ตอนที่ 452 ความพยายามเพิ่มทักษะ
การกระทำเมื่อครู่ของจี้หยวนทำให้หูอวิ๋นมองตาค้าง แม้ว่าอภินิหารแขนเสื้อไม่ได้เพ่งเล็งเขา แต่เมื่อครู่ยามสะบัดแขนเสื้อ หูอวิ๋นรู้สึกเหมือนว่าท่านจี้ต้องการดูดท้องฟ้าเหนือเรือนเล็กเข้าไป มันขดตัวอยู่บนโต๊ะตามจิตใต้สำนึก คล้ายว่าหากไม่ทำเช่นนี้จะถูกแขนเสื้อดูดเข้าไป
“ท่านจี้ นี่คืออภินิหารอะไร เมื่อครู่น่ากลัวนัก รู้สึกเหมือนข้าจะถูกดูดเข้าไปในแขนเสื้อท่าน”
เมื่อหูอวิ๋นเอ่ยปากออกมา พวกอักษรจิ๋วซึ่งเดิมเล่นซ่อนแอบกับเขาพากันหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆๆ แขนเสื้อนายใหญ่มีอะไรน่ากลัว!”
“ใช่ พวกเราอยู่ข้างในนั้นทุกวัน ไม่น่ากลัวสักนิด!”
“จริงด้วยๆ บางครั้งนายใหญ่ยังทำให้พวกเรามองเห็นข้างนอกด้วย”
“ใช่ หูอวิ๋นเจ้าควรเข้าไปในเทียบเจตกระบี่กับพวกเรา ลองอยู่ด้านในแขนเสื้อนายใหญ่ย่อมเข้าใจแล้ว!”
…
คำพูดของหูอวิ๋นทำให้จี้หยวนซึ่งกำลังคิดส่วนได้ส่วนเสียเมื่อครู่อึ้งงัน เขาไม่สนใจเสียงเอะอะของพวกอักษรจิ๋วโดยรอบ หันมามองจิ้งจอกแดง พบว่ามันขดตัวบนโต๊ะหิน แม้แต่ขนอ่อนนุ่มยังแนบตัว
“เจ้ากลัวอะไร เมื่อครู่แค่ทดลองเท่านั้น แม้แต่ผึ้งยังไม่ถูกดูดเข้าไป จริงสิ ลองบอกความรู้สึกเมื่อครู่โดยละเอียดหน่อย”
จี้หยวนถามเช่นนี้ หูอวิ๋นหยัดร่างขึ้น รำลึกเล็กน้อยก่อนกล่าวอย่างลังเล
“คะ คือ ข้าเองบอกไม่ค่อยถูกเช่นกัน แค่รู้สึกว่ายามท่านสะบัดแขนเสื้อ คล้ายว่าแขนเสื้อใหญ่มาก ราวกับจะดูดข้าเข้าไป ภายในเหมือนไม่ดำไม่ขาว เลือนรางไม่ชัดเจนแต่กลับน่ากลัวมาก ใช่ น่ากลัวยิ่ง…”
หูอวิ๋นไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงกลัวแขนเสื้อข้างหนึ่ง พูดตามหลักการคือต่อให้ท่านจี้ต้องการดูดมันเข้าแขนเสื้อจริง นั่นย่อมไม่มีอะไรน่ากลัว แต่เมื่อครู่กลับตกใจไม่น้อย ถึงกับขดตัวบนโต๊ะ
“รู้สึกเหมือนถูกกลืนกินหรือไม่”
จี้หยวนเอ่ยถามเช่นนี้ หูอวิ๋นลังเลเล็กน้อยก่อนส่ายศีรษะ ยังคงบอกเหตุผลไม่ได้
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว”
จี้หยวนพยักหน้า ไม่ถามเรื่องนี้กับหูอวิ๋นอีก คิดว่าเหมือนท่ากระบี่ฟ้าทลาย แม้ว่าจักรวาลแขนเสื้อยังไม่อาจนับว่าสำเร็จ แต่วิธีใช้ถูกจี้หยวนหยั่งรู้หนึ่งถึงสองส่วนแล้ว สามารถสร้างอานุภาพสะท้านใจคน ผู้ขาดสมาธิอย่างหูอวิ๋นจึงได้รับผลกระทบ
“ท่านจี้ ท่านยังไม่บอกข้าว่าเมื่อครู่คืออภินิหารอะไร!”
หูอวิ๋นยังสงสัยเรื่องนี้มาก มันรู้สึกว่านี่คืออภินิหารดูดคนน่าสนใจอย่างหนึ่ง แต่น่ากลัวเช่นนี้ถือว่าไม่ธรรมดานัก
จี้หยวนมองเขาเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยกล่าว
“นี่ถือว่าเป็นอภินิหารล้ำเลิศซึ่งบั่นทอนอายุมากอย่างหนึ่ง ส่วนอภินิหารนั้นเรียกว่าจักรวาลแขนเสื้อ”
“อ้อ… เป็นอภินิหารดูดคนอย่างหนึ่งหรือ”
“หึๆ คิดเช่นนี้ก็ไม่อาจบอกว่าเจ้าพูดผิด แต่จักรวาลแขนเสื้อสามารถเก็บคนและเก็บของได้ ถือเป็นอภินิหารเก็บของน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง สามารถซ่อนของติดตัวและต่อกรกับศัตรูได้”
หูอวิ๋นมองหางของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็มีอภินิหารคล้ายคลึงกัน หางของข้าเก็บของและต่อกรกับศัตรูได้! แหะๆๆ…”
เมื่อได้ยินคำพูดเล่นนี้ จี้หยวนอดยิ้มไม่ได้ แต่อักษรจิ๋วโดยรอบกลับหัวเราะเกินกว่าเหตุ
“ฮ่าๆๆๆๆๆ…”
“ฮ่าๆๆๆ หูอวิ๋นตลกจริงๆ!”
“ฮ่าๆๆๆ น่าขันเกินไปแล้วๆ!”
“ใช่ ฮ่าๆๆๆ หูอวิ๋นเจ้าถึงขั้นกล้าเทียบกับจักรวาลแขนเสื้อของนายใหญ่หรือ ฮ่าๆๆๆ…”
“เจ้าจิ้งจอกไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ฮ่าๆๆๆ…”
“ใช่ๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ‘จักรวาลในแขนเสื้อ ตะวันจันทราในกาน้ำ’ คืออะไร”
“ใช่ๆ ระหว่างท่วงทำนองเปลี่ยนผัน มรรคโอบรับทุกสรรพสิ่ง เป็นวิชาสำหรับจักรวาลในแขนเสื้อ หางเจ้าควรค่าแก่การนำมาเทียบกับอภินิหารของนายใหญ่หรือ”
“ฮ่าๆๆๆ…”
อักษรจิ๋วพวกนี้หัวเราะไม่จบไม่สิ้น หูอวิ๋นฟังแล้วทำแก้มป่อง พวกอักษรจิ๋วรังแกเจ้าจิ้งจอกเกินไปแล้ว!
“เงียบ”
เมื่อนายใหญ่เอ่ยปาก ทั่วเรือนสันติใบไม้ร่วงยังได้ยินชั่วพริบตา
“จักรวาลแขนเสื้อยังไม่สำเร็จอย่างแท้จริง รอข้าอนุมานสำเร็จจึงคู่ควรกับคำว่าจักรวาลในแขนเสื้อ ตะวันจันทราในกาน้ำ”
แม้ว่าจี้หยวนกล่าวเช่นนี้ แต่พวกอักษรจิ๋วมั่นใจในตัวนายใหญ่ของตนผิดธรรมดา ตอนนี้ไม่สำเร็จแล้วอย่างไร ไม่ช้าก็เร็วย่อมสำเร็จ อภินิหารของนายใหญ่ล้วนอนุมานออกมาด้วยตัวเอง ทุกอย่างต่างร้ายกาจเช่นนี้ ชมช้าหรือเร็วไม่เหมือนกันหรือ
จี้หยวนเงยหน้ามองกิ่งก้านต้นพุทรา ยามนี้มีผึ้งล้อมเข้ามา ร่ายรำเก็บน้ำหวานจากดอกพุทรา
จี้หยวนอุ้มหูอวิ๋นขึ้นมาวางบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ หยิบพู่กันหมึกกระดาษจานฝนออกมา เริ่มฝนหมึกพลางใคร่ครวญอนุมาน เมื่อฝนหมึกเสร็จเรียบร้อย เขาหยิบพู่กันขนหมาป่ามาแต้มหมึกเบาๆ เริ่มเขียนลงบนกระดาษทันที
หูอวิ๋นมองอยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าคิดเอ่ยปากกี่ครั้ง แต่กลับไม่กล้ารบกวนจี้หยวน เห็นว่าแม้แต่อักษรจิ๋วยังไม่ส่งเสียง แค่เกาะกลุ่มตั้งกระบวนส่งสัญญาณนานัปการลอยไปลอยมาอยู่ตรงนั้น หูอวิ๋นยิ่งไม่กล้าส่งเสียง
การรอนี้เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย เห็นชัดว่าความเร็วการเขียนอักษรของจี้หยวนไม่ช้า แต่กลับอนุมานแค่หน้าเดียว สิ่งนี้ทำให้หูอวิ๋นรู้สึกสับสน
หูอวิ๋นซึ่งรู้สึกเบื่อก่อไฟต้มน้ำในห้องครัว ถึงขั้นชงน้ำชาเรียบร้อยแล้ว
โชคดีว่าสุดท้ายจี้หยวนก็หยุดมือ วางพู่กันด้านข้างก่อนนั่งลง
เวลานี้หูอวิ๋นพุ่งตัวเข้าห้องครัวทันที ผ่านไปสองลมหายใจค่อยออกมาจากห้องครัว สองกรงเล็บประคองถาดซึ่งทำจากไม้ ศีรษะค้ำก้นถาด สองเท้าที่เหลือเดินแบบคน แม้ว่าท่าทางน่าขันแต่ถาดที่ถืออยู่เสถียรยิ่ง ด้านบนคือชาที่ชงเสร็จกับถ้วยชาสี่ใบ
“ท่านจี้ๆ ดื่มชา ท่านดื่มชาก่อน!”
หูอวิ๋นพูดพลางกระโดดมาบนเก้าอี้เบาๆ วางถาดลงบนโต๊ะหินอย่างระวัง การกระทำนี้จี้หยวนเห็นแล้วขบขันและชื่นใจ จิ้งจอกตัวนี้มีประโยชน์อยู่บ้าง
“พูดมาเถอะ ต้องการขอร้องข้าเรื่องอะไร”
จี้หยวนมีหรือจะมองความคิดของหูอวิ๋นไม่ออก แต่ยังยินดีนั่งลงรินชาถ้วยหนึ่ง
จี้หยวนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนสะบัดมือไปทางห้องครัวเรียกช้อนมา แตะด้ามช้อนเล็กน้อย ก่อนส่งให้กระเรียนกระดาษน้อยที่เพิ่งโรยตัวลงบนบ่า
“ช่วยข้าตักน้ำผึ้งดอกพุทราสดใหม่มาช้อนหนึ่ง”
กระเรียนกระดาษน้อยเอียงคอมองจี้หยวน แม้ว่ามันมีหัวมีปาก แต่อ้าปากไม่ได้ คาบกระดาษแผ่นหนึ่งยังไม่ไหว แล้วจะหยิบช้อนคันหนึ่งได้อย่างไร แต่มันยังคงลองทำดู ผลคือแค่ปากแตะด้ามช้อนก็เหมือนเชื่อมติด มันจึงคาบช้อนบินไปทันที
หูอวิ๋นมองส่งกระเรียนกระดาษน้อยบินจากไป มองจี้หยวนแล้วมองตัวเอง สุดท้ายค่อยรวบรวมความกล้ากล่าวออกมา
“ท่านจี้ ครั้งก่อนยามท่านตัดคนกระดาษจิ๋ว กรรไกรกับกระดาษเหลืองพวกนั้น ข้าขอยืมมาเล่นหน่อย…”
“หึๆ ผ่านมาหลายปีขนาดนี้เจ้ายังอยากเล่นหรือ”
“อยากเล่นมาตลอด…”
สิ่งนี้ไม่นับเป็นข้อเรียกร้องด้วยซ้ำ จี้หยวนลุกขึ้นเดินกลับห้อง หยิบตะกร้าไผ่ขนาดเล็กซึ่งเก็บกระดาษเหลืองกับกรรไกรออกมา วางลงตรงหน้าหูอวิ๋น
“การให้เจ้ายืมไม่ใช่ปัญหา แต่อุ้งเท้าเจ้าใช้กรรไกรได้หรือ”
“ไม่เป็นไรๆ ใช้ได้!”
ถึงอย่างไรหูอวิ๋นก็เป็นปีศาจ มันยื่นอุ้งเท้าหน้าข้างขวาออกมาจับกรรไกร พลังปีศาจไหลวนยึดด้ามเหล็กสองข้าง เปิดปิดตามอุ้งเท้า เห็นชัดว่าใช้แล้วไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย
“ท่านจี้ แค่ตัดออกมาเป็นคนตัวเล็กมากขนาดนั้น แล้วสุดท้ายค่อยประกบเข้าด้วยกันก็พอแล้วใช่หรือไม่”
จี้หยวนเป่าน้ำชาในถ้วยชา หรี่ตามองหูอวิ๋นโดยละเอียด จากนั้นค่อยคลี่ยิ้ม
“แน่นอนว่าไม่ง่ายดายเช่นนั้น วันนี้ข้าจะสอนเจ้าว่าตัดคนจิ๋วอย่างไร แต่ว่าเจ้าคงหลอมขุนพลเทพคุ้มกันอย่างจอมพลังเกราะทองออกมาไม่ได้ ได้แต่รับผลรองลงมา”
“ขอแค่ตัดคนจิ๋วออกมาได้ก็พอ!”
บนหน้าหูอวิ๋นเผยรอยยิ้มเบิกบานยิ่ง ในใจยิ่งมีความสุขจนแทบระเบิด มันไม่โง่ ไม่แม้แต่น้อย ความหมายจากคำพูดของท่านจี้คือจะสอนวิชามันแล้ว!
จี้หยวนเหลือบมองจิ้งจอกนี้ แม้ว่าบนหน้าหูอวิ๋นพยายามไม่ยิ้มเกินกว่าเหตุ แต่ความถี่ของการสะบัดหางเร็วขึ้นหลายเท่า คล้ายสุนัขตัวจ้อยตัวหนึ่งกำลังดีใจ
อุปนิสัยของหูอวิ๋นเหมือนเด็กเติบโตทีละน้อย ปัจจุบันถือว่าไม่เลวแล้ว แน่นอนว่าปีศาจน้อยอย่างมันย่อมมีความโดดเด่น แต่ยังอ่อนแอเกินไป
แม้ว่าการหลอกลวงคนทั่วไปไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มีคำกล่าวว่าการมองสถานการณ์ล้วนขึ้นอยู่กับระดับ ในฐานะที่เป็นปีศาจ แน่นอนว่าย่อมเจอภูตผีปีศาจ สอนทักษะมันบ้างก็ดี
หลังจากนั้นครู่หนึ่งกระเรียนกระดาษบินกลับมาพร้อมกลิ่นหอมหวาน บนช้อนเปี่ยมด้วยน้ำผึ้งสดใหม่ บ่มจากเกสรดอกพุทรากลางลานเรือนสันติ
ตอนนี้หูอวิ๋นไม่ใช่หูอวิ๋นคนก่อนนานแล้ว ปีนั้นเรียนอักษรอิ๋นชิงต้องบังคับ ตอนนี้กลับฝืนนั่งบนเก้าอี้หินสามวันสามคืนเพื่อเพิ่มทักษะอีกเล็กน้อย
จี้หยวนอยากดูว่าจิ้งจอกตัวนี้จะร้องโอดครวญว่าเหนื่อยหรืออยากพักผ่อนเมื่อไหร่ เขาจึงไม่ห้ามปราม ปล่อยให้จิ้งจอกตัดกระดาษต่อ ทั้งคอยชี้แนะอยู่ด้านข้างตลอด เมื่อใช้กระดาษเหลืองหมดเขาก็นำออกมาจากแขนเสื้ออีก
กระทั่งตอนนี้เศษกระดาษเต็มพื้นแล้ว แต่หูอวิ๋นเพิ่งตัดคนจากกระดาษเหลืองออกมาแค่สามสิบแผ่น ดวงตาจิ้งจอกซึ่งเดิมเปี่ยมจิตวิญญาณ ตอนนี้แดงก่ำด้วยผลาญจิตวิญญาณมากเกินไป อุ้งเท้าสองข้างสั่นเทาเล็กน้อย
“พักผ่อนหน่อยเถอะ”
สุดท้ายจี้หยวนเอ่ยปากบอกให้หูอวิ๋นพักผ่อนแล้ว แต่เจ้าจิ้งจอกกลับนิ่งฟังไม่กล้าวางกรรไกร
“ทะ ท่านจี้ ท่านเคยบอกว่าต้องตัดคนกระดาษจนสมบูรณ์สามสิบหกแผ่นถึงครบจำนวนแกนสวรรค์ นั่นจึงไม่เสียเปล่า ขะ ข้าเพิ่งถึงสามสิบแผ่นเอง…”
“หึๆ ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าตัดครบสามสิบหกแผ่นค่อยพักเถอะ”
จี้หยวนกล่าวเสริมประโยคหนึ่งในใจ
‘หรือกล่าวว่ารอเจ้าตัดเสียอีกหน่อย’
ผลลัพธ์ซึ่งทำให้จี้หยวนคิดไม่ถึงคือหูอวิ๋นกัดฟัน ดูดซับปราณวิญญาณกลางลานพลางตั้งสติ ฝืนตัดคนกระดาษจนครบสามสิบหกแผ่นจริงๆ
สิ่งนี้ไม่ใช่ของไร้ประโยชน์ จี้หยวนเห็นชัดว่าชั่วพริบตายามตัดเสร็จ กระดาษสามสิบหกแผ่นเรืองแสงต่อเนื่อง ต่อมาคือขั้นตอนใหม่ หากตัดกระดาษต่อห้ามเสียหายสักแผ่น มิฉะนั้นความพยายามจะเสียเปล่า แต่หากรามือแค่นี้ จำนวนแกนสวรรค์สามารถสร้างยันต์ได้แล้ว
“ไม่เลวๆ แค่สามวันเจ้ากลับตัดเสร็จแล้ว”
จี้หยวนยิ้มพลางเอ่ยชม แต่มองหูอวิ๋นอีกครั้งกลับพบว่าจิ้งจอกตัวนี้โงนเงนขาดสติ เมื่อหูอวิ๋นกำลังหงายหลัง จี้หยวนรีบยื่นมือมารับมัน จากนั้นค่อยอุ้มจิ้งจอกแดงผล็อยหลับวางลงบนโต๊ะ