่ยเยวียน​ก็​ไม่พอ​ทำให้​เขา​ละทิ้ง​งาน​ทดลอง​แปรธาตุ​ใน​มือ​

เว่ยเยวียน​วาง​ชาลง​แล้ว​เอ่ย​

“สวี่​ชีอัน​ไม่มี นั่น​แปล​ว่า​ต้าฟ่ง​มาถึงสถานการณ์​ที่​ล่อแหลม​แล้ว​ ท่าน​โหราจารย์​ผู้​นั้น​ถูก​ใคร​ผนึก​เอาไว้​ล่ะ​?”

ฮว๋าย​ชิ่งผู้​ซึ่งไม่เคย​เปิดเผย​ข้อมูล​ใดๆ​ ออก​ไปแม้แต่​นิด​เหลือบมอง​ชายหนุ่ม​จอน​ผม​ขาว​แล้ว​ถอนหายใจ​ออกมา​

“เว่ยกง​ ก่อนที่​ท่าน​จะไป ได้คิด​เอาไว้​ก่อน​แล้ว​หรือไม่​ว่า​ตัวเอง​จะฟื้นคืนชีพ​อีก​ครา​? ตอนนี้​ต้าฟ่ง​อยู่​ใน​สถานการณ์​ล่อแหลม​จริงๆ​ ฮว๋าย​ชิ่งจึงอยาก​จะขอ​คำ​ชี้แนะ​จาก​ท่าน​”

……………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท