ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 437 ผู้ต้องสงสัย

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 437 ผู้ต้องสงสัย

เว่ยเฟิงขมวดคิ้ว ส่ายหน้า “นึกไม่ออก”

วาจาที่จื่อซูถามมาจากคุณหนูตระกูลหวังนั้น ถึงกับบอกว่า น้องสาวเห็นบุรุษผู้หนึ่งก็ไล่ตามไป เช่นนี้จะให้เขาคาดเดาอย่างไร

หากต้องเอ่ยออกมาจริงๆ เสี้ยววินาทีที่หลินเถิงถามออกมา เขานึกถึงคนผู้หนึ่งก็คือ ซูเย่า คู่หมั้นของน้องสาว

ในสายตาเว่ยเฟิง บุรุษที่สามารถทำให้น้องสาวเห็นได้จากที่ห่างไกลแล้วตามไปนั้นก็มีเพียงแค่ซูเย่า

แต่ว่าคิดก็ส่วนคิด กลับไม่สะดวกพูดออกมาตามใจชอบ

ซูเย่าคือบัณฑิตจอหงวนอายุน้อยมากความสามารถ แม้ว่าจะเกิดเรื่องรัชทายาทถูกปลด ในฐานะว่าที่บุตรเขยของจวนผิงหนานอ๋องก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอะไร เขาอ้าปากลากซูเย่าเข้ามาเกี่ยว สุดท้ายหากไม่เกี่ยวข้องกับซูเย่า การแต่งงานครั้งนี้ก็ล้มเหลวแล้ว

“แบบนี้ล่ะก็…” หลินเถิงกวาดตามองไปทางประตูแวบหนึ่ง “ตอนนี้ดึกมากแล้ว คิดจะสอบถามข่าวคราวนั้นไม่สะดวก ไม่สู้รอถึงพรุ่งนี้ค่อยสืบสวนเถอะ คุณหนูทั้งสองของตระกูลหวังเห็นท่านหญิงไล่ตามบุรุษผู้หนึ่งไป จะต้องมีคนอื่นๆ เห็นอีกเช่นกัน”

เว่ยเฟิงถามอย่างไม่ค่อยพอใจ “เหตุใดจึงไม่ไปถามคุณหนูสี่ของจวนแม่ทัพด้วยล่ะ ผู้ดูแลไม่ได้บอกหรือว่า คุณหนูสี่สวีก็มาที่ร้านเช่นกัน”

หลินเถิงมองเว่ยเฟิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งแล้วอธิบาย “ตอนคุณหนูสี่สวีเข้ามา ท่านหญิงยังอยู่ในร้าน แสดงให้เห็นว่า ไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังท่านหญิงออกจากร้านไป”

เว่ยเฟิงลูบจมูกอายๆ

หลินเถิงประสานมือคารวะให้เว่ยเฟิง “พรุ่งนี้เช้า ข้าจะพาคนไปสืบสวนต่อ ระหว่างนี้ หากซื่อจื่อค้นพบอะไรหรือท่านหญิงกลับไปที่จวนแล้ว ซื่อจื่อกรุณาส่งข่าวคราวด้วย”

“นั่นแน่นอน” เว่ยเฟิงพยักหน้า

คนต้องพักผ่อน ยิ่งไปกว่านั้นก็ใกล้จะถึงเวลาห้ามออกข้างนอกในยามวิกาลแล้ว เรื่องมาถึงขนาดนี้ก็ทำได้แค่ว่ากันพรุ่งนี้เช้าแล้ว

คนจำนวนมากผ่านค่ำคืนนี้ไปอย่างไม่สงบ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ลมแรงเล็กน้อย ผู้คนบนถนนชิงซิ่งบางตา หลินเถิงพาข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งแยกย้ายกันไปสอบถาม

มีหอสุราเลยขึ้นไปด้านหน้าคือหัวโค้งหนึ่ง หลินเถิงยืนครุ่นคิดอยู่ที่นั่นแล้วเดินไปยังทิศทางหนึ่ง

นี่คือบริเวณหัวเลี้ยวที่คุณหนูตระกูลหวังเอ่ยว่า ท่านหญิงไล่ตามบุรุษผู้นั้นไป ขอแค่คนมีชีวิตสองคนไม่ติดปีกบินไปก็ต้องมีคนเห็นอยู่ดี

ผู้ที่เดินเข้ามาคือเด็กสาวขายดอกไม้คนหนึ่ง

“ไม่ทราบว่า เมื่อวานตอนใกล้เที่ยง แม่นางเห็นเด็กสาวสวมชุดกระโปรงจีบสีส้มปักดิ้นเงินหรือไม่…” หลินเถิงบรรยายรูปพรรณของเว่ยเหวิน

เด็กสาวส่ายหน้าแดงระเรื่อ

“ขอบคุณ” หลินเถิงเอ่ยขอบคุณแล้วนำผู้ใต้บังคับบัญชาไปถามคนอื่นต่อ

ทำแบบนี้ไปไม่รู้ว่านานเท่าใด ทั้งสองคนก็ปากคอแห้งผาก แต่ยังคงไม่มีความคืบหน้าใด

ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ใต้เท้า การสอบถามเช่นนี้ ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะขอรับ”

หลินเถิงกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง แม้ว่าริมฝีปากจะแห้งแตก แต่ก็ยังคงน้ำเสียงสงบนิ่ง ”เจ้าติดตามข้ามานานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังบ่นเรื่องนี้อีก การสืบสวนคดีอย่างแท้จริง ไหนเลยจะราบรื่นขนาดนั้น สิ่งที่พึ่งพาก็คือวิธีการโง่งมเหล่านี้”

เรียบง่าย หนักหน่วง ทว่าขาดไม่ได้

หลินเถิงเดินไปข้างหน้าก็เห็นขอทานหลายคนกำลังแย่งอาหารกินกันอยู่ที่บริเวณตีนกำแพงตรงข้าม คิ้วงามพลันขยับทันทีแล้วก้าวเท้ายาวเข้าไป

ขอทานหลายคนมองมาตามการเดินเข้ามาใกล้ของหลินเถิง บ้างอยากรู้อยากเห็น บ้างป้องกัน บ้างเกรงกลัว ปฏิกิริยาตอบสนองต่างกันไปมากมาย

“มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะสอบถามพวกเจ้าสักหน่อย” หลินเถิงพยายามผ่อนเสียงให้อ่อนลง

ขอทานหลายคนมองเขาโดยไม่พูดอะไร

หลินเถิงชี้ไปทางร้านหมั่นโถวซึ่งอยู่ไม่ไกลที่เปิดร้านอยู่แล้วส่งสายตาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา

ผู้ใต้บังคับบัญชารีบวิ่งไปซื้อหมั่นโถวมาจำนวนหนึ่ง ขอทานหลายคนกรูเข้าไปล้อม รับหมั่นโถวมาแล้วก็พยายามยัดเข้าปากสุดชีวิต

หลินเถิงไม่ได้เร่ง รอจนขอทานหลายคนกินอย่างมูมมามเสร็จก็ถามคำถามที่ถามไปก่อนหน้านี้

ครั้งนี้ ขอทานหลายคนพากันเอ่ยปากแล้ว

“ไม่เห็นขอรับ” ขอทานที่พูดวาจานี้แอบลูบหมั่นโถวที่ซ่อนเอาไว้ในอ้อมแขนเงียบๆ

แม้ว่าจะไม่เห็นก็ไม่มีทางคืนหมั่นโถวกลับไปเช่นกัน

“ไม่ได้สังเกตขอรับ”

หลินเถิงค้นพบว่า สีหน้าของขอทานคนหนึ่งแปลกๆ จึงถามเสียงนุ่ม

ขอทานลังเล “ข้าน้อยไม่รู้ว่า คนที่เห็น ใช่คนที่ท่านต้องการถามถึงหรือไม่…”

“ไม่เป็นไร ลองพูดมา”

สีหน้าท่าทางอ่อนโยนของหลินเถิงมอบความกล้าให้กับขอทาน

“ความจริงคนที่ข้าน้อยสังเกตเห็นก่อนไม่ใช่แม่นางน้อยที่สวมชุดกระโปรงจีบสีส้ม แต่เป็นบุรุษที่เดินอยู่ข้างหน้านาง การที่แม่นางน้อยผู้นั้นไล่ตามบุรุษผู้นั้น ถึงได้ทำให้ข้าสังเกตเห็น” ขอทานกัดริมฝีปากอย่างตื่นเต้น

นี่ก็ไม่แปลกเช่นกัน บุรุษสตรีซึ่งสวมชุดหรูหรางดงามในถนนชิงซิ่งสายนี้นั้นสามารถพบเห็นได้ทุกแห่ง ไม่มีเรื่องพิเศษอะไร คนปกติล้วนยากจะสังเกตเห็นเด็กสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง

เหตุผลเดียวกัน บุรุษแปลกหน้าก็เช่นกัน

ดังนั้นหลินเถิงจึงถามอย่างอดทน “เพราะเหตุใดหรือ เจ้ารู้จักบุรุษผู้นั้นใช่หรือไม่”

ขอทานพยักหน้า “น่าจะเป็นคนที่ผู้คนจำนวนหนึ่งล้วนเคยเห็นนะขอรับ ข้าดูแล้วเหมือนบัณฑิตจอหงวนที่ขี่ม้าเดินขบวนเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้”

หลินเถิงใจกระตุก เอ่ยเรียบๆ ว่า “บัณฑิตจอหงวนหรือ เจ้าแน่ใจ?”

