บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1392 ขอบเขตเทพยันต์อักขระ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1392 ขอบเขตเทพยันต์อักขระ

บทที่ 1392 ขอบเขตเทพยันต์อักขระ

พิชิตผู้อื่นโดยไม่ต้องต่อสู้?

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หวังต้าวหลูและจั่วชิวไท่อู่ต่างตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้ทราบเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนทางเดินดาวหางจากหัวเจี้ยนคง พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “เด็กคนนี้ช่างใจกว้างและมีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อยจริง ๆ เมื่อใดที่เขาบรรลุขอบเขตราชันเซียน เขาจะกลายเป็นผู้นำของยุคสมัยแน่นอน!”

บนทางเดินดาวหาง

เมื่อไม่มีการแข่งขันแล้ว พวกเขาทั้งหกต่างก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดี

เฉินซีและกู่เยวหรูต่างทำลายข้อจำกัดที่อยู่ข้างหน้า ในขณะที่กลุ่มสี่คนของหลิงชิงอู๋คอยต้านการโจมตีของดาวหาง และความเร็วในการรุกคืบของพวกเขาก็รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง

อุกกาบาตลูกที่ 2,640

อุกกาบาตลูกที่ 2,690

อุกกาบาตลูกที่ 2,750…

สามวันต่อมา พวกเขาก้าวขึ้นไปบนอุกกาบาตลูกที่ 2,900 ในรวดเดียว และจะต้องฝ่าอุกกาบาตอีกเพียงอีกหนึ่งร้อยลูกเท่านั้น ก็จะสามารถผ่านทางเดินดาวหางได้สำเร็จ

ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ จากทุกข้อจำกัดที่พวกเขาทำลายได้นั้น แต่ละคนจะได้รับรัศมีปราชญ์เต๋ามหาศาล และอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เช่นเดียวกับเฉินซี หลังจากที่หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุและตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุแล้ว เขายังได้หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งไท่จี๋และตราศักดิ์สิทธิ์แห่งซากดารา ตอนนี้แม้แต่ตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับก็ถูกหลอมรวมได้แปดในสิบส่วนแล้ว!

ผลลัพธ์ดังกล่าวได้เกินความคาดหมายของเฉินซีโดยสิ้นเชิง และถือได้ว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

เมื่อเขาผ่านร้อยข้อจำกัดสุดท้าย เป็นไปได้ว่าตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับอาจจะหลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์ ณ เวลานั้น ชายหนุ่มจะขาดเพียงตราศักดิ์สิทธิ์แห่งนิจกาล ก็จะสามารถบัญญัติเต๋าแห่งปราชญ์ยันต์อักขระของตนได้

อย่างไรก็ดี ณ เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเฉินซีไม่ได้สนใจเรื่องทั้งหมดนี้แม้แต่น้อย

“ข้าได้ยินมาว่าข้อจำกัดของอุกกาบาตร้อยลูกสุดท้าย เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุดบนทางเดินดาวหางแห่งนี้ เมื่อหลายปีก่อนแม้แต่กลุ่มของท่านเจ้าสำนักก็ยังติดอยู่ที่นี่เป็นเวลาเจ็ดวันเต็ม ๆ ดังนั้นเราจึงไม่อาจประมาทได้” เฉินซีกำชับอย่างรวดเร็ว

ครั้นได้ยินสิ่งนี้ คนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าจริงจัง และพวกเขาปลุกเร้าจิตวิญญาณให้มากขึ้น

อันที่จริง หลังจากที่มาถึงที่นี่ ทุกคนต่างรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะตลอดการพิชิตข้อจำกัดที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้หยุดพักเลยสักครั้ง ทั้งยังเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งมาโดยตลอด ทำให้มันสูบพลังดวงใจและพละกำลังไปมาก

หากพวกเขาไม่ได้เตรียมโอสถทิพย์มามากพอ ก็คงไม่อาจยืนหยัดได้ถึงครึ่งทางของทางเดินดาวหางเป็นแน่

ถึงอย่างนั้น ความเหนื่อยล้าก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ขนาดหลิงชิงอู๋และคนอื่น ๆ ยังเป็นเช่นนี้ เฉินซีและกู่เยวหรูที่ต้องรับมือกับข้อจำกัดก็ไม่ต่างกัน เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้เพียงพละกำลังเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ที่เสียไปเป็นพลังดวงใจมากกว่า!

แม้แต่กู่เยวหรูก็ไม่มีทางเลือกจนต้องพึ่งพาโอสถทิพย์เส้นโคจรใจสวรรค์เพื่อเติมเต็มพลังดวงใจของตน ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับการดับกระหายด้วยยาพิษ แต่เพื่อจัดการกับข้อจำกัด นางจึงไม่มีทางเลือกอื่น

แต่ต่อมา หลังจากที่เฉินซีทราบเรื่องทั้งหมดนี้ ชายหนุ่มก็ปฏิเสธความช่วยเหลือของกู่เยวหรูทันที และขอให้นางเฝ้าดูจากด้านข้าง เขาจะจัดการกับข้อจำกัดด้วยตัวเอง

กู่เยวหรูที่ไม่อาจเอาชนะเฉินซีได้ จึงทำได้เพียงยอมรับการตัดสินใจนี้เท่านั้น

ในกระบวนการทั้งหมดนี้ ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่า การบ่มเพาะในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเฉินซีไม่ได้เหนือกว่านางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเหนือกว่ามาก ถึงขนาดที่สงสัยว่าเฉินซีนั้นบรรลุขอบเขตเทพยันต์อักขระแล้วด้วยซ้ำ!

ไม่เพียงเท่านั้น พลังดวงใจของเฉินซียังน่ากลัวมากจนเกินความคาดหมายเช่นกัน จนถึงบัดนี้ นางยังไม่สังเกตเห็นร่องรอยของความผิดปกติในกลิ่นอายของเฉินซีเลยสักนิด!

หรือว่าการบ่มเพาะพลังดวงใจจะบรรลุขอบเขตทารกดวงใจแล้ว?

กู่เยวหรูตกตะลึงกับการคาดเดาของตน อย่างไรก็ดี เมื่อหวนคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางไม่รู้สึกว่าการคาดเดานั่นเกินจริงแม้แต่น้อย เนื่องจากการกระทำของเฉินซีนั้นน่าเกรงขามอย่างยิ่ง และมันได้เกินขอบเขตของเซียนปราชญ์ไปนานแล้ว

ทว่าในเวลาต่อมา กู่เยวหรูไม่อาจปล่อยให้ความคิดเตลิดได้อีกต่อไป เพราะเฉินซีนั้นเริ่มจัดการกับข้อจำกัดที่ 2,901 แล้ว!

สายตาของนางจับจ้องไปที่ข้อจำกัดที่ปกคลุมอุกกาบาตนั้นทันที นางไม่ได้อนุมานถึงข้อจำกัด เพียงแค่สังเกตแผนผังของข้อจำกัดเท่านั้น และตั้งใจดูว่าเฉินซีจะจัดการกับมันอย่างไร

เนื่องจากพวกนางถูกบังคับให้เข้าร่วมกับกลุ่มของเฉินซี กู่เยวหรูจึงมักแอบสังเกตเคล็ดลับในการจัดการกับข้อจำกัดของอีกฝ่ายมาโดยตลอด และความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาของคนผู้นี้ ไม่เพียงทำให้นางต้องอุทานด้วยความชื่นชมในใจเท่านั้น แต่ยังรู้สึกราวกับรู้แจ้งและเปิดหูเปิดตามากขึ้นด้วย

อาจกล่าวได้ว่า เพียงแค่คอยสังเกตเฉินซีไปตลอดกระบวนการ มันก็เป็นประโยชน์อย่างมาก และนางก็รู้สึกยินดีจากใจ

นางหลงใหลในเต๋าแห่งยันต์อักขระเช่นเดียวกัน และยังคงยืนหยัดบนเส้นทางของเต๋าแห่งยันต์อักขระมาตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ จนบัดนี้เต๋าแห่งยันต์อักขระได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของนางมานานแล้ว

และเนื่องจากความหลงใหลในเต๋าแห่งยันต์อักขระที่มากเกินไป ท่านอาจารย์จึงเรียกนางว่า ‘คลั่งยันต์อักขระน้อย’ และฉายานี้ค่อย ๆ กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งสำนัก

ปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระสูงสุดเช่นนาง ย่อมมีเหตุผลที่จะภาคภูมิใจโดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะไปที่ใด นางก็ได้รับการจ้องมองด้วยความชื่นชมและความเคารพอยู่เสมอ

แต่ในขณะนี้…

นางกลับเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางของเต๋าแห่งยันต์อักขระ นางเฝ้าดูอย่างมีสมาธิ และกลัวอย่างยิ่งว่าจะพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อการเรียนรู้ในเต๋าแห่งยันต์อักขระไป

ความประหลาดใจ ความยินดี ความตกใจ และความรู้สึกอื่น ๆ ผุดขึ้นในใจอยู่บ่อยครั้ง เหมือนเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ และไม่หลงเหลือกลิ่นอายที่น่าประทับใจของศิษย์ผู้ที่ได้อันดับสองในเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์เลย

เฉินซีไม่ได้ตระหนักเลยว่า เขาได้สยบปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระสูงสุดไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ได้สะท้อนอยู่ในสายตาของหลิงชิงอู๋และคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน

เมื่อเผชิญกับสิ่งนี้ หลิงชิงอู๋เพียงเม้มริมฝีปากของตน ในขณะที่เยี่ยถังรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ เสน่ห์ของศิษย์น้องเฉินซีจะไม่น่ากลัวเกินไปสักหน่อยหรือ?

ในทางกลับกัน เนี่ยซิงเจินและจงหลีหลัวต่างจ้องมองกัน พลางลอบถอนหายใจและรู้สึกชื่นชม ถึงอย่างไร เนื่องจากเฉินซีสามารถทำให้หญิงสาวที่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างกู่เยวหรู เผยท่าทางที่อุทิศตนเช่นนี้ได้ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระของคนผู้นี้น่าตกตะลึงเพียงใด

แม้ว่าคราวนี้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นการแพ้อย่างยุติธรรม!

โอม!

ข้อจำกัดบนอุกกาบาตลูกที่ 2,901 ถูกกำจัด จากนั้นเฉินซีก็นำทุกคนไปสู่อุกกาบาตลูกถัดไป ก่อนจะเริ่มจัดการกับข้อจำกัดอีกครั้ง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู่เยวหรูอดไม่ได้ที่จะถามเบา ๆ “ศิษย์น้องเฉินซี ข้อจำกัดเมื่อครู่ดูเหมือนจะมีความผันผวนพลังงานของเทพอยู่ เจ้าค้นพบศูนย์กลางของข้อจำกัดนี้ได้อย่างไร”

เฉินซีตกตะลึง หันกลับมาสบตาที่ฉายแววอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาว เขาจึงยิ้มและอธิบายอย่างไม่คิดปิดบัง “ข้อจำกัดเมื่อครู่อาจเรียกได้ว่าเป็นยันต์เทวะ มันสามารถเชื่อมโยงกับพลังงานของเทพในฟ้าดินได้ และเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”

ขณะที่กล่าว เขาได้อธิบายเคล็ดวิธีการทำลายให้นางฟัง

ยันต์เทวะ!

เมื่อได้ฟังทั้งหมดนี้จบลง หัวใจของกู่เยวหรูก็สั่นไหวขึ้นทันใด ในที่สุด นางก็เข้าใจว่าความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเฉินซีได้บรรลุถึงขอบเขตเทพยันต์อักขระแล้วจริง ๆ!

เพราะนางเคยได้ยินท่านอาจารย์กล่าวไว้ว่า ขอบเขตสูงสุดของข้อจำกัดในเต๋าแห่งยันต์อักขระคือยันต์เทวะ เมื่อพวกมันถูกสร้างขึ้น ราวกับว่ามันได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าทวยเทพ และสามารถเชื่อมโยงกับพลังงานของเทพในฟ้าดิน ทำให้มันครอบครองพลังมหาศาลที่เหนือกว่าจินตนาการ

นอกจากนั้น บรรดาผู้ที่สามารถจัดการกับยันต์เทวะได้นั้น ล้วนบรรลุขอบเขตเทพยันต์อักขระแล้วทั้งสิ้น!

ตัวอย่างเช่น ปู้ผิงอาจารย์ของตน เป็นผู้ที่บรรลุขอบเขตเทพยันต์อักขระ ดังนั้นกู่เยวหรูจึงไม่สงสัยในคำพูดของท่านอาจารย์แม้แต่น้อย

ที่แท้ศิษย์น้องคนนี้ได้บรรลุถึงขอบเขตดังกล่าวในเต๋าแห่งยันต์อักขระแล้ว…

โดยไม่รู้ตัว กู่เยวหรูกลับรู้สึกชื่นชมเฉินซีมากยิ่งขึ้น

แม้การบ่มเพาะของนางอาจลึกล้ำกว่าเล็กน้อย และอันดับในเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ก็น่าประทับใจมาก แต่สำหรับนางแล้ว ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญเท่ากับเต๋าแห่งยันต์อักขระ

เฉินซีสามารถเอาชนะนางในเต๋าแห่งยันต์อักขระได้ แล้วจะไม่ให้เคารพและชื่นชมเขาได้อย่างไร

ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป เฉินซีก็จัดการกับข้อจำกัดอื่น ดูเหมือนว่ากู่เยวหรูจะตัดสินใจบางอย่าง และนางก็คว้าโอกาสนี้ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความคาดหวัง “ศิษย์น้องเฉินซี ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก่อตั้งพันธมิตรดารา? ข้าขอเข้าร่วมได้หรือไม่”

ทันทีที่สิ้นคำ ก็ทำให้หลิงชิงอู๋และคนอื่น ๆ ตกใจทันที

“ศิษย์พี่กู่ เป็นเพราะท่านตั้งใจจะประลองเต๋าแห่งยันต์อักขระกับข้าหรือไม่?” เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็ถามด้วยรอยยิ้ม

“มันไม่อาจถือเป็นการประลองได้ แต่เป็นการเรียนรู้” กู่เยวหรูกล่าวตามความจริง

เฉินซีรู้สึกยินดีเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ท่านกำลังทำให้ข้าลำบากใจ หากท่านต้องการ ท่านสามารถมาหาข้าที่ห้องกระบี่ได้ทุกเมื่อ จำเป็นต้องเข้าร่วมพันธมิตรดาราด้วยหรือ?”

กู่เยวหรูกล่าวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “เจ้าจะปฏิเสธหรือ?”

เฉินซีรีบกล่าว “ผู้ใดจะกล้า ศิษย์น้องยินดีต้อนรับศิษย์พี่กู่เข้าร่วมพันธมิตรดาราทุกเมื่อ!”

ช่างเป็นเรื่องตลก เขากังวลมากเกินไปสำหรับบุคคลเช่นกู่เยวหรู ซึ่งอยู่ในอันดับสองในเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ และเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระสูงสุดเช่นกัน ที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมพันธมิตรดารา แล้วเขาจะปฏิเสธนางได้อย่างไร?”

กู่เยวหรูยิ้มด้วยความยินดีทันที “ข้าจะถือว่าเจ้าตกลงแล้ว”

ขณะที่มองกู่เยวหรูซึ่งกำลังมีความสุขมาก หลิงชิงอู๋และคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าเหลือเชื่อ นางเป็นฝ่ายขอเข้าร่วม แต่กลับมีความสุขถึงเพียงนี้? การกระทำของนางนั้นยากที่จะเข้าใจจริง ๆ

แน่นอนว่าจากเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็เข้าใจมากขึ้นว่ากู่เยวหรูหลงใหลในเต๋าแห่งยันต์อักขระเพียงใด เพื่อให้มีโอกาสเรียนรู้ นางสามารถสละศักดิ์ศรีของตนได้ และในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า จะมีศิษย์คนใดที่มีทัศนคติในการแสวงหาเต๋าเช่นนี้อีก?

ครืน!

ดาวหางกว่าพันดวงปกคลุมท้องฟ้าและพุ่งลงมา บังเกิดเป็นแสงเรืองรองอันตระการตามากมาย ทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันทรงพลังออกมา มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ทำให้หลิงชิงอู๋และคนอื่น ๆ ตกใจจนไม่กล้าปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านอีกต่อไป

เฉินซีเริ่มจัดการกับข้อจำกัดต่อไปทันที

แน่นอนว่า มันก็เหมือนกับที่กู่เยวหรูกล่าว ข้อจำกัดบนอุกกาบาตร้อยลูกสุดท้ายในทางเดินดาวหางนั้นเต็มไปด้วยพลังของยันต์เทวะที่แท้จริง

ด้วยความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเฉินซี เขาสามารถจัดการกับพลังงานอันมหาศาลที่ลึกลับและสูงสุดของเหล่าทวยเทพได้ แต่ยังไม่สามารถควบคุมมันได้

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความจริงที่ว่า ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะ จี้อวี๋ได้ให้เขาสัมผัสกับความลึกซึ้งต่าง ๆ ภายในยันต์เทวะของธาตุทั้งห้าผ่านเคล็ดวิชาในการขัดเกลายันต์ศัสตรา นอกจากพลังงานของเทพเจ้าที่ครอบครองโดยยันต์เทวะแล้ว ชายหนุ่มมีความเข้าใจที่ชัดเจนในทุกสิ่ง เช่น อักขระ ลวดลาย และแผนผังภายในยันต์เทวะแล้ว

ยันต์เทวะของธาตุทั้งห้าเป็นรากฐานของยันต์เทวะทั้งหมด ประกอบกับความจริงที่ว่าเขาได้เผชิญกับผังค่ายกลยันต์อักขระต่าง ๆ และยันต์เทวะอย่างไม่หยุดยั้ง ภายในเจดีย์ต้าเหยี่ยนในพิภพยันต์อักขระ มันทำให้เฉินซีคุ้นเคยกับยันต์เทวะอย่างยิ่ง แม้จะกล่าวไม่ได้ว่าเชี่ยวชาญเหนือพวกมัน แต่ถ้าแค่ทะลวงพวกมันออก เขาก็พอทำได้ แม้จะลำบากอยู่บ้างก็ตาม

เพราะพลังงานของทวยเทพภายในยันต์เทวะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอนุมานและจัดการ

แน่นอนว่า หากเฉินซีสามารถควบคุมพลังงานของเทพที่อยู่ภายในนั้นได้ มันก็เป็นเรื่องง่ายขึ้นที่จะทำลายข้อจำกัดเหล่านี้ และคงไม่ต้องเสียเวลาไปถึงหนึ่งก้านธูปเพื่อจัดการกับข้อจำกัดอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท