บทที่ 564 อาการแพ้ท้องจู่โจมกะทันหัน
เผยยวนหันมามอง กลัวว่าจี้จือฮวนจะลงไปสาธิตเสียเอง
ทว่าเมื่อเทียบกับกองทัพเจิ้นเป่ยตรงหน้าแล้วจี้จือฮวนสู้ไม่ได้จริง ๆ สิ่งที่สอนพวกเขาคือประสบการณ์การต่อสู้ด้วยดาบและทวนจริง ๆ ในสนามรบ ขณะที่นางทำไปเพื่อหวังเข้าใกล้เป้าหมายเท่านั้น เป็นการเรียนรู้อย่างผิวเผิน ท่าทางภายนอกอาจจะดูดี แต่เวลาออกรบกลับใช้ไม่ได้
นอกจากนี้ การเดินบนธารน้ำแข็งจุดประสงค์ก็เพื่อชิงเสบียงเป็นหลัก สามารถเรียนรู้ที่จะเดินและหลบหลีกได้ก็ดีมากแล้ว
กองทัพเจิ้นเป่ยเดินไปมาอยู่รอบหนึ่งก็ได้วนกลับมาแล้ว ทว่าเหล่าทหารเกราะเหล็กยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรด้วยซ้ำ
“เวลายืนให้กางเท้าออกจากกันประมาณช่วงไหล่ หันปลายเท้าทั้งสองข้างออกไปด้านนอกเล็กน้อย และงอขาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย พร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย สายตามองตรงไปข้างหน้า น้ำหนักของร่างกายควรกดลงบนใบมีดอย่างมั่นคงผ่านเท้าทั้งสองข้าง ข้อเท้าไม่ควรเอียงเข้าหรือออกมากเกินไป” เซียวอวิ่นให้คำแนะนำพวกเขาเล็กน้อย
“อย่าพกของมีคมติดตัวไปด้วย ตอนเริ่มแรกก็ไม่ต้องไถลเร็วเกินไปนัก และให้ระวังเท้ากับท้ายทอยของตัวเองตลอดเวลา เข้าใจหรือไม่?”
“ขอรับ!”
จีฝูเย่เห็นว่ารองเท้าน้ำแข็งที่ผ่านการชี้แนะจากจี้จือฮวน ถูกเหล่าทหารที่เก่งในเรื่องการต่อสู้บนน้ำแข็งเหล่านี้แสดงประสิทธิภาพของมันออกมาได้ จึงทำให้พ่อค้าอาวุธอย่างเขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
และด้วยความที่เขาเคยรู้จักทั้งหกเมืองมาก่อน เขาจึงได้ส่งคนสนิทออกไปขนอาวุธมาที่นี่ก่อนหนึ่งชุด
ดูเหมือนว่ากองทัพเจิ้นเป่ยจะต้องรับผิดชอบหน้าที่สำคัญในการปล้นชิงเสบียงบนธารน้ำแข็ง เช่นนั้นกองทัพทหารเกราะเหล็กที่เหลือก็จะถูกแบ่งออกเป็นยี่สิบกลุ่มย่อยเพื่อไปคอยก่อกวน และรอเสบียงที่ฮั่วชิงหยางขายไปก่อนหน้านี้ถูกคนเหล่านั้นกินจนเกือบจะหมดแล้ว ความวุ่นวายของจริงก็จะเริ่มต้นขึ้น
เผยยวนกับจี้จือฮวนวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะอาศัยช่วงเวลานี้ลงมือกับพวกเขา
“ท่านอาจารย์ ท่านรีบนั่งลงเร็วเข้าขอรับ ข้ายังมีอาวุธอีกหลายชิ้น ท่านช่วยดูให้ข้าทีสิขอรับ” ในที่สุดจีฝูเย่ก็คิดถึงเรื่องสำคัญของตัวเองขึ้นมาได้
เขายังเอาเก้าอี้ตัวเล็กมาด้วยอีกหนึ่งตัว เพื่อที่จี้จือฮวนจะได้ไม่ลำบากเกินไป
เผยยวนเห็นเขาเลียแข้งเลียขาภรรยาตัวเองเช่นนี้ จึงขยับเข้าไปใกล้ด้วยความไม่พอใจ
จีฝูเย่ไปทางขวา เขาก็ไปทางขวา
“ชิ!” จีฝูเย่จึงเงยหน้าขึ้น เหตุใดถึงได้ขวางหูขวางตาเพียงนี้กัน!
เผยยวนจ้องเขาเขม็ง “อาวุธเหล่านี้ข้าก็สามารถแนะนำเจ้าได้ ไม่ต้องรบกวนภรรยาข้าหรอก”
จีฝูเย่กลอกตามองบน “ข้าจะคุยกับท่านอาจารย์”
เขาไม่ฟังคำพูดพล่ามของผู้ชายไม่ได้เรื่องหรอก
คนที่ต่อสู้เป็นมีตั้งมากมาย แต่มีกี่คนกันที่สามารถก่อตั้งกองปืนไฟได้อย่างจี้จือฮวน
ให้เขาทิ้งคนเก่ง แล้วมาถามเผยยวนแทนเนี่ยนะ
จีฝูเย่ในเวลานี้ ลืมความกระตือรือร้นที่ตอนนั้นเคยตามก้นของเผยยวนต้อย ๆ ไปนานแล้ว
“อาวุธของเจ้าทำให้พวกเราใช้ไม่ใช่หรือ เจ้าไม่ฟังความเห็นของข้าจะแก้ไขได้อย่างไรกัน” เผยยวนจึงคว้าอาวุธไปทันที
ความจริงแล้วจี้จือฮวนก็คิดว่าอาวุธส่วนใหญ่ที่เขาทำมา ก็ไม่มีอะไรต้องแก้ไขแล้ว
ตอนนั้นที่นางพูดจาเสียดสีเขา ก็แค่ต้องการเอาชนะตัวจริงอย่างเขาก็เท่านั้น
เผยยวนยืนกรานจะนั่งข้างกายจี้จือฮวน ท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองของจีฝูเย่
“เป็นถึงเนี่ยเจิ้งอ๋อง แต่ช่างทำตัวเป็นเด็กน้อยเสียจริง”
“ฮวนฮวน ข้าว่าศิษย์คนนี้ไม่รับก็ไม่เป็นไร ในสายตาของเขาข้ายังสำคัญสู้อาวุธไม่ได้เลย ไม่เคารพครูบาอาจารย์เลยสักนิด ข้าเป็นสามีของเจ้า อย่างน้อยเขาก็ต้องเรียกข้าว่าท่านอาจารย์ด้วยไม่ใช่หรือ ตอนนั้นผู้เฒ่าจางยังเรียกข้าว่าอาจารย์ด้วยเลย อย่างนั้นจึงจะเรียกว่าเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน” เผยยวนก็ไม่ทะเลาะกับจีฝูเย่อีก
แต่เลือกใช้วิธีเป่าหูจี้จือฮวนแทน
การกระทำเช่นนี้ ในสายตาของจีฝูเย่ ไม่ต่างอะไรจากปีศาจจิ้งจอกหนุ่มที่ใส่ร้ายขุนนางผู้ภักดีต่อหน้าฮ่องเต้ชัด ๆ!
แต่เขาก็เป็นสามีของอาจารย์ของตัวเองจริง ๆ นั่นทำให้จีฝูเย่โมโหเป็นอย่างมาก!
จี้จือฮวนย่อมต้องเข้าข้างสามีเจ้าเล่ห์ของตัวเอง
นี่ไม่ใช่วันแรกที่นางได้เห็นนิสัยของเผยยวนน้อย
อีกอย่าง จีฝูเย่ผู้นี้วัน ๆ ก็เอาแต่มองเผยยวนด้วยท่าทางหงุดหงิด
นางจึงไม่อยากจะสอนเขาแล้วเหมือนกัน
สองสามีภรรยาต่างเป็นคนที่ชอบถือหางคนของตัวเอง เผยยวนพูดเช่นนี้จีฝูเย่ก็ยังคิดว่าจะรอดไปได้ เพราะเขาก็นับว่าสร้างผลงานไว้ไม่น้อย อาจารย์คงไม่ฟังคำพูดของปีศาจจิ้งจอกนั่นจริง ๆ หรอกกระมัง!
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจี้จือฮวนจะเอาของคืนให้จริง ๆ และทำท่าทางราวกับว่า หากไม่ขอโทษสามีข้า ข้าก็จะไม่สนใจเจ้าอีก
จีฝูเย่รู้จักนิสัยของจี้จือฮวนดี นั่นคือหากตัดสินใจแล้ว แม้แต่สายตาก็จะไม่มองมา กลับไปต้องไล่เขาออกจากค่ายอย่างแน่นอน
อย่างไรเสียอาวุธที่เขาทำเหล่านั้นก็แค่ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ คิดว่านางจะไม่สามารถทำออกมาได้อย่างนั้นหรือ?!
และเขาก็ต้องเป็นฝ่ายขอร้องจะอยู่ต่อ
ศักดิ์ศรีกับอาวุธเมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งใดสำคัญกว่ากัน
ย่อมต้องเป็นอาวุธอยู่แล้ว
สาเหตุที่จีฝูเย่ผู้นี้ถูกเรียกว่าคนโง่ นั่นก็เพราะสิ่งของนอกกายเหล่านี้ไม่มีความสำคัญอะไรกับเขา!
เมื่อเห็นจี้จือฮวนจะแตกหักกับตนก็รีบคุกเข่าลงทันที เขายอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลง กอดเอวของเผยยวนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย!
“ท่านอาจารย์!”
เผยยวน “!!!”
เจ้าเด็กไร้ยางอายผู้นี้ช่างหน้าหนาจริง ๆ
แต่ว่า~ ฮวนฮวนช่างดีกับเขาจริง ๆ
เขารู้สึกดีใจอยู่ลึก ๆ แม้มือจะออกแรงทั้งหมดเพื่อแกะจีฝูเย่ผู้นี้ออกไป แต่กอเอี๊ยะหนังสุนัขตัวนี้เมื่อแปะแล้ว ไหนเลยเผยยวนจะสามารถแกะออกได้ง่าย ๆ
ความหึงหวงนี้ดำเนินไปจนกระทั่งเหล่าทหารกลับมาจากธารน้ำแข็ง
ก็พบว่าพระชายากลับเข้าไปในบ้านน้ำแข็งเพื่อทำอาหารตั้งนานแล้ว
ส่วนท่านอ๋องกับคุณชายฝูเย่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ ผู้ชายสองคนฉุดกระชากลากถูกันไปมา ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรจริง ๆ!
“เจ้าจะปล่อยหรือไม่!?”
“ข้าไม่ปล่อย!” จีฝูเย่เองก็โมโหมากเช่นกัน
ใครใช้ให้ปีศาจจิ้งจอกอย่างเจ้าเอาข้าไปฟ้องกันเล่า วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!
ข้าจะทรมานเจ้าจนตาย!
เอี๋ยนเฟินฟางกำลังใช้ผ้าเช็ดใบหน้าของตัวเอง เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ทำนิ้วดอกกล้วยไม้ แล้วเอ่ยกับอวี้จื่อหนิง “เสี่ยวหนิงหนิง ข้าก็อยากดึงสายรัดเอวของเจ้าบ้าง”
อวี้จื่อหนิงร่างกายสั่นเทาขึ้นทันที “ไปไกล ๆ นะ!” เขาไม่เอาด้วยหรอก!
จะว่าไปแล้วสายคาดเอวของท่านอ๋องก็ถูกจีฝูเย่จับเอาไว้แน่นจริง ๆ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาจะดึงขากางเกงลงมาด้วยหรอกกระมัง
แต่ไม่นานทุกคนก็ไม่มีกะจิตกะใจคิดถึงเรื่องนี้อีก
เผ่าหมาป่าไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว จึงอยากกินปลาน้ำแข็งในทะเลสาบน้ำแข็ง พวกเขาเพิ่งจะฆ่าปลาไปไม่กี่ตัว ปกติแล้วจี้จือฮวนก็ทำปลาเองบ่อย ๆ และไม่เคยมีปฏิกิริยาใด ๆ
ทว่าวันนี้พอได้กลิ่นคาวนั่นก็มีอาการแพ้ท้องขึ้นมา
จึงเดินไปอาเจียนอยู่ข้าง ๆ อย่างทรมาน
เผยยวนเห็นดังนั้นก็เตะจีฝูเย่ออกไป ก่อนจะเข้าไปอยู่ข้างกายจี้จือฮวน พลางถามด้วยความกังวล “ฮวนฮวน เป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือ!?”
จี้จือฮวนขมวดคิ้วแล้วปัดมือไปมา “เป็นอาการปกติ ข้าแค่แพ้ท้อง”
ตอนนี้นางกินกรดโฟลิกและอาหารเสริมที่กล่องยาน้อยให้ทุกวัน แต่ก็ยังมีอาการแพ้ท้องอยู่
ตอนแรกคิดว่าอาการนี้ เมื่อถึงเวลากินข้าวจะดีขึ้น
สุดท้ายเผยยวนต้องพานางออกไปเดินเล่นข้างนอกหนึ่งรอบ ทว่าพอกลับมาและได้กลิ่นคาวปลานั่นก็ยังรู้สึกอยากจะอาเจียนอยู่ เผยยวนจึงไปทำไข่ตุ๋นให้นางด้วยตัวเองหนึ่งชาม นางจึงได้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
ตัวนางเองก็คิดไม่ถึงว่าอาการแพ้ท้องจะหนักเพียงนี้
ทำให้นางรู้สึกอ่อนเพลีย ทั้งง่วงนอนทั้งเหนื่อยล้า
“กินอีกสักนิดดีหรือไม่?” เผยยวนเห็นนางกินไปแค่สองสามคำก็ร้อนใจขึ้นมา
“หิวแล้วค่อยกินอีก ตอนนี้ข้าได้กลิ่นก็อยากจะอาเจียนแล้ว” จี้จือฮวนเอนตัวพิงกับหนังสัตว์ อาอินกับอาชิงก็ชะโงกหน้าเข้ามาอยู่ที่ประตู
“ท่านแม่เป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”
“น้องสาวดื้อหรือขอรับ?”
จี้จือฮวนส่ายหน้า “แม่แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย พวกเจ้ารีบออกไปกินข้าวเถอะ”
“หึ ต้องเป็นเพราะน้องสาวไม่เชื่อฟังเป็นแน่ รอน้องสาวออกมา อาชิงจะเลี้ยงนางเอง!”