ขอทานเกาศีรษะ ลำบากใจเล็กน้อย “เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเคยเห็นบัณฑิตจอหงวนแวบหนึ่ง ขณะปะปนอยู่ในกลุ่มคน รู้สึกว่าเหมือนมาก หากจะถามว่าแน่ใจไหม…ข้าน้อยมิกล้ายืนยันขอรับ”

หลินเถิงพยักหน้าเข้าใจแล้วถามว่า “เช่นนั้นแม่นางผู้นั้นตามไปด้วยหรือ”

ขอทานยื่นมือชี้ไป “ตามเข้าไปในตรอกตาแมวขอรับ”

“เห็นพวกเขาออกมาไหม”

“ไม่ได้ออกมาอีกขอรับ” ขอทานอึกอัก “ข้าน้อยเห็นพวกเขาเข้าไปก็ประหลาดใจ ดังนั้นจึงสังเกตอยู่ตลอด…”

หลินเถิงถามอีกสองสามคำถาม เมื่อเห็นว่าถามไม่ได้อะไรแล้วก็สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้พาตัวขอทานคนนี้กลับศาลาว่าการก่อนแล้วก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังตรอกตาแมว

ตรอกตาแมวเป็นตรอกเล็กแคบ กำแพงสองข้างบดบังแสงอาทิตย์ไปกว่าครึ่ง บริเวณตีนกำแพงมีตะไคร่ขึ้นด้วย

หลินเถิงเดินอยู่ในนั้น ความรู้สึกกดดันพุ่งเข้าปะทะใบหน้า ทว่าสิ่งที่ทำให้เขายินดีปรีดาก็คือ นี่คือตรอกตัน

ตรอกตันไม่มีทางออก หากไม่เห็นพวกเขาออกมาอย่างที่ขอทานบอกจริงๆ ทิศทางไปของท่านหญิงน้อยก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอยู่ที่นี่ อย่างน้อยเพื่อนบ้านแถวนี้ก็น่าจะมีคนเห็น

การจะถามทุกคนในตรอกนั้น เห็นได้ชัดว่าอาศัยหลินเถิงคนเดียวนั้นทำไม่ได้ เขาจึงเดินออกจากตรอกไปเรียกรวมกำลังคน สืบสวนคดีไล่เรียงไปทีละบ้าน และเชิญเว่ยเฟิงกับซูเย่ามาที่ศาลาว่าการกรมยุติธรรม

“มีข่าวคราวไหม” เว่ยเฟิงถาม

หลินเถิงมองซูเย่า พลางเอ่ย “มีคนเห็นท่านหญิงตามบุรุษคนหนึ่งเข้าไปในตรอกตาแมว และบอกว่าบุรุษผู้นั้นเหมือนอาลักษณ์ซู”

เว่ยเฟิงได้ยินก็มีสีหน้าเย็นชา “ซูเย่า สรุปว่าตอนนี้เหวินเอ๋อร์อยู่ที่ใดกันแน่”

สีหน้าสงบนิ่งตั้งแต่ตอนเข้ามาของซูเย่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เมื่อวานได้ยินข่าวว่า ท่านหญิงหายตัวไป ข้ายังนึกว่าเป็นแค่ข่าวลือ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นความจริง”

เว่ยเฟิงยิ้มเยาะ “มาถึงตอนนี้แล้ว อย่าได้แสร้งเลอะเลือน เหตุใดเจ้าต้องซ่อนตัวเหวินเอ๋อร์ไว้ด้วย หรือว่าไม่พอใจกับการแต่งงานนี้แล้วไม่ยินยอมแบกรับชื่อเสียงว่าซ้ำเติมคนล้ม ถึงได้มีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้”

ซูเย่าหลุดหัวเราะ “ซื่อจื่ออย่าเพิ่งโมโห ไม่ควรจะถามหรือว่า ตอนนั้นข้าอยู่ที่ใด”

“เชิญอาลักษณ์ซูเข้ามา เพื่อจะได้สอบถามให้ชัดเจน” หลินเถิงเอ่ยแทรกนิ่งๆ

ซูเย่าเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ตอนนั้นข้ากำลังกินข้าวอยู่กับเพื่อนร่วมงานในร้านอาหารตรงข้ามราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลิน”

หลินเถิงได้ยินซูเย่าเอ่ยชื่อออกมาหลายคนก็ไล่คนไปตรวจสอบ

หลังการรอคอยอันยากจะทานทน มือปราบก็กลับมารายงานภารกิจ “ใต้เท้า ใต้เท้าแห่งราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลินหลายคนล้วนยืนยันว่า ตอนนั้นใต้เท้าซูอยู่กับพวกเขาจริงๆ ขอรับ”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท